ตอนที่แล้วตอนที่ 913 สมคบคิด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 915 การพนันบ้าคลั่ง

ตอนที่ 914 ลำแสงลงทัณฑ์


เพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่บริสุทธิ์อ่อนโยนเปล่งรัศมีที่ให้ความรู้สึกที่ศักดิ์สิทธิ์ทำให้ผู้คนรู้สึกได้อยากจะคุกเข่าและคำนับ แต่ฉากภาพที่อยู่ต่อหน้าพวกเขาแปลกประหลาดจนทุกคนรู้สึกเย็นยะเยือก

ศีรษะของผู้อาวุโสซีอุสระเบิดหายไปเหลือแต่คอที่ขาดวิ่นและร่างที่มองเห็นกระดูกสีขาวและเลือดเนื้อสีแดงสด  ในสถานการณ์ปกติ แผลจะต้องหลั่งโลหิตออกมา แต่สิ่งที่แปลกก็คือไม่มีเลือดไหลออกมาจากคอที่ขาดแม้สักหยดเดียว

ฟู่...เพลิงศักดิ์สิทธิ์สีขาวลุกโพลงออกมาจากคอของซีอุส

ร่างไร้ศีรษะของผู้อาวุโสซีอุสยังคงยืนตรง  และดูเหมือนกับมนุษย์เทียนไขที่ตั้งอยู่บนพื้น

เพลิงศักดิ์สิทธิ์สีขาวกลืนร่างของเขาเงียบๆ

เลือดเนื้อของซีอุสเหมือนกับขี้ผึ้งที่ติดไฟสีขาว  และยังคงสลายอยู่ในกองไฟ  ศพละลายอย่างรวดเร็วมองเห็นด้วยตาเปล่า  และเพลิงศักดิ์สิทธิ์ยังคงรุนแรงขยายใหญ่ขึ้น

ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น  แต่หัวใจของพวกเขาตรึงเครียดเหมือนกับว่าพวกเขาอยู่ในภาพยนตร์สยองขวัญ และมีเรื่องที่น่ากลัวเกิดขึ้นกับพวกเขา แต่ไม่มีใครรู้ว่าจะหยุดเปลวเพลิงได้อย่างไร  แม้จะทำลายศีรษะก็ไร้ประโยชน์  พวกเขาได้แต่มองเปลวเพลิงอย่างจนใจ

ร่างของผู้อาวุโสซีอุสดูเหมือนจะเป็นเชื้อเพลิงสำหรับเพลิงศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างดีมันเผาไหม้อย่างรวดเร็ว  และในพริบตาเหลือแต่เพียงข้อมือและขา   เปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่แต่เดิมมีขนาดเท่าแขนเพิ่มขนาดความรุนแรงอีกเป็นร้อยเท่า

เพลิงศักดิ์สิทธิ์กำลังไหม้ลามเลียไปทุกตำแหน่ง  และยังเหลืออยู่ในร่างของซีอุสครึ่งหนึ่งกลายเป็นเชื้อไฟ

สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไป  และคนที่อยู่ใกล้เปลวเพลิงถอยกันหมด  เพลิงศักดิ์สิทธิ์ยังคงรุนแรงขึ้นและอันตรายมากขึ้น

ถังเทียนจ้องมองดูศพที่กำลังไหม้เม็ดเหงื่อผุดจากหน้าผากของเขา หลังของเขาชุ่มไปด้วยเหงื่อ

เขาไม่ถอยแต่ก้าวไปข้างหน้าคอยปกป้องเชียนฮุ่ยไว้ข้างหลังเขา

สัญชาตญาณของเขาแหลมคมมาก  และความรู้สึกที่เขารับรู้ได้มากกว่าคนอื่น

ถังเทียนเคยสู้กับโรเจอร์มาก่อนและไม่คุ้นเคยกับเพลิงศักดิ์สิทธิ์กวงหมิง ในการสู้รบ  เขาข่มโรเจอร์ได้ตั้งแต่แรกป้องกันโรเจอร์ไม่ให้มีโอกาส  เวลานั้นแม้ว่าเขาจะรู้สึกว่าอัศวินพิเศษกวงหมิงจะมีชื่อเสียงพอสมควรแต่เขาก็มั่นใจว่าจะเอาชนะพวกเขาได้

แต่,เปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ต่อหน้าเขาครอบงำความรู้สึกที่เขามีต่อเพลิงศักดิ์สิทธิ์

เพลิงศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองมีระดับที่แตกต่างกัน เพลิงศักดิ์สิทธิ์ของโรเจอร์เหมือนกับแสงเทียนที่อ่อน  แต่เพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ต่อหน้าเขาเหมือนกับเพลิงจากภูเขาไฟ

สิ่งทำให้เขากังวลมากกว่าก็คือเปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์กำลังเติบโตกล้าแข็งและยังไม่มีหยุด  เมื่อขนาดและคุณภาพขยาย  เพลิงศักดิ์สิทธิ์ยังคงเปลี่ยนแปลงเงียบๆและเขารู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลง

เพลิงศักดิ์สิทธิ์กำลังไหม้ไม่ได้ปล่อยรัศมีคลุ้มคลั่งแต่ยังคงเป็นเพลิงที่ศักดิ์สิทธิ์เคร่งขรึม แต่ก็ยังเครียดมากขึ้นเหมือนกับว่าเทพจากสวรรค์สอดส่องดูแลชีวิต แม้แต่พื้นที่ก็กลายเป็นหนาแน่น แรงกดดันที่มองไม่เห็นปรากฏตามทุกคน

‘เดี๋ยวก่อน!’

ม่านตาของถังเทียนหรี่ลงทันที ภายในเปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์มีร่างเลือนรางที่กำลังดิ้นรนด้วยความเจ็บปวด

เงาร่างดำเลือนรางคือผู้อาวุโสซีอุสอย่างเห็นได้ชัด!

อาซิ่นสังเกตเห็นร่างหนึ่ง  และร้องออกมา “นั่นเป็นไปได้ยังไง!”

‘นั่นไม่ใช่ขุนพลวิญญาณ’  ถังเทียนสังเกตได้ทันที

‘วิญญาณ  นั่นคือวิญญาณของผู้อาวุโสซีอุส’

ทุกคนจ้องมองเปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์ด้วยความตกใจทุกคนมีสีหน้ากลัวและตกใจ แม้แต่ถังเทียนก็ไม่เว้น

เทียบกับคนของดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ถังเทียนมาจากสวรรค์วิถี ถังเทียนคุ้นเคยกับขั้นตอนของจิตและวิญญาณมาก  ขุนพลวิญญาณ, การ์ดวิญญาณ  เหล่านี้เป็นสิ่งธรรมดาในสวรรค์วิถี และเป็นสิ่งมีชีวิตที่ธรรมดาที่สุดสวรรค์วิถี  พวกเขาแตกต่างกันที่คุณภาพ  แต่ในเรื่องสาระ จะเหมือนกันหมด

แต่ถังเทียนไม่เคยเห็นวิญญาณจริงมาก่อน  ขุนพลวิญญาณไม่ใช่ดวงวิญญาณ และแม้แต่ความลับข้อมูลขุนพลวิญญาณไม่เคยถูกเปิดเผยมาก่อน แต่พวกเขามีความเชื่อมโยงสัมพันธ์กันและส่วนใหญ่จะคิดว่าขุนพลวิญญาณมาจากการหลอมรวมครอบงำของวิญญาณนักสู้

แต่ไม่มีใครเคยเห็นดวงวิญญาณบริสุทธิ์มาก่อน

ดวงวิญญาณยังสั่นสะท้านอยู่ต่อหน้าของถังเทียน

วิญญาณของผู้อาวุโสซีอุสกำลังดิ้นรนด้วยความเจ็บปวดในเพลิงศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งกำลังกลืนเขาและแผดเผาเขาอย่างเงียบงัน  แต่เพราะบางเหตุผล  ทุกคนดูเหมือนสามารถได้ยินเสียงกรีดร้องโหยหวนของเขาได้

เมื่อเลือดเนื้อสุดท้ายของผู้อาวุโสซีอุสละลายอยู่ในเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์แล้ว  เพลิงขาวบริสุทธิ์ย้อมไปด้วยชั้นแสงสีทอง

วิญญาณภายในเปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์เริ่มละลายหายไปปล่อยของเหลวสีทองออกมา ของเหลวสีทองนี้เข้าไปรวมกับเพลิงศักดิ์สิทธิ์อย่างรวดเร็ว  วิญญาณที่กำลังดิ้นรนอ่อนแอลงทุกขณะหมองลงทุกที และเล็กลง เมื่อของเหลวสีทองหยดสุดท้ายเข้าไปรวมกับเพลิงศักดิ์สิทธิ์  เพลิงศักดิ์สิทธิ์เริ่มกลายเป็นสีทองขาว

สถานที่ซึ่งผู้อาวุโสซีอุสยืนอยู่ไม่มีอะไรเหลืออยู่

เปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์สีทองเริ่มหมุนช้าราวกับว่าเป็นทุกความเคลื่อนไหวของไส้ตะเกียงที่หนักพันชั่ง  เหมือนกับเทพลึกลับที่ตื่นขึ้นจากการหลับใหลค่อยๆ ปลดปล่อยจิตสำนึก สายตาของมันทำให้โลกแตกสลาย

“ถอยไป” ถังเทียนบอกเชียนฮุ่ยโดยไม่หันหน้าไปมอง

เขามองดูเหมือนกับว่ากำลังเผชิญหน้ากับศัตรูที่ทรงพลังกล้ามเนื้อทุกมัดของเขาตึงเครียด

เชียนฮุ่ยไม่พูด  นางรีบถอย นางรู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ และก็เหมือนอย่างที่ถังเทียนเชื่อมั่นในการตัดสินและสติปัญญาของนางนางเชื่อมั่นในพี่เทียนของนางเมื่อถึงเวลาต่อสู้

ที่ด้านซ้ายของถังเทียนจี๋เจ๋อไม่สนใจทุกอย่างและชักดาบพิศวงออกมาถือ  มือของเขากำดาบอย่างมั่นคง แต่ตำแหน่งท่ายืนของเขาเอนเอียงไปข้างหน้าทำให้เขาดูเหมือนสัตว์ร้ายที่เตรียมพร้อมตะครุบเหยื่อ

เสี่ยวม่านก้าวเข้ามาอยู่ห่างจากด้านหลังของถังเทียนครึ่งก้าวมือทั้งสองของนางจับอยู่ดาบยักษ์ คอยคุ้มครองปีกขวาของถังเทียน  นางเตรียมพร้อมสนับสนุนเขาได้ทุกเมื่อ

นางมองดูอาซิ่นที่อยู่ใกล้ๆ

อาซิ่นถือกระบี่อมตะเตรียมพร้อมอยู่ในมือใบหน้าไม่มีความร่าเริงช่างเล่นเหลืออยู่แล้ว แต่เป็นความเคร่งเครียดพร้อมกับความโกรธ เป็นความโกรธลึก

นางรู้เหตุผลที่อาซิ่นโกรธนางเองก็โกรธพอกัน ใช้วิญญาณคนอื่นเป็นความชั่วร้ายอย่างยิ่งยวด เผาผลาญวิญญาณก็หมายความถึงตายอย่างแท้จริงและผู้อาวุโสซีอุสไม่มีโอกาสแม้แต่จะได้เป็นขุนพลวิญญาณ

ในฐานะของขุนพลวิญญาณพวกเขารู้สึกว่าเป็นเรื่องรุนแรงมาก

ปัง!

ลำแสงยิงออกมาจากเปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์สีทองและเข้าไปในท้องฟ้า

หลังคาของห้องโถงอ่อนแอมากเมื่อปะทะกับลำพระเพลิงสีทองและหายไปไม่เหลือเมื่อสัมผัส

ชิวหนิงซุ่มตัวอย่างเงียบงัน  เขารอเวลานานถึงสองวันสองคืน

เมื่อเขาเห็นกองทัพใหญ่ของสี่ตระกูลชั้นสูงด้านนอกเมืองหิมะ เขารู้ว่าพวกเขาเตรียมพร้อมจะใช้มาตรการฉุกเฉินกับเมืองเมื่อเมืองถูกปิดตรึงการรักษาความปลอดภัยรอบกลุ่มการค้าเมซฟิลด์จะแน่นหนาแข็งแรงเวลานั้นจะเป็นกลายเป็นเรื่องยากให้เขาลอบเข้าไป

นั่นคือเหตุผลที่ชิวหนิงลอบเข้าไปก่อนสองวันและหลบการรักษาความปลอดภัยที่แน่นหนาได้

เขาควบคุมรัศมีของตนเองได้ดีไม่เปิดร่องรอยอะไรเกี่ยวกับตัวเขาเลย เขาสามารถปิดบังตนเองจากถังเทียนและซ่อนตัวเองจากทุกคนได้อย่างสมบูรณ์แบบ

เขาเลือกตำแหน่งปฏิบัติการเป็นอย่างดี  และนั่นคือคานเหนือห้องโถงใหญ่  บรรยากาศในห้องโถงตึงเครียด และสภาพจิตใจของทุกคนตึงเครียด ดังนั้นจึงไม่มีใครสังเกตเห็นเขา

ชิวหนิงรอโอกาสมาตลอดเวลาแต่สถานการณ์เปลี่ยนไปรวดเร็วมากทำให้เขาจนใจ การเปลี่ยนแปลงของผู้อาวุโสซีอุสแทบทำให้เขาร้องด้วยความตกใจ

‘มันเกิดบ้าอะไรขึ้น?’

ตั้งแต่เด็กชิวหนิงไม่เคยกลัวหรือประหลาดใจมาก่อน เขารู้สึกว่าเขาเห็นเรื่องแปลกประหลาดในโลกมาหลายอย่าง และไม่เคยกลัว  แต่เมื่อเห็นการเปลี่ยนแปลงของผู้อาวุโสซีอุส  เขาตกใจจนตัวชาจริงๆ

เมื่อเพลิงศักดิ์สิทธิ์สีขาวบริสุทธิ์พุ่งออกมาจากคอที่ขาดของผู้อาวุโสซีอุส  ผมขนในตัวของเขาลุกชัน

เขาไม่เคยตกใจกลัวขนาดนั้นมาก่อนในชีวิต  เป็นฉากภาพที่สยดสยองอย่างแท้จริง

ความหวาดกลัวแผ่กระจายไปทั่วตัวของเขาทำให้ใจของเขาว่างเปล่า เขาไม่เคยเผชิญกับสถานการณ์เช่นนั้น ฉากภาพที่อำมหิต โหดเหี้ยมเกินกว่าที่เขาคิดและเห็น

แต่เขาเรียกความรู้สึกกลับมาโดยเร็ว  และปฏิกิริยาแรกของเขาก็คือหลบหนี

‘ความรุ่งเรืองของตระกูลคุณค่าของตระกูลช่างมันก่อน ข้าต้องเผ่นหนีไปจากที่นี่’  ความกลัวครอบงำเขาจนเขาต้องการออกไปให้ไกลเท่าที่เป็นไปได้

และเมื่อของเหลวทองปรากฏในเพลิงศักดิ์สิทธิ์ร่างของชิวหนิงถึงกับเย็นเฉียบ ความเย็นยะเยือกพุ่งไปตามส่วนลึกของกระดูกของเขา

‘วิหาร  นี่คือวิหารจริงๆ....’

เขารู้สึกหนาวยะเยือกมากแม้แต่คนที่เกิดในตระกูลชิว แม้ว่าตระกูลชิวจะมีเจตนาต่อวิหาร แต่เขาก็ให้ความเคารพนับถือวิหารอยู่ในใจเสมอมาราวกับว่าเป็นความเคารพที่มีต่อเทพเจ้า เขาไม่เคยคิดว่าสิ่งที่น่าทึ่งและสะพรึงกลัวนั้นจะมาจากวิหารเอง

‘นอกจากนี้ยังเป็นสิ่งที่มาจากประมุขผู้อาวุโส!’

ของเหลวสีทองที่โดดเด่นงดงามหลอมรวมเข้ากับเปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์ช่วยเพิ่มพลังอำนาจให้กับเพลิงศักดิ์สิทธิ์อีกหลายเท่าความโดดเด่นงดงามของเปลวเพลิงยิ่งครอบงำชิวหนิง

เขาไม่ลังเลใจใดๆไม่สนความจริงว่าเขาซ่อนตัวอยู่เขาดีดตัวหนีออกไปด้วยความเร็วเต็มที่

‘ข้าต้องการไปจากที่นี่ให้ไกลเท่าที่เป็นไปได้!’

นั่นเป็นความคิดในใจอย่างเดียวของเขาความกลัวอย่างไม่เคยมีมาก่อนทำให้เขาปลดปล่อยศักยภาพที่ซ่อนเร้นของเขาและใช้ความเร็ววิ่งออกไปอย่างไม่เคยมีมาก่อน

เวลานั้นไม่มีใครสนใจเขาทุกคนถูกตรึงด้วยฉากภาพที่น่าสยดสยอง พลังที่แข็งแกร่งกว่า ความรู้สึกถึงอันตรายและความรุนแรงแผ่ออกและทุกคนจ้องมองเพลิงสีทองเหมือนกับว่าพวกเขากำลังจ้องมองศัตรูที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

ไม่มีใครรู้ว่ากลุ่มเปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์คืออะไร แต่พวกเขารู้ว่าแผนของประมุขผู้อาวุโสอยู่ภายในเปลวเพลิงสีทองที่น่าสยดสยองนี้

ชิวหนิงเพิ่งมาถึงประตู ทันใดนั้นเมื่อเขารู้สึกถึงบางอย่างแผ่ออกมาจากด้านหลังเขารัศมีเย็นยะเยือกคลุมไว้ทั้งร่างกายและจิตใจของเขา

เขากลับกลายเป็นช้าลงทันทีและทันทีที่เขาเหลียวหลังกลับไปดู เปลวเพลิงสีทองยิงเข้าไปในท้องฟ้า

ลำแสงสีทองยิ่งทะลุผ่านเมฆ รัศมีเยือกเย็นศักดิ์สิทธิ์มาจากลำแสงทองที่ทรงพลัง

“ลำแสงลงทัณฑ์!”

เสียงของซาดราดังมาจากด้านหลังของเขา

หน้าของชิวหนิงเปลี่ยนไปอีกครั้ง  ลำแสงลงทัณฑ์เป็นชื่อที่เขาเคยได้ยินมาก่อนนั่นคือทัณฑ์ที่อำมหิตที่สุดของวิหาร และมีแต่เพียงสมาชิกที่มีความผิดไม่สมควรได้รับการอภัยไม่มีการยกเว้นจะต้องผูกติดกับแสงลงฑัณฑ์ สมาชิกผู้มีความผิดเหล่านี้จะต้องถูกผูกติดกับแสงลงทัณฑ์กลายเป็นเชื้อเพลิงให้เพลิงศักดิ์สิทธิ์และร่างของพวกเขาจะค่อยๆ เกิดการสันดาป ตลอดทั้งกระบวนการสมาชิกผู้มีความผิดจะยังไม่ตาย  แต่พวกเขาจะตื่นตัวรับรู้และความรู้สึกของพวกเขาจะชัดเจนมากหลายเท่า  ดังนั้นความเจ็บปวดจะทวีคูณอย่างนับไม่ถ้วน

เป็นการลงทัณฑ์ที่อำมหิตที่สุดของวิหาร  ความเจ็บปวดมากยิ่งกว่าทัณฑ์ทรมานในนรก

เมื่อสมาชิกผู้มีความผิดหลายคนรู้ว่าพวกเขารู้ว่าจะต้องถูกทัณฑ์ทรมานด้วยแสงลงทัณฑ์  พวกเขาจะชิงฆ่าตัวตายอย่างเต็มที่

วิหารไม่เคยใช้ลำแสงลงทัณฑ์มาหลายปีแล้ว  แต่ในที่สุดก็ปรากฏขึ้น

ชิวหนิงพยายามข่มความกลัวสยดสยองในใจของเขา  เขาหนีอย่างเดียวโดยไม่สนใจทุกอย่าง  เขารู้ว่าในเวลาเช่นนั้น  เขาต้องมุ่งมั่นมากขึ้น ความลังเลใจแม้แต่เล็กน้อยมีแต่จะทำให้เขาสูญเสียโอกาสหลบหนี

ไม่มีใครหยุดเขาได้  และในพริบตา เขาวิ่งออกมาจากห้องโถงออกสู่ถนน

เขาถอนหายใจโล่งอก‘ในที่สุดข้าก็หนีออกมาจากแดนสยองขวัญได้ ข้าเกือบเอาชีวิตไม่รอดแล้ว’

‘วิหารน่ากลัวเกินไป  ประมุขผู้อาวุโสน่ากลัวเกินไป  นี่มันบ้าและไร้สาระจริงๆ!’

ความรู้สึกเหมือนได้เกิดใหม่ทำให้เขาผ่อนคลาย  และฝีเท้าของเขาเบาลง  เขาตั้งใจจะออกไปทันที หนีไปจากเมืองหิมะขาวออกไปจากทวีปเซียน

เขาไม่ใช่คนโง่ ประมุขผู้อาวุโสกล้าก่อเรื่องบ้าคลั่งและไร้สาระเช่นนั้นเขาไม่ยอมรับข้อตกลงอยู่แล้ว

‘กับดัก!’

‘มันเป็นกับดักที่ถูกวางไว้มาตลอดเวลา!’

‘ตั้งแต่เวลาที่เมื่อระฆังศักดิ์สิทธิ์ดังขึ้น ทุกอย่างเป็นกับดักที่เตรียมไว้โดยประมุขผู้อาวุโส’  ชิวหนิงฝืนยิ้ม  เมื่อคิดเกี่ยวกับตระกูลของเขาแล้ว  ตระกูลชั้นสูงทั้งหมดพวกที่คิดว่าตนเองมีพรสวรรค์ ทุกคนต่างวิ่งเข้ากองไฟโดยไม่ลังเลใจ แต่ละคนเหมือนกับกำลังเล่นอยู่ในมือของประมุขผู้อาวุโส

‘แม้แต่ตระกูลที่เพิ่มขึ้นมาและตระกูลชั้นสูงใหม่ประมุขผู้อาวุโสไม่เคยคิดจะปล่อยพวกเขาไป เขาวางแผนกวาดล้างทุกคนทุกตระกูล ตั้งแต่แรกเริ่มวิหารกระทำเมื่อพวกเขาพยายามดึงดูดและสนับสนุนตระกูลชั้นสูงใหม่ ทุกคนคิดว่าวิหารต้องการใช้พวกเขาทำลายตระกูลชั้นสูงทำให้พวกเขารู้สึกเหมือนกับว่าพวกเขาสำคัญ เหมือนกับว่าพวกเขาได้ชีวิตใหม่และสามารถได้รับผลประโยชน์จากการนั้น’

‘พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าพวกเขากำลังถูกเชิดให้เล่นกับภาพลวงตา’

‘ในสายตาของวิหารพวกเขาเป็นแค่เบี้ยทั้งนั้น เบี้ยทุกตัวที่ใช้ขวางมือขวางเท้าตระกูลชั้นสูงในปัจจุบัน  และเป็นเบี้ยที่จะถูกทำลายเช่นกัน

‘วิหารน่ากลัวเกินไป!  ประมุขผู้อาวุโสก็น่ากลัวเช่นกัน!’ ชิวหนิงไม่รู้ว่าภายในวันเดียวเขาต้องตื่นตระหนกตกใจกี่ครั้ง

เป็นอารมณ์สุดขีดที่เขาเคยรู้สึก มีแต่เพียงประมุขผู้อาวุโสคนเดียวที่อยู่ในใจเขา  ความกลัวที่เขาไม่เคยประสบมาก่อน

ประมุขผู้อาวุโสอยู่ล้ำหน้าไกลเกินไป  เขาวางแผนไกลเกินกว่าใครจะคิดทัน  ทุกคนกำลังเคลื่อนไหวไปตามแผนการของเขา  และไม่มีใครเห็นความตั้งใจของเขา  เขาเย็นชาและไร้ความรู้สึก  แม้แต่ผู้อาวุโสซีอุสผู้ภักดีต่อเขาก็ยังถูกใช้เป็นเชื้อเพลิงของเขาแม้แต่วิญญาณของเขาก็ยังไม่เหลืออยู่

ชิวหนิงตัดสินใจได้ทันทีว่าในสงครามจะมีเพียงผู้ชนะแต่เพียงผู้เดียวก็คือประมุขผู้อาวุโส

‘ทวีปเซียนตกอยู่ในอันตราย!’

‘ประมุขผู้อาวุโสหลอกให้ทุกคนมาที่ทวีปเซียน  ทวีปเซียนเป็นกับดักในตัวมันเอง สถานที่นี้ต้องถูกนำมาใช้กับไม้ตายสังหารนับไม่ถ้วนโดยประมุขผู้อาวุโส’

เมื่อคิดถึงเรื่องที่ประมุขผู้อาวุโสพูดแล้วว่าตระกูลทั้งหมดจะไม่สามารถหนีออกไปได้  ชิวหนิงยังไม่สามารถคาดคิดว่าประมุขผู้อาวุโสจะทำอะไรต่อไป  ‘เขาจะใช้วิธีอะไรกำจัดตระกูลเหล่านั้นทั้งหมด?’

แต่ชิวหนิงรู้ว่าจะต้องเป็นวิธีการที่อันตรายและน่ากลัวอย่างมาก

‘เราจำเป็นต้องออกไปจากทวีปเซียน  เราต้องจากไปเดี๋ยวนี้!’

เขาวิ่งหนีไปยังสถานที่ๆชิวอี้ซ่อนตัว  เขาไม่มีสหายมากนัก ชิวอี้เติบโตมาด้วยกันกับเขาและพวกเขามีสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน  เขาวางแผนพาชิวอี้หนีเอาชีวิตรอด

เมื่อเขาวิ่งออกมาได้ไม่กี่เมตรก็ต้องหยุดทันที  เขาเงยหน้ามองดูท้องฟ้าและตะลึงกับสิ่งที่เขาเห็น

จากระยะไกลสุดขอบฟ้าทุกตำแหน่งลำแสงเพลิงทองสายแล้วสายเล่ายิงขึ้นไปในท้องฟ้าเชื่อมโยงกับสวรรค์

ชิวหนิงหันไปรอบๆทันที ด้านหลังเขามีลำแสงเพลิงทองนับไม่ถ้วนยิงขึ้นไปในท้องฟ้าเช่นกัน

หน้าของเขาไร้สีเลือดทันที

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด