ตอนที่ 916 คุกทวีปเซียน
เปลวลำแสงทองลามเลียออกมาแสงเพลิงลุกโชติช่วงส่งเสียงแตกปะทุไม่มีหยุดเปลวเพลิงเหมือนกับสัตว์ประหลาดที่มีชีวิตอยู่ลำแสงเพลิง พวกเขาปากอ้าค้างมองดูอยู่เงียบๆ รัศมีศักดิ์สิทธิ์เป็นคลื่นกวาดไปทั่วทุกตำแหน่ง
ไม่มีใครสามารถตัดสินได้ว่าลำแสงเพลิงสูงเท่าใด เพราะพุ่งสูงทะลุเมฆ ราวกับว่าเพลิงนั้นลงมาจากสวรรค์ชั้นฟ้า
ถังเทียนที่อยู่ด้านหลังหน้ากากถูกความตกใจครอบงำ เขาไม่รู้ว่าลำแสงเพลิงคืออะไร แต่เขาสามารถคาดเดาได้ว่ามันมีไว้เพื่ออะไร เนื่องจากสมาพันธ์ชาวยุทธก็มีสิ่งนี้เหมือนกัน แต่ภาพที่อยู่ต่อหน้าเขาน่าตกใจมากอย่างแท้จริง
ในสายตาของถังเทียน เขาสามารถเห็นลำแสงเพลิงมากกว่าสิบสายและในขอบฟ้าก็ยังมีลำแสงเพลิงทองยิงขึ้นไปในท้องฟ้า
‘วิหารพยายามจะทำอะไร?’
‘ที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังฉากภาพตระการตาคืออันตรายและรังสีฆ่าฟันพวกเขาเหี้ยมโหดขนาดไหน?’
ไม่มีใครสงสัยคำพูดของประมุขผู้อาวุโสที่ว่าจัดการกับทุกคน ฉากภาพตระการตาที่อยู่ต่อหน้าพวกเขาคาดว่าน่าจะเป็นความต้องการและทะเยอทะยานของประมุขผู้อาวุโส
‘ช่างทำยิ่งใหญ่เสียเหลือเกิน!’
ถังเทียนตื่นเต้นเป็นเวลานานแล้วตั้งแต่เขาพบกับคนที่น่าชื่นชม เขาเห็นประจักษ์กระบวนรูปพยุหะลำแสงลงฑัณฑ์ซึ่งแผดเผาร่างและวิญญาณของผู้อาวุโสซีอุส “จะต้องมีผู้อาวุโสกี่คนที่ถูกแผดเผาเพื่อสร้างลำแสงลงทัณฑ์มากมายนี้? สร้างฉากภาพได้ตระการตาขนาดนั้นเชียวหรือ?’
‘ประมุขผู้อาวุโสมองชีวิตมนุษย์เหมือนกับผักหญ้า เขาอำมหิตอย่างแท้จริง’
ถังเทียนข่มความตกตะลึงในใจและสงบลงได้ ถังเทียนอยู่ในสภาพพร้อมสู้รบจะใจเย็นและฉลาด เขาสังเกตตำแหน่งของเสาลำแสงลงทัณฑ์อย่างระมัดระวังและกะระยะห่างระหว่างลำแสง ‘เนื่องจากประมุขผู้อาวุโสถึงกับเสียสละผู้อาวุโสเพื่อสร้างลำแสงลงทัณฑ์ อย่างนั้นลำแสงลงทัณฑ์เหล่านี้ก็ต้องมีประโยชน์ใช้งานไม่เหมือนใคร’
‘แต่ในวิธีการใช้เล่า?’ ถังเทียนเค้นสมอง ถ้าเขาต้องหาประโยชน์ของลำแสงลงทัณฑ์ เขาสามารถดำเนินการตามได้
“เจ้าต้องการทำลายตระกูลชั้นสูงทั้งหมด!”
“ในที่สุดเจ้าก็เข้าใจหรือซาดรา? เจ้าช่างช้าเสียจริง”
คำสนทนาของซาดราและประมุขผู้อาวุโสผุดขึ้นมาในใจของถังเทียนขณะที่เขานึกย้อนกลับไป ‘ประมุขผู้อาวุโสต้องการเอาชนะตระกูลต่างๆ และต้องการจัดการตระกูลใหม่ด้วยเช่นกัน ต้องไม่ใช่วิธีการทั่วไปแน่ วิธีการทั่วไปไม่สามารถทำให้ประมุขผู้อาวุโสไปถึงเป้าหมายได้’
‘ต้องมีกฎเกณฑ์สำหรับเรื่องนี้ แต่ว่าคืออะไร?’
ถังเทียนสูดหายใจลึกและข่มความวู่วามในใจ เขารู้ว่าใจร้อนไปก็ไร้ประโยชน์ แต่อันตรายรุนแรงแผ่กระจายไปทั่วใจของเขาใจของเขารู้สึกมีแรงกดดันเหมือนถูกภูเขาถมทับ
เขาไม่เคยรู้สึกกังวลกับการสู้รบมาก่อน แต่นี่เป็นครั้งแรกของเขา
พลังของประมุขผู้อาวุโสเหนือกว่าศัตรูทุกคนที่เขาเคยพบมาก่อน ทั้งประสบการณ์ของเขา อุบาย ความอำมหิตความมุ่งมั่นและความอดทน ทั้งหมดอยู่ในระดับสุดยอดเมื่อเทียบกับศัตรูทั้งหมดที่เขาเคยพบ เขาสามารถบอกได้ว่าสถานการณ์ต่อหน้าเขาเป็นสิ่งที่ประมุขผู้อาวุโสเตรียมการมาเป็นเวลานับสิบปี เมื่อประมุขผู้อาวุโสและซาดรายังเป็นสหายกัน ประมุขผู้อาวุโสมองเห็นการณ์ไกลถึงจุดสิ้นสุดแล้ว และเริ่มเตรียมการตั้งแต่ต้น การมองการณ์ไกลของเขาแข็งแกร่งมาก เขาจะหยั่งถึงได้อย่างไร
ย้อนกลับไปที่เรื่องหลัก ถังเทียนบังคับตนเองให้สงบและเพ่งถึงสถานการณ์ที่อยู่ต่อหน้าเขา
‘เนื่องจากประมุขผู้อาวุโสต้องการทำลายตระกูลทั้งหมด เขาจะต้องผนึกทวีปเซียนไว้แน่นอน’
‘โดยปกติ การปิดทวีปเซียนวิธีที่ดีที่สุดก็คือผนึกปากอ่าวพลังงานทั้งหมด แต่จำนวนอ่าวพลังงานที่ทวีปเซียนมี มีอยู่น้อยมากและวิหารในตอนนี้ไม่มีกองทัพเพียงพอ พวกเขาไม่สามารถผนึกปากอ่าวได้ วิหารต้องใช้วิธีพิเศษบางอย่างผนึกทวีปเซียนไว้’
‘ฮืมมม? วิธีที่เฉพาะ...หรือว่าจะเป็นลำแสงลงทัณฑ์นี้ที่ผนึกทวีปเซียนไว้?’
ถังเทียนตื่นเต้นมาก เขารู้สึกว่าเขาพบร่องรอยบางอย่าง ‘ตำแหน่งของลำแสงไม่ใช่อยู่ที่ปากอ่าววิธีการของวิหารไม่ได้ผนึกที่ปากอ่าว ดังนั้นวิธีการของวิหารไม่ได้ผนึกที่ปากอ่าว ถ้าไม่ใช่ที่ปากอ่าวอย่างนั้นพวกเขาจะผนึกทวีปได้ยังไง....ง
ถังเทียนมองดูลำแสงลงทัณฑ์ที่ยิงขึ้นไปในท้องฟ้าและขยายไปถึงสวรรค์
‘ท้องฟ้า...หรือว่าจะเป็นท้องฟ้า?’
หัวใจของถังเทียนสั่นสะท้าน ทันใดนั้นเขาปล่อยพลังใต้เท้าเขา
ทันทีที่ถังเทียนพ้นจากพื้น เขารู้สึกถึงรัศมีพลังกดดันมาจากท้องฟ้าราวกับภูเขาไท่ซานถล่มลงมาท่วมทั้งตัวของเขา พลังมหาศาลกดทับลงที่ตัวเขาป้องกันเขาไม่ให้หลบหนีไปได้ รัศมีพลังนี้สง่าและเยือกเย็นยิงตรงลงมาที่ใจกลางทำให้ทุกคนต้องการคุกเข่าแสดงความเคารพไม่รู้ตัว
ประกายตาเคร่งเครียดวูบผ่านในดวงตาของถังเทียน เขาคราง และทั่วทั้งร่างเปล่งรัศมีแสง เขาก้าวไปบนบนไดลอยที่มองไม่เห็น และเหมือนกับว่าเขากำลังขึ้นสู่สวรรค์เขาก้าวขึ้นไปทีละก้าวๆ
ทุกๆ ระยะที่ขึ้นไปสามเมตร แรงกดดันจะเพิ่มขึ้น และพลังนี้ดูเหมือนจะไม่มีหมดไป
หลังจากขึ้นไปได้ไม่กี่เมตร ถังเทียนสังเกตว่าท้องฟ้าเหนือศีรษะเขาเปล่งแสงเป็นฉากสีทองเพลิงทองศักดิ์สิทธิ์พุ่งออกจากลำแสงลงทัณฑ์เปลี่ยนเป็นฉากสีทองกั้นถังเทียนไว้จากด้านบน
การเคลื่อนไหวของถังเทียนหยุดกึก เขาพยายามขึ้นอีกครั้ง แต่ในครั้งที่สอง ความเร็วของเขาช้าลงมาก
เขารู้สึกเหมือนกับว่าพรวดพรวดเข้าไปในมหาสมุทรลึก ทุกย่างก้าวลำบากและยาวนานมาก แรงกดดันที่น่ากลัวมาจากทุกตำแหน่ง และสามารถได้ยินเสียงกระดูกของตนเองดังลั่น หัวใจของเขาสั่นสะท้าน ร่างของเขาสามารถอ้างได้ว่าเหมือนสร้างขึ้นจากโลหะและเหล็กกล้าอาจกล่าวได้ว่าเป็นร่างที่แกร่งกร้าวภายใต้สวรรค์ แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังรู้สึกไม่สบาย ถ้าเป็นคนอื่น พวกเขาคงถูกบดขยี้จนแหลกเละไปแล้ว
หลังจากยืนยันข้อสันนิษฐานและขึ้นไปสูงเกิน 30เมตร ถังเทียนไม่ฝืนไปต่อและอาศัยแรงกดดันทิ้งตัวลงมาที่พื้น
เมื่อตกลงมาที่พื้นถังเทียนรู้สึกว่าแรงกดดันหายไปทันที เพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่คลุมอยู่ทั่วท้องฟ้าเหมือนฝูงปลากลับไปยังเสาลงทัณฑ์
เขาส่ายศีรษะให้เชียนฮุ่ยและอาซิ่นส่งสัญญาณให้พวกเขาทราบว่าต่อต้านไปก็ไร้ประโยชน์
มีหลายคนที่เห็นประจักษ์การทดสอบของถังเทียนในท้องฟ้า และสีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไปทหารคุ้มกันคนหนึ่งอวดอ้างความแข็งแกร่งของตัวเองบินขึ้นไปในท้องฟ้าเหมือนกับถังเทียน แต่เมื่อขึ้นไปได้สิบเมตร ร่างของเขาก็ระเบิดเหมือนลูกแตงโมทันที และเพลิงศักดิ์สิทธิ์ในท้องฟ้าเหมือนกับนกแร้งโผเข้าหาเหยื่อซึ่งก็คือซากศพนั้น
ในพริบตาเลือดเนื้อของทหารคนนั้นก็ถูกเพลิงศักดิ์สิทธิ์กลืนและเพลิงก็กระจายกลับไปที่ลำแสงลงทัณฑ์
ทุกคนที่เห็นฉากภาพนองเลือดกับตาถึงกับตกตะลึงอีกครั้ง
“เราทั้งหมดติดอยู่ในข่ายเสียแล้ว!” หน้าของหัวหลิวซางเขียว
ในที่สุดทุกคนก็เข้าใจการใช้ลำแสงลงทัณฑ์ ทวีปเซียนเปลี่ยนเป็นกับดักขนาดใหญ่และทุกคนติดอยู่ในกับดัก เพลิงทองศักดิ์สิทธิ์ที่ศักดิ์สิทธิ์และสง่างามเป็นเหมือนเพลิงปีศาจในสายตาของทุกคน
โฮลมีสีหน้าตกใจกลัว “ประมุขผู้อาวุโสบ้าไปแล้ว! เขาใช้ผนึกนี้ทั่วทวีปเซียนผู้อาวุโสจะต้องตายไปอีกเท่าใด?”
“เท่าใดหรือ?” ม่ออี้กู่แค่นเสียง “ข้าคิดว่าผู้อาวุโสทั้งหมดตายแล้ว! แต่จะใช้อะไรดักเราล่ะ? นอกจากอัศวินกวงหมิง ศัตรูอื่นจะมีอะไร? เฮ้อ..พวกเขาต้องการให้เราอดตายหรือ?”
เมื่อคนอื่นได้ยินเขาพูด พวกเขาผ่อนคลาย ใช่แล้ว แม้ว่าพวกเขาจะติดอยู่ในทวีปเซียนชั่วคราว เมื่อต้องการสังหารพวกเขาจำเป็นต้องใช้อาวุธจริงสังหาร แต่มือของวิหารอยู่ในสภาพน่าอนาถ จะให้เราอดตาย นั่นเป็นวิธีไร้สาระอย่างสิ้นเชิง
ซาดราไม่พูด และสังเกตลำแสงลงทัณฑ์ที่สูงเข้าไปในเมฆ เขามีความสงสัย ‘ประมุขผู้อาวุโสไปเอาความมั่นใจมาจากไหน?ทำไมเขาแน่ใจในตัวเองนัก?’
‘หรือว่าลำแสงลงทัณฑ์ยังมีคุณสมบัติพิเศษอื่นอีก?’
น่าเสียดายที่เขาไม่ได้ดำเนินการวิจัยลำแสงลงทัณฑ์ไม่แต่เพียงเขาเท่านั้น ไม่เคยมีใครศึกษาเรื่องนี้มาเท่าใดนัก แม้แต่ในวิหารมีคนไม่มากนักที่พยายามเรียนรู้เรื่องลำแสง ลำแสงลงทัณฑ์เป็นวิธีลงทัณฑ์ที่ไม่ค่อยได้ใช้กัน
ซาดราไม่เคยคิดเลยว่าประมุขผู้อาวุโสจะศึกษาค้นคว้าวิธีการนอกสารบบแบบนี้ นอกจากนี้ยังดูเหมือนกับว่าเขาพบความก้าวหน้าในเรื่องนี้ ในอดีตไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับลำแสงลงทัณฑ์ที่ต้องใช้มนุษย์กระตุ้นทำงาน
เมื่อคิดเรื่องนั้น อารมณ์ซาดราตกต่ำทันที
ประมุขผู้อาวุโสเป็นคนลึกลับและยากจะออกมาจากการถือสันโดษโลกภายนอกจึงไม่ค่อยรู้จักเขา แต่ซาดราเคยต่อสู้เคียงข้างกับประมุขผู้อาวุโสมาหลายครั้งในอดีต และเขารู้ว่าประมุขผู้อาวุโสมีความคลั่งไคล้หลงใหลในสิ่งที่เขาสนใจ เมื่อประมุขผู้อาวุโสยังอายุน้อย เขาทุ่มเทเวลาอย่างมากศึกษาค้นคว้าด้านวิญญาณ แต่ซาดราแนะนำเขาแทนที่จะใช้เวลาศึกษาความลึกลับแห่งวิญญาณ เขาสามารถวางภาพลักษณ์อย่างน้อยก็หวังความสำเร็จได้
‘เขาต้องค้นคว้าจนสำเร็จในเรื่องลำแสงลงทัณฑ์!’
“จงระวังและให้ความสนใจ” ซาดราเตือน “อยู่ห่างจากลำแสงให้มากเท่าที่เป็นไปได้พวกมันอาจจะมีความสามารถรุกก็ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพลิงศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นส่งคนไปสืบรอบๆ ให้มาก วิหารต้องมีแผนบางอย่างแน่นอน”
เขาชำเลืองมองถังเทียน องครักษ์ของเขาร่างระเบิดเมื่อขึ้นไป 10 เมตรแต่บุรุษหน้ากากจากกองพลหน้ากากเหล็กโดดขึ้นไปถึง 30เมตรแต่ลงมายังพื้นได้อย่างปลอดภัย ‘คนผู้นั้นร่างกายแข็งแกร่งขนาดไหนกัน?’
ซาดราประหลาดใจกับประสิทธิภาพของถังเทียน และในทางกลับกัน
ถังเทียนก็ประหลาดใจกับความจริงที่ว่าซาดราสามารถรักษาความเยือกเย็นและออกคำสั่งได้อย่างปกติ ‘ซาดราไม่ธรรมดา’
สำหรับพวกเขา เป็นเรื่องดีที่ทั้งสองฝ่ายอาจกล่าวได้ว่าเป็นพันธมิตรกันชั่วคราว แต่ถังเทียนไม่ต้องการให้พันธมิตรของเขาเป็นเพื่อนร่วมกลุ่มที่แย่
ความเยือกเย็นของซาดราส่งผลแก่พันธมิตรตระกูลชั้นสูง หัวหน้าตระกูลอื่นสงบลงได้อย่างรวดเร็วและส่งคำสั่งออกไป
ทหารที่อยู่ในความควบคุมของพวกเขาเป็นมือดีกันทั้งหมดและรู้สิ่งที่จะต้องทำ หลายคนถูกส่งไปตระเวนดูรอบๆ แม้ว่าพวกเขาไม่สามารถบินได้ในระดับสูง แต่พวกเขาสามารถเคลื่อนไหวได้ในระดับต่ำ
สิ่งที่โดดเด่นที่สุดก็คือขุนพลทหารคนหนึ่งรวบรวมทหารสองสามคนและเตรียมโจมตีทดสอบลำแสงลงทัณฑ์
แม้ว่าถังเทียนและกลุ่มของเขาก็ถูกจับตามมองพวกเขาสงสัย ‘ลำแสงลงทัณฑ์จะถูกทำลายได้หรือไม่?’
รัศมีแสงเต็มท้องฟ้าเหมือนกับฝนเกิดพลังสั่นสะเทือนน่ากลัวขณะโจมตีลำแสงสายหนึ่ง
แต่ฉากภาพที่น่าตกใจเกิดขึ้น พลังโจมตีทั้งหมดไร้ผล และไม่สร้างความวุ่นวายอะไร
ขุนพลแม่ทัพไม่แน่ใจ เขาดึงทหารทั้งกองออกมาและเริ่มโจมตีลำแสงลงทัณฑ์เต็มกำลัง แต่ไม่มีประโยชน์อะไร ไม่ว่าพลังจะรุนแรงเพียงไหนก็จะถูกดูดซับเข้าไปในลำแสงลงทัฒฑ์ และถูกเปลวเพลิงกลืนหมด
เพลิงทองศักดิ์สิทธิ์ยังคงดูดซับพลังเงียบๆ ลำแสงขนาดมหึมาดูเหมือนสามารถกลืนสัตว์ร้ายไว้ได้ทั้งตัว หลังจากดูดซับพลังโจมตีแล้ว เพลิงศักดิ์สิทธิ์ของลำแสงลงทัณฑ์ก็เพิ่มความแข็งแกร่งขึ้นแสงทองที่เปล่งออกมาจากเปลวเพลิงรุนแรงมากขึ้น
ทุกคนรวมทั้งถังเทียน สีหน้าเปลี่ยนกันหมด