ตอนที่ 927 กระตุ้นความเคลื่อนไหว
เมื่อถังเทียนลืมตารัศมีของม่านพลังก็หมองสลัว และหมิ่นเหม่จะพังทลายมีเพียงสมาชิกกองพลเกราะเทพเจ้าครึ่งหนึ่งที่ยังยืนอยู่ ส่วนคนอื่นๆที่หมดแรงนอนกับพื้นล้วนใกล้จะสิ้นสติ ขณะที่จี๋เจ๋อและพวกที่เหลือกำลังดิ้นรนพยายามอย่างหนัก พวกเขาถึงขีดจำกัดของตัวเองแล้ว หน้าของพวกเขาซีดขาวร่างของพวกเขาโชกไปด้วยเหงื่อ และสั่นสะท้านมากขึ้นทุกที สมาชิกบางคนมีรอยเลือดอยู่ที่มุมปาก
เป็นครั้งแรกที่พวกเขาอยู่ในสถานการณ์ยากลำบากอย่างนั้นนับตั้งแต่ก่อตั้งกองพลเกราะเทพเจ้า
“สลายม่านพลังซะ”
ถังเทียนสั่งอย่างไม่เกรงใจ แต่จี๋เจ๋อและพวกไม่ลังเลใจแม้แต่น้อยสลายม่านพลังทันที ทุกคนเบิกตากว้าง บางคนมองดูถังเทียนด้วยความสงสัยและคาดหวัง จี๋เจ๋อกับพวกรู้ซึ้งถึงพรสวรรค์ของเจ้านาย แต่อาซิ่นและเสี่ยวม่านยังไม่เคยเห็นความสามารถที่แท้จริงของเขา ที่ทำการกองทัพตระกูลชิว ตอนแรกถังเทียนต้องการจัดการด้วยตัวเอง แต่อาซิ่นกลับขโมยผลงานไปเฉยและทุกคนสามารถเห็นประจักษ์การแสดงฝีมือที่น่าตื่นตาตื่นใจของอาซิ่น
ตาของเชียนฮุ่ยเป็นประกายขณะที่นางกลั้นใจโดยไม่รู้ตัว
นับตั้งแต่พวกเขาพัวพันอยู่ในเรื่องอันตรายนางยังคงรักษาความสงบไว้ได้ นางรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องกังวล เนื่องจากนางมีพี่เทียนอยู่กับนาง นางก็เช่นกัน ไม่เข้าใจตนเองว่าทำไมถึงได้รู้สึกอย่างนั้น บางทีอาจเป็นเพราะเมื่อพวกเขายังอายุน้อยพี่เทียนมักจะคอยปกป้องคุ้มกันอยู่ข้างหน้านางอย่างกล้าหาญ? นางมักจะเต็มไปด้วยความมั่นใจต่อถังเทียน ความมั่นใจที่ไม่มีสาเหตุที่มา เหมือนอย่างที่ทุกคนในสถาบันแอนดรูว์คิดว่าถึงเทียนผู้รู้แต่เพียงวิทยายุทธพื้นฐานเป็นแค่ตัวตลก แต่นางยังรู้สึกว่าเขาทรงพลังมากมาย เช่นเดียวกับที่พวกเขาไม่ได้สัญญารักอมตะนิรันดร์กาลต่อกันแต่ก็ยังรู้สึกคาดหวังและมั่นใจต่ออนาคตของพวกเขา ไม่มีเหตุผลหรือตรรกะใดซ่อนอยู่เบื้องหลัง
นางคลี่รอยยิ้มไม่หวั่นไหว ดวงตาเป็นประกายของนางไม่เคยคลาดจากถังเทียน
‘ต่อให้เราทำไม่สำเร็จได้ตายเคียงข้างพี่เทียนก็นับว่าเป็นบุญแล้ว’
จะมีเรื่องเสียใจค้างคาใจอยู่บ้างก็คือนางไม่เคยช่วยพี่เทียนของนายได้เลย นางเชี่ยวชาญในการสั่งการรบ และพลังส่วนตัวของนางยังห่างไกลจากถังเทียนมาก นางไม่เคยมีโอกาสสั่งการรบหลังจากได้พบถังเทียนดังนั้นจึงไม่เคยได้แสดงฝีมือของนางเลย
แต่ความเสียใจทั้งหมดเหล่านี้หายไปในพริบตา ‘มีพี่เทียนอยู่ใกล้ๆก็นับว่าดีแล้ว’
หน้ากากที่สวมอยู่บนหน้าของถังเทียนถูกกฎธรรมชาติของเกราะเทพเจ้าหลอมละลายไปนานแล้ว เขาไม่มีใบหน้าที่หล่อ แต่เหมือนกับมีแม่เหล็ก กลับดึงดูดสายตาของนาง เทียบกับพี่เทียนจากความทรงจำสมัยเด็กของนางแล้ว หน้าที่อยู่ต่อหน้านางไม่ค่อยดื้อรั้นเล็กน้อย มีความเป็นผู้ใหญ่และสงบขึ้นมาบ้าง แต่สีหน้าที่จริงจังและฉลาดเฉลียวยังเป็นเหมือนในอดีต
ถังเทียนรู้สึกได้ถึงสายตาของเชียนฮุ่ย เขาคิดว่าเชียนฮุ่ยกลัว จึงยิ้มให้นาง
เชียนฮุ่ยยิ้มหวานตอบ
ถังเทียนสลายรอยยิ้มและเคร่งขรึม ตาของเขาเพ่งพินิจขณะที่เขาจ้องมองเพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่ลอยอยู่ในท้องฟ้า ความปลอดภัยของทุกคนอยู่ในมือของเขา และขณะนั้น เขากำลังแบกรับความกดดันใหญ่ พวกเขามีเพียงโอกาสเดียว เขาสามารถกระตุ้นเกราะเทพเจ้าได้อีกครั้งและถ้าพวกเขาล้มเหลว...
ถังเทียนคิดอยู่เงียบๆ ‘อย่างนั้นเราจะสูญเสียทุกอย่าง’
รวมทั้งทุกคนที่อยู่กับเขาจะถูกจัดการ สัมพันธมิตรใต้ที่จะล้มเหลวในสงครามจะถูกพวกวิหารกลืน แม้แต่ชะตากรรมของเมืองสามวิญญาณและกลุ่มดาวหมีใหญ่ก็จะดิ่งเหว ประสบการณ์ของทุกคนจากการรบหลายครั้ง ความสำเร็จของทุกคนที่มาจากความขยันหมั่นเพียรของพวกเขาจะสูญหายเป็นควันไปหมดหากว่าพวกเขาแพ้
ถังเทียนหลับตา เขาสามารถได้ยินเสียหัวใจตนเองเต้น มันกังวลเหมือนกับคนอื่น ใจเต้นแรงเร็วเหมือนกลองรัว จนร่างกายของเขารู้สึกชา
หนุ่มชาวฟ้า....
เขาพึมพำอยู่ในใจของเขาเอง
เขาไม่ตะโกนชื่อหนุ่มชาวฟ้าด้วยตัวเองมานานแล้ว เขาไม่ใช่เด็กหนุ่มที่อ่อนแออย่างในอดีตอีกต่อไป เขาเริ่มมองลงมายังโลกได้ เขาสามารถเดินทางไปได้กับทุกคน เขาเริ่มกลายเป็นผู้นำ และกลายเป็นราชันย์
แต่ลึกลงไปในส่วนที่ลึกที่สุดของหัวใจ เขายังเป็นเด็กหนุ่มผู้ไม่กลัวเกรง ความรู้สึกที่เขาไม่ได้รู้สึกมาเป็นเวลานานทะลักเข้ามาในร่างกายเขาเหมือนกับลาวา การจุดความกระหายในเส้นเลือดที่สงบมาเป็นเวลานาน ความตื่นเต้นที่อธิบายไม่ได้กระจายไปทั่วทุกมุมร่างกายเหมือนกระแสไฟฟ้า และความกังวลในตอนแรกทำให้หัวใจของเขาเต้นเร็วเป็นเชื้อช่วยเร่งพลังใจให้ลุกโชน
เขาเป็นเหมือนมังกรที่หลับมาเป็นเวลาหมื่นปีและตื่นขึ้นในที่สุดและดีใจที่จะได้แสดงจิตวิญญาณนักสู้ของเขาต่อชาวโลก
ถังเทียนลืมตาของเขา ลึกลงไปในสายตาของเขาเหมือนกับมีเพลิงเปล่งออก
“หนุ่มชาวฟ้า...”
เขาพูดกับตัวเอง ก็เหมือนวิธีที่เขาทำเมื่อตอนยังอยู่ในเมืองซิงฟงขณะที่เขามองมาที่หุบเขา
เขาใช้พลังของเขาทั้งหมดตะโกนออกมาอย่างไม่มียั้งเขาพร่ำบอกตัวเองว่าเขาต้องการคำตอบ
“....ไปไป ไป!”
เหมือนกับพายุที่พัดอยู่ในใจของเขา เหมือนกับพระอาทิตย์ที่ปลดปล่อยรัศมีอบอุ่นเหมือนกับตอนที่เขายังเป็นเด็ก
ความกังวลทั้งหมดถูกโยนทิ้งไปทันที เขาบินขึ้นไปบนท้องฟ้าเหนืออาคาร เรียกใช้งานเกราะเทพเจ้าอีกครั้ง ของเหลวสีทองไหลเป็นเส้นพันรอบร่างกายของเขา และสภาพใจของถังเทียนอยู่ในสภาวะเฉพาะอีกครั้ง
ทันทีที่เกราะเทพเจ้าทำงาน เพลิงศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดก็บินเข้าหาเขาเหมือนกับฉลามทันที
แต่ขณะที่พวกมันจะได้สัมผัสกับถังเทียนความเร็วของพวกมันพลันช้าลง พวกมันสูญเสียเป้าหมาย
ที่นอกร่างกายของถังเทียนมีชั้นม่านพลังบางๆที่เขาซ่อนไว้ ชั้นพลังที่เบาบางนี้ได้กันกลิ่นอายของเกราะเทพเจ้าออกไป ถังเทียนจ้องมองเพลิงศักดิ์สิทธิ์รอบตัวเขา พวกมันลอยอ้อยอิ่งอีกครั้งหลังจากสูญเสียเป้าหมายเหมือนกับแมงกะพรุนในมหาสมุทร
เหยื่อตาของถังเทียนเป็นประกายแสงเยือกเย็น เพลิงศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดที่เหมือนกับแมงกะพรุนกลายเป็นเหยื่อของถังเทียนโดยไม่รู้ตัว
เมื่อเขากำลังพัก ถังเทียนมีแผนการที่สมบูรณ์ของเขา
โดยการฉายพลังกฎธรรมชาติในพลังงานอย่างนั้นก็ใช้กฎธรรมชาติกับพลังงานกลวงเพื่อกลืนพลังงานเป็นพื้นฐานการเปลี่ยนแปลงธรรมชาติของพลังงาน นี่เป็นการแยกออกจากหมวดหมู่วิชาทั่วไป ก็เหมือนกับที่เพลิงศักดิ์สิทธิ์ไม่สามารถเปลี่ยนไปเป็นพลังงานหรือกฎธรรมชาติได้มันกลับสร้างรูปแบบพลังงานแบบใหม่ที่ไม่มีใครคาด และเป็นสิ่งที่ทำให้ประมุขผู้อาวุโสทรงพลังอย่างแท้จริง การสร้างวิทยายุทธแบบใหม่และการสร้างพลังแบบใหม่เป็นสองเรื่องที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
แม้แต่ร่างพลังกายเป็นศูนย์ของถังเทียนก็ยังไม่อาจเทียบกับเรื่องนี้ได้ ร่างพลังกายเป็นศูนย์ของเขาไม่ทิ้งจากประเภทพลังกาย แม้แต่เกราะเทพเจ้าของถังเทียน แม้ว่าจะเป็นการสร้างใหม่ที่น่าสนใจ แต่ก็ไม่อาจเทียบกับพลังแบบใหม่นี้
ถ้าไม่ใช่เพราะความคลั่งและความโหดร้ายเป็นประวัติการณ์ของประมุขผู้อาวุโส แค่อาศัยเพลิงศักดิ์สิทธิ์ ความสำเร็จของเขาก็สร้างความรุ่งเรืองให้กับเขาได้ตลอด
ทั้งสองฝ่ายล้วนเป็นคนแปลกประหลาด และแม้ว่าถังเทียนจะชื่นชมประมุขผู้อาวุโส แต่ใจของเขาก็เพียงแต่คิดว่าวิธีเอาชนะเขา
ประมุขผู้อาวุโสมั่นใจในเพลิงศักดิ์สิทธิ์ของตนเองเป็นอย่างมากซึ่งเห็นได้จากข้อที่ว่าแผนของเขาทั้งหมดเดินไปรอบๆ เพลิงศักดิ์สิทธิ์ ความมั่นใจของเขาเองก็นับว่าสมควรแล้ว พวกเขาต้องรู้ว่าแม้ว่าหลังจากสร้างไฟศักดิ์สิทธิ์มาเป็นเวลาหลายปี ไม่มีใครเคยค้นพบความลับเรื่องเพลิงศักดิ์สิทธิ์ ไม่ว่ายังไงก็เป็นผู้อาวุโสของวิหารหรือผู้มีฝีมือดีของวิหาร และประมุขผู้อาวุโสมีการปรับตัวมากที่สุด
แต่ประมุขผู้อาวุโสไม่เคยคาดว่าในโลกนี้ยังมีคนชื่อถังเทียน
ถังเทียนรู้สึกชื่นชมต่อประมุขผู้อาวุโสมากเป็นพิเศษ แต่เขาไม่รู้ว่าเขาก็เป็นตัวประหลาดสำหรับคนอื่นเช่นกัน ร่างพลังกายเป็นศูนย์,กฎธรรมชาติปรับเปลี่ยนร่างกาย, เกราะเทพเจ้าตื่นรู้, กองพลเกราะเทพเจ้า,ทั้งหมดเป็นเขาสร้างขึ้นมา หลังจากเห็นประจักษ์ถึงพลังต่างๆแล้วความสามารถทางใจของถังเทียนและสายตามองการณ์ไกลของเขาไม่เหมือนแต่ก่อนอีกต่อไป ขณะที่คนอื่นกลัวเพลิงศักดิ์สิทธิ์ เขากลับเข้าใจหลักการที่อยู่เบื้องหลังเพลิงศักดิ์สิทธิ์แล้ว และเต็มไปด้วยความชื่นชมต่อเพลิงศักดิ์สิทธิ์และประมุขผู้อาวุโส
ใช่แล้ว เพียงแต่ชื่นชม แต่ไม่กลัว
เขาไม่กลัวต่อการเผชิญกับเพลิงศักดิ์สิทธิ์ เพลิงศักดิ์สิทธิ์ทำให้เขาทึ่งด้วยความชื่นชม สมดุลที่สมบูรณ์แบบและประหลาดเต็มไปด้วยความงามและเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของประวัติศาสตร์มนุษย์ แต่ไม่ใช่สิ่งที่เขากลัว
ไม่เคยมีพลังไร้เทียมทานในโลก และพลังทุกอย่างมีข้อบกพร่องและนั่นคือสามารถควบคุมได้
พลังงานกลวงเปล่าคือปมสำหรับบำรุงเลี้ยงขุนพลวิญญาณ ถังเทียนไม่เคยค้นคว้าศึกษาเรื่องขุนพลวิญญาณอย่างจริงจัง แต่เขามีขุนพลวิญญาณอยู่ฝ่ายเขามากมายและตัวเขาเองก็มีความเข้าใจต่อขุนพลวิญญาณด้วย ในบางความรู้สึกขุนพลวิญญาณเหมือนกับมีความคงอยู่ที่ว่างเปล่านั่นคือเหตุผลที่ขุนพลวิญญาณไม่สามารถดูดซับพลังงานมาเสริมพลังพวกเขาโดยตรง
‘พลังงานกลวงเปล่าจำเป็นต้องคงอยู่ ขณะที่กฎธรรมชาติเทียมในเพลิงศักดิ์สิทธิ์ต้องถูกกำจัด’
ถังเทียนไตร่ตรองอย่างต่อเนื่องเกี่ยวชนิดของกฎธรรมชาติเทียมภายในเพลิงศักดิ์สิทธิ์ แม้ว่าเขาจะได้เห็นกฎธรรมชาติเทียมภายในเพลิงศักดิ์สิทธิ์ในทันทีที่เมื่อเกราะเทพเจ้าและเพลิงศักดิ์สิทธิ์มีปฏิกิริยาต่อกัน แต่เวลาที่ใช้ในตลอดทั้งกระบวนการสั้นมาก และเขาไม่เข้าใจชัดเจนว่าเป็นกฎธรรมชาติอะไร แต่เขาเข้าใจได้ทันที นั่นเป็นกฎแสงรังสีนั่นคือกฎแสงรังสีเทียม! เป็นกฎธรรมชาติอื่นไปไม่ได้ และต้องเป็นกฎแสงรังสีเท่านั้น
เพราะพวกมันมาจากวิหาร และเพลิงศักดิ์สิทธิ์ของประมุขผู้อาวุโสถูกเพลิงศักดิ์สิทธิ์จากวิหารกลืนอยู่
ความชัดเจนและรู้แจ้งฉับพลันนี้ช่วยแก้ปัญหาความคิดมากมายที่ถังเทียนมี เขาเรียนรู้เพลิงศักดิ์สิทธิ์ธรรมดามาก่อน และเข้าใจต่อกฎธรรมชาติรังสี กฎธรรมชาติรังสีจะบริสุทธิ์และข่มขี่ แต่ร่างของถังเทียนผ่านปรับแต่งจากกฎธรรมชาตินับไม่ถ้วนมาก่อน
การกระทำที่ตามมาของเขาทำให้ทุกคนประหลาดใจ เขาโยนการ์ดวิญญาณออกไปใบหนึ่ง
เป็นการ์ดวิญญาณชั้นทอง มันตกอยู่ห่างจากถังเทียนสิบเมตรและลอยอยู่ในอากาศไม่เคลื่อนไหว การกระทำของถังเทียนรวดเร็วมาก แสงสีทองสายแล้วสายเล่ายิงออกมาจากร่างของเขา ในพริบตามเดียวก็มีการ์ดวิญญาณทั้งหมดรายรอบตัวเขา ทั้งหมดเป็นการ์ดวิญญาณชั้นทอง
การ์ดวิญญาณชั้นทองหนึ่งร้อยใบลอยอยู่รอบตัวเขาเงียบๆเหมือนกับว่ามีพลังที่มองไม่เห็นผูกการ์ดเหล่านั้นไว้ด้วยกัน
ถังเทียนถอนหายใจโล่งอก ‘โชคดีที่ข้านำการ์ดวิญญาณชั้นทองมาด้วยอย่างเพียงพอ’ ทั้งหมดนี้ผี่ผาจัดเตรียมไว้ให้เขาด้วยการปรากฏตัวขึ้นของเซียนหลายคนและความรุ่งเรืองของกองทัพจักรกลในสวรรค์วิถี คุณค่าของการ์วิญญาณจึงลดลง กลุ่มดาวหมีใหญ่กลายเป็นดาวมั่งคั่งมีรายได้เข้ามามากมาย ดังนั้นพวกเขาจึงเตรียมการ์ดทองไว้นับไม่ถ้วน ผี่ผาเจ้าความคิดและเมื่อถังเทียนกลับไปเยี่ยมเยียนครั้งล่าสุด นางจัดเตรียมของใช้ให้มากมาย และหนึ่งในนั้นก็คือการ์ดวิญญาณ และจำนวนของการ์ดวิญญาณก็มีถึงหนึ่งร้อยใบ
การ์ดวิญญาณชั้นทองร้อยใบกระพริบเปล่งประกายสีทองอยู่รอบตัวถังเทียนเหมือนระลอกคลื่นทองคำ ตำแหน่งของการ์ดวิญญาณถูกถังเทียนกำหนดไว้อย่างระมัดระวังและไม่มีใบใดสัมผัสกับเพลิงศักดิ์สิทธิ์
‘กลับไปข้าคงต้องขอบคุณผี่ผา’ ถังเทียนจดจำในใจ
เขาหันไปทางอาซิ่นและเสี่ยวม่านและขุนพลวิญญาณคนอื่นที่ยืนอยู่ใต้การ์ดวิญญาณจากให้สั่งให้ทั้งหมดนั่งขัดสมาธิ
พวกเขาทำตามคำสั่งของถังเทียนเข้าประจำตำแหน่ง และทุกคนสงบโดยไม่รู้ตัว
ร่างทองในท้องฟ้ามองดูเหมือนเทพสงครามกางแขนทันที