ตอนที่แล้วตอนที่ 920 ความลับสะท้านฟ้า
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 922 ค้นหาช่องโหว่

ตอนที่ 921 ล้างแค้น!


ทหารทุกคนและขุนพลต่างถูกความลับสะเทือนฟ้าดินนี้ครอบงำจนตกตะลึง  และพวกเขาปากอ้าค้าง  ถูกแล้วเรื่องเช่นนั้นเกินกว่าที่พวกเขาจะจินตนาการได้แม้ว่าพวกเขาจะตกตะลึงกับหลายสิ่งหลายอย่างก็ตาม

แม้แต่แม่ทัพเฒ่าและเล่าถังก็ยังตะลึงไปด้วยแม้เมื่อได้ยินจากปากของมู่จือเสีย พวกเขาสามารถได้ยินความบ้าคลั่งและหลงใหลสำหรับวิหาร  แม่ทัพเฒ่ากลายเป็นขุนพลวิญญาณหลังจากตายไปแล้ว  แต่เขาไม่เคยคิดว่าเพื่อประโยชน์สร้างวิหารใหม่ ประมุขผู้อาวุโสตั้งใจจะกลายเป็นขุนพลวิญญาณเสียเอง

เขาทิ้งชีวิตตัวเองและเสี่ยงเพื่อวิหาร

เขาต้องถอนการเหยียดหยามและการเยาะเย้ยที่เขามีต่อความปรารถนาชีวิตอมตะของประมุขผู้อาวุโสเพราะเขาถามตัวเองตามตรง  ‘แล้วข้าเล่า?’

ไม่มีความจำเป็นที่เขาจะเป็นผู้นำกองทัพดาวกางเขนใต้ตลอดไป  ตราบใดที่เขายินดีชนะสงคราม  เขาจะไม่ลังเลอะไรทั้งนั้น  ไม่เพียงแต่เขาเท่านั้น  ใครก็ตามในกองทัพก็ทำได้เหมือนกัน

ชีวิตคือสิ่งที่มีค่า  สามารถเพลิดเพลินกับความอบอุ่นของดวงอาทิตย์  รู้สึกถึงเสียงหัวใจเต้นเร็วกว่าเวลาเป็นสิ่งที่ไร้อารมณ์ เยือกเย็นและเต็มไปด้วยความน่ากลัว แต่มีเรื่องสองสามอย่างเสมอ เรื่องให้ฝันที่ทำให้คนผู้หนึ่งเอาชนะความปรารถนาจจะมีชีวิตอยู่ได้นาน  นั่นทำให้คนอื่นเอาชนะความกลัวเวลา  และมีคนที่ทุ่มเททุกอย่างเพื่อให้เข้าใกล้ให้ได้

ผู้บัญชาการเฒ่ายังคงเงียบสงบ

ประมุขผู้อาวุโสเลือดเย็นและเห็นชีวิตมนุษย์เหมือนกับผักปลา  เขาบ้าคลั่งและไร้เหตุผล  แต่เขาคือเขา ท่านสามารถปฏิเสธเขาได้  แต่ท่านไม่สามารถเหยียดหยามเขาท่านไม่ชอบเขาได้  แต่ท่านไม่อาจประมาทเขา

เขาคือศัตรูที่น่ากลัวคนหนึ่ง

คนที่บ้าคลั่งจนถึงขนาดไม่สนใจชีวิตตนเองมนุษย์เลือดเย็นผู้เห็นชีวิตมนุษย์มากมายเป็นแค่เพียงตัวเลข  ไม่มีมีความกลัวในสนามรบ  และสามารถทำอะไรก็ได้เพื่อให้ชนะ

“เขาทำสำเร็จ” เสียงของมู่จือเสียดังขึ้นเหมือนกับถูกซ้อนด้วยเพลิงศักดิ์สิทธิ์  ดูค่อนข้างสง่าเสียงที่ทหารทั้งหมดคุ้นเคยด้วย แต่ขณะเดียวกันแม้แต่มู่จือเสียเองก็เกลียดและไม่เต็มใจ เพลิงศักดิ์สิทธิ์ไหลอยู่ใต้ผิวของเขากลายมีชีวิตชีวามากขึ้น ทุกคนซึมซับกับคำพูดของมู่จือเสียจนพวกเขาไม่ทันสังเกตว่ากระดูกนิ้วของเขาที่ถูกเพลิงศักดิ์สิทธิ์ห่อหุ้มกำลังละลายเงียบๆ

มู่จือเสียมองดูเหมือนกับว่าเขาไม่รู้สึกถึงมัน  “โอกาสสำเร็จ 10%แต่เขาทำได้สำเร็จ เขากลายเป็นผู้อาวุโสของวิหารที่ทรงพลังที่สุด  และทุกคนที่อยู่ต่อหน้าเขาต้องเชื่อฟังเขา  เขาออกคำสั่งในนามวิหาร เพื่อไม่ให้ใครรู้ว่าเขากลายเป็นขุนพลวิญญาณ  เขากลายเป็นคนเก็บตัวและใช้เพลิงศักดิ์สิทธิ์หุ้มคลุมตัวเขาไว้ ทุกคนคิดว่าประมุขผู้อาวุโสใช้วิธีพิเศษฝึกเพลิงศักดิ์สิทธิ์และไม่มีใครคาดว่าเป็นขุนพลวิญญาณต่างหากที่อยู่ภายในเพลิงศักดิ์สิทธิ์”

ทุกคนที่อยู่รอบตัวมีอาการผสมปนเปทั้งตกใจและรับรู้ ทุกคนรู้ว่าตลอดทั้งตัวของประมุขผู้อาวุโสถูกห่อคลุมรอบด้วยเพลิงศักดิ์สิทธิ์  แต่ไม่มีใครคิดว่าจะถูกแยกเป็นความลับ

เล่าถังมองดูมู่จือเสียแสงรัศมีของเพลิงศักดิ์สิทธิ์เริ่มปะทุจากตัวมู่จือเสีย  เขาถาม “อย่างนั้นเกิดอะไรขึ้นกับท่าน?”

“ข้าน่ะหรือ? นี่เป็นปัญหาที่แตกต่างออกไป” มู่จือเสียยิ้มขมขื่น แสงเริ่มฉีกหน้าของเขาทำให้หน้าของเขาดูแปลกประหลาด  “ประมุขผู้อาวุโสรู้ว่าถ้าเขาจะต้องมีชีวิตไม่มีที่สิ้นสุด เขาเพียงคนเดียวไม่อาจตระหนักรู้ถึงความฝันของเขาได้  เขาต้องการให้คนมากมายได้เห็นเป้าหมายเดียวกันเหมือนเขา  ข้าไม่ได้เกิดจากตระกูลสูงส่ง  และได้รับการร้องขอจากเขา  แต่ข้าปฏิเสธ ข้าไม่ต้องการกลายเป็นขุนพลวิญญาณ ชีวิตของข้าถูกกำหนดต้องมอบให้วิหาร แต่ข้าหวังว่าจะได้พักอย่างสงบหลังตาย เพราะเวลายาวนานที่สุดทำให้ข้ารู้สึกกลัว ประมุขผู้อาวุโสไม่ได้ลงโทษข้า แต่เพื่อป้องกันไม่ให้ความลับรั่วไหล เขาทิ้งบางอย่างไว้ในตัวข้า สิ่งนี้เพิ่มจะทำงานในบัดนี้”

“รักษาได้หรือไม่?”  แม่ทัพเฒ่าถาม มู่จือเสียให้เกียรติคู่ต่อสู้ เขาไม่ต้องการให้มนุษย์ตายในลักษณะนั้น

แม่ทัพเฒ่าเป็นหนึ่งในคนรุ่นเก่า  เพื่อผลประโยชน์ของเขา  วีรบุรุษอย่างมู่จือเสียควรจะตายในสมรภูมิและไม่ใช่ตายด้วยแผนการลับบางอย่าง

“ไม่มีทางรักษา”  มู่จือเสียตอบ “เขาจะไม่สร้างความผิดพลาดอย่างนั้น”

แม่ทัพเฒ่ารู้ว่ามู่จือเสียกำลังพูดเรื่องประมุขผู้อาวุโส

“ทวีปเซียน, เกิดอะไรขึ้นกับทวีปเซียน?  นายท่าน ท่านเพิ่งพูดถึงทวีปเซียนไปเมื่อเร็วๆนี้เอง?”

ทันใดนั้นทหารคนหนึ่งถามอย่างเร่งด่วน  ทหารที่อยู่รอบๆ เขามองดูเป็นกังวล  ครอบครัวของเขาอยู่ในทวีปเซียน  และพวกเขาอดมีลางสังหรณ์อัปมงคลไม่ได้

มู่จือเสียยังคงเงียบ  เขาเอ่ยปาก แต่เขารู้สึกว่าความเจ็บปวดเสียดแทงหัวใจของเขาจนพูดอะไรไม่ออก

“นายท่าน!  ได้โปรด!”  ทหารคุกเข่ากับพื้น คำนับและเริ่มขอร้อง  “นายท่าน, ผู้น้อยติดตามท่านมาหลายปีแล้ว  ได้โปรดบอกเรา”

“นายท่าน!”  ทหารทุกคนของกองทัพมู่จือเสียคุกเข่า  พวกเขาอ้อนวอน

มู่จือเสียหัวเราะ  “ทวีปเซียน ไม่มีต่อไปอีกแล้ว  ข้ารู้ว่าพวกเขามีแผน  แต่ข้าไม่รู้รายละเอียดเล็กน้อย  ข้าเพียงรู้คร่าวๆ  เมื่อวิหารถูกต้อนเข้ามุม  พวกเขาจะไม่สนใจทุกอย่างและเปลี่ยนเป็นขุนพลวิญญาณ  หลังจากนั้น...”

อากาศรอบตัวดูเหมือนจะหายไปและเวลาเหมือนกับจะหยุดลง ทหารไม่กล้าหายใจ ขณะที่พวกเขามองดูมู่จือเสียด้วยสีหน้าซีดขาว

“หลังจากนั้นพวกเขาจะใช้เพลิงศักดิ์สิทธิ์ในทวีปเซียนเพื่อปฏิวัติ”

มู่จือเสียพูดด้วยเสียงสั่นสะท้านเต็มไปด้วยความเสียใจและเขาไม่รู้ว่าเขายังเหลือความแข็งแรงจนพูดคำเหล่านั้นออกมาได้ยังไง

เหมือนกับว่าเขาสามารถเห็นสมาชิกครอบครัวของตัวเขาเองเปลี่ยนแปลงโศกเศร้าอยู่ในเพลิงศักดิ์สิทธิ์ ถูกกลืนโดยขุนพลวิญญาณ

เลือดยังคงไหลออกจากหน้าของเขาและไหลลงพื้น

“ไม่....” ทหารอยู่ในอาการตกใจ ใจของเขาว่างเปล่า  เขาพึมพำ  “ไม่มีทาง เราสู้เพื่อวิหาร เราเป็นคนของวิหาร วิหารทำแบบนั้นกับครอบครัวของเราได้ยังไง....”

ทหารคนอื่นเอามือกุมศีรษะ  ตาของพวกเขาเต็มไปด้วยอาการงุนงง  ขณะที่บางคนมีความกลัวและสิ้นหวัง

“เมล็ดพันธุ์ที่ถูกฝังไว้ในตัวข้าเริ่มทำงานแล้ว ข้าสามารถรู้สึกได้ว่าทวีปเซียนไม่คงอยู่อีกต่อไปแล้ว,  ครอบครัวของพวกเรา...”  มู่จือเสียหัวเราะ  เขารู้สึกว่าเขาโง่เกินไป  เขามอบชีวิตให้กับองค์กรแบบนี้และแม้แต่สมาชิกครอบครัวของเขาเหมือนถูกวางอยู่บนโต๊ะ

หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความเกลียด  เกลียดตัวเองที่เข้าร่วมกับวิหาร สู้เพื่อวิหารรวมทั้งครอบครัวของเขาด้วย

บางครั้งเขาได้ยินข่าวมาเป็นครั้งคราวแต่ไม่เคยจดจำไว้ในใจ เพราะเขารู้สึกว่าตราบใดที่ประมุขผู้อาวุโสยังมีเหตุผลเขาคงจะไม่ดำเนินการตามแผน ทวีปเซียนเป็นรากฐานของวิหารที่ซึ่งพลเมืองของพวกเขาอาศัยอยู่ แม้แต่บรรดาสาวกผู้มีศรัทธาและคนในตระกูลและญาติมิตรของวิหารรวมอยู่ด้วย  ถ้าวิหารดำเนินการตามแผนก็เท่ากับว่าขุดรากฐานของตนเองไม่ใช่หรือ? ใครจะกล้าติดตามวิหารที่ยินทำร้ายเลือดเนื้อของตนเอง และผู้ติดตามพวกเขาเล่า?

‘แม้ว่าประมุขผู้อาวุโสจะบ้าไปแล้ว  แต่เขาเป็นคนมีปัญญาไม่ควรจะทำเรื่องโง่เขลาอย่างนี้’

‘ข้าเป็นคนโง่คนหนึ่ง!’

‘เป็นเพราะข้าทำร้ายทุกคน!’

‘แต่น่าเสียดาย,  ข้าไม่สามารถล้างแค้นได้...’

คลื่นเพลิงศักดิ์สิทธิ์พลุกพล่านออกมาจากร่างของเขา  ในพริบตา เขากลายเป็นมนุษย์ที่ไฟลุกไหม้  เพลิงศักดิ์สิทธิ์สีขาวลุกโพลงรุนแรง  มู่จือเสียรู้สึกได้ว่าร่างของเขาเบาลงๆควมเจ็บปวดจากการถูกเผาวิญญาณทำให้สติสัมปชัญญะของเขาเลือนราง  และเขารวบรวมพลังครั้งสุดท้ายตะโกนขณะสั่นสะท้าน

“ล้างแค้น!  ล้างแค้น!  ล้างแค้น!”

ปัง!

เพลิงศักดิ์สิทธิ์ปะทุออกและกลืนร่างมู่จือเสียให้เงียบสนิทอยู่ในเปลวเพลิง

ทหารทุกคนตะลึง พวกเขากระโจนเข้าหาเพลิงศักดิ์สิทธิ์อย่างบ้าคลั่งต้องการจะลากมู่จือเสียออกมา

เล่าถังและแม่ทัพเฒ่ามีปฏิกิริยารวดเร็ว พวกเขาขัดขวางทหารที่ควบคุมตัวเองไม่ได้สูญเสียอารมณ์  ทหารที่บ้าคลั่งของมู่จือเสียไม่สนใจอะไรทุกอย่าง พวกเขาอ้อนวอนทั้งกัดทั้งเตะต่อยใส่ทหารจักรกลพร้อมกับหลั่งน้ำตาเต็มหน้า

“อย่าทำร้ายพวกเขา”  เล่าถังไม่สามารถทำอะไรได้ และได้แต่เตือนทหาร

กองทัพดาวกางเขนใต้พากันเงียบทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นทหารศัตรูยังไงก็ตาม กลุ่มทหารจักรกลได้แต่จับยึดตัวพวกเขาไว้  พวกเขาก็รู้สึกไม่สบายใจเช่นกัน

เพลิงศักดิ์สิทธิ์ลุกโพลงในพริบตา ศพของมู่จือเสียก็มอดไหม้อย่างสิ้นเชิง และไม่มีอะไรเหลืออยู่ในกองไฟ

ทหารของมู่จือเสียทุกคนหยุดนิ่งเหมือนกับว่าพวกเขามึนงงจ้องมองเพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่ว่างเปล่า

พวกเขาได้แต่หวนไห้อยู่ในใจ

พวกทหารที่ปีนป่ายอยู่บนตัวหุ่นจักรกลโกรธและมีทั้งควันและฝุ่นเปรอะเปื้อนไปหมด  พวกเขาร้องไห้โหยหวน  พวกเขาปีนลงมาจากหุ่นจักรกลและทรุดตัวกับฝุ่น

หน้าของพวกเขาซบลงกับพื้น  ฝ่ามือของพวกเขากำฝุ่นไว้แน่น  พวกเขาร้องเรียกชื่อสมาชิกครอบครัวพวกเขาร้องเรียกมู่จือเสีย  พวกเขาต้องการไขว่คว้าบางอย่าง  แต่ไม่สามารถคว้าอะไรไว้ได้ พวกเขาเอาหัวโขกและขดตัวรู้สึกว่าไร้ประโยชน์และสิ้นหวัง

พวกเขายอมรับความตายในสนามรบด้วยการยอมทิ้งศพไว้ในถิ่นทุรกันดาร นั่นคือความรับผิดชอบของพวกเขาซึ่งพวกเขาไม่สามารถปกปิดไว้ได้  แต่ครอบครัวของพวกเขากลายเป็นปุ๋ยให้กับวิหาร  ความจนใจความโศกเศร้าและความสิ้นหวังครอบคลุมหัวใจพวกเขา

ความเชื่อถือและความคิดทั้งหมดแตกกระจัดกระจาย  พวกเขารู้ว่าครอบครัวของพวกเขาตายแล้วและพวกเขามองดูเจ้านายที่พวกเขาเคารพอย่างสูงถูกเผาเหลือแต่เถ้าถ่านต่อหน้าเขาคนที่แข็งแกร่งเหล่านี้รอดชีวิตมาได้โดยไม่พ่ายแพ้นับครั้งไม่ถ้วน  แต่กลับพังทลายในขณะนั้น

เล่าถังและแม่ทัพเฒ่าแสดงอารมณ์เศร้าใจมันคือความจริงที่โหดร้ายและฉากภาพที่น่าสะเทือนใจคือสิ่งที่หัวใจพวกเขาไม่สามารถรับได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกเขาได้ยินทหารกรีดร้องเรียกชื่อของสตรีของครอบครัวพวกเขาเสียงร้องคร่ำครวญน่าสะเทือนใจ จนพวกเขาต้องหันหน้าไปอีกทาง

‘นี่เป็นเรื่องโหดร้ายที่สุดในโลก’

‘เป็นเรื่องบ้าที่สุดเท่าที่เคยมีมา!’

ทหารทุกคนเดินสู่แนวหน้าต่อสู้เพื่อวิหาร  แต่วิหารกลับทำร้ายครอบครัวพวกเขา!

ความโกรธแค้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนทะลักขึ้นในใจของแม่ทัพนายกองทุกคน  แม้ว่าพวกเขาจะเป็นศัตรูของพวกเขา  แต่ขณะนั้นพวกเขาแบ่งปันความรู้สึกเกลียดต่อคนๆเดียว และทุกคนต้องการหั่นประมุขผู้อาวุโสให้เป็นชิ้นๆ

พวกเขาเห็นใจ  ทุกคนเป็นทหารที่ออกสู่สนามรบดังนั้นจึงมีความรู้สึกที่ลึกซึ้งเห็นอกเห็นใจ

แม่ทัพเฒ่ามองดูทหารมือดีทั้งหมดด้วยสายตาว่างเปล่าด้วยความรู้สึกแย่  ‘ไม่ควรจะเป็นอย่างนี้เลย บุรุษผู้แข็งแกร่งเหล่านี้ ไม่ควรจะเป็นเช่นนี้’

เขาสูดหายใจลึกจากนั้นตะโกนลั่น  “พวกเจ้าทุกคนหุบปากให้กับข้าเดี๋ยวนี้!”

ทหารทุกคนเงยหน้าขึ้นทันที

“พวกเจ้าทุกคน,ลืมคำสั่งเสียของมู่จือเสียก่อนตายแล้วหรือ? พวกเจ้าลืมไปแล้วหรือว่ามหาสมุทรแห่งความเกลียดชังของพวกเจ้าลึกล้ำเพียงไหน?  พวกเจ้าลืมไปแล้วหรือ ว่าใครเป็นฆาตกรหลัก?”

เสียงของประมุขผู้อาวุโสดังผ่านสนามรบและดวงตาที่ลึกของทหารของมู่จือเสียทุกคนเริ่มมีประกาย

“ล้างแค้น ล้างแค้น  ล้างแค้น!”

แม่ทัพใหญ่มองดูรอบๆรังสีอำมหิตของเขาท่วมฟ้า

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด