ตอนที่ 918 กำเนิดใหม่ดาบจันทร์เสี้ยว
หลังจากใช้เวลาหลายชั่วโมงกลับไปยังป้อมสายฟ้าในหอทงเทียนชั้นที่หกปล่อยให้เจ้ากบจัดด์และจุนอู๋โหย่วกระวนกระวายองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนกับเย่ว์หยางไปฝึกฝนที่หอทงเทียนชั้นสิบกับเย่ว์หยางและยังไม่ออกมาจากพื้นที่พังทลายของโลกเก่าโบราณ
ช่วงเวลากลางวันเย่ว์หยางจะนำน้ำแข็งกลับเข้าไปในมิติหลุมดำด้วยพลังกฎสวรรค์น้อย
การส่งน้ำแข็งจำนวนมากเข้าไปช่วยให้นางพญาเฟ่ยเหวินหลีสร้างโลกน้ำแข็งของนางได้อย่างรวดเร็ว ในเวลาเย็นเขาจะกลับเข้าไปในโลกคัมภีร์อย่างเหนื่อยล้าและเพลิดเพลินกับการนวดเฟ้นของสาวน้อยลูกครึ่งเอลฟ์ ถ้าองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนอารมณ์ดีมาอาบน้ำร่วมกับเขา เขายังไม่กล้าใช้มือซุกซนแตะต้องนางมิฉะนั้นนางจะกัด วันดีคืนดีผ่านไปวันแล้ววันเล่าถึงสิบวันแต่เสวี่ยอู๋เสียยังไม่มีทีท่าว่าจะฟื้น...”
เย่ว์หยางคาดว่าสาวหิมะผู้นิ้จะต้องใช้เวลาหลอมรวมกับประกายเทพที่ไม่รู้จักเป็นเวลาอย่างน้อยครึ่งปี
ทั้งนี้เมื่อเขาถ่ายทอดปราณแท้ของเขาให้นางทุกวัน
ประกายเทพที่ไม่รู้จักนั้นทรงพลังเกินไป
จนกระทั่งบัดนี้เย่ว์หยางไม่สามารถเข้าใจได้ว่าทำไมนักรบผู้มีประกายเทพแข็งแกร่งขนาดนั้นถึงได้ผนึกชี่เทียนเหอไว้?
“สาวหิมะโชคไม่เลวเลยนอกจากได้ประกายเทพแล้ว คัมภีร์แห่งสัจจะยังเลื่อนระดับเป็นสมบัติวิเศษชั้นเทพมีแต่ข้าที่ไม่ได้อะไรเลย!” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนอดอิจฉาไม่ได้ ในการต่อสู้ครั้งนี้นางพญาเฟ่ยเหวินหลีได้น้ำแข็งจากโลกน้ำแข็ง เสวี่ยอู๋เสียได้รับประกายเทพ เย่ว์หยางได้อักขระรูนอมตะ มีเพียงนางที่ไม่ได้อะไรเลย
“แม่เสือสาว, ยังมีโอกาสให้เจ้าในครั้งต่อไป!” เย่ว์หยางรีบปลอบโยนนาง
“เจ้ามาให้ข้ากัดคืนเสียดีๆ” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเรียกร้องเหลือเกิน
“หือ...” เย่ว์หยางทึ่ง นี่หมายความว่ายังไง?
“ข้าโกรธ” คำร้องขอขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเย่ว์หยางไม่สามารถตอบสนองได้แน่ เพราะเย่ว์หยางพิชิตนางด้วยกำลังป่าเถื่อนใช้วิธีบังคับจูบนางจนนางไม่มีทางกัดตอบ
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนไม่ได้รับสมบัติวิเศษ เย่ว์หยางรู้สึกเสียใจอยู่บ้าง และแม่เสือใช้ความพยายามอยู่มาก เขาจึงอดรู้สึกผิดต่อนางไม่ได้
ดังนั้นเขาจึงยอมเสียเวลามากขึ้นเพื่อช่วยปรับแต่งดาบเทพจักรพรรดิอวี้ให้นาง อย่างไรก็ตามการโค่นทำลายภูเขาน้ำแข็งทำให้เขาแทบไม่เหลือเรี่ยวแรงทำงานอย่างอื่น
เย่ว์หยางตัดสินใจเช่นนี้ หากเป็นเมื่อก่อนองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนคงไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอน
ตอนนี้หลังจากเย่ว์หยางจูบนาง นางมีแต่จะใจอ่อนลงทุกวัน
ไม่มีการขึ้นเสียงดังเหมือนอย่างเมื่อก่อน
นางเก็บงำความคิดและให้เย่ว์หยางตัดสินใจ
มีปัญหายากลำบากอย่างหนึ่งก่อนที่จะช่วยองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนปรับแต่งดาบเทพจักรพรรดิอวี้นั่นคือนางยังไม่มีวิธีใช้ที่เข้ากันได้กับตัวดาบเอง...ต้องทราบไว้ก่อนว่าเมื่อดาบเทพยอมรับเจ้านาย นั่นก็คือเย่ว์หยาง อย่างไรก็ตามเพราะความคิดปณิธานของจักรพรรดิอวี้คนที่ได้ใช้จึงเป็นองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน อย่างไรก็ตามถ้าเย่ว์หยางสลายปณิธานของจักรพรรดิอวี้ที่แฝงอยู่ในดาบเทพได้ดาบเทพใหม่จะยอมรับเย่ว์หยางได้เต็มร้อยและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนจะไม่สามารถหลอมรวมกับพลังดาบได้ไม่สามารถใช้อย่างนี้ได้ แต่บัดนี้เย่ว์หยางทรงพลังมากขึ้น รอให้ตราผนึกเทพจักรพรรดิอวี้ได้รับการขัดเกลาปรับแต่งอย่างสมบูรณ์กลายเป็นผนึกเทพของเขาเองถึงเวลานั้นจะแข็งแกร่งมากกว่าดาบเทพเสียอีก
แน่นอนว่าเย่ว์หยางยังหวังให้องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนใช้ดาบเทพต่อไป
นักรบหญิงผู้กล้าหาญสวมชุดเกราะทำให้นางดูน่ารักจริงๆ
นั่นเป็นเครื่องแบบที่ซ่อนรูปจากสายตาโดยที่เย่ว์หยางไม่ได้พูดอะไร เขาวาดฝันว่าสักวันเขาจะพิชิตกายและใจนางทั้งชุดเกราะนักรบได้นั่นถือได้ว่าเป็นชัยชนะที่แท้จริงของเขา
“เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่? น้ำลายยืดเชียว!”องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนทุบเย่ว์หยางที่กำลังฝันกลางวันและแสดงท่าทีที่น่าเกลียด
การทุบครั้งนี้ดึงสติเย่ว์หยางกลับมาทำตัวเรียบร้อยได้แต่กลับทำให้เขามีแรงบันดาลใจบางอย่างอยู่ในหัว
ความจริงไม่ใช่เพิ่งจะมีตอนนี้เท่านั้น
เขามีความคิดที่คล้ายกันนี้อยู่ก่อนแล้ว
อย่างไรก็ตามในเวลานั้นพลังของเขายังไม่แข็งแกร่งเพียงพอ และความเชี่ยวชาญของเขายังต่างจากปัจจุบัน
สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือยังไม่มีวัตถุดิบเพียงพอ แม้ว่าเขาจะมีความตั้งใจ แต่เขาไม่สามารถทำให้สำเร็จได้ ดังนั้นเย่ว์หยางจึงเก็บงำความคิดนั้นไว้เป็นเวลานาน วันนี้องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนทุบเรียกสติเขาทำให้เย่ว์หยางนึกขึ้นได้ถึงแนวคิดพัฒนาต่อไปในอนาคต “อา อา อา... ข้านึกออกแล้ว ก่อนที่ข้าจะช่วยเจ้าปรับแต่งดาบเทพจักรพรรดิอวี้ ข้าต้องทำการทดลองก่อนเพื่อความแน่ใจและสร้างสมประสบการณ์เสียก่อน เจ้ารอข้าก่อน! ทันทีที่เขามั่นใจ เขาคว้ามือนางขึ้นมาจูบทันที
เขาไม่สนใจนุ่งห่มเสื้อผ้าโดดขึ้นจากอ่างน้ำทั้งร่างเปลือย
เผ่นตรงไปที่ห้องทดลองของเขาทันที
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเห็นเช่นนั้นนางหน้าแดงเหมือนเป็นไข้ มองผิวเผินนางโกรธมาก “ตาบ้า! ดูตัวเองเสียบ้าง ว่าเจ้าเหมือนอะไร!”
นางรู้สึกขบขันอยู่ในใจ
บางครั้งคนผู้นี้ก็เหมือนกับเด็กที่ไม่รู้จักโต
นึกจะทำอะไรก็ต้องทำให้ได้ดังใจ “ไม่รู้เลยจริงๆ ว่าเขาเก่งทุกอย่างหรือว่าโง่เง่ากันแน่ แต่ก็คงอธิบายได้ว่าเขาเป็นคนจริงจังกับงานของเขาจริงๆ”
นางมีความสุขที่เห็นเย่ว์หยางวุ่นวายสาละวนกับงานของตนเอง นั่นเป็นช่วงเวลาที่เขามีเสน่ห์ที่สุด
คนอื่นคิดว่ารอยยิ้มของเย่ว์หยางมีเสน่ห์ที่สุด แต่นางไม่คิดเช่นนั้น
แค่คิดว่าคนลามกนี่พยายามสร้างความแตกต่าง
“ดาบจันทร์เสี้ยวเอ๋ย! ในที่สุดก็มีวันที่เจ้าจะได้ทำการผลัดเส้นเอ็นเปลี่ยนกระดูกเหมือนอย่างมนุษย์กับเขาบ้าง ข้าไม่เคยคิดเลย นึกว่าเจ้าจะต้องเข้าไปอยู่ในคลังเก็บของที่ระลึกเสียแล้ว!” เย่ว์หยางดึงดาบจันทร์เสี้ยวของเขาออกมาเขาถอนหายใจปลาบปลื้ม เพราะว่ายังขาดพลังตั้งแต่แรกเย่ว์หยางได้แต่สร้างปรับแต่งมันได้ถึงแค่เป็นดาบจันทร์เสี้ยวระดับแพลตตินัมไม่มีหวังจะยกระดับเป็นสมบัติชั้นศักดิ์สิทธิ์เลย ผลก็คือดาบเล่มนี้ใช้ประโยชน์ได้ดีในช่วงระดับช่วงต้นๆ ไม่มีโอกาสถูกนำออกมาใช้ในระดับพลังที่สูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาสร้างดาบศึกเทาเถี้ยและการให้กำเนิดอาวุธเทพร่างอสูรทั้งสอง แมงป่องดาวฟ้าเข้ามาแทนที่ดาบจันทร์เสี้ยวโดยสิ้นเชิง ส่วนอสูรน้อยทงเทียนแม้ว่ามันจะไม่ใช่ระดับเดียวกับดาบเทาเถี้ยและแมงป่องดาวฟ้า เขายังมีมีดสังหารเทพระดับศักดิ์สิทธิ์แสงเทพเทียมซึ่งเป็นสมบัติชั้นศักดิ์สิทธิ์แค่นี้ก็สามารถทำให้เก็บดาบจันทร์เสี้ยวไว้ในแหวนเก็บของได้แล้ว
ถ้าเขาไม่พยายามแสดงจุดอ่อนเพื่อสร้างความสับสนให้กับชี่เทียนเหอเย่ว์หยางคงไม่คิดจะใช้ดาบจันทร์เสี้ยว
ในการสู้ครั้งนี้เย่ว์หยางชนะและได้เลือดเทพมามาก
ส่วนมากเป็นผนึกเทพดูดซับเข้าไปมากซึ่งมากเกือบสิบหยด
เย่ว์หยางตัดสินใจยกระดับดาบจันทร์เสี้ยวของเขาเอง แม้ว่าจะไม่ถึงระดับอาวุธเทพร่างอสูรเหมือนดาบเทาเถี้ยแต่อย่างน้อยก็เป็นอาวุธสังหารระดับศักดิ์สิทธิ์ได้หรือไม่
อาวุธวิญญาณส่วนที่สำคัญที่สุดไม่มีปัญหาอีกต่อไป
เมื่อเขาใช้มิติหลุมดำเพื่อกลืนภูเขาน้ำแข็ง เย่ว์หยางพบแก่นกลางภูเขาน้ำแข็งก้อนหนึ่งเป็นอณูน้ำแข็งที่เย็นยะเยือกที่สุดยังคงมีร่องรอยพลังจิตวิญญาณของนักสู้ปราณเทพที่ไม่รู้จัก เป็นไปได้ว่ามันถูกทำลายและเป็นไปไม่ได้ที่จะสนองตอบอีกครั้ง บางทีพลังเทพอาจจะแตกสลายก่อนสติดับและเหลือสำนึกตกค้างในแก่นอณูน้ำแข็งโดยไม่ตั้งใจ
เย่ว์หยางไม่สามารถอ่านความทรงจำของผู้อาวุโสรุ่นก่อนได้ และเขาไม่รู้ข้อมูลใดๆ เกี่ยวกับชีวิตนาง เขาเพียงแต่รู้ว่าเป็นสตรีที่ทิ้งประกายเทพเอาไว้
บางทีอาจจะไม่ค่อยแสดงความเคารพบ้างที่ใช้จิตวิญญาณสตรีที่ทรงพลังมาใช้ทำอาวุธพลังวิญญาณของเขา
แต่นี่อาจเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้ระลึกถึงนางต่อไป
มิฉะนั้นเมื่อแก่นอณูน้ำแข็งสลายตัว ร่องรอยสุดท้ายของสำนึกเทพจะสูญสลายหายไป
“ข้าไม่รู้ว่าจะเรียกท่านอย่างไรดี ถ้าท่านเป็นผู้อาวุโส ขอเชิญมาสถิตอยู่ในดาบจันทร์เสี้ยวของข้าเถิด ดาบจันทร์เสี้ยว จะร่วมต่อสู้กับข้าในอนาคต ดาบจันทร์เสี้ยวมีคุณสมบัติธาตุน้ำแข็ง ท่านอย่าได้รังเกียจมันเลย เชิญเข้ามาสถิตอยู่ในดาบเถิด ข้าจะใช้ดาบฆ่าศัตรูในอนาคต!” เพื่อปกป้องวิญญาณของผู้อาวุโสที่ไม่รู้จัก เย่ว์หยางกรีดนิ้วตนเองหยดลงบนดาบจันทร์เสี้ยวก่อนและใช้เขียนอักขระรูนอมตะที่เขาเพิ่งทำความเข้าใจจากนั้นขุดเนินเขาน้ำแข็งเอาแก่นน้ำแข็งใช้เลือดเทพของวิญญาณที่ไม่รู้จักอัดเข้าไปในดาบจันทร์เสี้ยวจากนั้นปรับแต่งด้วยเพลิงอมฤต
หลังจากปรับแต่งแล้วดาบจันทร์เสี้ยวเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง
มันดูเหมือนอะไร?
ตอนนี้เย่ว์หยางยังไม่มีเวลานึก
เพราะให้ทางเลือกสุดท้ายในการเปลี่ยนแปลงรูปแบบโดยให้จิตสำนึกของเทพธิดาที่เขาไม่รู้จักนี้เลือกเองเพื่อเป็นการให้เกียรติผู้อาวุโส
หนึ่งวันผ่านไป...เมื่อการปรับแต่งมาถึงจุดสูงสุด เย่ว์หยางกัดปลายลิ้นและพ่นเลือดและถ่ายเทพลังปั่นป่วนในร่างของเขาลงบนตัวดาบ
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและสาวน้อยลูกครึ่งเอลฟ์กระวนกระวายจนแทบไม่หายใจ องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนกำด้ามดาบไว้แน่น และสาวน้อยลูกครึ่งเอลฟ์ขบกรามแน่นเพราะนางสั่นและกลัวว่าเสียงฟันกระทบของนางจะไปรบกวนสมาธิของเย่ว์หยาง
รัศมีฉายเจิดจ้าเหมือนกับดอกไม้
รัศมีสีรุ้งฉายแสงขณะที่ความเย็นที่มองไม่เห็นขยายลามจนเต็มไปทั่วโลกคัมภีร์
ติง!
เสียงดังสดใสทั่วท้องฟ้าสร้างความยินดีให้กับเย่ว์หยาง เขาใช้ผลึกน้ำแข็งสุบินที่ได้มาจากจอมปีศาจลี่ตี้ แก่นอณูน้ำแข็ง เลือดเทพพลังเทพปั่นป่วนและเลือดเย่ว์หยางเป็นวัสดุสำหรับดาบจันทร์เสี้ยว ในที่สุดเขาใช้ปราณกระบี่และเพลิงอมฤตปรับแต่งจนเสร็จสิ้นให้กำเนิดอาวุธใหม่ ทำลายพื้นฐานดั้งเดิมที่ไม่อาจก้าวหน้าพัฒนาจนหมดสิ้นและวิวัฒนาการอาวุธได้สำเร็จ
เย่ว์หยางใจฟูฟ่องเหมือนล่องลอยในอากาศ
เทียบกับรูปลักษณ์เดิมของดาบจันทร์ตอนนี้ดาบขยายขนาดมากกว่าเดิม บางกว่า และคมกว่ามองดูเหมือนงานศิลปะมากกว่า
ผลึกน้ำแข็งสุบินและแก่นอณูน้ำแข็งหลอมรวมผสานเข้ากับดาบได้อย่างลงตัว
แกนกลางดาบเป็นแหล่งพลังปั่นป่วน
พลังปั่นป่วนหลอมรวมกับเลือดเทพและเลือดเย่ว์หยาง หลังจากเลือดเย่ว์หยางกลืนเลือดเทพก็กลายเป็นเลือดชนิดใหม่ซึ่งเป็นที่พักของสำนึกเทพธิดาที่ไม่รู้จักนี้ไว้ แน่นอนว่าทั้งสามอย่างนี้หลอมรวมกันได้อย่างสมบูรณ์ เขาเขียนอักขระรูนโบราณ ‘แกร่งนิรันดร’ และอักขระรูนสวรรค์ ‘พลังน้ำแข็ง’ และ ‘คมกริบ’ ทั้งยังหลอมรวมเลือดของเย่ว์หยางกับอักขระรูนชีวิตใหม่เกิดการวิวัฒนาการที่หลากหลายและมหัศจรรย์
ภาพฉายอักขระรูนอมตะ‘ชีวิตใหม่’ รวมทั้งส่วนเสริม ‘แกร่งทนทานถาวร’ ทำให้เป็นสิ่งที่เกินธรรมดาไปมาก และอักขระรูนโบราณ ‘อมตะ’
แม้อักขระรูนเดิม‘น้ำแข็งยะเยือก’ และ ‘คม’
นอกจากนี้ยังก้าวหน้าจนแทบจะใกล้พลังอักขระรูนโบราณ‘ธารน้ำแข็ง’ และ ‘ผ่าสวรรค์’ ยกระดับพลังขึ้นอีกหนึ่งขั้น
ดาบจันทร์เสี้ยวที่เพิ่งเกิดใหม่ค่อยลอยลงมาอยู่ในมือของเย่ว์หยางรูปทรงของดาบไม่ธรรมดาไม่ใหญ่เกินไปเพราะรูปทรงเดิมเย่ว์หยางออกแบบไว้สมบูรณ์ดีแล้ว จิตสำนึกเทพธิดาที่เขาไม่รู้จักขยายคลุมดาบจนดูบางกว่าเดิมและสง่ากว่าเดิมด้านผิวนอกมีรูปอักขระรูนเลือด ลวดลายเป็นรูปสัญลักษณ์ชีวิตของนาง แต่ลวดลายการแบ่งเป็นชั้นๆ อย่างประณีตนี้เขายอมรับว่าไม่ทราบว่าเป็นลวดลายของอะไร และมีความหมายอย่างไร
ดูคล้ายงานศิลปะมากกว่าจะเป็นอาวุธสังหารและนี่เกินไปกว่าคุณภาพที่เย่ว์หยางคาดหวังไว้มากมาย
ตอนนี้อาจเป็นสมบัติที่ยังด้อยกว่าสมบัติเทพ
แต่จากสมบัติชั้นแพลตตินัมธรรมดาข้ามขั้นไปถึงระดับศักดิ์สิทธิ์ แค่ด้อยกว่าสมบัติเทพถ้าจิตสำนึกของเทพธิดาที่เขาไม่รู้จักมีมากหรือนางสามารถได้ประกายเทพแม้ถ้าประกายเทพยังเหลือรอดอยู่ บางทีนางสามารถเลื่อนระดับเป็นสมบัติเทพได้โดยตรง!
น่าเสียดายที่จิตสำนึกของเทพธิดาที่เขาไม่รู้เหลืออยู่น้อยเกินไป และประกายเทพถูกเสวี่ยอู๋เสียหลอมรวมดังนั้นดาบจันทร์เสี้ยวเป็นสมบัติศักดิ์สิทธิ์ที่ใกล้ระดับเทพเท่านั้น!
“ต่อไปข้าจะเรียกชื่อเจ้าว่าจันทร์เสี้ยว และเชิญติดตามข้าไปกำจัดมารร้ายสังหารเทพ” ความสำเร็จของดาบที่เป็นรองแค่สมบัติเทพเกินกว่าที่เย่ว์หยางคาดไว้มากมายนักเดิมทีเขาคิดว่าเขาคงยกระดับได้เท่าสมบัติชั้นศักดิ์สิทธิ์ ส่วนขั้นสุดยอดสมบัติศักดิ์สิทธิ์เขาไม่กล้าคิด ไม่คาดเลยว่าในที่สุดจะทำได้ถึงระดับแค่ด้อยกว่าสมบัติเทพเล็กน้อย! เย่ว์หยางพอใจและตื่นเต้นมากเขาชูดาบจันทร์เสี้ยวและอดใช้คำพูดที่ห้าวหาญมิได้
ปิ๊งงงง!
ดูเหมือนดาบจะตอบรับเย่ว์หยางเป็นเจ้านาย ดาบจันทร์เสี้ยวส่องประกายรัศมีเป็นวงเหมือนกับดอกไม้บาน
มันสร้างคลื่นสั่นสะเทือนสะท้านเข้าไปในถึงในใจของผู้คนอยู่นานและยังไม่สงบจนองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและสาวใช้ลูกครึ่งเอลฟ์สั่นสะท้าน
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนวิ่งเข้าไปหาเขาและทุบเขาเบาๆ “ร้ายกาจจริงๆ, ข้านึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะทำได้สำเร็จ!”
เย่ว์หยางฉวยโอกาสกอดแม่เสือสาวหากำไรไว้ก่อน
ไม่รอให้นางไล่ทุบ
เขาหันไปกอดสาวน้อยลูกครึ่งเอลฟ์เป็นถือโอกาสตามน้ำเพราะสนองตอบด้วยความตื่นเต้น องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนถลึงมองตาเขา เมื่อนางมีทักษะแฝงเร้นหกรับรู้ นางรู้เล่ห์ร้ายของเขาเพียงแต่นางไม่เปิดโปงเพื่อเห็นแก่หน้าหนาๆ ของเขา
จากประสบการณ์ที่ดีที่สุดนี้เย่ว์หยางมั่นใจว่าสามารถช่วยองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนช่วยปรับแต่งดาบเทพได้ แต่องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนโบกมือ “ข้ายังไม่รีบ ถ้าเจ้าอยู่ในสภาพที่ดีพร้อม อย่างนั้นก็ทำมีดทำลายเนตรอีกครั้งดีกว่าและคุณภาพของริบบินปลาคู่ก็ควรปรับวิวัฒนาการได้แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งริบบินปลาคู่ ถ้ามันมีบทบาทมากขึ้นบางทีเราสามารถควบคุมการต่อสู้ทั้งหมดได้!”
“ริบบินปลาคู่?” เย่ว์หยางคิดว่าค่อนข้างสมเหตุสมผล ถ้าริบบินปลาคู่ได้วิวัฒนาการอีก สิ่งนี้จะน่ากลัวพอๆ กับตรวนวิเศษเลยทีเดียว!-!