ตอนที่ 924 ขุนพลวิญญาณกำเนิดใหม่
กระเปาะดักแด้สุดท้ายเปิดออกและขุนพลวิญญาณร่างสูงใหญ่เดินออกมา
เขาเดินเข้ามาหาประมุขผู้อาวุโสและคำนับพลางเอ่ยปาก“ประมุขผู้อาวุโส!”
ประมุขผู้อาวุโสพยักหน้าพอใจเขามองดูขุนพลวิญญาณทั้งสิบสองต่อหน้าเขาด้วยความรู้สึกยินดี สถานการณ์ดีขึ้นกว่าที่เขาคาดไว้มาก อัศวินพิเศษกวงหมิงมีพลังส่วนตัวแข็งแกร่งกันทุกคนและฝึกฝนอยู่ในเพลิงศักดิ์สิทธิ์มาอย่างลึกซึ้งกว่าใครๆ และจำนวนผู้ประสบความสำเร็จจึงสูงกว่าที่เขาคาดไว้
“นับแต่วันนี้เป็นต้นไป พวกเจ้าจะเป็นสิบสองเซียนอัศวินกวงหมิงของวิหาร!”
ประมุขผู้อาวุโสเต็มไปด้วยความพอใจกับความสำเร็จของเขาและรู้สึกมีชีวิตชีวา แม้ว่าสิบสองขุนพลวิญญาณไม่นับว่ามาก แต่ทั้งหมดก็ดูเหมือนมีสติปัญญา และแต่ละคนสามารถรับผิดชอบได้ ในชีวิตชาติก่อน พวกเขาเป็นอัศวินฝีมือดีซึ่งอัศวินทุกคนได้รับเลือกกลั่นกรองมาเป็นชั้นๆ ทั้งหมดเต็มไปด้วยพรสวรรค์ และไม่เพียงแต่ความความแข็งแรงหรือกลยุทธของพวกเขาพวกเขาเก่งเหนือสหายของเขา หลังจากเปลี่ยนเป็นขุนพลวิญญาณศักยภาพของพวกเขาถูกสงวนไว้ทั้งหมดพลังของเขาพวกเขายังเพิ่มขึ้นเป็นสิบเท่า
พวกเขากลายเป็นแกนนำของวิหารรุ่นใหม่และกลายเป็นผู้รับใช้และบริวารที่ภักดีต่อประมุขผู้อาวุโสมากที่สุด
“แสงสว่างจะมีชัย!”
ขุนพลวิญญาณทั้งสิบสองคำนับและโห่ร้อง
“ข้าเตรียมอาหารโอชะที่สุดไว้ให้พวกเจ้าทุกคนแล้วมากพอจะให้พวกเจ้าทั้งหมดได้สำราญกับงานเลี้ยง” เสียงของประมุขผู้อาวุโสดังออกมาจากเพลิงศักดิ์สิทธิ์และพูดเหมือนกับว่ากำลังพูดคุยเรื่องธรรมดา
โซเฟียที่อยู่ด้านข้างรู้สึกหนาวเย็นขึ้นเล็กน้อยนางตระหนักได้ถึงความไม่ชอบมาพากลตั้งแต่ขุนพลวิญญาณคนแรกปรากฏออกมาจากดักแด้ ขุนพลวิญญาณทุกร่างทำเหมือนกับจำนางไม่ได้และไม่เคยมองดูนาง เป็นเรื่องผิดปกติ ทุกคนเป็นนางคัดเลือกและตัดสินให้เข้ามาและความรู้สึกและความสัมพันธ์ของพวกเขาที่มีต่อนางมีในระดับลึกซึ้ง แต่หลังจากเปลี่ยนเป็นขุนพลวิญญาณ พวกเขาทำเหมือนกับว่าเห็นนางเป็นอากาศ
อารมณ์ความรู้สึกของนางตกต่ำ นางยังคงเงียบไม่พูดอะไรสักคำ
“ตั้งแต่วันนี้ไป พวกเจ้าทุกคนคือเทพ,เทพแห่งวิหาร พวกเจ้าทั้งหมดต้องจำเอาไว้ มีเพียงเหตุผลเดียวที่ทำให้พวกเจ้าคงอยู่ และนั่นก็คือการเชื่อฟังคำสั่งข้า จงทิ้งอารมณ์ที่ไร้ความหมายในอดีตของพวกเจ้าออกไป ความสงสาร ความเมตตาไร้สาระทั้งนั้น พวกเจ้าทุกคนต้องจำไว้ มีแต่แสงที่เป็นนิรันดรและนอกจากแสงแล้ว คนอื่นคือศัตรู! เจตจำนงของแสงไม่สามารถฝ่าฝืนได้ ความลังเลหรือความไม่บริสุทธิ์ทั้งหมดเป็นการหมิ่นประมาท เราต้องสร้างวิหารขึ้นมาใหม่ นำพวกเราทุกคนไปสู่โลกแสงแห่งใหม่ และไม่มีใครอื่นสามารถหยุดเราได้! เราจะมีชีวิตอยู่ตลอดไป!”
ทุกคำของประมุขผู้อาวุโสเต็มไปด้วยความน่ากลัว และต่อหน้าเขาขุนพลวิญญาณทั้งสิบสองก้มหน้าขณะที่พวกเขาฟัง
ร่างของโซเฟียสั่นสะท้านเบาๆ เพราะเหตุผลบางอย่าง ฉากภาพต่อหน้านางทำให้นางรู้สึกกลัว
ประมุขผู้อาวุโสพูดอีกครั้ง “ไป ไปเพลิดเพลินกับงานฉลองแห่งแสงจงสนุกกับกระบวนการเปลี่ยนเป็นเทพเจ้า อีกสองสามวันจะเป็นวันที่พวกเจ้าจะไม่มีวันลืมตลอดชีวิต โอวข้าต้องขออภัย เรื่องอายุขัยปรับใช้กับพวกเจ้าทั้งหมดต่อไปไม่ได้แล้ว”
ขุนพลวิญญาณทั้งสิบสองคำนับและเดินเป็นแถวออกไปด้วยความเคารพ
“พวกเขาจำข้าไม่ได้” โซเฟียพูดขึ้นทันที
ประมุขผู้อาวุโสตอบ “พวกเขาต้องการจำแต่ในสิ่งที่พวกเขาต้องการจำ พวกเขาจะจำเจ้าได้ในอนาคต”
โซเฟียไม่พูดอะไรอีกต่อไป นางไม่รู้ว่าจะพูดอะไร ได้แต่รู้สึกหนาวสะท้าน ไม่ใช่ความรู้สึกน่ากลัว แค่หนาวเล็กน้อย ชาร์ลส์ตายแล้ว มีเพียงอัศวินกวงหมิงสิบสองนายที่ยังเหลืออยู่ พวกเขาเปลี่ยนไปเป็นขุนพลวิญญาณและปฏิบัติต่อนางแปลกๆ ‘ทำไมรู้สึกหนาวนัก? ข้าก็เป็นขุนพลวิญญาณเช่นกัน,บางทีเรื่องหลายอย่างเหล่านั้นเป็นเรื่องที่ข้าไม่ควรจะรู้สึกแย่ หรือนั่นคือเหตุผลที่ข้าต้องประสบชะตากรรมสูญเสียพวกเขาไป?’
“เจ้าไม่จำเป็นต้องยืนคุ้มกันที่นี่แล้ว” ประมุขผู้อาวุโสมองออกมาจากในเปลวไฟ และรู้สึกว่าโซเฟียมีบางอย่างผิดปกติ เขาคิดอยู่ชั่วขณะ จากนั้นพูดอย่างเป็นกันเอง “เจ้าอย่ากังวลไปเลย พวกเขาเพิ่งเปลี่ยนเป็นขุนพลวิญญาณพื้นฐานของพวกเขายังอ่อนแอ เจ้ายังจะสั่งการพวกเขาได้ชั่วคราว เจ้าต้องใช้เวลามากสักหน่อย อย่าปล่อยให้พวกเขาไล่ตามเจ้าทันล่ะ พวกเขาเป็นบริวารของเจ้า ถ้าพวกเขาแซงจนอยู่เหนือเจ้า เจ้าอย่าร้องไห้ก็แล้วกัน”
ประมุขผู้อาวุโสไม่ลืมหยอกนางและแสดงให้เห็นว่าเขาพอใจเพียงไหน
“ค่ะ” โซเฟียตอบ จากนั้นเดินออกไป
วิหารซึ่งเคยวุ่นวายเต็มไปด้วยความกระฉับกระเฉงกลายเป็นพื้นที่รกร้างว่างเปล่าและดูน่าเบื่อ นางหยุดมองวิหารที่ว่างเปล่า และระบายลมหายใจ นางไม่เข้าใจ ‘ถ้าไม่มีใครเหลืออยู่ การสร้างวิหารใหม่จะมีประโยชน์อะไร? เราไม่สามารถมองเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยเหล่านั้น’ อารมณ์ของนางตกต่ำหดหู่ นางรีบสาวเท้าเดินในขณะนั้นนางไม่ต้องการจะอยู่อีกต่อไป
‘บางทีวิหารจะถูกสร้างใหม่ เหมือนกับที่ประมุขผู้อาวุโสพูด อาจเป็นวิหารใหม่ วิหารที่ไม่เกี่ยวข้องกับข้า’
‘ถ้าเพียงแต่ข้าไปจากโลกพร้อมกับชาร์ลส์’ โซเฟียคิดเงียบๆ เมื่อสหายที่นางต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่มาหลายปีเดินออกมาจากดักแด้ด้วยสายตาที่ไม่คุ้นเคย ทำให้นางตระหนักได้ว่า นางสูญเสียสิ่งมีค่าออกไปอีกอย่างหนึ่ง
‘ชาร์ลส์ตายแล้ว อัศวินพิเศษกวงหมิงก็หายไปแล้ว พวกเขาจดจำตัวเองไม่ได้อีกต่อไป และพวกเขาคงอยู่ด้วยเป้าหมายเดียว’
โซเฟียหัวเราะเยาะเงียบๆ ‘ช่างคิดเหลวไหลจริงทั้งหมดที่เกี่ยวกับชีวิตในโลกนี้ มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับขุนพลวิญญาณเล่าต้องพูดแบบนั้น’
นางเดินออกจากวิหาร ถนนที่เคยคึกคักพลุกพล่านว่างเปล่าอย่างสิ้นเชิง ‘ตัง ตัง ตัง’ เสียงระฆังไพเราะดังมาจากส่วนลึกในวิหาร เป็นเสียงที่เตือนบอกชั่วโมงตราบเท่าที่ระฆังดัง ทุกคนบนถนนจะเงยหน้า แสดงสีหน้าเลื่อมใสศรัทธาขณะที่พวกเขากล่าวคำอธิษฐาน
‘แต่...ไม่มีอะไรเหลืออยู่บัดนี้ มีแต่เพลิงศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น’
เพลิงศักดิ์สิทธิ์ในท้องฟ้าคล้ายกับหิมะหรือดอกแดนดิไลออนที่ลอยเป็นปุยในท้องฟ้า เป็นฉากที่ค่อนข้างงดงาม
นางจ้องมองฟ้าอย่างว่างเปล่า รู้สึกระอากับตัวเอง
*****************
เรือรบและเรือสินค้าเต็มอยู่ในพื้นที่ทะเลพลังงานด้านนอกทวีปเซียน ทุกคนกลายเป็นกังวล พวกเขาได้ยินเรื่องการต่อสู้ภายในระหว่างวิหารกับตระกูลต่างๆ แต่พวกเขาไม่เคยคาดเลยว่าทวีปเซียนจะถูกผนึก เพลิงทองศักดิ์สิทธิ์เป็นเหมือนสัตว์ประหลาดที่น่ากลัวซึ่งยึดครองอ่าวพลังงานไว้
ในตอนแรกมีเรือรบสองสามลำที่มีพลังป้องกันที่โดดเด่น พยายามจะฝ่าเข้าไปในทวีปเซียน แต่หลังจากเรือรบเกินกว่าสิบลำกลายเป็นจุลก็ไม่มีลำใดกล้าฝ่าเข้าไปอีก ลำอื่นๆสองสามลำกำลังรอและใคร่ครวญว่าจะมีคนออกมาจากทวีปเซียนเพื่อเจรจาต่อรอง ไม่ว่าใครจะได้เปรียบก็ย่อมมีผู้ยินดีเจรจาต่อรอง และหลังจากรอคอยมาหลายวัน ไม่มีใครปรากฏตัว
ทุกคนกลับกลายเป็นกังวลมากขึ้น ครอบครัวของพวกเขาอยู่ในทวีปเซียนและพวกเขาไม่รู้ว่าสถานการณ์ภายในเป็นเช่นไร หรือว่าครอบครัวของพวกเขาอยู่รอดปลอดภัยหรือไม่
มีบางคนถึงกับใจร้อน พวกเขาร่วมกับเรือรบที่มีพลังป้องกันอย่างดีคิดตะลุยเข้าทวีปเซียน เรือรบนี้ทนทานมากกว่าเรือรบลำอื่นๆ แต่ผลก็คือมอดไหม้เป็นเถ้าถ่าน และไม่มีผู้ใดรอดชีวิต
หลังจากนั้นไม่มีใครกล้าคิดเข้าไปในทวีปเซียนอีก
ปากอ่าวทวีปเซียนทั้งหมดถูกล้อมหนาแน่นจนแทบว่าน้ำไม่อาจไหลผ่านไปได้
เมื่อตู้เค่อเดินทางมาถึง เขาจึงได้เห็นประจักษ์กับฉากภาพเช่นนั้น
การสู้รบในทวีปรกร้างจบลงแล้วและไม่มีใครอื่นในทวีปกวงหมิงคิดจะเดินทางไปทวีปรกร้างอีก ตู้เค่อเมื่อว่างจากการสู้รบก็มีความคิดจะออกไปทวีปเซียนเพื่อสนับสนุนถังเทียน ความรู้และสติปัญญาของตู้เค่อเหนือกว่าหลายคน เขาเป็นคนมากไหวพริบและเมื่อระฆังศักดิ์สิทธิ์ถูกลั่น เขาคาดว่าถังเทียนคงเคลื่อนไหวตรงเข้าทวีปเซียน ตู้เค่อก็สนใจทวีปเซียน วิหารเป็นศัตรูที่สำคัญของพวกเขา และทวีปเซียนเป็นฐานทัพใหญ่ของวิหาร ดังนั้นเขาต้องการเพิ่มพูนความรู้โดยการเดินทางไปที่นั่น
ตู้เค่อเดินทางใช้เวลาหลายวัน
ความแข็งแกร่งเฉพาะตัวของเขาไม่มีใครเทียบได้เนื่องจากเขาเป็นนักสู้เพียงคนเดียวของแดนบาปที่รู้แจ้งถึงระดับสนามพลังกฎธรรมชาติ และเขามีความสามารถและความมั่นใจเพียงพอ
ในทั่วทั้งดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ จำนวนคนที่สามารถคุกคามเขาได้มีน้อยมาก
เขารีบไปทวีปเซียนด้วยความกระตือรือร้นอย่างสูง แต่ก็ต้องตกใจกับฉากภาพข้างหน้าเมื่อเขาไปถึง กลุ่มเรือรบและเรือสินค้ามากมายรวมกลุ่มอยู่ที่ทะเลพลังงาน แต่เมื่อเขาสังเกตเห็นเพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่อ่าวพลังงาน หัวใจที่ตื่นเต้นของเขาสงบลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเรือรบสองสามลำถูกเผาเป็นจุล สีหน้าของเขายิ่งเคร่งเครียดมากกว่าเดิม
ตู้เค่อเป็นคนที่มีความรู้ และแม้ว่าจะเป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นเพลิงทองศักดิ์สิทธิ์ แต่เขารู้ว่านี่เป็นสิ่งที่พิเศษ
เขาคิดถึงปัญหาอื่นอย่างรวดเร็ว ‘ถังเทียนและพวกที่อยู่ข้างในจะทำยังไง?’
เมื่อคิดเรื่องนั้นได้เขาตัดสินใจตรวจสอบทันทีและเข้าไปใกล้ข้างล่าง ในใจของตู้เค่อเขารู้สึกว่าแดนบาปได้รับพระคุณยิ่งใหญ่จากถังเทียน และถ้าไม่มีถังเทียน พวกเขาจะไม่มีวันออกมาจากแดนบาปได้ ตู้เค่อเป็นคนเปิดเผยซื่อสัตย์ เขานึกถึงบุญคุณของถังเทียน และต้องการจะตอบแทนบุญคุณ การตัดสินใจของเขาเป็นเพราะมีถังเทียนเกี่ยวข้องด้วย
หลังจากนั้นสิ่งที่ทำให้ตู้เค่อจนใจก็คือไม่เพียงแต่พวกเขาไม่สามารถช่วยถังเทียนได้เท่านั้น แต่พวกเขายังคงอยู่ภายใต้การดูแลของถังเทียนต่อเนื่อง และบุญคุณมีแต่จะเพิ่มพูนมากขึ้น
หลังจากนั้นตู้เค่อรู้สึกมึนงงและทิ้งปัญหาอื่นออกไป และไม่คิดเรื่องจะตอบแทนบุญคุณถังเทียนอย่างไรอีกต่อไป
แต่ภาพที่อยู่ต่อหน้าเขาทำให้เขาตระหนักได้ว่าถังเทียนอาจจะตกอยู่ในอันตรายก็ได้ และเขาไม่สามารถนั่งเฉยอยู่ได้ เพื่อนักสู้ที่มีพลังพอๆ กับเขา เขาจะไม่มีวันกลับคำพูด ในทันใดนั้น ตู้เค่อตัดสินใจว่าไม่ว่าต้องทุ่มเทเพียงใด เขาต้องทำให้ถังเทียนปลอดภัย แม้ว่าเขาต้องสละชีวิตก็ตามเขาจะไม่ลังเล
แต่ตู้เค่อไม่วู่วาม เขาไม่หุนหันพลันแล่น เขามาถึงด้านหน้าอ่าวพลังงาน และลอบสังเกตและวิเคราะห์เพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่ประหลาดและน่ากลัว
ในที่สุดตู้เค่อก็เป็นนักสู้ที่ทรงพลังอย่างแน่นอนเขาได้รับการรู้แจ้งสนามพลังกฎธรรมชาติและด้วยความเข้าใจกฎธรรมชาติหรือความเข้าใจโลก เขามีมากเมื่อเทียบกับคนธรรมดา เขาเอาเพลิงศักดิ์สิทธิ์เล็กน้อยและศึกษาอย่างตั้งใจ ในเวลาอันรวดเร็วเขาก็ได้รับผล เป็นครั้งแรกของเขาที่ได้พบเพลิงเช่นนั้น และเขาก็เข้าใจวิถีของมัน
เขาชื่นชมคนสร้างเพลิงศักดิ์สิทธิ์ถึงกับขั้นยอมคารวะต่อหน้าผู้สร้างได้ เพลิงทองศักดิ์สิทธิ์มีลักษณะแปลกประหลาดไม่ซ้ำกัน และภายใต้สถานการณ์แน่นอน เพลิงศักดิ์สิทธิ์สามารถเปลี่ยนรูปได้ ตัวอย่างเช่น มันสามารถกดขี่หรือรุนแรง และบางคราวก็อ่อนโยนและสามารถเยียวยาบาดแผลได้ แต่มีหลายครั้งมันเผยให้เห็นด้านที่อบอุ่น
แต่สิ่งที่ทำให้ตู้เค่อประหลาดใจก็คือมันไม่ใช่พลังงานหรือกฎธรรมชาติ
เป็นผลผลิตมาจากระหว่างพลังงานกับกฎธรรมชาติอาจเปลี่ยนไปเป็นลักษณะใดก็ได้ ในเวลาเดียวกันก็มีความแตกต่างไปทั้งสองอย่าง
‘เป็นสิ่งที่ไม่เหมือนอะไร!’
ตู้เค่อตาเป็นประกาย