ตอนที่แล้วตอนที่ 921 ล้างแค้น!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 923 กลืนไม่เข้าคายไม่ออก

ตอนที่ 922 ค้นหาช่องโหว่


แถวกระโจมไม่มีที่สิ้นของค่ายขนาดใหญ่ยืดขยายออกไปไกล  กระโจมของกองทัพแดนเถื่อนทั้งหมดสร้างขึ้นหยาบๆและกินพื้นที่ระยะไกล พวกเขามองดูเหมือนตะไคร่น้ำที่ขึ้นอยู่บนผืนหิมะ

เจียย่ามองดูครั้งเดียว จากนั้นรั้งสายตากลับ

แม้ว่ากองทัพขนาดใหญ่มองภายนอกจะดูคุกคามก็ตาม  แต่ชาวแดนเถื่อนเปิดเผยให้เห็นร่างกายที่น่าทึ่งของพวกเขา  พวกเขาไม่กลัวความหนาวหรือลมหิมะนั่นไม่ส่งผลต่อพวกเขา แต่เจียย่าไม่สนใจพวกเขา ไม่ว่าชาวแดนเถื่อนจะมีมากมายเพียงไหนตราบใดที่ทวีปเว่ยเย่กวนยังอยู่ในเงื้อมมือของเขา เขามีความมั่นใจว่าจะขับไล่พวกเขาทั้งหมดออกไป

เขาเพียงแต่กังวลสถานการณ์ที่ทวีปเซียน  เขามีบุคลิกที่สงบและไม่ชอบดิ้นรนต่อสู้  แม้ว่าเขาจะมาจากตระกูลระดับสูง  แต่ก็เป็นเพียงตระกูลเล็ก  ตระกูลเจียมีอารมณ์ที่คล้ายคลึงกับเขา  พวกเขาเจียมตัวและไม่ทำตัวเด่น  ใช้ชีวิตโดยไม่สร้างปัญหาให้กับคนอื่น

เขารู้ถึงความขัดแย้งระหว่างวิหารและตระกูลชั้นสูงมานานแล้ว และเขารู้สึกว่าทวีปกวงหมิงใหญ่เพียงพอแล้ว  และทั้งสองฝ่ายสามารถแบ่งปันกันได้  ถ้าพวกเขาไม่สามารถทำได้ พวกเขาก็ขยายอาณาเขตเหมือนกับที่ทำกับภูมิภาคใต้  เมื่อเทียบกับการขัดแย้งภายในแล้ว เขารู้สึกว่าการสู้ในศึกสงครามยังง่ายมากกว่า  นอกจากนี้เขายังรู้ว่าเขาไม่จัดเจนเรื่องนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่เคยชอบมีส่วนร่วมกับเรื่องนั้น  นอกจากนี้ เขารู้ว่าไม่ว่าฝ่ายไหนชนะ  พวกเขาก็ยังต้องการเขา  มาตรฐานและคุณภาพของเขาอาจไม่ใช่ระดับสูง  แต่เขาก็สามารถมีชีวิตได้อย่างสบายเช่นกัน

แต่เขารู้สึกว่าตระกูลต่างๆ กระทำการเกินเลยไป

ตระกูลต่างๆเคลื่อนไหวในช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญส่งผลต่อการรุกรานลงใต้มากจนสามารถนำไปสู่ความพ่ายแพ้ยับเยินในการรุกลงใต้  ‘ทั้งหมดล้วนเห็นแก่ตัวทั้งนั้น’  เจียย่าอดถอนหายใจไม่ได้ สำหรับการเคลื่อนไหวของตระกูลส่วนใหญ่แสดงว่าพวกเขาไม่สนใจมองภาพรวม แต่แม้เจียย่าเองก็สามารถบอกได้ว่าพวกเขาไม่มีทางเลือก  แต่ถ้าการรุกรานลงใต้ประสบความสำเร็จขึ้นมา ประมุขผู้อาวุโสจะใช้โอกาสของชัยชนะและถือโอกาสเคลื่อนไหวก่อนเพื่อกวาดล้างตระกูลต่างๆ

เจียย่าไม่เข้าใจว่าวิหารและตระกูลชั้นสูงมาถึงจุดที่ไม่สามารถหวนคืนได้ตั้งแต่เมื่อไหร่

แต่สำหรับเจียย่า ตระกูลต่างๆ ทำสิ่งที่โง่เขลาที่สุดและนั่นคือการฆ่าโอรสศักดิ์สิทธิ์ชาร์ลส์ เหมือนอย่างที่มีข่าวลือว่าโซเฟียถูกประมุขผู้อาวุโสสร้างขึ้นมา มีข่าวลืออีกข่าวแพร่กระจายไปว่าโอรสศักดิ์สิทธิ์ชาร์ลส์เป็นลูกนอกสมรสของประมุขผู้อาวุโส

เจียย่ารู้เรื่องภายใน

โอรสศักดิ์สิทธิ์ชาร์ลส์ไม่ได้เป็นลูกนอกสมรสของประมุขผู้อาวุโส  แต่เป็นหลานของประมุขผู้อาวุโส และเป็นญาติและผู้สืบทอดให้ประมุขผู้อาวุโส  มีน้อยคนนักที่รู้เรื่อง  แม้แต่เจียย่าก็แค่รู้โดยบังเอิญ  แต่ไม่เคยพูดออกมา

เมื่อตระกูลต่างๆลอบสังหารโอรสศักดิ์สิทธิ์ชาร์ลส์ สิ่งที่พวกเขาไม่รู้ก็คือจากจุดนั้นเอง ประมุขผู้อาวุโสจะไม่มีทางร่วมมือกับพวกเขา

ความกังวลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเจียย่าก็คือประมุขผู้อาวุโสตอบสนองอย่างไม่มีเหตุผล เจียย่าเป็นคนพูดน้อย ขนาดแม้จะอยู่ในงานเลี้ยงเขาก็ยังเพลิดเพลินนั่งอยู่ที่มุมสงบจิบเหล้าในมือ

คนเงียบๆมักจะค้นพบรายละเอียดที่คนอื่นไม่ทันสังเกต

ในสายตาของทุกคน ประมุขผู้อาวุโสเป็นผู้ทรงอำนาจที่ทำตัวลึกลับมองการณ์ไกลและมีอำนาจทุกอย่าง แต่เจียย่ามีความรู้สึกว่าประมุขผู้อาวุโสมีความบ้าคลั่งลึกลับที่ปกปิดไว้

เมื่อคิดถึงเรื่องที่มู่จือเสียเคยเล่าให้เขาฟังครั้งหนึ่งมาก่อนเขายิ่งกังวลมากยิ่งขึ้น’ มีญาติเพียงคนเดียวในโลกของเขาที่ถูกฆ่าตาย  แม้แต่ประมุขผู้อาวุโส เขา…’

เจียย่าเชื่อหนักแน่นว่าทุกคนในโลกมีข้อจำกัดบางอย่าง ทุกคนที่ไม่มีข้อผูกมัดจะไม่เข้าใจเรื่องราวต่างๆ ได้ง่าย  ถ้าและคนอย่างนั้นเป็นนักสู้ที่มีอำนาจ หรือมีพลังไร้เทียมทานจะกลายเป็นหายนะแน่นอน เมื่อคิดถึงประมุขผู้อาวุโส เจียย่าถึงกับฝืนยิ้ม

สิ่งเดียวที่ทำให้เขารู้สึกมั่นใจมากขึ้นก็คืออารมณ์และความภักดีที่ประมุขผู้อาวุโสมีต่อวิหารนั่นเป็นสิ่งแท้แน่นอนที่สุด

ทันใดนั้นบริวารคนหนึ่งของเขาวิ่งแตกตื่นเข้ามาหาเขา เจียย่ามีสังหรณ์อัปมงคลผุดขึ้นมาในใจทันที  บริวารผู้นี้เป็นคนที่เขาส่งไปทวีปเซียนเพื่อรับรายงานเป็นพิเศษ  เขาไม่ต้องการแทรกแซงทวีปเซียน  แต่เขาต้องการรู้เรื่องที่เกิดขึ้นที่นั่น

บริวารเดินเข้ามายืนข้างๆเขาและกระซิบเบาๆ  “นายท่าน!  ทวีปเซียนจู่ๆ ก็ถูกผนึกเอาไว้”

“ถูกผนึก?”  หัวใจเจียย่าเต้นแรงนั่นเป็นเรื่องร้ายแรง  เขาตอบเบาๆ  “กองเรือใดปิดล้อมทวีปเซียน?”

มีอ่าวพลังงานหลายแห่งมุ่งสู่ทวีปเซียนลำหรับบางคนที่สามารถผนึกทวีปเซียนได้  พวกเขาต้องอาศัยกองเรือขนาดใหญ่

“ไม่ทราบได้”เห็นได้ชัดว่าบริวารของเขาเดินทางมาโดยไม่ได้พัก เสียงของเขาแหบแห้ง “เป็นเพลิงศักดิ์สิทธิ์ เพลิงทองศักดิ์สิทธิ์ อ่าวพลังงานทั้งหมดถูกเพลิงศักดิ์สิทธิ์ขัดขวางไว้ใครก็ตามที่พยายามฝ่าออกมาจะถูกเผามอดไหม้เป็นจุล”

เมื่อเขาพูดประโยคสุดท้าย  เขานึกย้อนไปถึงฉากภาพที่น่าสยดสยอง  เสียงของเขาออกอาการกระวนกระวายอย่างช่วยไม่ได้

‘เพลิงศักดิ์สิทธิ์?’  เจียย่าตกใจ เขาไม่เคยคิดว่าสิ่งที่ผนึกทวีปเซียนไว้จะเป็นเพลิงศักดิ์สิทธิ์  ‘ถ้าเป็นเพลิงศักดิ์สิทธิ์ อย่างนั้นก็ต้องเป็นวิหารที่ใช้เพลิงศักดิ์สิทธิ์เพื่อผนึกอ่าวพลังงานไว้?’

‘ดะ..เดี๋ยวก่อน!  เพลิงทองศักดิ์สิทธิ์!’ เจียย่าคิดถึงประมุขผู้อาวุโสทันที ในทั่วทั้งวิหารคนเดียวที่มีเพลิงทองก็คือประมุขผู้อาวุโส

เจียย่าระลึกถึงคำพูดของมู่จือเสียได้ทันที  และหน้าของเขาไร้สีเลือดทันที

***************

ทวีปเซียนในปัจจุบันตกอยู่ในความโกลาหลแล้ว

เพลิงทองศักดิ์สิทธิ์นับไม่ถ้วนลอยอยู่ในท้องฟ้าสวยสง่างามมากในวันธรรมดารัศมีของเพลิงศักดิ์สิทธิ์จะสงบมาก แต่ในวันนี้เพลิงศักดิ์สิทธิ์ปลดปล่อยกลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์และข่มขวัญซึ่งเย็นยะเยือกเหมือนลมฤดูหนาวทำให้ทุกคนรู้สึกความเย็นแล่นไปตามกระดูกสันหลัง

เพลิงศักดิ์สิทธิ์ทุกดวงแสดงว่ามีคนตาย

ตระกูลต่างๆ ตกอยู่ในความวุ่นวาย พวกเขาฝึกอยู่ในวิชาที่เป็นมรดกตกทอดของตระกูล  และไม่เคยสัมผัสเพลิงศักดิ์สิทธิ์  แต่ไม่ว่าจะเป็นใครก็ไม่สำคัญเมื่อเผชิญหน้ากับเพลิงศักดิ์สิทธิ์  พวกเขาจะรู้สึกเหมือนกับว่าชีวิตของพวกเขาไม่อยู่ในความควบคุมของพวกเขาและรู้สึกกลัวอย่างมาก

สัญชาตญาณเพื่อให้ชีวิตทำให้พวกเขาต้องสู้  พวกเขาพยายามใช้วิธีต่างๆต้องการหาวิธีรอดชีวิต แต่ใครก็ตามที่สัมผัสเปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์ก็จะมอดไหม้เป็นจุล  ตราบใดที่พวกเขาสัมผัสเปลวเพลิงแม้แต่นิ้วเดียวเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะดับเปลวเพลิงได้ ไม่ว่าพวกเขาจะพยายามอย่างไร เพลิงศักดิ์สิทธิ์จะแผดเผาจนวิญญาณของพวกเขาหายไปไม่เหลือ

โชคดีที่ม่านพลังงานยังคงใช้งานได้บ้าง เพลิงทองศักดิ์สิทธิ์ปลดปล่อยแรงกดดันที่รุนแรงทำให้สีหน้าของทุกคนบิดเบี้ยวน่าเกลียด  ความสิ้นหวังเต็มอยู่ในหัวใจ  สิ่งที่พวกเขาสามารถยินดีได้ก็คือเพลิงศักดิ์สิทธิ์ไม่ถูกใครจัดการจะลอยอยู่ในท้องฟ้า ม่านพลังงานสามารถคงอยู่ได้ระยะเวลาหนึ่งซึ่งเป็นการจรรโลงใจให้พวกเขา

เมืองหิมะที่เคยคึกคักแต่เดิมกลายเป็นเงียบไม่มีเสียงร้อง หรือเจ็บปวดราวกับว่าเป็นเมืองตายแล้ว

เพียงแต่พื้นที่โดยรอบกลุ่มการค้าเมซฟิลด์ยังมีสัญลักษณ์ของชีวิต

ถังเทียนและพวกกำลังทำงานอย่างหนักและทำการทดสอบ  แต่พวกเขาแตกต่างจากผู้รอดอยู่คนอื่นๆ  สิ่งที่พวกเขาทดสอบก็คือขุนพลวิญญาณ  แม้ว่าพวกเขาจะเข้าใจความตั้งใจของวิหาร  นั่นไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะหลบหนีได้  บรรยากาศตึงเครียดมากเนื่องจากทุกคนรู้ว่าถ้าพวกเขาไม่พบหนทางก่อนที่ศัตรูจะแข็งแกร่งมากขึ้น  พวกเขาจะตกอยู่ในอันตรายแท้จริง

ไม่มีใครมั่นใจความสนใจในขุนพลวิญญาณของวิหาร  แต่ไม่มีใครสงสัย  ถังเทียนแสดงความตั้งใจจะคลี่คลายของเขา  เขาทุ่มเททุกอย่างกับขุนพลวิญญาณโดยไม่ลังเล

เสี่ยวม่านและอาซิ่นเผชิญกับเพลิงศักดิ์สิทธิ์อย่างระมัดระวัง

วิหารใช้เวลามากมายในการก่อตัวและเสียสละชีวิตมากมาย ดังนั้นเพลิงศักดิ์สิทธิ์เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในแผนการ

เพลิงศักดิ์สิทธิ์สามารถเสริมพลังให้กับขุนพลวิญญาณนั่นเป็นการเชื่อมโยงที่ง่ายที่สุด

ขุนพลวิญญาณของเสี่ยวม่านทั้งหมดจะมีสติปัญญาที่ด้อย  แม้ว่าพวกเขาจะสามารถฟังคำสั่งได้แต่จะให้พวกเขาได้รับการรู้แจ้งก็เหมือนกับสีซอให้ควายฟัง มีแต่เสี่ยวม่านและอาซิ่นที่สามารถคลี่คลายความลับของเพลิงศักดิ์สิทธิ์ได้

กองพลเกราะเทพเจ้ารักษาม่านพลังปกป้องเอาไว้  และลดการใช้แรงงานลงอย่างสิ้นเชิง  แต่เป็นเรื่องที่จนใจ  ไม่มีการปกป้องด้วยม่านพลัง  ทุกคนจะตกอยู่ในอันตราย

โชคดีที่แม้แต่จี๋เจ๋อและพวกไม่ต้องปรับม่านพลังงาน  พวกเขาเริ่มแสดงสัญญาณของการก้าวหน้าภายใต้ความเข้มข้นด้านพลังงานสูงในการระดับสายใยกฎธรรมชาติ

พวกเขาควบคุมม่านพลังงานได้ง่ายดาย  แต่ไม่นานต่อมาพวกเขาเริ่มรู้สึกลำบากเล็กน้อย

“พลังงานเข้มข้นกำลังเลื่อนลงมา!”  จี๋เจ๋อตะโกน  “เดี๋ยวก่อน, ไม่สิ! เพลิงศักดิ์สิทธิ์กำลังเปลี่ยนแปลงไปเป็นคุณสมบัติพลังงานแสงรังสี!”

สีหน้าของทุกคนกลายเป็นเคร่งเครียดมากขึ้น  วิหารไร้เมตตาอย่างแท้จริง  พวกเขาจะไม่ให้โอกาสใครเลย  เพลิงศักดิ์สิทธิ์แปลงพลังงานทั้งหมดในอากาศเป็นพลังงานแสงรังสี  ไม่เพียงแต่จะทำให้ศัตรูอ่อนแอเท่านั้น แต่ยังเสริมพลังให้พวกเขาเองเป็นการใช้กระสุนนัดเดียวยิงนกได้สองตัว

แม้กระทั่งจี๋เจ๋อและพวกเป็นกลวิธีใช้กฎธรรมชาติป้องกันโดยไม่ใช้พลังงาน

บรรยากาศตึงเครียดมากยิ่งขึ้น  ทุกคนรู้สึกมีแรงกดดัน

ซือหม่าเซี่ยวกัดฟันเรียกโกวอี้ออกมา และร่วมในการจัดอันดับการคลี่คลายเพลิงศักดิ์สิทธิ์  รัศมีของโกวอี้อ่อนโยนและสงวนพลังซึ่งตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิงกับรัศมีเพลิงศักดิ์สิทธิ์ทำให้โกวอี้กลัวต่อเพลิงศักดิ์สิทธิ์ตามสัญชาตญาณ

แต่ขณะนั้นทุกส่วนในการเพิ่มความแข็งแกร่งกลายเป็นเรื่องสำคัญ

ซือหม่าเซี่ยวแข็งใจและออกคำสั่งโกวอี้  โกวอี้มองเขา ดวงตาที่มีเสน่ห์ของนางกระจ่างใสเหมือนน้ำ นางไม่พูดอะไรและลอยตัวไปที่กลุ่มเพลิงศักดิ์สิทธิ์เล็กๆ

สายตาของโกวอี้เหมือนกับมีดกรีดใจของซือหม่าเซี่ยวเขารู้สึกแย่ ได้แต่กัดริมฝีปากบังคับตนเองไม่ให้ทำอะไรเกินเลย

เมื่อพวกเขายังอยู่ในกลุ่มดาวแมงป่อง  โกวอี้ช่วยเขาชิงตำแหน่งราชาแมงป่อง  แต่โกวอี้เป็นเครื่องมือในสายตาของเขาเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์มาก แต่หลังจากเข้าแดนบาป โกวอี้ดูมีชีวิตชีวามากขึ้น  และอารมณ์ที่เขามีต่อโกวอี้เปลี่ยนไป

แต่เวลานั้น แม้แต่พลังของนางก็แป็นที่ต้องการ

ถังเทียนไม่สามารถช่วยด้วยเพลิงศักดิ์สิทธิ์ได้  ดังนั้นเขาให้ความสนใจปมด้านอื่น  เขาเริ่มศึกษาแสงลงทัณฑ์ ไม่เพียงแต่แสงลงทัณฑ์สามารถผนึกทวีปเซียนได้เท่านั้นแต่ยังตรึงท้องฟ้าไว้ได้ ป้องกันคนไม่ให้บิน ในการสู้รบ ความสามารถในการบินเป็นสิ่งสำคัญมาก ไม่สามารถบินได้ก็หมายความว่าคนผู้นั้นจะเสียเปรียบตั้งแต่เริ่มรบ  และเป็นความเสียเปรียบอย่างมากมาย  ศัตรูสามารถครอบครองพื้นที่ได้อย่างสมบูรณ์และเริ่มโจมตีได้โดยตรง

ถ้าพวกเขาสามารถทำลายการตรึงจากลำแสงลงทัณฑ์ได้  พวกเขาก็สามารถบินได้  และนั่นจะมีผลยิ่งใหญ่ต่อการสู้รบ

ถังเทียนหลบเพลิงศักดิ์สิทธิ์รอบตัวเขาอย่างระมัดระวังและมาถึงด้านข้างลำแสงลงทัณฑ์

ลำแสงขนาดใหญ่หนายิงขึ้นสู่ท้องฟ้าและเมื่อเขาเข้าไปใกล้  เขาสามารถรู้สึกได้ถึงความสง่างามของมัน

ถังเทียนค้นพบอย่างหนึ่งได้โดยเร็ว

เมื่อเขาเข้าไปใกล้ลำแสงที่รุนแรง รัศมีที่โดดเด่นสง่างามที่เพลิงศักดิ์สิทธิ์ครอบงำลดลงและแทนที่ด้วยพลังผันผวนไม่เหมือนใคร

ถังเทียนประหลาดใจ เขารู้สึกได้ถึงความรู้สึกคุ้นเคยกับพลังผันผวนที่เป็นเอกลักษณ์เหมือนกับว่าเขาเคยเห็นมาก่อน ถังเทียนเค้นสมองคิด ขณะที่เขาพยายามค้นหาความทรงจำของเขา พยายามค้นดูว่าเขาเคยเห็นพลังผันผวนแบบนั้นที่ไหนมาก่อน

เขามีลางสังหรณ์ว่าอาจจะทำให้มีความก้าวหน้าได้!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด