ตอนที่ 925 ความลับของเพลิงศักดิ์สิทธิ์
ถังเทียนรู้สึกได้ถึงกลิ่นอันตราย
จนกระทั่งบัดนี้ วิหารยังคงสงบมาก แต่ภายใต้ความสงบที่แปลกประหลาดมีความผิดปกติเกินไป ทำให้ทุกคนต้องกังวล
ถังเทียนส่ายศีรษะเขาทิ้งความคิดสับสนไปจากใจทั้งหมด ยิ่งเขาคิดมากก็ยิ่งกลายเป็นเรื่องซับซ้อนมาก เขากลับมาให้ความสนใจที่ลำแสงลงทัณฑ์ แต่เขาไม่เคยคิดว่าหลังจากกลับไปกลับมาแล้วปมสำคัญยังคงไปลงที่เพลิงศักดิ์สิทธิ์ ความล้มเหลวซ้ำซากไม่ได้ทำให้เขาท้อถอย ‘ใจกลางของระบบแบบนี้จะง่ายได้ยังไง?’
ในวันปกติ ถังเทียนจะใช้วิธีอื่นค่อยๆ ศึกษาตัวอย่างเช่นปลอมตัวเองและแทรกซึมเข้าไปในวิหารเพื่อเรียนรู้เพลิงศักดิ์สิทธิ์ สำหรับถังเทียนไม่ว่าจะเป็นพลังงานอะไรก็ตาม ทั้งหมดล้วนมีความแตกต่างกันแต่ไปถึงจุดลงตัวเดียวกัน ความเข้าใจของเขาที่มีต่อเพลิงศักดิ์สิทธิ์เป็นเพียงช่องเล็กๆที่มองผ่านหน้าต่าง แต่เป็นไปอย่างต่อเนื่องพิสูจน์ผ่านร่องรอยขนาดเล็กจนนำไปสู่การรู้แจ้งฉับพลัน และถ้าใครไม่สามารถกระตุ้นผ่านความสับสนวุ่นวายได้ เขามักจะคลำทางไปให้ถึงเป้าหมาย
เวลายังคงผ่านไป ถังเทียนรู้ว่ายิ่งเขาชักช้าก็ยิ่งทำให้พวกเขาเสียเปรียบ เขาไม่สนใจอีกต่อไป และตัดสินใจใช้วิธีที่อันตรายที่สุด
สายตาของเขามองดูที่กลุ่มเพลิงศักดิ์สิทธิ์ด้านหน้าของเขา เพลิงทองศักดิ์สิทธิ์ค่อยๆปั่นป่วนเหมือนบัวทองศักดิ์สิทธิ์
เขาสูดหายใจลึกและกระตุ้นเกราะเทพเจ้า เกราะทองที่งดงามลอยอยู่ตามร่างของเขาเหมือนของเหลวสีทองสายใยกฎธรรมชาติที่ลึกซึ้งนับไม่ถ้วน ของเหลวสีทองที่คล้ายกับสิ่งมีชีวิตคล้ายหนอนคลุมเต็มหน้าของถังเทียน ขณะที่ตาของถังเทียนเฉยเมยทันที ถังเทียนในตอนนี้เปล่งรัศมีเย็นชาผิดมนุษย์เหมือนจักรกลไร้ชีวิต
พอสวมชุดเกราะเทพเจ้าเต็มรังสีของถังเทียนทะลักขึ้นไปในท้องฟ้าภายในดวงตาที่เย็นชาสายเส้นนับไม่ถ้วนเคลื่อนไหวไม่มีจบสิ้น พลังในร่างพัฒนาจนถึงขีดสุด
เขายืดนิ้วออกไปสัมผัสเพลิงศักดิ์สิทธิ์
เมื่อสัมผัสกับนิ้วถังเทียน เพลิงศักดิ์สิทธิ์เปล่งรัศมีข่มขวัญและเปลวเพลิงร้อนแรงทันที มันไหลไปตามนิ้วเข้าสู่ร่างของเขา
การถูกคลุมด้วยเกราะเทพเจ้า ถังเทียนยังคงไม่สะทกสะท้านขณะที่เขารู้สึกถึงเพลิงศักดิ์สิทธิ์อย่างระมัดระวัง ในสายตาของเขาทั่วทั้งโลกแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง
เพลิงทองศักดิ์สิทธิ์กำลังลอยอยู่ในท้องฟ้าดูเหมือนกับว่าถูกดักอยู่ในตาข่ายขนาดใหญ่มีเส้นเลือนรางที่คล้ายตาข่ายล้อมรอบเพลิงศักดิ์สิทธิ์ ถังเทียนคุ้นเคยกับเส้นเหล่านั้นนั่นคือเสายใยกฎอวกาศ ขณะที่สวมเกราะเทพเจ้าถังเทียนจะมีความเฉียบคมต่อกฎธรรมชาติมาก เขาสังเกตว่าพื้นที่ซึ่งจมเข้าไปในพื้นที่ระหว่างเพลิงศักดิ์สิทธิ์คล้ายกับช่องว่าง มันมืดมากจนทำให้หัวใจของเขาเต้นแรง
ถังเทียนสามารถเห็นเพลิงศักดิ์สิทธิ์กำลังลุกไหม้อยู่ที่ปลายนิ้วของเขามิติว่างบิดเบี้ยวอยู่รอบเพลิงศักดิ์สิทธิ์มองดูเหมือนวังวนพลังงาน และพลังงานใดๆที่เข้าไปในรัศมีก็จะถูกกลืน ชั้นพื้นที่ว่างบิดเบี้ยวนี้เป็นชั้นที่บางมาก แต่สามารถดูดซับพลังงานได้ต่อเนื่อง
ทุกครั้งที่เพลิงทองศักดิ์สิทธิ์ลามเลียพลังงานแสงสว่างบริสุทธิ์ปริมาณน้อยจะคล้ายกับฝนที่รดอยู่ในท้องฟ้า
‘เพลิงศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่กฎธรรมชาติแน่นอน!’
ขณะนั้นเองถังเทียนตัดสินได้ว่าเพลิงศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่กฎธรรมชาติทั้งไม่ใช่สร้างจากพลังงาน
ถังเทียนสังเกตเห็นความผิดปกติของเพลิงศักดิ์สิทธิ์อีกอย่างหนึ่งได้โดยเร็ว ความสามารถของเพลิงศักดิ์สิทธิ์ในการกลืนพลังงานนั้นแข็งแกร่งมากและไม่ว่าจะเป็นพลังงานอะไร เพลิงศักดิ์สิทธิ์ไม่ต้องใช้ความพยายามก็กลืนกินได้ จากนั้นเปลี่ยนเป็นพลังงานแสงบริสุทธิ์ อาจกล่าวได้ว่าพลังงานก็คืออาหารโปรดของเพลิงศักดิ์สิทธิ์ แต่เกลียดกฎธรรมชาติ
เกราะเทพเจ้าสร้างขึ้นจากสายใยกฎธรรมชาติ และเพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกสูบกลืนพยายามแทรกซึมเข้าไปในเกราะเทพเจ้าด้วยพลังทั้งหมดของพวกมัน เหมือนกับว่ามีความเกลียดชังกันระหว่างทั้งสอง
เป็นครั้งแรกของถังเทียนที่เผชิญกับฉากภาพเช่นนั้น ในพริบตาเดียว เพลิงศักดิ์ก็ถูกขับออกมาและปลายนิ้วของถังเทียนก็คลุมไปด้วยเกราะเทพเจ้าซึ่งปนเปื้อนจุดสีเท้าที่ก่อตัวขึ้น
เป็นครั้งแรกที่เกิดการเปลี่ยนแปลงในสายตาที่ไม่แยแสของถังเทียน
เขากระดิกนิ้วและยิงจุดสีเทาออกไปในอากาศ มันเริ่มหลอมละลายในระดับที่มองเห็นด้วยตาเปล่า ก่อนที่จะหายไป
กฎธรรมชาติที่เป็นจุดสีเทาที่ถูกสร้างแตกหักกันทั้งหมด ไม่, ต้องบอกว่าถูกทำลาย!
ความสามารถในการกลืนกินพลังงานของเพลิงศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้ทำให้ถังเทียนแปลกใจ แต่เขาไม่เคยคาดว่าเปลวเพลิงสามารถทำลายกฎธรรมชาติได้ สายใยกฎธรรมชาติถูกตัดการเชื่อมโยงจากการแทรกแซงได้ง่าย แต่ยากมากที่จะทำลายได้ ในสภาวะของเกราะเทพเจ้า กฎธรรมชาติต่างๆไม่สามารถหลบพ้นสายตาของเขาได้ และเขาสามารถเห็นได้ว่าสายใยกฎธรรมชาติที่ปลายนิ้วเขาถูกทำลายจริงๆ
ถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง
‘สายใยกฎธรรมชาติถูกทำลายได้ยังไง?’
ถังเทียนเต็มไปด้วยความสงสัย แต่เขาไม่ผ่อนความระมัดระวังที่มีต่อสภาพแวดล้อม และทันใดนั้นเขาสังเกตเห็นฉากภาพที่แปลกประหลาด เพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่ลอยอยู่ภายในระยะสิบเมตรโดยรอบตัวเขาบินเข้าหาเขาทันที จากตั้งแต่เริ่มแรกเพลิงศักดิ์สิทธิ์ลอยอยู่ในท้องฟ้าอย่างอ้อยอิ่งแม้แต่จังหวะของเปลวเพลิงก็ยังลุกไหม้เป็นจังหวะช้ามาก ทำให้มันดูสง่างาม แต่เพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่ลอยเข้าหาถังเทียนกลายเป็นเหมือนฉลามได้กลิ่นเลือด พวกมันบินเข้ามาอย่างรวดเร็วและดุร้าย
‘เกิดอะไรขึ้น?’
ถังเทียนหรี่ตา ร่างของเขาเคลื่อนไหวหลบเพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่บินเข้าหาเขา แม้ว่าช่วงระยะจะมีขนาดเล็ก แต่ถังเทียนเข้าใจไม่ผิด ‘ดูเหมือนเกราะเทพเจ้าจะถูกเพลิงศักดิ์สิทธิ์มองว่าเป็นศัตรู’ ใจของถังเทียนทำงานอย่างรวดเร็ว คาดว่าพลิงศักดิ์สิทธิ์โปรดปรานพลังงานแต่เกลียดกฎธรรมชาติและความสามารถในการทำลายของมันก็น่าทึ่ง
ถังเทียนตระหนักได้ทันทีว่าคุณสมบัติที่ผิดปกตินี้เป็นปมสำคัญที่สุดในการคลี่คลายเพลิงศักดิ์สิทธิ์
หลังจากแสวงหาปมของปัญหาสิ่งที่ตามมาก็คือการตรวจสอบแนวนี้ ต้องสามารถได้รับคำตอบ ถังเทียนไม่ตื่นเต้นกับเพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่พุ่งเข้าหาเขา และเริ่มบิดและหมุนตัวในพื้นที่ 3เมตรรอบตัวของเขา เขาไม่ต้องการตอแยเพลิงศักดิ์สิทธิ์มากเกินไป และควบคุมขอบเขตการทำงานของเขาอย่างระมัดระวัง แม้ว่ารัศมี 3 เมตรถังเทียนก็ยังเคลื่อนไหวได้อย่างราบรื่นมาก แม้เพลิงศักดิ์สิทธิ์จะไว แต่ก็เหมือนอยู่นิ่งเมื่อเทียบกับถังเทียน กลุ่มเพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่เต้นอยู่รอบตัวถังเทียนเหมือนกับฝูงผึ้ง ฉากภาพดูแพรวพราว แต่ไม่มีแม้แต่เปลวเดียวที่สามารถแตะต้องเสื้อผ้าถังเทียนได้
ถังเทียนยังคงรักษาการหลีกเลี่ยงเอาไว้ แต่ฉวยโอกาสเริ่มตอบสนองเพลิงศักดิ์สิทธิ์อื่น
ทันทีที่เพลิงศักดิ์สิทธิ์สัมผัสร่างของเขา ดวงตาที่นิ่งลึกของถังเทียนเปล่งประกายแสงประหลาดทันที และโดยไม่มีเค้าลางรัศมีของเขาปะทุออก อากาศรอบตัวเขาหายไปทันที และเพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่เต้นอยู่หรี่ลงทันทีเหมือนกับว่าพวกมันพุ่งเข้าไปในกาว
สภาพใจที่เหมือนกระจกแก้วเยือกเย็นของถังเทียนทำงานรวดเร็วอย่างไม่เคยมีมาก่อนและพังฉากภาพข้างหน้าเขาอย่างต่อเนื่อง
ในขณะนั้น เวลาดูเหมือนจะช้าลงกะทันหัน
เพลิงทองศักดิ์สิทธิ์ขยายใหญ่ขึ้นๆในสายตาของเขาและทุกการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นที่ตำแหน่งซึ่งเพลิงทองศักดิ์สิทธิ์มีปฏิกิริยากับเกราะเทพเจ้าของเขาปรากฏขึ้นช้ามาก
ความเร็วซึ่งใจของถังเทียนทำงานเพิ่มขึ้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด รัศมีแสงจากตาของเขาพลันสว่างถึงขนาดที่ไม่มีใครกล้ามองเขาโดยตรง ควันเริ่มซึมออกจากเกราะเทพเจ้าและลอยขึ้นไปในอากาศ พลังมากมายของร่างกายของถังเทียนเริ่มทำงานและทะลักเข้าไปในใจของถังเทียน ภายใต้เกราะเทพเจ้า แสงสีแดงกะลายอยู่เต็มคอของถังเทียนและมากขึ้นในระดับที่น่าตระหนก ถ้าถังเทียนสงสัยแม้แต่น้อย เขาจะรู้สึกเหมือนกับว่าอยู่ในทะเลพายุ และมีสายฟ้าดังครืนๆ อยู่ในหูของเขา
เขาไม่กล้าใช้พลังร่างกายของเขามาก
พลังงานของร่างกายแตกต่างจากพลังงาน มันคือน้ำที่เก็บรักษาลึกลงไปในทรายพวกมันไม่ไหลเอื่อยเหมือนแม่น้ำ แต่จะผสมปนอยู่ในทราย และหยาบมาก การรวบรวมกำลังกายจำเป็นต้องยับยั้งเอาไว้ มิฉะนั้นร่างกายเนื้อจะไม่มีทางฟื้นตัวกลับมาได้
แต่ในขณะนั้นพลังกายของถังเทียนเคลื่อนไหวโดยตัวเอง พลังมากมายทะลักเข้าไปในสมองของถังเทียน แสงจากดวงตาของเขาสว่างมากขึ้นทุกที ถึงขนาดที่สว่างเท่ากับพระจันทร์และหดตัวต่อเนื่องจนถึงระดับสูงสุด แม้แต่แสงของเกราะเทพเจ้าที่งดงามก็ยังหมองลงเมื่อเทียบกับแสงจากดวงตาของถังเทียน
ทุกรายละเอียดที่เกิดขึ้นระหว่างกฎธรรมชาติของเกราะเทพเจ้าและเพลิงศักดิ์สิทธิ์ชัดเจนมากเหมือนดูตอนกลางวัน
ตลอดกระบวนการเคลื่อนไหวอย่างช้าๆ แต่ความเป็นจริงมันเกิดขึ้นในฉับพลัน
ปรากฏจุดสีเทาขึ้นอีกจุดหนึ่งบนเกราะเทพเจ้า และในพริบตาจุดสีเทพก็ถูกทำลายเผยให้เห็นช่องว่าง แสงในดวงตาของถังเทียนหมองลง รัศมีสง่างามรอบตัวเขายังคงหายไป เกราะเทพเจ้าสลาย และหายไปในอากาศกลายเป็นจุดไฟ นี่เป็นครั้งแรกที่เกราะเทพเจ้าสลายไปหลังจากถังเทียนได้รับการรู้แจ้งวิชานี้ แม้ว่าช่วงเวลาที่ทุกอย่างเกิดขึ้นจะสั้นมาก แต่การสิ้นเปลืองพลังก็มากมายเกินกว่าถังเทียนคาดไว้มาก แม้แต่เกราะเทพเจ้าก็ไม่สามารถคงอยู่ได้และร่างสลายหายไปในอากาศโดยตรง
เพลิงศักดิ์สิทธิ์ล้อมรอบตัวถังเทียนสูญเสียความสนใจในตัวเขาทันที่และแยกกระจัดกระจายไป
หน้าของถังเทียนซีดขาวยิ่งกว่ากระดาษปลายนิ้วของเขาสั่น ขาของเขาหมดแรงแต่ดวงตาของเขายังคงสงบและกระจ่าง ดีใจจนไม่สามารถพูดออกมาได้
ในที่สุดเขาก็พบกุญแจสำคัญ
เพลิงศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่พลังงาน เป็นผลผลิตระหว่างทั้งสอง
ถังเทียนต้องยอมรับว่าประมุขผู้อาวุโสเป็นอัจฉริยะอย่างแท้จริง
ถังเทียนเห็นเพลิงศักดิ์สิทธิ์ธรรมดามาก่อน และเพลิงศักดิ์สิทธิ์ขาวและเพลิงศักดิ์สิทธิ์ทองทั้งสองอย่างเป็นสิ่งที่แตกต่างกัน เพลิงทองศักดิ์สิทธิ์เกิดขึ้นบนตัวประมุขผู้อาวุโส ก่อนประมุขผู้อาวุโส ในประวัติศาสตร์วิหารไม่เคยมีใครที่ฝึกเพลิงศักดิ์สิทธิ์ทองได้ นอกจากนี้มีแต่ประมุขผู้อาวุโสใช้สถานะของเขาปล่อยมวลเพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งก็หมายความว่าระบบทั้งหมดมีแต่สร้างขึ้นจากเพลิงศักดิ์สิทธิ์เป็นแกนกลาง
ในอดีตเมื่อเมลิซซาพูดถึงมัน ถังเทียนไม่เคยสนใจคิด แต่ขณะนั้นหลังจากตรวจสอบแล้ว ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าประมุขผู้อาวุโสทรงพลังขนาดไหน!
เพลิงศักดิ์สิทธิ์คือสิ่งที่อยู่ระหว่างพลังงานและกฎธรรมชาติ หรือจะพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือผลผลิตที่มาจากการประสานทั้งสองอย่าง
เพลิงศักดิ์สิทธิ์ขาวเป็นแค่พลังงานรังสีบริสุทธิ์
คนทั่วไปทุกคนคิดหาวิธีผสานพลังงานและกฎธรรมชาติ และจะใช้กฎเป็นเพียงกระดูกสันหลังและพลังงานเป็นเหมือนเนื้อหนัง เพื่อให้เขาสามารถสร้างองค์ประกอบที่มั่นคงได้ ในบางความรู้สึก นั่นจะเป็นอย่างที่จี๋เจ๋อและนักสู้แดนบาปเคยใช้ ด้วยกฎธรรมชาติเป็น พวกเขาจะดูดซับพลังงานเข้าในเลือดเนื้อ
แต่เห็นได้ชัดว่าประมุขผู้อาวุโสไม่ได้ทำเช่นนั้น
ในทันทีเมื่อเพลิงศักดิ์สิทธิ์ทองและกฎธรรมชาติของเกราะเทพเจ้าถูกทำลาย ถังเทียนเห็นว่าภายในเพลิงศักดิ์สิทธิ์ทอง ยังมีจุดเงาที่ปะทะกันภายในกฎธรรมชาติของเกราะเทพเจ้า
‘นี่ควรจะเป็นเคล็ดในการทำลายของพวกมัน’
สิ่งที่ทำให้ถังเทียนประหลาดใจก็คือรูปร่างของจุดลวงตานั้นจะคล้ายกับสายใยกฎธรรมชาติมาก
ในขณะนั้น ถังเทียนมีความเข้าใจผิดอย่างหนี่งเหมือนกับว่าสายใยกฎธรรมชาติกำลังกระโจนเข้าหาภาพสะท้อนของมัน
เขาสะดุ้งในใจ ‘นี่มันอะไรกัน?’