ตอนที่ 918 เรื่องที่โหดร้ายที่สุด
ขุนพลวิญญาณ การเคลื่อนไหวสุดท้ายของวิหารจะต้องเป็นขุนพลวิญญาณแน่นอน เป็นบางอย่างที่ถังเทียนไม่มีทางคาดเดา
ขุนพลวิญญาณภายใต้การดูแลของเสี่ยวม่านทั้งหมดมีพลังเพิ่มขึ้นแตกต่างกัน เหตุผลเพราะความประมาทของอาซิ่นเป็นสาเหตุให้ความแข็งแรงของเขาไม่สามารถเทียบได้กับเสี่ยวม่าน แต่ด้วยการเตือนของนาง เขารีบคิดทันที
“ผู้บัญชาการของอัศวินพิเศษกวงหมิงโซเฟียก็เป็นขุนพลวิญญาณ มีข่าวลือว่าโซเฟียเป็นขุนพลวิญญาณที่ประมุขผู้อาวุโสสร้างขึ้นไม่ใช่หรือ จากที่เห็นดูเหมือนว่าเป็นไปได้มาก ประมุขผู้อาวุโสอาจจะใช้วิธีสร้างขุนพลวิญญาณก็ได้” อาซิ่นกล่าว และยิ่งให้ความสนใจมากขึ้น “มีเงื่อนไขว่าประมุขผู้อาวุโสสามารถสร้างขุนพลวิญญาณได้หลายตนรวดเดียว ก็จะอธิบายสถานการณ์ได้ ลำแสงเพลิงเหล่านี้สามารถผนึกทวีปเซียนไว้ได้และเปลี่ยนทวีปเซียนให้เป็นสมรภูมิที่มั่นคงสำหรับขุนพลวิญญาณ ตราบใดที่พวกเขาสู้กันในทวีปเซียน พวกเขาจะสามารถกุมความได้เปรียบ แต่ก็หมายความว่านี่เป็นช่วงสุดท้ายและเป็นสถานะสุดท้ายของพวกเขาด้วย”
ความคิดของเขาทำงานอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาเอานิ้วจรดที่ปากและพูดต่อ “มีปัญหาอยู่ที่นี่ สัมพันธมิตรใต้แข็งแกร่งมากและยึดถือความได้เปรียบในด้านกำลังทหาร อาจเป็นไปได้ไหมว่าประมุขผู้อาวุโสต้องการใช้ขุนพลวิญญาณเพื่อเสริมกำลังที่ไม่เพียงพอของเขา? ถ้าเป็นกรณีนั้น อย่างนั้นประมุขผู้อาวุโสก็ต้องการสร้างขุนพลวิญญาณจำนวนมาก”
“ก็ควรจะมีมาก! ถ้ามีน้อยเกินไป ไม่ว่าโซเฟียจะแข็งแกร่งเพียงไหน พวกเขาก็ยังไม่สามารถสู้กับกองทัพของซาดราและตระกูลอื่น” เซียนฮุ่ยสรุปอย่างใจเย็น “ประมุขผู้อาวุโสมีวิธีผลิตขุนพลวิญญาณขนาดใหญ่นั่นคือเหตุผลที่เป็นไปได้มากที่สุด”
เสี่ยวม่านรู้สึกว่าเป็นเรื่องไม่น่าเชื่อ “ขุนพลวิญญาณจะถูกสร้างในปริมาณมากขนาดนั้นได้อย่างไร?”
คนที่เหลือรู้สึกว่ายากจะเชื่อ พวกเขาไม่เคยได้ยินเรื่องอย่างนั้น
‘สร้างขุนพลวิญญาณ?’ ตาของถังเทียนเป็นประกาย เขาตอบทันที “ห้องวิญญาณ! ห้องวิญญาณก็สามารถสร้างขุนพลวิญญาณได้”
เชียนฮุ่ยและเสี่ยวม่านงงไปหมด พวกนางไม่เคยเห็นห้องวิญญาณมาก่อน
อาซิ่นไม่คาดเลยว่าถังเทียนจะรู้เรื่องห้องวิญญาณด้วย แต่เมื่อคิดถึงความสัมพันธ์ของถังเทียนกับปิงแล้ว ก็สามารถอธิบายได้ จากนั้นเขาอธิบายให้สตรีทั้งสองฟัง “ห้องวิญญาณเป็นสถานที่ก่อสร้างเฉพาะกองทัพดาวกางเขนใต้ สามารถสร้างขุนพลวิญญาณได้ ในกรณีที่กองกำลังรบขาดแคลน แต่มีขีดจำกัดมากมาย นอกจากนี้ขุนพลวิญญาณที่ถูกสร้างขึ้นมาปกติจะไม่แข็งแกร่งเท่าใดนัก และเป็นเพียงเรื่องบังเอิญเท่านั้น”
“ต้องใช้การ์ดวิญญาณ” ถังเทียนกล่าว “การ์ดวิญญาณระดับสูง จะได้ขุนพลวิญญาณที่แข็งแกร่งเช่นกัน”
เชียนฮุ่ยจับปมสมดุลได้ทันที “สิ่งที่พูดก็หมายความว่าห้องวิญญาณต้องการวัสดุอย่างการ์ดวิญญาณ จะได้สามารถสร้างขุนพลวิญญาณหรือ?”
“วิญญาณที่แตกสลายก็ได้เช่นกัน” อาซิ่นเสริม “แต่ยิ่งแตกสลายมาก ขุนพลวิญญาณจะอ่อนแอมาก”
“ข้าเข้าใจ” เชียนฮุ่ยพยักหน้า “ซึ่งก็หมายความว่า ขุนพลวิญญาณไม่ใช่ว่าสร้างขึ้นมาอย่างไม่มีอะไร แต่จำเป็นต้องได้วิญญาณที่แตกเสียหายหรือการ์ดวิญญาณในฐานะที่เป็นวัสดุสร้าง ไม่จำเป็นต้องใช้วิญญาณใช่ไหม?”
“ใช่แล้ว!” อาซิ่นมั่นใจมาก ไม่มีใครเข้าใจเรื่องห้องวิญญาณเท่ากับเขา “ในบางความรู้สึก วิญญาณก็คือสิ่งมีชีวิตและไม่มีวิญญาณ ก็ไม่สามารถสร้างชีวิตได้”
“ถ้าข้าจำได้ไม่ผิดพลังงานของดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์หนาแน่นมากจนยากจะผลิตขุนพลวิญญาณได้” ตาของเชียนฮุ่ยแวววาว “นอกจากขุนพลวิญญาณแล้ว แม้แต่ชิ้นส่วนวิญญาณก็ไม่มีอยู่ที่นี่ เพราะประมุขผู้อาวุโสต้องการสร้างขุนพลวิญญาณ เขาจำเป็นต้องได้วัสดุ และต้องได้ชิ้นส่วนวิญญาณที่เสียหายอย่างเพียงพอ”
อาซิ่นแค่นเสียง “มันไม่ง่ายนักหรอกแต่ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ วิหารค้นคว้าเรื่องวิญญาณมาเป็นเวลายาวนานมาก บางทีพวกเขาอาจจะพบวิธีปรับแต่งชิ้นวิญญาณที่เสียหาย”
เชียนฮุ่ยไม่ปฏิเสธความคิดนั้น จากนั้นพูดต่อ “ตอนนี้ท่านเพิ่งบอกว่าขณะที่ปรับแต่งขุนพลวิญญาณพลังของพวกเขายังถือว่าทั่วไป ดังนั้นจึงยากที่จะจับตาดูขุนพลวิญญาณใช่ไหม?”
“เจ้าต้องได้การ์ดวิญญาณที่ทรงพลังเพื่อผลิตขุนพลวิญญาณที่ทรงพลัง” ถังเทียนคิดถึงกรงเล็บภูตพราย และรู้สึกมีอารมณ์ตื้นตัน “เพราะเพียงแต่วิญญาณเต็มไปด้วยความยึดมั่นตราตรึงก็จะสามารถสร้างขุนพลวิญญาณที่ทรงพลังได้ ครั้งหนึ่งข้าพยายามใช้การ์ดวิญญาณของเขาหลายใบ แต่ขุนพลวิญญาณที่สร้างออกมามีพลังธรรมดามาก และทำได้แค่เพียงให้ช่วยขนย้ายสิ่งของเท่านั้น”
“เป็นเรื่องหลีกเลี่ยงไม่ได้ในเมื่อท่านสร้างพวกเขาขึ้นมาในปริมาณที่มาก” อาซิ่นเสริม “ความจริงห้องวิญญาณจะเปลี่ยนวิญญาณให้เป็นขุนพลวิญญาณ แต่จะมีวิญญาณที่ทรงพลังมากได้ยังไง? แน่นอนส่วนใหญ่พวกเขาจะมีพลังธรรมดา”
“แม้ว่าพวกเขาจะมีขุนพลวิญญาณธรรมดามากมาย และถ้าพลังของพวกเขาสามารถเพิ่มขึ้นได้ แต่ประมุขผู้อาวุโสไปเอาความมั่นใจมาจากไหนว่าจะเอาชนะซาดราและกองทัพตระกูลอื่นได้?” เชียนฮุ่ยไม่เข้าใจเรื่องนั้น “กองทัพสัมพันธมิตรใต้แข็งแกร่งมาก”
ทุกคนเห็นด้วยกับคำพูดของเชียนฮุ่ย พวกเขาเห็นวิธีที่ซาดราและพวกเรียกกองทัพของพวกเขาและผลของการแสดงกำลังของพวกเขา มีกองทัพมากมายระดับเดียวกันกับกองทัพตระกูลชิว และนั่นคือเหตุผลที่ทุกคนรู้สึกว่าสัมพันธมิตรใต้จะต้องชนะ ไม่ใช่วิหาร
“เป็นไปได้ไหมว่ายังจะมีปัจจัยอื่นอีก?” อาซิ่นขมวดคิ้ว “ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเพิ่มพลังของขุนพลวิญญาณ”
ทันใดนั้นถังเทียนชี้ไปที่ลำแสงทองทันที ลำแสงลงทัณฑ์ “เป็นสิ่งนั้น!”
ทุกคนตกใจและสับสน
“เพลิงศักดิ์สิทธิ์นั้นแปลก” ถังเทียนอธิบาย “ข้าสู้กับคนของหน่วยอัศวินกวงหมิงมาก่อน และเห็นเพลิงศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขา แต่เพลิงศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองต่างกัน”
“ต่างกัน?” ตาของเชียนฮุ่ยทอประกาย “ต่างกันแบบไหน?”
นางรู้ว่าสัญชาตญาณของถังเทียนแหลมคมไม่มีใครเทียบ เขาต้องจับเค้าอะไรบางอย่างได้
ถังเทียนคิดอยู่ชั่วครู่ “ครั้งสุดท้าย เมื่ออัศวินพยายามจะหลบหนี เพลิงศักดิ์สิทธิ์ยังคงเปลี่ยนเป็นสีทองจากเดิมสีขาว คล้ายกับเพลิงศักดิ์สิทธิ์สีทองที่อยู่ต่อหน้าเรามาก ข้าใคร่ครวญดูแล้วไม่ค่อยเข้าใจ จนกระทั่งข้าเห็นวิญญาณของซีอุสถูกเผาผลาญ จากนั้นข้าจึงได้ตระหนัก”
น้ำเสียงของถังเทียนกลายเป็นจริงจังที่ยากจะได้ยิน “ใครที่คิดเรื่องนี้ได้ก็คืออัจฉริยะที่แท้จริง เพลิงศักดิ์สิทธิ์แต่เดิมก็คือพลังงานแสงรูปแบบหนึ่ง และเป็นพลังงานแสงที่เฉพาะแบบและพิเศษ ข้าคาดว่าเพลิงศักดิ์สิทธิ์จะเป็นผลที่แท้จริงที่วิหารได้รับมาจากการค้นคว้าเรื่องวิญญาณ เพลิงศักดิ์สิทธิ์สามารถปะทุออกมาจากร่างกายและเพิ่มความรุนแรงได้ แต่เป็นเรื่องที่แปลกร่างของผู้อาวุโสไม่แข็งแรง เพราะพลังของร่างกายถูกนำมาหล่อเลี้ยงวิญญาณของพวกเขา แต่วิญญาณที่รุ่งเรืองนี้ ไม่มีประสบการณ์การปรับแต่งแต่อย่างใด”
เชียนฮุ่ยคิดดูแล้ว “เจ้าหมายความว่ายังไงวิญญาณของพวกเขาถูกบำรุงขึ้นมา เพียงแต่ไม่แข็งแรง?”
“ใช่! ถูกต้องแล้ว! ถังเทียนพยักหน้า จากนั้นพูดต่อ ”เราทุกคนรู้ว่าใจของเราจำเป็นต้องขัดเกลาให้แข็งแกร่งขึ้น มิน่าเล่าทำไมข้าถึงได้รู้สึกแปลกเมื่อครั้งล่าสุด อัศวินกวงหมิงได้รับการปรับแต่งรัศมีพลังและรู้สึกแข็งแกร่ง แต่หลังจากสู้กับพวกเขา พวกเขาอ่อนแอกว่าที่ข้าคิดมาก ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้ว พลังจิตและวิญญาณของของพวกเขาเหมือนถูกใช้เป็นปุ๋ย เพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่ได้เผาวิญญาณจะใช้ในการบำรุงร่างเพื่อขยายวิญญาณของพวกเขา หลังจากถูกขยายมาเป็นเวลาหลายปี เมื่อเพลิงศักดิ์สิทธิ์เผาวิญญาณ วิญญาณก็จะถูกดูดซึมกลับเข้าไปในเพลิงศักดิ์สิทธิ์ มิน่าเล่าพวกเขาถึงได้รู้สึกแตกต่างออกไป ถ้าข้าคาดเดาไม่ผิดเสาเพลิงศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ไม่เพียงแต่ผนึกทวีปเซียนเท่านั้น แต่ยังคงช่วยเสริมพลังให้กับขุนพลวิญญาณที่เพิ่งถูกผลิตออกมา”
ทั่วทั้งบริเวณเงียบสงัด ทุกคนรู้สึกทึ่งและตกใจกับเนื้อหาที่ถังเทียนอธิบายออกมา ทุกคนหลั่งเหงื่อเยียบเย็นขณะที่ผมขนในตัวลุกชัน
วิญญาณที่ถูกบำรุงเลี้ยงมาเป็นเวลาสิบๆปีจะถูกใช้เป็นอาหารให้ขุนพลวิญญาณ
ความจริงนี้แสนโหดร้ายยิ่งนัก
เชียนฮุ่ยรู้สึกผิดหวัง นางพึมพำ “ช่างน่ากลัวยิ่งนัก...”
เมลิซซาที่อยู่ในมุมหนึ่งเงียบอยู่ตลอดเวลาพลันหน้าซีดขาว ตลอดทั้งตัวนางสั่นสะท้าน และฟันของนางสั่นสะท้านจนทุกคนได้ยินนาง
ทุกคนหันไปมองเมลิซซา
เมลิซซาตะลึงขณะร้อง “ละ..หลายคน..คนหลายจะถูกใช้บำรุงเพลิงศักดิ์สิทธิ์....”
‘คนหลายคน?’
ทุกคนยังมึนงงและไม่เข้าใจความหมายในคำพูดของนางเต็มที่ แต่เพราะเหตุผลบางอย่าง สังหรณ์ร้ายผุดขึ้นมาในใจพวกเขา
อาซิ่นยังเป็นคนที่เข้าใจ เขาอุทานออกมาเสียงดัง “เจ้ากำลังบอกว่า....”
เมลิซซาข่มเสียงสะอื้น “นอกจากวิหาร ยังมีคนธรรมดาทั่วไปที่ฝึกกับเพลิงศักดิ์สิทธิ์ วิหารบอก...ตราบเท่าที่มีคนเรียนรู้เพลิงศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาก็มีโอกาสถูกตัดสินโดยวิหาร และสามารถทำงานให้วิหาร และถูกตัดสินโดยวิหาร และ....”
เมลิซซาสูญเสียการควบคุมอารมณ์นางเองและหลั่งน้ำตา นางไม่อาจพยุงตัวอยู่ได้ทรุดตัวลงกับพื้น
ทุกคนตะลึงไม่มีใครกล้าคิดถึงความหมาย...ถ้าสิ่งที่ถังเทียนพูดขึ้นมาเป็นความจริง
หน้าของทุกคนซีดขาวหนักยิ่งขึ้น มีแต่ความกลัวอยู่ในสายตาพวกเขา
“พวกเขาจะไม่กล้าทำเรื่องอย่างนั้น...” แม้ว่าอาซิ่นจะกล้าหาญแต่ก็ยังตะลึงไปครู่หนึ่ง
มีผู้คนกี่คนในทวีปเซียน? ไม่มีใครรู้จำนวนแน่นอน แต่ทุกคนรู้ว่าทวีปเซียนคือทวีปที่เจริญที่สุดของทวีปกวงหมิงและมีประชากรมากที่สุด ถ้ามีใครคุ้นเคยกับจำนวนปัจจุบันนี้ พวกเขาจะกล่าวได้ว่าประชากรของทวีปเซียนมีราวหนึ่งในสิบของทวีปกวงหมิง
ไม่มีใครกล้าคิดต่อไป
“นั่นอะไร?” ทันใดนั้นจี๋เจ๋อชี้ท้องฟ้าไกลออกไป เสียงของเขาแฝงไปด้วยความกลัว
ทุกคนมองตามนิ้วของจี๋เจ๋อและเห็นภาพของเพลิงทองศักดิ์สิทธิ์ขนาดกำปั้นค่อยๆลอยขึ้นเหนือหลังคาบ้านบนถนนลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าช้าๆ
โดยไม่รู้ตัวใจของทุกคนคิดถึงการคาดเดาของถังเทียน ร่างของพวกเขาเย็นเฉียบ ราวกับว่าไฟฟ้าวิ่งอยู่ทั่วร่าง คอของพวกเขาแข็งเกร็ง ร่างค้าง ทุกคนมองดูเหมือนกับกลายเป็นรูปปั้น
ไม่มีใครลืมภาพที่พวกเขาเห็นข้างหน้า
เพลิงทองศักดิ์สิทธิ์ขนาดต่างๆลอยขึ้นเหนือหลังคา เพลิงทองศักดิ์สิทธิ์ลอยขึ้นจากพื้นมากขึ้นๆ เหมือนฝูงแมงกะพรุนสีทองค่อยๆว่ายอยู่ในทะเล
แม้ในท้องฟ้าที่ไกลออกไปกลุ่มเพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่หนาแน่นยังมีเพิ่มออกมาไม่สิ้นสุดราวกับว่าเป็นทะเลสีทอง
ไม่ว่าพวกเขาจะมองไปที่ใด ทุกซอกมุมจะเต็มไปด้วยเพลิงสีทองที่ลอยอยู่
สีทองที่ดูศักดิ์สิทธิ์และสง่างามในขณะนั้นกลายเป็นชั่วร้ายไม่มีร่องรอยของความอบอุ่น มีแต่ความตายไม่สิ้นสุด
ทุกคนชะงักค้าง ทุกคนคือคนที่มีประสบการณ์ผ่านสงครามและการสู้รบมาแล้ว เห็นซากศพเลือดเนื้อมานับไม่ถ้วน พวกเขาในตอนแรกคิดว่าไม่มีอะไรในโลกที่โหดร้ายรุนแรงเท่าสนามรบที่จะทำให้พวกเขารู้สึกกลัว แต่ฉากภาพที่อยู่ต่อตาพวกเขาทำให้หัวใจพวกเขาสั่นสะท้าน
เพลิงทองศักดิ์สิทธิ์ทุกดวงคือสัญลักษณ์ของชีวิต
เพลิงทองศักดิ์สิทธิ์ไม่มีที่สิ้นสุดครอบครองพื้นที่เหนือพวกเขาทุกตารางนิ้ว ไม่มีใครสามารถนับได้ว่าเพลิงทองศักดิ์สิทธิ์มีจำนวนเท่าใด หรือต้องใช้ไปกี่ชีวิต
ขณะนั้นชีวิตเป็นล้านดับสูญไปอย่างเงียบงันกลายเป็นปุ๋ยหล่อเลี้ยงเพลิงสีทอง
ไม่มีใครเคยเห็นความโหดร้ายที่มากกว่านั้นมาก่อน