ตอนที่ 926 ทะลวงผ่านหน้าต่าง
ตั้งแต่เริ่มต้น ถังเทียนคิดว่ารูปร่างเส้นไข่ปลาเป็นสายใยกฎธรรมชาติรูปแบบหนึ่ง เพราะรูปทรงจุดไข่ปลาอยู่ในรูปร่างที่เป็นเส้นเช่นกันและคล้ายกับสายใยกฎธรรมชาติ ถังเทียนคุ้นเคยกับสายใยกฎธรรมชาติมาก และการสร้างสายใยที่เป็นจุดๆนั้นคล้ายกับสายใยกฎธรรมชาติต่างๆ
แต่ในเวลาอันรวดเร็วถังเทียนก็คาดการณ์ได้อีก เขาคิดอย่างระมัดระวังเกี่ยวกับรายละเอียดเล็กน้อยที่เขาได้มามากและพบรูปแบบใหม่ๆ
สายใยจุดไข่ปลาที่ลึกลับมีลักษณะคล้ายกับสายใยกฎธรรมชาติ แต่มีเพียงข้อแตกต่างกันก็คือเหมือนกับเป็นรูปภาพที่ตรงกันข้าม ถูกแล้วถังเทียนจำได้ถึงความรู้สึกที่ชัดแจ้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งขณะที่เมื่อเส้นจุดไข่ปลาและสายใยกฎธรรมชาติปะทะกัน ความรู้สึกจะชัดเจนมาก ถ้าเป็นคนธรรมดาอื่นพวกเขาคงจะรู้สึกสับสนแน่นอน ภาพเส้นใยกฎธรรมชาติกลับกันนั้นได้มาจากไหน?’
ถังเทียนเชื่อมั่นความรู้สึกของเขา สัญชาตญาณของเขาแหลมคมและสามารถเข้าใจรายละเอียดเล็กน้อยที่คนอื่นมองข้ามเป็นปกติซึ่งพิสูจน์ได้จากการผ่านการสู้รบมานับครั้งไม่ถ้วน
‘มันไม่ใช่ความเข้าใจผิด แต่มันคืออะไร?’
ถังเทียนไตร่ตรอง เขาไม่ได้จำกัดความคิดการฝึกฝนของเขา เพลิงทองศักดิ์สิทธิ์ไม่มีเหตุผลคงอยู่ในตัวมันเอง แม้กระทั่งมีบางสิ่งที่ผิดปกติสองสามอย่างที่มีมากกว่าปกติ
ฉากภาพการปะทะฉายภาพซ้ำแล้วซ้ำเล่าในใจของถังเทียน เขาจดจ่อความเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
หลังจากอดทนไม่หยุดหย่อนในที่สุดถังเทียนก็เข้าใจเหตุผลที่เขาคิดว่าภาพที่สะท้อนเป็นเพียงภาพลวงตาเสมือนสายใยกฎธรรมชาติ และสายเส้นประคือสิ่งที่ลึกลับเป็นรูปแบบที่ยากอธิบาย แม้ว่าสายใยกฎธรรมชาติยากจะมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่ความจริงที่เหลืออยู่ก็คือพวกมันคงอยู่ระหว่างพื้นที่ และบังเอิญกลับกลายเป็นว่าภาพในความว่างเปล่ากลับอยู่ตรงข้าม มันคงอยู่ในมิติอวกาศ ในแง่ของการสลักประทับสายใยกฎธรรมชาติเป็นสายใยแข็งที่ยืดออกมา ขณะที่สายใยกฎเส้นประจะเป็นขาดๆ วิ่นๆ
เป็นครั้งแรกที่ถังเทียนเผชิญกับเส้นสายใยกฎธรรมชาติที่เว้าแหว่ง
‘มิน่าเล่าพวกมันถึงถูกทำลายเมื่อปะทะกัน พวกมันเหมือนหยินหยางตรงกันข้ามเป็นตัวแทนสองขั้วแตกต่างซึ่งจะต้องถูกกำจัดเป็นธรรมดาเมื่อปะทะกัน’ นั่นคือเหตุผลที่เพลิงศักดิ์สิทธิ์มีปฏิกิริยาเหมือนฉลามได้กลิ่นเลือดเมื่อถังเทียนกระตุ้นการทำงานเกราะเทพเจ้า และแห่กันเข้ามาหาเขา ขณะที่จี๋เจ๋อและพวกที่เหลือไม่ได้รับผล นั่นเป็นเพราะจี๋เจ๋อและพวกที่เหลือใช้กฎธรรมชาติควบคุมพลังงาน กล่าวอีกอย่างก็คือสายใยกฎธรรมชาติของจี๋เจ๋อและคนอื่นคลุมไปด้วยชั้นเลือดเนื้อ และนั่นก็คือพลังงาน ขณะที่เกราะเทพเจ้าของถังเทียนไม่มีพลังงานคลุมรอบ มีแต่เฉพาะสายใยล้วนๆในอากาศเพลิงศักดิ์สิทธิ์จึงถูกดูดเข้ามาหาเขา
หลังจากทำความเข้าใจแล้ว ถังเทียนรู้สึกว่าประมุขผู้อาวุโสเป็นอัจฉริยะอย่างแท้จริง
ถังเทียนจัดระเบียบความคิดนี้และเข้าใจเพลิงศักดิ์สิทธิ์ว่าแค่ถูกกั้นไว้ด้วยหน้าต่างบางดุจแผ่นกระดาษ ตอนนี้หน้าต่างบางๆ ถูกฉีกขาดแล้ว ถังเทียนสามารถคาดเดาแผนการของประมุขผู้อาวุโสได้
‘เป็นการฉายพลัง!’
‘ประมุขผู้อาวุโสน่าจะใช้การฉายของพลังกฎธรรมชาติในพลังงาน ลายเส้นจุดไข่ปลานี้ไม่ใช่กฎธรรมชาติที่แท้จริง แต่เลียนแบบการฉายกฎธรรมชาติในพลังงาน กฎธรรมชาติที่ฉายและพลังงานแสงสว่างก็สามารถสร้างองค์ประกอบที่มั่นคงบางชนิดได้ ช่างน่าทึ่ง นี่คือกฎธรรมชาติเทียมที่สร้างพลังขึ้นในพลังงานอย่างยากลำบาก แต่ในพลังงานแสงสว่างที่บริสุทธิ์ที่สุดเด็ดขาดที่สุดสามารถรักษาเสถียรภาพได้’
ถังเทียนสามารถนึกภาพประมุขผู้อาวุโสมีความสุขได้เมื่อเขาค้นพบองค์ประกอบที่เป็นเอกลักษณ์
‘อัจฉริยะจริงๆ!’ ถังเทียนอดสรรเสริญอีกครั้งไม่ได้
หลังจากประมุขผู้อาวุโสค้นพบองค์ประกอบที่เป็นเอกลักษณ์ เห็นได้ชัดว่าเขายังไม่จบการค้นคว้าไว้เพียงแค่นี้
องค์ประกอบที่มหัศจรรย์และมั่นคงประกอบด้วยการเปลี่ยนแปลงที่น่าทึ่ง กฎธรรมชาติเทียมที่มั่นคงอยู่ภายในพลังงานรังสีที่บริสุทธิ์เริ่มสร้างผลในตัวพลังรังสีเอง พลังงานรังสีที่แต่เดิมมีพลังข่มขี่และบริสุทธิ์ค่อยๆเป็นพลังกลวง คุณสมบัติของพลังงานเริ่มอ่อน และเปลี่ยนเป็นสร้างพลังงานเฉพาะแบบที่เกิดจากการผสมกันของพลังงานและกฎธรรมชาติ
รูปแบบที่ไม่เหมือนใครนี้สร้างลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์
ขณะนั้นถังเทียนก็เข้าใจเหตุผลที่ประมุขผู้อาวุโสฝากความหวังทั้งปวงไว้กับขุนพลวิญญาณได้ในที่สุด
ในบางความรู้สึก ขุนพลวิญญาณจะเป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาอย่างผสมผสาน เป็นสภาพเฉพาะพิเศษที่อยู่ระหว่างความเป็นกับความตาย สำหรับขุนพลวิญญาณ เพลิงศักดิ์สิทธิ์คืออาหารบำรุงเลี้ยงที่ยิ่งใหญ่
พอถังเทียนเข้าใจจุดนี้ก็มีชีวิตชีวาทันที
อุปสรรคเพียงอย่างเดียวที่กันเสี่ยวม่านและขุนพลวิญญาณที่เหลือจากการดูดซับเพลิงศักดิ์สิทธิ์ก็คือคุณสมบัติทางรังสีของเพลิงศักดิ์สิทธิ์ พลังงานรังสีที่บริสุทธิ์เป็นรูปแบบพลังงานที่รุนแรงมาก และขุนพลวิญญาณ ก็เทียบเท่ากับยาพิษ แม้ว่าพลังงานรังสีในเพลิงศักดิ์สิทธิ์จะมีช่องว่าง และคุณสมบัติที่กดขี่ของมันผ่านการเปลี่ยนแปลงมาอย่างยิ่งใหญ่ และมีแต่เพียงเศษพลังงานรังสีที่เหลือไว้ด้านหลัง
ขุนพลวิญญาณแปลงในวิหารสามารถเข้ากันได้กับพลังงานแสงสว่างนั่นวิธีที่พวกเขาสามารถกลืนเพลิงศักดิ์สิทธิ์ได้โดยไม่ถูกขัดขวาง แต่สำหรับเสี่ยวม่านและพวกการดูดซับเพลิงศักดิ์สิทธิ์ทำได้ยากมาก พลังงานกลวงของเพลิงศักดิ์สิทธิ์อาจทำร้ายพวกเขา
ในทางตรงกันข้าม พลังงานรังสีที่เปล่งออกมาโดยเพลิงศักดิ์สิทธิ์ หลังจากพลังกลวงอ่อนโยนลงมาก และบางลงกว่าเพลิงศักดิ์สิทธิ์เอง ดังนั้นเสี่ยวม่านและพวกก็สามารถดูดซับเพลิงที่เหลือโดยไม่ได้รับบาดเจ็บ และสามารถช่วยบำรุงเลี้ยงพวกเขาเองด้วย
แต่ปริมาณช่องโหว่พลังงานแสงสว่างในอากาศให้ดูดซับมีน้อยเกินไป ขณะที่ขุนพลวิญญาณของวิหารสามารถดูดซับเพลิงศักดิ์สิทธิ์ได้โดยตรง เสี่ยวม่านกับพวกสามารถดูดซับได้เพียงจากช่องว่างของพลังงานรังสีบางๆเท่านั้น ความในการเสริมพลังของทั้งสองฝ่ายต่างกันราวฟ้ากับดิน ถ้าเป็นไปตามวิธีการนั้น พวกเขาจะยังอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก
ถังเทียนไม่รู้ว่าสัตว์ประหลาดอะไรจะถูกสร้างขึ้นมาหลังจากดูดซับเพลิงศักดิ์สิทธิ์ในท้องฟ้าทั้งหมด จำนวนของเพลิงสูงมากจนน่ากลัว
แต่เนื่องจากเขาเข้าใจหลักการได้ชัดเจน เป็นธรรมดาที่ถังเทียนเชื่อว่าเขาจะพบทางแก้ไขได้
การริเริ่มเดิมของประมุขผู้อาวุโสควรค่าแก่การเคารพ แต่ในแง่ใช้ประโยชน์จากกฎธรรมชาติ คนเดียวที่ทัดเทียมกับถังเทียนก็คือตู้เค่อผู้ได้รับการรู้แจ้งสนามพลังกฎธรรมชาติ ความแตกต่างกันก็คือ ตู้เค่ออาศัยความเข้าใจเรื่องกฎธรรมชาติของเขา ขณะที่ถังเทียนอาศัยเกราะเทพเจ้าของเขา
ไม่ว่าพวกเขาจะอาศัยอะไรชัยชนะยังจะเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในเวลาเช่นนั้น
ถังเทียนไม่ยอมให้ตัวเองมีนิสัยหลีกเลี่ยง
สมองของเขาทำงานอย่างรวดเร็ว ‘เสี่ยวม่านและพวกไม่สามารถทนต่อคุณสมบัติของพลังงานรังสีในเพลิงศักดิ์สิทธิ์ได้ แต่ข้าทนได้’ ด้วยร่างกายที่แข็งแกร่งของเขา เขาไม่กลัวพลังงานรังสีบริสุทธิ์ในพลังงานกลวง ตรงจุดนี้แม้แต่ตู้เค่อก็ไม่อาจเทียบกับเขาได้ นั่นเป็นรูปแบบที่ร่างกายของเขาแข็งแกร่งทรงพลัง
‘ข้าสามารถเป็นสะพานเชื่อม เอ๊ย..ตัวกรอง’
‘ข้าจะส่งผ่านเพลิงศักดิ์สิทธิ์ผ่านตัวข้า และข้าสามารถดูดซับคุณสมบัติของพลังงานรังสีที่เหลือภายในเพลิงศักดิ์สิทธิ์หรือเก็บไว้ หรือขับพวกมันออก ขณะที่เหลือก็ให้อาซิ่นและพวกดูดซับ’
ความจริงถังเทียนเองรู้สึกว่าความคิดนี้ดูประหลาดไปเล็กน้อย
แต่ในสนามรบที่เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย ถ้ามีคนไม่ยอมเสี่ยง พวกเขามีแต่รอความตาย ขณะที่เสี่ยงอาจได้รับผลตอบแทนโดยตรงก็ได้ นอกจากนี้ แม้จะได้ความคิดเชิงบวก แต่ทั้งหมดก็ต้องขอบคุณถังเทียนที่ทำให้พวกเขาใช้วิธีนั้นได้
ถ้าเขาไม่มีพลังร่างกายที่แข็งแกร่งน่ากลัว เขาคงเท่ากับหาที่ตายจริงๆ และถ้าเขาไม่มีเกราะเทพเจ้าที่ทำให้เขาควบคุมกฎธรรมชาติได้แข็งแกร่งที่สุด เขาก็ยังเท่ากับหาที่ตาย
แม้ว่าวิธีนี้จะมีความเสี่ยงมาก แต่ตามทฤษฎีมีโอกาสสำเร็จได้มาก แน่นอนเพลิงศักดิ์สิทธิ์เห็นเกราะเทพเจ้าของถังเทียนเป็นศัตรูคนหนึ่ง และเขาต้องคิดหาวิธีหลีกเลี่ยงปัญหานั้น
ต้องกล่าวว่า ภายใต้แรงกดดัน ศักยภาพของคนผู้หนึ่งจะถูกกระตุ้นได้โดยง่าย ถังเทียนตระหนักว่าความคิดของเขาทำงานได้เร็วกว่าธรรมดาแม้ว่าจะยังไม่ใช้งานเกราะเทพเจ้าก็ตาม
******************
เสี่ยวเหยาฝึกมาทางกฎธรรมชาติธาตุแสง และแม้ว่ากฎธาตุแสงและกฎแห่งรังสีจะเป็นคำที่แยกจากกันแต่ก็มีความแตกต่างกันมากมาย เป็นเรื่องจนใจในสถานการณ์อันตราย เขาต้องแข็งใจยอมรับ
เขายืนอยู่ด้านข้างม่านพลังงานพร้อมกับสหายอื่นอีกห้าคนด้านหลังเขา ทุกคนยืนเป็นรูปกระบวนสีหน้าพวกเขาพวกเขาเคร่งเครียดจริงจัง
“ข้าจะเริ่มละนะ” เสี่ยวเหยาสูดหายใจลึก และเตือนสหายด้านหลังเขา
เพียงแค่นั้นเขายื่นฝ่ามือออกไปที่ม่านพลังงานและหลับตา พลังงานแสงรังสีต่างๆด้านนอกม่านพลังงานทำให้เขากลัวจนคิดอะไรไม่ออก ความเข้มข้นของพลังงานรังสีสูงกว่าที่เขาคาดและไม่ใช่เรื่องที่ดีสำหรับเขา
เนื่องจากเขาไม่คุ้นกับพลังงาน ปัญหามากมายจึงผุดขึ้นมา และพลังงานหนาแน่นด้านนอกเพิ่มขึ้นถึงระดับน่าตกใจ
เสี่ยวเหยาฝืนตนเองให้เพ่งสมาธิและค่อยๆใช้พลังกฎธรรมชาติของเขา
รัศมีแสงขาวอ่อนโยนสว่างวาบที่ฝ่ามือของเขา แสงเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่เหงื่อเม็ดโตผุดเต็มหน้าของเสี่ยวเหยาและในเวลาอันรวดเร็ว แสงก็กลายเป็นขนาดหินเจียระไน ทุกคนภายในอาคารมองดูด้วยความกังวลแสงกลุ่มใหญ่ยังคงแฝงด้วยพลังงานรวมอย่างน่าประหลาดและถ้ามันระเบิดผลที่ไม่คาดคิดจะตามมา
โชคดีที่การระเบิดที่ทุกคนคาดคิดกังวลว่าจะเกิดกลับไม่เกิด แสงดูเหมือนจะหลอมละลาย รัศมีแสงขาวไหลไปตามม่านพลังงานที่จี๋เจ๋อและพวกยืนขึ้นและทำให้ม่านพลังงานดูเหมือนกับว่าจะมีชั้นพลังสีขาวเพิ่มขึ้น
ในเวลาอันรวดเร็ว ม่านชั้นพลังสีขาวก็คลุมม่านพลังไปครึ่งหนึ่ง จี๋เจ๋อและพวกที่เหลือทั้งหมดมีสีหน้ายินดี ตราบใดที่ชั้นพลังสีขาวสามารถคลุมได้ทั่วม่านพลังงาน พวกเขาก็จะสร้างม่านพลังงานรังสีได้
ทันใดนั้นเสี่ยวเหยากระอักโลหิตเหมือนกับว่าเขาถูกค้อนหวดใส่ เขาปลิวกระเด็นกลับหลัง
สหายที่อยู่ด้านหลังของเขาตกใจ พวกเขาไปคว้าตัวเสี่ยวเหยาโดยไม่รู้ตัว เขาหมดสติไปแล้ว เลือดยังคงไหลออกจากปากของเขา
ชั้นพลังแสงสีขาวที่คลุมม่านพลังแต่ทันที
สีหน้าของทุกคนหวาดผวาอย่างหนัก แต่ขณะนั้นเอง พวกเขาเห็นถังเทียนกลับมาและทุกคนถอนหายใจโล่งอก
“ข้ามีความคิดอย่างหนึ่ง แต่อาจต้องเสี่ยงกันบ้าง”
เมื่อเข้ามาในม่านพลังงาน ถังเทียนพูด ในเวลาเช่นนั้นพวกเขาไม่มีเวลาอธิบายละเอียด ทุกนาทีที่พวกเขาเสียไป จะเพิ่มอันตรายมากขึ้น
เชียนฮุ่ยตอบโดยไม่ลังเล “ได้เลย!”
นางเชื่อมั่นถังเทียนอย่างไม่มีเงื่อนไขและเชื่อมั่นว่าถังเทียนคงไม่ล้อเล่นในสถานการณ์เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเช่นนั้น
“อย่างนั้นก็รีบเริ่มได้แล้ว เรามีเวลาอีกไม่มาก” อาซิ่นพูดตามตรง
ขณะนั้นทุกคนทุ่มความไว้วางใจทั้งหมดไปที่ถังเทียน ถังเทียนตื่นเต้น แต่ไม่ยอมเสียเวลา “จี๋เจ๋อ, ต้านทานต่ออีกเล็กน้อย ข้าต้องการเวลาอีกนิด”
จี๋เจ๋อกัดฟันและพยักหน้า “นายท่าน ตามที่ท่านสั่งเลย!”
หลังจากออกคำสั่งแล้ว ถังเทียนไม่พูดต่อไป และนั่งขัดสมาธิ เขาต้องการเวลาฟื้นฟู เขาเหน็ดเหนื่อยมากเนื่องจากใช้พลังไปมาก และยังจำเป็นต้องใช้เกราะเทพเจ้า ซึ่งไม่สามารถทำงานโดยไม่ใช้ความแข็งแรงทางกายได้
เวลาคืบคลานไปช้าๆ แต่ถังเทียนยังคงไม่ขยับ ตาของเขายังคงปิด
แม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาที่น่าห่วง แต่ถังเทียนยังคงพัก และไม่เร่งเริ่มต้น เขารู้ว่าต้องเริ่มในสภาพที่สมบูรณ์พร้อมจึงจะมีโอกาสสำเร็จ เขาไม่สามารถบังคับมันได้เนื่องจากว่ามีแต่จะทำให้สถานการณ์เลวร้าย
นอกจากนี้เขาใช้เวลาพักเพื่อกำหนดกระบวนการความคิดของเขาและรายละเอียดทั้งหมดอย่างระมัดระวัง
แผนแรกที่อยู่ในสภาพตัวอ่อน ได้สมบูรณ์แล้ว