ตอนที่ 921 ขาดไม่ได้
เจ้าเมืองจินหยางชื่อฟงจี มีบุคลิกเหมือนนักสู้เพียงแต่มีพลังระดับเตรียมปราณฟ้าเท่านั้น
พลังระดับนี้ นอกจากภูมิภาคสวนสวรรค์แล้ว ถ้าเขาไปเป็นเจ้าเมืองที่อื่นคาดได้ว่าเขาคงจะถูกกลุ่มโจรฆ่าตายเป็นแน่ แต่เมืองหลายสิบเมืองโดยรอบพลังอย่างเขาอาจกล่าวได้ว่าเป็นห้าสุดยอดฝีมือในแถบนี้ ในภูมิภาคสวนสวรรค์ยิ่งเป็นเมืองที่อยู่ใกล้ราชานั่นจะเป็นเขตสงครามอย่างเป็นทางการ และมีเจ้าเมืองที่มีพลังแข็งแกร่งยิ่งกว่า แนวเขตที่สองแนวเขตที่สามจะเป็นเจ้าเมืองที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสงครามโดยตรงส่วนใหญ่มีพลังระดับต่ำกว่าปราณฟ้า พลังปราณดินระดับหกก็มี
ฟงจีไม่ใช่เจ้าเมืองคนเก่าของเมืองจินหยาง
เขาเป็นนักเดินทางที่เข้ามาฝึกฝนในภูมิภาคสวนสวรรค์ เพราะเจ้าเมืองจินหยางคนเก่าถูกฆ่า องครักษ์และพ่อบ้านของเจ้าเมืองถูกฆ่าจึงไม่มีใครรับผิดชอบทำหน้าที่เจ้าเมือง ดังนั้นเขาจึงรับหน้าที่นี้ไว้เอง
นักผจญภัยอย่างเขาประสบความสำเร็จไม่ใช่ว่าจะหาได้ยากในภูมิภาคสวนสวรรค์
แม้ว่าพลังและคุณสมบัติของเจ้าเมืองรอบนอกภูมิภาคสวนสวรรค์จะไม่สูงมาก แต่ยังมีตำแหน่งเจ้าเมืองสองสามแห่งที่ยังว่างอยู่และไม่มีใครยอมรับภาระความยุ่งเหยิงไว้ดูแล ตัวอย่างเช่นไม่ไกลจากเมืองจินหยางยังมีเมืองหยางถี เพราะขาดแคลนแร่ธาตุ เป็นดินแดนกันดารเกิดภัยพิบัติที่มนุษย์สร้างขึ้น ประชาชนถูกรีดนาทาเร้นอย่างหนักต้องตกอยู่ในสภาพแร้นแค้นฝืดเคือง ดังนั้นไม่มีใครต้องการไปปกครองที่นั่น มีแค่กองทหารเล็กๆทำหน้าที่ดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยตามกฎหมาย หากกลุ่มพ่อค้าธุรกิจจากภายนอกจะส่งตัวแทนมารับหน้าที่เจ้าเมืองนั่นเป็นเรื่องที่นิยมทำกันมากในภูมิภาคสวนสวรรค์ ความแข็งแกร่งยังไม่ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ แต่จะต้องเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการรบ นอกจากนั้นฝ่ายปกครองเหนือกว่านั้นจะไม่ก้าวก่ายถึงการกระทำของเจ้าเมืองระดับล่างๆ
อาจกล่าวได้ว่าสถานที่อย่างเมืองจินหยางและเมืองหยางถีทั้งสองเมืองรอบนอกนี้ขาดแคลนรายได้พิเศษและถูกลืมเลือนมานานแล้ว
“เจ้าจะให้ข้าไปแลกเปลี่ยนอาหารมากมายขนาดนั้นได้ที่ไหน? ข้าเองก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน!” ฟงจีโมโหพ่อบ้านซาทง “ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากสนใจพลเมืองเหล่านั้น แต่มันไม่มีทาง! ข้าวชุดสุดท้ายมอบให้พวกเขาไปเพาะปลูกแล้ว ข้าจะไปรู้ได้ยังไงว่าคนพวกนี้ไม่รู้วิธีทำการหว่านไถหรือเพราะเมล็ดพันธุ์พืชทั้งตระกูลของข้าเองก็ไม่รู้เช่นกัน ข้าเองเป็นทหารรับจ้าง เพิ่งเข้ามารับตำแหน่งหน้าที่ที่นี่ ข้าไม่ต้องการทำงานเป็นเจ้าเมือง แต่ที่นี่สับสนเกินกว่าข้าจะทนดูอยู่เฉยๆ ข้าถึงได้ยอมมีส่วนร่วมในเมืองนี้ ตอนนี้เจ้าต้องการให้ข้าหาอาหารหาเมล็ดพันธุ์พืช เจ้านึกว่าข้าเป็นเทพเจ้าหรือ? เจ้ารู้ไหมว่าข้ามีเงินเหลืออยู่ในคลังเท่าไหร่ เงินก้อนสุดท้ายส่งให้พ่อค้าหน้าเลือดซื้อเมล็ดพันธุ์พืชมาไงเล่า ตอนนี้เมล็ดพันธุ์พืชหายไปแล้วแม้แต่ต้นกล้าก็ยังไม่เห็น นี่ยังตำหนิข้าอีกหรือ? เจ้าจะทำยังไงก็ทำไปเถอะ ส่วนข้าพอแล้ว!”
“นายท่าน, ถ้าไม่มีอาหารข้ากล้าพูดได้ว่าอย่างน้อยเดือนหนึ่ง เมืองจินหยางจะมีคนอดตายกว่าครึ่ง!” พ่อบ้านซาทงฝืนใจพูด และเขารู้ถึงความยากลำบากของเจ้าเมือง แต่นอกจากแบมือขอจากเขา เขาจะทำอะไรอย่างอื่นได้อีก? ที่สำคัญฟงจีเป็นเจ้าเมืองและเขาคือคนที่แข็งแกร่งที่สุด!
“ก็ข้าไม่รู้ว่าต้องทำยังไง!” ฟงจีโวยวาย “ข้าเองก็กินดื่มอย่างประหยัดมาถึงสามเดือนแล้วข้าไม่เคยกินอาหารได้เต็มมื้อ เจ้าเมืองที่อัตคัดอย่างนี้ไม่มีทางทำอะไรได้อีก เจ้าไปเลือกเจ้าเมืองอื่นที่เจ้าชอบใจมาทำงานเถอะ ข้าไม่มีความสามารถช่วยให้คนเป็นแสนได้อิ่มท้องได้!”
“เรื่องนี้...” พ่อบ้านซาทงได้แต่ถอนหายใจ
เขารู้ความยากลำบากของฟงจี เพราะเขาไม่มีความสามารถเลี้ยงปากท้องของคนเป็นแสนๆ ได้
ปัญหาขาดแคลนอาหารไม่ใช่แค่ปัญหาในเมืองจินหยาง แต่เป็นปัญหาทั้งภูมิภาคสวนสวรรค์ ยกเว้นบางพื้นที่ที่งดงามของภูมิภาคสวนสวรรค์ ทุกแห่งล้วนยากจนแร้นแค้น
ในสงครามบุรุษผู้ใช้แรงงานล้มหายตายจากในสนามรบที่เหลืออยู่ในพื้นที่โดยรอบส่วนใหญ่เป็นคนคนชรา เด็กและสตรีอ่อนแอ นอกจากผู้พิการหรือคนที่ได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรง ผู้ใหญ่ทุกคนไม่ว่าจะเป็นบุรุษหรือสตรี ไม่ว่าจะเป็นเผ่าพันธุ์ใดตราบใดที่มีกำลังรบได้จะถูกส่งไปยังค่ายทหารในพื้นที่สงครามเพื่อทำการรบ ไม่รู้ว่าการรบชิงดินแดนของจักรพรรดิแดนดินจะสิ้นสุดลงเมื่อใด
อาหารกำลังจะหมด และไม่มีพืชพันธุ์นั่นหมายความว่าการเก็บเกี่ยวต่อไปจะเป็นศูนย์
หนึ่งเดือนต่อมา เปลือกไม้และปศุสัตว์จะถูกนำมากินหมด ในที่สุดผู้หิวโหยนับแสนคนจะต้องผจญกับทุพภิกขภัยที่โหดร้ายเช่นเดียวกับเมืองหยางถี
มิคสัญญีคนกินคน... สถานการณ์น่ากลัวแบบนั้นซาทงไม่เคยเห็นสักครั้ง
หรือว่าเมืองจินหยางจะกลายเป็นสถานที่กองไปด้วยซากศพและโครงกระดูก?
“ท่านเจ้าเมือง! มีข่าวดีมีข่าวดีมาบอก!” โอโบ้พ่อค้าข้าวที่ยากจนที่สุดในโลกวิ่งเข้ามาชนซาทงจนล้มลงกับพื้น
“โอโบ้,มีพ่อค้าเข้ามาหรือ? มหัศจรรย์จริงๆยังมีพ่อค้ายินดีเข้ามาในพื้นที่ยากจนของเราอีกหรือ?” ซาทงยังไม่ทันลุกขึ้นก็คลานไปฉุดขาของโอโบ้โดยตรง
“พ่อค้านั้นอยู่ที่ไหน?” ฟงจีดีใจ แต่หลังจากถามประโยคนี้แล้ว เขามีสีหน้าขมขื่นปวดร้าว “เราไม่มีเงินแล้ว”
“ไม่มีเงิน แต่พวกเขาไม่ได้ต้องการเงิน!” โอโบ้ส่ายหน้าและโบกมือ
“โลกนี้ยังมีพ่อค้าที่ไม่ต้องการเงินอีกหรือ?” ฟงจีไม่เชื่อ 100% ว่าจะมีพ่อค้าที่ไม่ชอบเงินถ้าเป็นเช่นนั้นจริงสุกรทั่วโลกคงปีนต้นไม้ได้กันหมด!
“ใช่ ใช่แล้วพวกเขาไม่ต้องการทองของพวกเราสักเหรียญ ไม่ได้ต้องการผลึกปีศาจ บอกตามตรงผลึกปีศาจของเราคุณภาพต่ำ ให้ฟรีๆ ก็ไม่มีใครต้องการเจ้าไม่มีทางนึกภาพออกได้เลยว่ากลุ่มธุรกิจแบบไหนที่มาหาเรา มีเรือบรรทุกธัญพืชถึงห้าสิบลำและสิบลำเต็มไปด้วยเหล้าชั้นดี พระเจ้า! ถ้าสินค้าเหล่านั้นสามารถเข้าไปในเขตสงครามได้ ข้ากล้าพูดได้เลยว่าแม้แต่ราชาก็อาจกระอักเลือดได้...ข้าพูดจบแล้ว ตอนนี้กลับไปทำการค้ากันเถอะ พวกเขาไม่ต้องการเงินของเรา ตราบเท่าที่เราเอาอาวุธต่างๆ ในสนามรบกลับมาได้” โอโบ้พูดอย่างมีความสุขและคำพูดของเขาไม่ปะติดปะต่อ
“เจ้าโง่หรือเปล่า? เราอยู่ในเมืองรอบนอก ไม่ได้อยู่ในเขตสงคราม เราจะได้อาวุธมาจากที่ไหน? นอกจากนี้นั่นยังเป็นสินค้าต้องห้าม ผู้ใดทำการค้าขายจะต้องถูกประหาร” ซาทงปฏิเสธความเป็นไปได้กับข้อตกลงเช่นนั้น
“ถูกแล้ว เจ้าพูดถูก แต่สิ่งที่ข้าต้องการพูดก็คือพวกเขาต้องการอาวุธ เป้าหมายของพวกเขาคืออะไร? แร่ดอกไฟฟ้า อาวุธธรรมดาพวกเขาไม่สามารถมองออกได้ เราใช้แร่ดอกไฟฟ้าในการแลกเปลี่ยนอาหารและธัญญพืช ท่านเจ้ามืองกับพ่อบ้านซา พวกท่านคิดดูเรือสินค้าห้าสิบลำแต่ละลำกว้างร้อยเมตร ถ้าเราได้มาจะไม่มีปัญหาอะไรในเมือง!” โอโบ้รีบอธิบายโดยเร็ว
“ข้าบอกแล้วโอโบ้ เจ้าพูดเบาลงอีกนิด แร่ดอกไฟฟ้าเป็นของต้องห้ามซื้อขายจากจักรพรรดิแดนดิน....”ซาทงคิดว่าเวลานี้หัวใจเต้นเหมือนกลอง แต่เขาไม่ปฏิเสธว่าเขาตื่นเต้น
จะมีอะไรน่ากลัวยิ่งไปกว่าอดจนตาย?
ไม่มีเลย!
ยอมถูกตัดหัวก็ยังดีกว่ากินอิ่มท้องแล้วกลายปีศาจร้าย!
โอโบ้มองดูซาทงผู้ซื่อสัตย์อ่อนเสียงลงเล็กน้อย เขารีบตีเหล็กขณะที่ยังร้อน “เราไม่ได้ทำการค้า, ท่านเจ้าเมือง เราแค่แสดงน้ำใจต่อแขกชั้นสูงเป็นการสร้างมิตรภาพ เราแค่ให้ของขวัญเล็กๆ น้อยๆ แก่อีกฝ่ายหนึ่ง และอีกฝ่ายก็จะบริจาคอาหารและพืชพันธุ์ที่จำเป็นต่อเรา แม้ว่าท่านจะทราบข้อมูลจากเบื้องบน แต่ข้าเชื่อว่าจะไม่มีการสงสัยอะไรมากมายที่สำคัญมีการขาดแคลนอาหารและพันธุ์พืชไปทั่วทุกหัวระแหง แม้แต่ราชาก็ยังปวดหัวกับเรื่องนี้!”
ฟงจีคิดว่าแนวคิดเช่นนี้ไม่เลว
ก็แค่ห่วงว่าคลังของเมืองจินหยางมีแร่ดอกไฟฟ้าอยู่เพียงเล็กน้อยจะสามารถแลกอาหารได้มากน้อยเท่าใด?
ไม่ว่ายังไงทำให้ฝ่ายตรงข้ามมั่นใจเสียก่อน ถ้าอีกฝ่ายออกเรือจากไป อย่างนั้นทุกอย่างเป็นอันจบ
ทั้งสามคนตัดสินใจเสี่ยงและดึงพ่อค้าอื่นในเมืองเข้ามาร่วมอีกสองสามคนพวกเขายากจนผอมแห้งเหลือแต่หนังหุ้มกระดูกพอๆ กันและร่วมกันเดินทางไปเยี่ยมหัวหน้ากลุ่มธุรกิจพร้อมกัน อย่างไรก็ตามนี่เป็นธุรกรรมเสี่ยงตายทุกคนตกลงใจว่าตายก็ตายด้วยกัน รอดก็รอดด้วยกัน จะไม่มีผู้ใดตกหล่นไปได้
เมื่อพวกเขาเห็นเรือสินค้าห้าสิบลำแม้แต่ฟงจีเจ้าเมืองจินหยางยังอดน้ำลายหกไม่ได้ แม่มันเถอะ! ถ้าไม่ใช่เพราะเขาเป็นเจ้าเมือง
ถ้าก่อนนี้เขาเป็นโจรก็นับว่าได้พบแกะอ้วนแล้ว
ไม่ต้องทำการค้า
การค้าที่ต้องเสี่ยงยิ่งกว่าโดนประหารชีวิต
เมื่อเขาเห็นผู้คุ้มกันของฝ่ายตรงข้ามมีนักสู้ปราณฟ้าถึงห้าคน เขาตกใจกลัวในทันที นี่ถ้าเขาปล้นจริงๆ คงถูกถลกหนังเป็นแน่! เรือสินค้าห้าสิบลำกับนักสู้ปราณฟ้าอีกสองสามคนแม้ว่าจะได้รับการคุ้มกันจากราชโองการของจักรพรรดิแดนดินก็ไม่สามารถเข้าสู่พื้นที่กลางสมรภูมิได้ อย่างไรก็ตามกลุ่มการค้าไตตันนี้โผล่มาจากไหน?มีนักสู้ปราณฟ้าถึงห้าคนเป็นคนคุ้มกันถือว่าเป็นกลุ่มใหญ่มากไม่ด้อยไปกว่าสิบสุดยอดกลุ่มการค้าใหญ่!
“ท่านคือเจ้าเมืองใช่ไหม? ข้าจะไม่พูดอะไรเกินจำเป็นต่อไปความต้องการของเรานั้นง่ายมาก ตราบใดที่ท่านเอาแร่ดอกไฟฟ้ามาได้เราสามารถจัดหาอาหารและเพิ่มด้วยเมล็ดพืชพันธุ์ธัญญาหารอีกด้วย!” เปากู่แสดงจุดยืนตราบใดที่ได้แร่ดอกไฟฟ้า เรื่องอื่นๆ ไม่ใช่เรื่องยาก
“พืชพันธุ์” ฟงจีได้ยินถึงกับหัวใจเต้นแรงในภูมิภาคสวนสวรรค์ พืชพันธุ์คือรากฐานของชีวิต ชีวิตจะอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเมล็ดพืชพันธุ์
“แร่ไฟฟ้าของเราไม่ค่อยบริสุทธิ์นัก และราชาจะรวบรวมแร่นี้ทุกๆ สามเดือนคลังเก็บของเราอาจจะมีไม่พอ” พ่อบ้านซาทงโค้งศีรษะคำนับ
เขาต้องก้มศีรษะ
เพราะเขาเห็นแล้วฝ่ายตรงข้ามเป็นกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ดูโอ่อ่าเป็นพิเศษน่ากลัวว่าเขาจะไม่สนใจสินค้าในคลังของเมืองจินหยาง
ตราบเท่าที่เรือเหาะแล่นเข้าไปในเขตสงครามราชาคงต้องทะเลาะกันแย่งกันซื้อขายแร่ดอกไฟฟ้าอยู่ดี
แม้จะเป็นข้อห้ามของจักรพรรดิแดนดิน ทุกอย่างก็ควรมีข้อยกเว้นไม่ใช่หรือ?
อย่างกลุ่มการค้าใหญ่ที่มั่งคั่งนี้โดยทั่วไปจะได้รับการอนุมัติเงื่อนไขจากจักรพรรดิก็ยังได้ “เราไม่ชอบของคงคลังเล็กๆ น้อยๆเราต้องการแร่ดอกไฟฟ้าจำนวนมาก!” เจ้ากบอ้วนจั๊ดด์พูดกับฟงจี, โอโบ้ ซาทงจนแทบจะหมดหวัง พวกเขาขอร้อง เจ้ากบอ้วนโบกมือและทำตามแผนต่อ “มิฉะนั้นก็ให้เราลงทุนทำเหมืองแร่ที่นี่ พวกเจ้ารับผิดชอบหาแรงงานให้เราจะจัดอาหารให้เจ้า ใช้ค่าจ้างแลกเปลี่ยนข้าว ในระหว่างนี้เราสามารถช่วยจัดเมล็ดพันธุ์พืชบางส่วนให้เจ้า ในทางกลับกัน เจ้าส่งคนมาช่วยให้มากที่สุดสำหรับความบริสุทธิ์ของแร่ดอกไฟฟ้า ไม่รบกวนให้พวกเจ้าเป็นห่วง”
“ไม่มีปัญหา สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเรามีกำลังคนที่นี่!” โอโบ้เกรงว่าฟงจีและซาทงจะลังเล จึงรีบตอบตกลงด้วยตนเอง
“เมืองจินหยางแห่งนี้ ข้าขอยกให้เจ้าข้าเป็นเจ้าเมืองที่ไร้ความสามารถ นอกจากนี้พวกเจ้าทุกคนแข็งแกร่งมากกว่าข้าเจ้าส่งใครก็ได้มาเป็นเจ้าเมืองจินหยาง เจ้าจะเห็นเป็นอย่างไร? ฟงจีรู้สึกว่าคนผู้นี้มีเงินมากพอจะเป็นเจ้าเมืองเขายังไม่มีแม้กระทั่งเกราะทองเหมือนกับฝ่ายตรงข้าม
เขาถอดแหวนเจ้าเมืองเครื่องแสดงสถานะเจ้าเมือง และส่งมอบให้เจ้ากบจั๊ดด์
เขาจับมือเปากู่อีกครั้ง “หัวหน้า! ข้าขอสมัครเป็นหน่วยคุ้มกันของท่านในที่นี้ได้ไหม?”
ความเคลื่อนไหวดุจสายฟ้าแล่บของคนผู้นี้ทำให้เปากู่และจั๊ดด์จ้องมอง
อย่างนี้ก็มีด้วยหรือ?
ซาทงและโอโบ้ร้องลั่นเหมือนคนคับแค้น “ท่านเจ้าเมือง!ท่านอย่าได้ทอดทิ้งเรา ถ้าท่านจากไป ต่อไปเราจะทำยังไง?”
ฟงจีโบกมือ “พอๆๆ พอเลย ตอนนี้ข้าไม่ใช่เจ้าเมืองของพวกเจ้าอีกแล้ว! ข้าเป็นเจ้าเมืองที่นี่มาพอแล้ว! ข้าไม่มีความสามารถและข้าไม่อยากต้องมากังวลเรื่องอาหารการกินของผู้คนเป็นแสน ตั้งแต่ข้ามาเป็นเจ้าเมืองที่นี่ ข้าไม่เคยมีความสุขเลยสักวันเดียว! เมื่อตอนในอดีตข้าใช้ชีวิตตามลำพังตกต่ำอย่างที่สุด ข้าก็ยังไม่เคยอดอยากยากแค้นเท่านี้มาก่อนตอนนี้ข้าไม่เพียงแต่ยากจน ไม่เพียงอดอยาก ถ้าข้าต้องมาอดตาย แล้วข้าจะเป็นเจ้าเมืองไปทำไม? ทำไมข้าไม่เป็นหน่วยคุ้มกันหรือเป็นทหารรับจ้างเหมือนเมื่อก่อนเล่า อย่างน้อยก็ยังมีอาหารกิน!”
“เด็กน้อย!เจ้ายังไม่มีคุณสมบัติได้เป็นผู้คุ้มกัน!” จงกวนและพวกหัวเราะจนเจ็บท้องมีคนกี่คนที่อยากเป็นเจ้าเมือง แต่ตอนนี้ในฐานะที่เป็นเจ้าเมืองและนักสู้กับกังวลว่าจะอดตายนี่เป็นเรื่องตลกของวันนี้จริงๆ
“พลังของข้าเกือบได้อยู่แล้ว แต่ฝีมือกับทักษะแฝงเร้นไม่เลว แม้ว่าจะไม่เก่งในเรื่องทำการเกษตรแต่ข้าเชี่ยวชาญในเรื่องตามแกะรอย!” ฟงจีรบเร้า
“ปัญหาก็คือ แม้ว่าข้าจะเป็นหัวหน้า แต่ก็มีนายเหนือของข้าอยู่” เปากู่ยิ้มและกล่าว “นอกจากข้าได้รับอนุญาตจากนายท่านแล้ว เจ้าขอไปก็ไร้ประโยชน์มีนักสู้หลายคนที่ไม่มีสมองก็ต้องการเป็นบริวารของเขานักสู้ปราณฟ้าระดับสี่ก็ยังมี แต่พวกเขาไม่มีคุณสมบัติ ที่นี่นอกจากความสามารถแล้วยังต้องการความซื่อสัตย์สุจริต บอกตามตรงข้าสงสัยในความภักดีของเจ้า เพราะความหิวของเจ้า เจ้าจึงยอมทิ้งเมืองของเจ้า!”
“ท่านยังมีนายเหนืออีกหรือ?”ฟงจีถึงกับตะลึง พวกที่มาถึงที่นี่เป็นกลุ่มการค้าแบบไหน? เจ้านายของนักสู้ปราณฟ้านั่นเป็นนักสู้ระดับราชาหรือเปล่า? หรือว่ามีความแข็งแกร่งมากกว่า?
“นายท่านบอกว่า ถ้าเจ้าสามารถหาทางข้ามบึงหยุดลมได้เจ้าจะได้ทดลองงานเป็นผู้คุ้มกันชั่วคราวสามเดือนแรกก่อน”
เย่ว์หยางอยู่บนเรือเหาะสำราญสั่งให้สาวมนุษย์มังกรแดนสวรรค์มาส่งข้อความ
แม้ว่าฟงจีจะไม่ยินดีเป็นเจ้าเมืองหุ่นแต่ดูเหมือนความภักดีของเขาจะมีปัญหาเล็กน้อย
แต่ถ้ามองอีกด้านหนึ่งจะพบว่าบุรุษเผ่ามนุษย์แมวผู้นี้ความจริงไม่เลว ถ้าต้องเปลี่ยนไปเป็นเจ้าเมืองคนอื่นเขาจะยอมทนหิวอยู่ในเมืองที่ยากจนนี้หรือ? อย่างน้อยก็พิสูจน์ได้ว่าฟงจีมีคุณธรรม ไม่เอาเปรียบพลเมืองเพื่อให้ได้มาซึ่งความมั่งคั่ง เขาอาจจะไม่มีคุณสมบัติดีพอเป็นเจ้าเมืองแต่ในฐานะผู้คุ้มกันสำรวจเส้นทาง น่าจะไม่มีปัญหา
นอกจากนี้ให้เปากู่และจั๊ดด์ปกครองเมืองจินหยางย่อมดีกว่าฟงจี
ในภูเขาใกล้เมืองจินหยางมีเหมืองแร่ดอกไฟฟ้าไม่เลว เพียงแต่ขุดขึ้นมายาก
ปัญหาที่นี่ก็คือกำลังคนและอุปกรณ์เครื่องมือไม่ทันสมัยเพียงพอเป็นผลทำให้ผลผลิตต่ำ ถ้ามีเทคโนโลยีของป้อมสายฟ้ามาเปิดทำเหมืองที่นี่บวกกับคนจำนวนมาก แร่ดอกไฟฟ้าจะถูกใช้เป็นอาวุธในสนามรบ อาจจะไม่เพียงพอ แต่พอให้เย่ว์หยางใช้สร้างกำไลอสูรแน่
“บึงหยุดลม นั่นคือกับดักมรณะ!” ฟงจีเมื่อได้ยินเช่นนั้นสีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที
“เราไม่ต้องการคนขี้ขลาด!” เจ้าอ้วนจั๊ดด์ใช้วิธีกระตุ้นที่เด็ดขาด
“ใครว่าข้าขี้ขลาด เจ้ามองหาถูกคนแล้ว ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่นคงไม่สามารถผ่านบึงหยุดลมได้แน่ ข้าเคยหลบเข้าไปในบึงหยุดลม และมีความมั่นใจ 30% เจ้าคงไม่รู้ว่ามันน่ากลัว มันเป็นความตายที่คาดไม่ได้ การผ่านไปที่บึงหยุดลม ต้องมีความแข็งแกร่งและประสบการณ์ที่สำคัญที่สุดก็คือโชค!” ฟงจียังรอการตอบรับจากสาวมังกรแดนสวรรค์ สายตาของเขาไม่เลว เขารู้ว่าสาวมังกรแดนสวรรค์มีพลังสูงส่ง อย่างน้อยก็สูงกว่าผู้คุ้มกันธรรมดาที่มีพลังระดับปราณฟ้า ฟงจีกล่าวด้วยความเคารพและจริงใจ “ถ้าท่านต้องการรู้เรื่องบึงหยุดลมท่านต้องหาอีกคนที่นอกจากข้า เราทั้งคู่ต่างเป็นคู่หูที่ขาดกันไม่ได้”