ตอนที่ 921 ล้างแค้น!
ทหารทุกคนและขุนพลต่างถูกความลับสะเทือนฟ้าดินนี้ครอบงำจนตกตะลึง และพวกเขาปากอ้าค้าง ถูกแล้วเรื่องเช่นนั้นเกินกว่าที่พวกเขาจะจินตนาการได้แม้ว่าพวกเขาจะตกตะลึงกับหลายสิ่งหลายอย่างก็ตาม
แม้แต่แม่ทัพเฒ่าและเล่าถังก็ยังตะลึงไปด้วยแม้เมื่อได้ยินจากปากของมู่จือเสีย พวกเขาสามารถได้ยินความบ้าคลั่งและหลงใหลสำหรับวิหาร แม่ทัพเฒ่ากลายเป็นขุนพลวิญญาณหลังจากตายไปแล้ว แต่เขาไม่เคยคิดว่าเพื่อประโยชน์สร้างวิหารใหม่ ประมุขผู้อาวุโสตั้งใจจะกลายเป็นขุนพลวิญญาณเสียเอง
เขาทิ้งชีวิตตัวเองและเสี่ยงเพื่อวิหาร
เขาต้องถอนการเหยียดหยามและการเยาะเย้ยที่เขามีต่อความปรารถนาชีวิตอมตะของประมุขผู้อาวุโสเพราะเขาถามตัวเองตามตรง ‘แล้วข้าเล่า?’
ไม่มีความจำเป็นที่เขาจะเป็นผู้นำกองทัพดาวกางเขนใต้ตลอดไป ตราบใดที่เขายินดีชนะสงคราม เขาจะไม่ลังเลอะไรทั้งนั้น ไม่เพียงแต่เขาเท่านั้น ใครก็ตามในกองทัพก็ทำได้เหมือนกัน
ชีวิตคือสิ่งที่มีค่า สามารถเพลิดเพลินกับความอบอุ่นของดวงอาทิตย์ รู้สึกถึงเสียงหัวใจเต้นเร็วกว่าเวลาเป็นสิ่งที่ไร้อารมณ์ เยือกเย็นและเต็มไปด้วยความน่ากลัว แต่มีเรื่องสองสามอย่างเสมอ เรื่องให้ฝันที่ทำให้คนผู้หนึ่งเอาชนะความปรารถนาจจะมีชีวิตอยู่ได้นาน นั่นทำให้คนอื่นเอาชนะความกลัวเวลา และมีคนที่ทุ่มเททุกอย่างเพื่อให้เข้าใกล้ให้ได้
ผู้บัญชาการเฒ่ายังคงเงียบสงบ
ประมุขผู้อาวุโสเลือดเย็นและเห็นชีวิตมนุษย์เหมือนกับผักปลา เขาบ้าคลั่งและไร้เหตุผล แต่เขาคือเขา ท่านสามารถปฏิเสธเขาได้ แต่ท่านไม่สามารถเหยียดหยามเขาท่านไม่ชอบเขาได้ แต่ท่านไม่อาจประมาทเขา
เขาคือศัตรูที่น่ากลัวคนหนึ่ง
คนที่บ้าคลั่งจนถึงขนาดไม่สนใจชีวิตตนเองมนุษย์เลือดเย็นผู้เห็นชีวิตมนุษย์มากมายเป็นแค่เพียงตัวเลข ไม่มีมีความกลัวในสนามรบ และสามารถทำอะไรก็ได้เพื่อให้ชนะ
“เขาทำสำเร็จ” เสียงของมู่จือเสียดังขึ้นเหมือนกับถูกซ้อนด้วยเพลิงศักดิ์สิทธิ์ ดูค่อนข้างสง่าเสียงที่ทหารทั้งหมดคุ้นเคยด้วย แต่ขณะเดียวกันแม้แต่มู่จือเสียเองก็เกลียดและไม่เต็มใจ เพลิงศักดิ์สิทธิ์ไหลอยู่ใต้ผิวของเขากลายมีชีวิตชีวามากขึ้น ทุกคนซึมซับกับคำพูดของมู่จือเสียจนพวกเขาไม่ทันสังเกตว่ากระดูกนิ้วของเขาที่ถูกเพลิงศักดิ์สิทธิ์ห่อหุ้มกำลังละลายเงียบๆ
มู่จือเสียมองดูเหมือนกับว่าเขาไม่รู้สึกถึงมัน “โอกาสสำเร็จ 10%แต่เขาทำได้สำเร็จ เขากลายเป็นผู้อาวุโสของวิหารที่ทรงพลังที่สุด และทุกคนที่อยู่ต่อหน้าเขาต้องเชื่อฟังเขา เขาออกคำสั่งในนามวิหาร เพื่อไม่ให้ใครรู้ว่าเขากลายเป็นขุนพลวิญญาณ เขากลายเป็นคนเก็บตัวและใช้เพลิงศักดิ์สิทธิ์หุ้มคลุมตัวเขาไว้ ทุกคนคิดว่าประมุขผู้อาวุโสใช้วิธีพิเศษฝึกเพลิงศักดิ์สิทธิ์และไม่มีใครคาดว่าเป็นขุนพลวิญญาณต่างหากที่อยู่ภายในเพลิงศักดิ์สิทธิ์”
ทุกคนที่อยู่รอบตัวมีอาการผสมปนเปทั้งตกใจและรับรู้ ทุกคนรู้ว่าตลอดทั้งตัวของประมุขผู้อาวุโสถูกห่อคลุมรอบด้วยเพลิงศักดิ์สิทธิ์ แต่ไม่มีใครคิดว่าจะถูกแยกเป็นความลับ
เล่าถังมองดูมู่จือเสียแสงรัศมีของเพลิงศักดิ์สิทธิ์เริ่มปะทุจากตัวมู่จือเสีย เขาถาม “อย่างนั้นเกิดอะไรขึ้นกับท่าน?”
“ข้าน่ะหรือ? นี่เป็นปัญหาที่แตกต่างออกไป” มู่จือเสียยิ้มขมขื่น แสงเริ่มฉีกหน้าของเขาทำให้หน้าของเขาดูแปลกประหลาด “ประมุขผู้อาวุโสรู้ว่าถ้าเขาจะต้องมีชีวิตไม่มีที่สิ้นสุด เขาเพียงคนเดียวไม่อาจตระหนักรู้ถึงความฝันของเขาได้ เขาต้องการให้คนมากมายได้เห็นเป้าหมายเดียวกันเหมือนเขา ข้าไม่ได้เกิดจากตระกูลสูงส่ง และได้รับการร้องขอจากเขา แต่ข้าปฏิเสธ ข้าไม่ต้องการกลายเป็นขุนพลวิญญาณ ชีวิตของข้าถูกกำหนดต้องมอบให้วิหาร แต่ข้าหวังว่าจะได้พักอย่างสงบหลังตาย เพราะเวลายาวนานที่สุดทำให้ข้ารู้สึกกลัว ประมุขผู้อาวุโสไม่ได้ลงโทษข้า แต่เพื่อป้องกันไม่ให้ความลับรั่วไหล เขาทิ้งบางอย่างไว้ในตัวข้า สิ่งนี้เพิ่มจะทำงานในบัดนี้”
“รักษาได้หรือไม่?” แม่ทัพเฒ่าถาม มู่จือเสียให้เกียรติคู่ต่อสู้ เขาไม่ต้องการให้มนุษย์ตายในลักษณะนั้น
แม่ทัพเฒ่าเป็นหนึ่งในคนรุ่นเก่า เพื่อผลประโยชน์ของเขา วีรบุรุษอย่างมู่จือเสียควรจะตายในสมรภูมิและไม่ใช่ตายด้วยแผนการลับบางอย่าง
“ไม่มีทางรักษา” มู่จือเสียตอบ “เขาจะไม่สร้างความผิดพลาดอย่างนั้น”
แม่ทัพเฒ่ารู้ว่ามู่จือเสียกำลังพูดเรื่องประมุขผู้อาวุโส
“ทวีปเซียน, เกิดอะไรขึ้นกับทวีปเซียน? นายท่าน ท่านเพิ่งพูดถึงทวีปเซียนไปเมื่อเร็วๆนี้เอง?”
ทันใดนั้นทหารคนหนึ่งถามอย่างเร่งด่วน ทหารที่อยู่รอบๆ เขามองดูเป็นกังวล ครอบครัวของเขาอยู่ในทวีปเซียน และพวกเขาอดมีลางสังหรณ์อัปมงคลไม่ได้
มู่จือเสียยังคงเงียบ เขาเอ่ยปาก แต่เขารู้สึกว่าความเจ็บปวดเสียดแทงหัวใจของเขาจนพูดอะไรไม่ออก
“นายท่าน! ได้โปรด!” ทหารคุกเข่ากับพื้น คำนับและเริ่มขอร้อง “นายท่าน, ผู้น้อยติดตามท่านมาหลายปีแล้ว ได้โปรดบอกเรา”
“นายท่าน!” ทหารทุกคนของกองทัพมู่จือเสียคุกเข่า พวกเขาอ้อนวอน
มู่จือเสียหัวเราะ “ทวีปเซียน ไม่มีต่อไปอีกแล้ว ข้ารู้ว่าพวกเขามีแผน แต่ข้าไม่รู้รายละเอียดเล็กน้อย ข้าเพียงรู้คร่าวๆ เมื่อวิหารถูกต้อนเข้ามุม พวกเขาจะไม่สนใจทุกอย่างและเปลี่ยนเป็นขุนพลวิญญาณ หลังจากนั้น...”
อากาศรอบตัวดูเหมือนจะหายไปและเวลาเหมือนกับจะหยุดลง ทหารไม่กล้าหายใจ ขณะที่พวกเขามองดูมู่จือเสียด้วยสีหน้าซีดขาว
“หลังจากนั้นพวกเขาจะใช้เพลิงศักดิ์สิทธิ์ในทวีปเซียนเพื่อปฏิวัติ”
มู่จือเสียพูดด้วยเสียงสั่นสะท้านเต็มไปด้วยความเสียใจและเขาไม่รู้ว่าเขายังเหลือความแข็งแรงจนพูดคำเหล่านั้นออกมาได้ยังไง
เหมือนกับว่าเขาสามารถเห็นสมาชิกครอบครัวของตัวเขาเองเปลี่ยนแปลงโศกเศร้าอยู่ในเพลิงศักดิ์สิทธิ์ ถูกกลืนโดยขุนพลวิญญาณ
เลือดยังคงไหลออกจากหน้าของเขาและไหลลงพื้น
“ไม่....” ทหารอยู่ในอาการตกใจ ใจของเขาว่างเปล่า เขาพึมพำ “ไม่มีทาง เราสู้เพื่อวิหาร เราเป็นคนของวิหาร วิหารทำแบบนั้นกับครอบครัวของเราได้ยังไง....”
ทหารคนอื่นเอามือกุมศีรษะ ตาของพวกเขาเต็มไปด้วยอาการงุนงง ขณะที่บางคนมีความกลัวและสิ้นหวัง
“เมล็ดพันธุ์ที่ถูกฝังไว้ในตัวข้าเริ่มทำงานแล้ว ข้าสามารถรู้สึกได้ว่าทวีปเซียนไม่คงอยู่อีกต่อไปแล้ว, ครอบครัวของพวกเรา...” มู่จือเสียหัวเราะ เขารู้สึกว่าเขาโง่เกินไป เขามอบชีวิตให้กับองค์กรแบบนี้และแม้แต่สมาชิกครอบครัวของเขาเหมือนถูกวางอยู่บนโต๊ะ
หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความเกลียด เกลียดตัวเองที่เข้าร่วมกับวิหาร สู้เพื่อวิหารรวมทั้งครอบครัวของเขาด้วย
บางครั้งเขาได้ยินข่าวมาเป็นครั้งคราวแต่ไม่เคยจดจำไว้ในใจ เพราะเขารู้สึกว่าตราบใดที่ประมุขผู้อาวุโสยังมีเหตุผลเขาคงจะไม่ดำเนินการตามแผน ทวีปเซียนเป็นรากฐานของวิหารที่ซึ่งพลเมืองของพวกเขาอาศัยอยู่ แม้แต่บรรดาสาวกผู้มีศรัทธาและคนในตระกูลและญาติมิตรของวิหารรวมอยู่ด้วย ถ้าวิหารดำเนินการตามแผนก็เท่ากับว่าขุดรากฐานของตนเองไม่ใช่หรือ? ใครจะกล้าติดตามวิหารที่ยินทำร้ายเลือดเนื้อของตนเอง และผู้ติดตามพวกเขาเล่า?
‘แม้ว่าประมุขผู้อาวุโสจะบ้าไปแล้ว แต่เขาเป็นคนมีปัญญาไม่ควรจะทำเรื่องโง่เขลาอย่างนี้’
‘ข้าเป็นคนโง่คนหนึ่ง!’
‘เป็นเพราะข้าทำร้ายทุกคน!’
‘แต่น่าเสียดาย, ข้าไม่สามารถล้างแค้นได้...’
คลื่นเพลิงศักดิ์สิทธิ์พลุกพล่านออกมาจากร่างของเขา ในพริบตา เขากลายเป็นมนุษย์ที่ไฟลุกไหม้ เพลิงศักดิ์สิทธิ์สีขาวลุกโพลงรุนแรง มู่จือเสียรู้สึกได้ว่าร่างของเขาเบาลงๆควมเจ็บปวดจากการถูกเผาวิญญาณทำให้สติสัมปชัญญะของเขาเลือนราง และเขารวบรวมพลังครั้งสุดท้ายตะโกนขณะสั่นสะท้าน
“ล้างแค้น! ล้างแค้น! ล้างแค้น!”
ปัง!
เพลิงศักดิ์สิทธิ์ปะทุออกและกลืนร่างมู่จือเสียให้เงียบสนิทอยู่ในเปลวเพลิง
ทหารทุกคนตะลึง พวกเขากระโจนเข้าหาเพลิงศักดิ์สิทธิ์อย่างบ้าคลั่งต้องการจะลากมู่จือเสียออกมา
เล่าถังและแม่ทัพเฒ่ามีปฏิกิริยารวดเร็ว พวกเขาขัดขวางทหารที่ควบคุมตัวเองไม่ได้สูญเสียอารมณ์ ทหารที่บ้าคลั่งของมู่จือเสียไม่สนใจอะไรทุกอย่าง พวกเขาอ้อนวอนทั้งกัดทั้งเตะต่อยใส่ทหารจักรกลพร้อมกับหลั่งน้ำตาเต็มหน้า
“อย่าทำร้ายพวกเขา” เล่าถังไม่สามารถทำอะไรได้ และได้แต่เตือนทหาร
กองทัพดาวกางเขนใต้พากันเงียบทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นทหารศัตรูยังไงก็ตาม กลุ่มทหารจักรกลได้แต่จับยึดตัวพวกเขาไว้ พวกเขาก็รู้สึกไม่สบายใจเช่นกัน
เพลิงศักดิ์สิทธิ์ลุกโพลงในพริบตา ศพของมู่จือเสียก็มอดไหม้อย่างสิ้นเชิง และไม่มีอะไรเหลืออยู่ในกองไฟ
ทหารของมู่จือเสียทุกคนหยุดนิ่งเหมือนกับว่าพวกเขามึนงงจ้องมองเพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่ว่างเปล่า
พวกเขาได้แต่หวนไห้อยู่ในใจ
พวกทหารที่ปีนป่ายอยู่บนตัวหุ่นจักรกลโกรธและมีทั้งควันและฝุ่นเปรอะเปื้อนไปหมด พวกเขาร้องไห้โหยหวน พวกเขาปีนลงมาจากหุ่นจักรกลและทรุดตัวกับฝุ่น
หน้าของพวกเขาซบลงกับพื้น ฝ่ามือของพวกเขากำฝุ่นไว้แน่น พวกเขาร้องเรียกชื่อสมาชิกครอบครัวพวกเขาร้องเรียกมู่จือเสีย พวกเขาต้องการไขว่คว้าบางอย่าง แต่ไม่สามารถคว้าอะไรไว้ได้ พวกเขาเอาหัวโขกและขดตัวรู้สึกว่าไร้ประโยชน์และสิ้นหวัง
พวกเขายอมรับความตายในสนามรบด้วยการยอมทิ้งศพไว้ในถิ่นทุรกันดาร นั่นคือความรับผิดชอบของพวกเขาซึ่งพวกเขาไม่สามารถปกปิดไว้ได้ แต่ครอบครัวของพวกเขากลายเป็นปุ๋ยให้กับวิหาร ความจนใจความโศกเศร้าและความสิ้นหวังครอบคลุมหัวใจพวกเขา
ความเชื่อถือและความคิดทั้งหมดแตกกระจัดกระจาย พวกเขารู้ว่าครอบครัวของพวกเขาตายแล้วและพวกเขามองดูเจ้านายที่พวกเขาเคารพอย่างสูงถูกเผาเหลือแต่เถ้าถ่านต่อหน้าเขาคนที่แข็งแกร่งเหล่านี้รอดชีวิตมาได้โดยไม่พ่ายแพ้นับครั้งไม่ถ้วน แต่กลับพังทลายในขณะนั้น
เล่าถังและแม่ทัพเฒ่าแสดงอารมณ์เศร้าใจมันคือความจริงที่โหดร้ายและฉากภาพที่น่าสะเทือนใจคือสิ่งที่หัวใจพวกเขาไม่สามารถรับได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกเขาได้ยินทหารกรีดร้องเรียกชื่อของสตรีของครอบครัวพวกเขาเสียงร้องคร่ำครวญน่าสะเทือนใจ จนพวกเขาต้องหันหน้าไปอีกทาง
‘นี่เป็นเรื่องโหดร้ายที่สุดในโลก’
‘เป็นเรื่องบ้าที่สุดเท่าที่เคยมีมา!’
ทหารทุกคนเดินสู่แนวหน้าต่อสู้เพื่อวิหาร แต่วิหารกลับทำร้ายครอบครัวพวกเขา!
ความโกรธแค้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนทะลักขึ้นในใจของแม่ทัพนายกองทุกคน แม้ว่าพวกเขาจะเป็นศัตรูของพวกเขา แต่ขณะนั้นพวกเขาแบ่งปันความรู้สึกเกลียดต่อคนๆเดียว และทุกคนต้องการหั่นประมุขผู้อาวุโสให้เป็นชิ้นๆ
พวกเขาเห็นใจ ทุกคนเป็นทหารที่ออกสู่สนามรบดังนั้นจึงมีความรู้สึกที่ลึกซึ้งเห็นอกเห็นใจ
แม่ทัพเฒ่ามองดูทหารมือดีทั้งหมดด้วยสายตาว่างเปล่าด้วยความรู้สึกแย่ ‘ไม่ควรจะเป็นอย่างนี้เลย บุรุษผู้แข็งแกร่งเหล่านี้ ไม่ควรจะเป็นเช่นนี้’
เขาสูดหายใจลึกจากนั้นตะโกนลั่น “พวกเจ้าทุกคนหุบปากให้กับข้าเดี๋ยวนี้!”
ทหารทุกคนเงยหน้าขึ้นทันที
“พวกเจ้าทุกคน,ลืมคำสั่งเสียของมู่จือเสียก่อนตายแล้วหรือ? พวกเจ้าลืมไปแล้วหรือว่ามหาสมุทรแห่งความเกลียดชังของพวกเจ้าลึกล้ำเพียงไหน? พวกเจ้าลืมไปแล้วหรือ ว่าใครเป็นฆาตกรหลัก?”
เสียงของประมุขผู้อาวุโสดังผ่านสนามรบและดวงตาที่ลึกของทหารของมู่จือเสียทุกคนเริ่มมีประกาย
“ล้างแค้น ล้างแค้น ล้างแค้น!”
แม่ทัพใหญ่มองดูรอบๆรังสีอำมหิตของเขาท่วมฟ้า