ตอนที่ 913 สมคบคิด
เมื่อผู้อาวุโสซีอุสและโฮลมาถึงกลุ่มการค้าเมซฟิลด์ซาดราและพวกที่เหลือก็นั่งอยู่ในห้องโถงแล้ว พวกเขามาถึงกันก่อน แม้ว่าพวกเขาจะรู้สึกว่าวิหารไม่มีทางเคลื่อนไหวอะไรต่อไปได้ แต่ไม่มีใครกล้าประมาทในช่วงเวลาที่วิกฤติอย่างนั้น
ผู้ชนะจะชนะทุกอย่างผู้แพ้จะสูญเสียทุกอย่าง แม้แต่ชีวิตอาจจะเสียได้
ที่นั่งอยู่ด้านหน้าคืออาซิ่นเมลิซซายืนอยู่ด้านข้างเขาด้วยความเคารพ กองพลหน้ากากเหล็กยืนอยู่ด้านหลังเป็นกำแพง พวกเขายืนเงียบๆปลดปล่อยกลิ่นอายที่เคร่งขรึมน่ากลัว
‘เป็นการป้องกันอย่างแน่นหนาจริงๆ’ ซีอุสทึ่ง กองพลหน้ากากเหล็กโดดเด่นมากกว่าที่เขาคิดไว้ก่อนนั้นและแม้ว่าพวกเขาจะสวมหน้ากากไว้ แต่เขาก็ยังเห็นอะไรบางอย่างได้ ทุกๆ คนมีความระมัดระวังตัว เขาไม่เคยเห็นทหารที่มีจิตใจน่าทึ่งอย่างนี้มาก่อน
นี่เป็นงานที่ยากอย่างหนึ่งในสถานการณ์ที่เครียดจริงจัง เป็นเรื่องง่ายที่ทหารจะให้ความสนใจต่อเป้าหมายของพวกเขา แต่ในช่วงเวลาสงบสุขทหารจะต้องระมัดระวังเรื่องอย่างนี้ให้มากขึ้น มีแต่ผู้มีฝีมือระดับสูงจึงจะสามารถบรรลุสถานะดังกล่าว ซึ่งหมายความว่าพวกเขาผ่านการฝึกฝนที่เข้มงวดมามากจึงสามารถดำเนินการตามระเบียบดังกล่าวได้
ซีอุสถอนความสนใจกลับมา ไม่ว่ากองพลหน้ากากเหล็กจะเป็นผู้มีฝีมือดีขนาดไหนก็ตาม ถ้าพวกเขาไม่สามารถโน้มน้าวพวกเขาได้ก็จะกลายเป็นสิ่งที่น่ากลัวสำหรับวิหาร
ซีอุสฝืนหัวเราะในใจ เขาไม่ได้มีความมั่นใจเลย
แต่ในเวลาแบบนั้นเขาไม่ถอนการตัดสินใจ เขาไม่แพ้ใครเรื่องความอายอยู่แล้วและเข้าไปทักทายอาซิ่น “คารวะผู้อาวุโสอาซิ่น”
อาซิ่นพยักหน้า “ผู้อาวุโสซีอุส, ข้าเชื่อว่าท่านคงจะนำความจริงใจของวิหารมาหา ข้าสงสัยจริงว่าทางวิหารมีเงื่อนไขอะไรอยู่บ้าง?”
ซาดราและพวกให้ความสนใจที่ซีอุสทันที
ซีอุสไม่เคยตรงไปตรงมาขณะทำงาน แต่ขณะนั้นเขาต้องกร้าวและพูดกันให้ตรงจุด “ตราบใดที่ตระกูลเมซฟิลด์ตกลงติดตามวิหาร กลุ่มการค้าตระกูลเมซฟิลด์จะได้เป็นตระกูลชั้นสูงในทวีปกวงหมิงในอนาคต ไม่ว่าตระกูลเมซฟิลด์ต้องการอะไร วิหารจะตอบสนองให้จนพอใจ”
มีเสียงแค่นสองสามครั้งสามารถได้ยินได้ ขณะที่หัวหลิวซางและพวกเขาแสดงสีหน้าเยาะเย้ย สำหรับพวกเขาพวกเขารู้สึกว่าวิหารไม่รู้ความแตกต่างระหว่างเป็นกับตาย และยังแสดงให้เห็นว่าตัวเองสูงส่งและมีพลังอำนาจ
“วิหารก็ยังเป็นวิหารอยู่นั่นเอง พวกเขาชินกับการเป็นจ้าวปกครองทวีปกวงหมิง ขณะที่เราที่เหลือเป็นเพียงข้ารับใช้” โฮลแค่นเสียงเยาะเย้ย ไม่ลืมจะพูดเสียดสีขณะที่เขาตกต่ำลง
แต่เขาพูดถูก
ทัศนคติของวิหารก็เป็นแบบนั้นวิหารต้องการเป็นเจ้านายขณะที่ตระกูลการค้าเมซฟิลด์ก็เป็นได้แค่บริวารของพวกเขา และถ้าตระกูลการค้าเมซฟิลด์ยินดีร่วมกับตระกูลพันธมิตรพวกเขาจะมีสถานะของหุ้นส่วนซึ่งทุกคนควรจะเป็นเจ้าปกครองทวีปกวงหมิงในอนาคต แม้ว่าจะเกี่ยวข้องกับการกระจายอำนาจและผลประโยชน์แต่อย่างน้อยทุกคนก็อยู่ในระดับเดียวกัน
ข้อแตกต่างประการเดียวนี้ก็ต่างกันราวฟ้ากับดิน
ซาดราและพวกที่เหลือถอนหายใจโล่งอก พวกเขาเกือบทั้งหมดกังวลว่าวิหารจะทำสิ่งที่คาดไม่ถึงเพื่อเปลี่ยนสถานการและสัญญาว่าจะแบ่งกันปกครองทวีปกวงหมิงกับกลุ่มการค้าเมซฟิลด์ แน่นอนแม้ว่าจะกลายเป็นอย่างนั้นพวกเขาก็โต้แย้งได้เช่นกันเนื่องจากวิหารเคยให้สัญญาทำนองเดียวกันนี้กับพวกเขาในอดีต
แต่ทัศนคติของวิหารสร้างความประหลาดใจให้พวกเขา
วิหารกำลังผลักดันสมาคมการค้าเมซฟิลด์มาอยู่ข้างเขา และพวกเขารู้สึกว่าความหยิ่งยโสของวิหารนั้นเกินกว่าจะเยียวยา
อาซิ่นทำเป็นไม่เชื่อ เขาทำเหมือนกับว่ามองดูรอบๆ อย่างประมาท แต่ความจริงเขากำลังมองถังเทียนและเชียนฮุ่ยและพวกเขาเห็นความระมัดระวังในสายตากันและกัน
วิหารไม่ไม่ลดราวาศอก แต่ยังคงทำตามพฤติกรรมเดิมนั้น ถือว่าไม่ใช่เรื่องปกติ
ซีอุสไม่เข้าใจเหตุผลที่ประมุขผู้อาวุโสไม่ยินดีจะให้โอกาสในเวลานั้น แม้ว่าเขาจะสั่งซีอุสไว้อย่างชัดแจ้งว่าให้อะไรก็ได้ที่กลุ่มการค้าเมซฟิลด์ต้องการเพื่อดึงพวกเขาเข้ามา แต่ที่สุดของเงื่อนไขของเขาก็คือ ‘ไม่’
แต่ก็ไม่เป็นไรไม่ใช่ว่าเขาไม่มีไพ่อย่างอื่นไว้เล่น
เขาสงบจิตใจตัวเองลงได้จากนั้นพูดขึ้น “ทางวิหารยินดีจะมอบวิชาที่ทำให้ทนต่อการกัดกร่อนได้ตลอดเวลา เพื่อยืดอายุของผู้อาวุโสซิ่น”
สีหน้าของซาดราและพวกที่เหลือชะงักค้าง ตาของพวกเขามีร่องรอยเป็นประกายตื่นเต้น ในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจว่าพวกเขาก็พลาดจุดหนึ่งไป และนั่นก็คือผู้อาวุโสซิ่นเป็นขุนพลวิญญาณ
จากนั้นพวกเขาเข้าใจว่าวิหารพร้อมจะไปได้ไกลเพียงไหน
ถ้าเขามีวิชาทำให้ทนกัดกร่อนของกาลเวลา เวลาที่ผู้อาวุโสซิ่นจะสามารถรอดอยู่ได้จะขยายออกไปมาก สำหรับกลุ่มการค้าเมซฟิลด์ ผู้อาวุโสซิ่นคือเทพอารักษ์ ความสามารถที่ทำให้เทพอารักษ์ของพวกเขาอยู่ได้ตลอดไปมีค่ามากไม่มีใครแข่งขันได้
นี่คือข้อเสนอที่ไม่อาจปฏิเสธได้สำหรับกลุ่มการค้าเมซฟิลด์
“เป็นไปไม่ได้!” หัวหลิวซางโพล่งเสียงออกมา “การกัดกร่อนของกาลเวลาคือกฎของโลกเป็นสิ่งที่ไม่มีใครต้านทานได้ เจ้าพูดไร้สาระ”
เสียงของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย ทำให้เขาหวาดกลัวโดยไม่รู้ตัว
ในทางตรงกันข้ามซีอุสสงบลง ความจริงเขาไม่เชื่ออย่างนั้น แต่ขณะนั้นเขาไม่สามารถสนใจอะไรได้ และทำเหมือนกับว่าตนเองกำลังเล่นไพ่ลักไก่ “ดูเหมือนทุกคนลืมไปว่าวิหารเป็นที่แรกที่มีการค้นคว้าเรื่องวิญญาณ นอกจากนี้ข้าเชื่อว่าไม่มีใครสืบค้นไปได้มากกว่านี้อีกแล้ว”
ซีอุสพูดด้วยความมั่นใจ ใช่แล้วในแง่การค้นคว้าเรื่องวิญญาณใครจะมีกำลังมากกว่าวิหาร?
ซาดราที่อยู่ด้านข้างยังเงียบและสังเกตการณ์อยู่ตลอดเวลาหัวเราะทันที “นั่นก็ถูกในแง่การเรียนรู้พลังวิญญาณไม่มีใครเทียบได้กับวิหาร”
เมื่อซาดราพูดหัวใจของเซอุสมีลางสังหรณ์ไม่ดี
และในทางตรงกันข้ามหัวหลิวซางและพวกที่กำลังตื่นตระหนกก็สงบลงทันที พวกเขาเข้าใจซาดราดีเหมือนกัน เมื่อเขาพูด เขาจะมีวิธีการอยู่เสมอ
ซาดรากล่าวต่อ “ต้องขอบคุณที่วิหารช่วยเราค้นคว้าเรื่องจิตวิญญาณไว้มาก เราจะต้องนำผลลัพธ์ที่รุ่งเรืองมาได้แน่ วิหารยังมีหลายอย่างที่เรารักและใส่ใจ”
หัวหลิวซางและพวกพบทันทีว่าซาดราหมายถึงอะไร‘ใช่แล้ว ตราบใดที่เราโจมตีวิหาร ไม่ว่าวิหารมีวิชาอะไรก็จะตกเป็นของเรา’
ซีอุสใจหายวูบแต่ยังคงรักษาความมั่นคงไว้ได้ เขาแค่นเสียง “อย่างนั้นหรือ?ต่อให้พวกเจ้าโจมตีวิหาร พวกเจ้าจะได้ไปแต่ซากปรักหักพัง”
“เจ้าต้องการให้เป็นหยกสลายกระเบื้องแหลกลาญอย่างนั้นหรือ? เจ้าประเมินพวกผู้อาวุโสของพวกเจ้าสูงเกินไปแล้ว” ซาดราหัวเราะ “ไม่ใช่ว่าทุกคนจะยินยอมตายเพื่อวิหารหรอกนะ เรามีสหายหลายคนอยู่ในวิหารเช่นกัน ตราบใดที่วิหารยังมีอะไรที่เหลืออยู่ ก็จะตกเป็นของเรา”
สีหน้าของซีอุสเปลี่ยนไปในที่สุด ‘มีผู้อาวุโสที่มีสมรู้ร่วมคิดกับศัตรูด้วยหรือ!’
ความรู้สึกขมขื่นผุดขึ้นในใจเขา ความจริงเขาไม่ยินดียอมรับเรื่องแบบนี้ ศัตรูมีแผนมานานหลายปีแล้ว แผนของพวกเขาที่จะแทรกซึมเข้าวิหารมีมาหลายปีซึ่งซีอุสรู้สึกได้ในช่วงอดีตที่ผ่านมาก
แต่เมื่อคิดดูแล้วมีปัจจัยบ่งชี้หลายอย่างในช่วงวันธรรมดาก็แค่ว่าเขาคิดว่าพวกนั้นก็แค่ผูกมิตรกันเท่านั้น เขาไม่เคยคาดว่าพวกเขาจะคิดการใหญ่โต
ขณะนั้นอาซิ่นพูดขึ้นทันที “ข้าไม่ต้องการ”
สายตาของเขามองไปทางเสี่ยวม่านโดยไม่ได้ตั้งใจ ‘ข้าคิดว่ามีเพียงเสี่ยวม่านที่เข้าใจข้าดีที่สุดจะทนผ่านเวลาอย่างนั้นไปได้ยังไง’
พวกเขาสบตากัน อาซิ่นรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นใจและความกังวลในสายตาของเสี่ยวม่าน
เขายิ้มโดยมิได้ตั้งใจเป็นรอยยิ้มที่มิอาจปกปิดได้
‘รู้สึกดีจริง’
ทันใดนั้นเขาเริ่มเข้าใจความคิดของตัวเขาเอง ก่อนที่เขาจะพบกับเสี่ยวม่านหรือคุณหนูโลกของเขามีแต่อดีต แต่หลังจากพบพวกนางแล้ว เขามีปัจจุบันกับอนาคต
‘ข้าไม่ได้มีชีวิตอยู่กับอดีต’
โลกสีขาวดำดูเหมือนจะสว่างสดใสขึ้นโลกในดวงตาของเขากลายเป็นมีชีวิตชีวาเปี่ยมไปด้วยสีสัน แม้ว่าเขาจะเป็นเพียงขุนพลวิญญาณ
‘รู้สึกดีจริง’
สายตาของอาซิ่นมองดูซีอุส เขาโพล่งออกมา “ถ้าเป็นเช่นนั้น ข้าเสียใจที่จะต้องบอกว่า...”
หน้าของซาดรามีรอยยิ้มในที่สุดเขารู้ว่าวิหารแพ้อย่างสิ้นเชิง
“ดังนั้น เราก็ยังล้มเหลว!”
ทันใดนั้นเสียงต่ำขึงขังและไม่คุ้นเคยดังขัดจังหวะอาซิ่น
อาซิ่นยืนขึ้นทันที เขาจ้องมองซีอุส คนที่เหลือยืนขึ้นด้วยความตกใจราวกับว่าเห็นสีหน้าแปลกประหลาดของซีอุส
เสียงที่ไม่คุ้นเคยมาจากซีอุสจริงๆ
ทุกคนสามารถเห็นได้ว่ามีบางอย่างที่ผิดปกติกับซีอุส เขาชะงักค้างอยู่กับที่ ตาของเขาสูญเสียประกาย และปากปิดสนิทเป็นภาพที่แปลกประหลาดมาก และทุกคนรู้สึกถึงความเย็นยะเยือกแล่นไปตามสันหลังขนทั้งตัวลุกชูชัน
ซาดราจ้องมองซีอุส จากนั้นอุทานด้วยความตกใจ “ประมุขผู้อาวุโส!”
“หึหึ” ซีอุสยังคงไม่เคลื่อนไหว ปากของเขายังปิดและเสียงดูเหมือนจะดังมากจากอกของเขา “ซาดรา, ข้าไม่เคยคิดเลยว่าเจ้ายังจำเสียงของข้าได้ ยี่สิบปีมาแล้ว”
ซาดรายังคงสงบ “ใช่แล้ว ยี่สิบสามปี”
“ความทรงจำของเจ้าดีกว่าของข้าเสมอ ข้าไม่เคยคิดว่าเราจะพบกันที่นี่ สหายเก่าของข้าแต่ตอนนี้เราต้องสู้กันจนตาย” ประมุขผู้อาวุโสถอนหายใจ
“ข้าก็แค่เอาสิ่งที่เป็นของเราคืน” ซาดราตอบอย่างเฉยเมย
“ทุกอย่างในทวีปกวงหมิง แม้แต่ตัวเจ้าเป็นของวิหาร” ประมุขผู้อาวุโสพูดอย่างเฉยเมย แต่มีน้ำเสียงข่มขู่
ซาดรายังคงไม่สะทกสะท้าน “นั่นคือเหตุของการสู้รบกันครั้งนี้”
“ยี่สิบปีที่แล้ว ข้ารู้ว่าเจ้าไม่มีใจ แต่ข้าไม่ได้เอาชีวิตของเจ้า ทุกอย่างจบแล้วซาดรา ขอบคุณสำหรับสงครามครั้งนี้ แต่ยุคใหม่กำลังจะเริ่มต้น”
ซาดราหน้าเขียวคล้ำ เขารู้สึกไม่สบายใจ
“ทวีปกวงหมิงไม่ต้องการตระกูลชั้นสูงใดๆ แล้วต้องการแค่วิหารเท่านั้น” เสียงของประมุขผู้อาวุโสยังคงคุกคาม ขณะที่ร่างของซีอุสสั่นสะท้าน
ซาดราเข้าใจทันที ตาของเขาเต็มไปด้วยแววเหลือเชื่อ “เจ้าต้องการทำลายตระกูลชั้นสูงทั้งหมด!”
“เจ้าเพิ่งจะเข้าใจหรือ? ซาดราเจ้าช้าจริงๆ” เสียงของประมุขผู้อาวุโสยิ่งตื่นเต้น “วิหารต้องการชีวิตใหม่ ทวีปกวงหมิงต้องการชีวิตใหม่ และมีเพียงข้าที่ประทานชีวิตใหม่ได้! แต่น่าเสียดาย ซาดรา เจ้าไม่สามารถมองเห็นได้”
ผู้อาวุโสซีอุสมีร่างสั่นมากขึ้นทุกทีทันใดนั้นมีเปลวไฟสีขาวพุ่งออกมา
เพลิงศักดิ์สิทธิ์!
เพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่บริสุทธิ์และอ่อนโยนแสดงให้เห็นว่าความสำเร็จของซีอุสลึกซึ้งขนาดไหน เปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์หุ้มไปทั้งร่างของซีอุสทำให้เขาดูเหมือนอยู่ในไฟ
ทุกคนสามารถรู้สึกได้ถึงอันตราย แต่พวกเขาไม่รู้ว่ามาจากที่ใด
ถังเทียนเคลื่อนไหวเร็วที่สุด ทันที่เพลิงศักดิ์สิทธิ์ปรากฏเขาก็เคลื่อนไหวเข้าหาผู้อาวุโสซีอุสแล้ว สัญชาตญาณของเขาแหลมคมที่สุด แต่ขณะนั้นหัวใจของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกถึงอันตรายมากเป็นประวัติการณ์
ความตาย! เขารู้สึกได้ถึงกลิ่นความตาย!
นานเท่าใดแล้วหลังจากที่เขารู้แจ้งเกราะเทพเจ้าและเขารู้สึกได้ถึงการคุกคามของความตาย?
ความรู้สึกของเขาพุ่งขึ้นถึงขีดสุดทำให้ขนบนตัวถังเทียนลุกชัน
โพละ
สมองของผู้อาวุโสซีอุสระเบิดเหมือนกับแตงโม แต่ร่างของเขายังไม่ล้ม
สิ่งที่เกิดตามมาทำให้ทุกคนปากอ้าตาค้างด้วยความตกใจ