ตอนที่ 912 แววตกต่ำของวิหาร
“ถึงเวลาหงายไพ่ของเราบนโต๊ะแล้ว” หัวหลิวซางมองเมืองหิมะขาวที่อยู่ห่างไกล หน้าของเขามีแววจริงจัง “ถ้ากลุ่มการค้าเมซฟิลด์เลือกเข้าร่วมกับวิหาร เราจะใช้มาตรการอะไรจัดการ?”
ตาของทุกคนหันไปมองซาดรา เขาคือผู้นำของกลุ่มพันธมิตรอย่างชัดเจน
“อย่างนั้นเราจะทำลายพวกเขา” ซาดราพูดโดยไม่ลังเล เขาพูดอย่างใจเย็น “เราจะทุ่มเทกำลังของเราเต็มที่ทำลายพวกเขา”
ทุกคนพยักหน้าของพวกเขา ถ้ากลุ่มการค้าเมซฟิลด์เลือกวิหาร พวกเขาจะเป็นภัยคุกคามต่อสี่ตระกูลใหญ่อย่างใหญ่หลวง และไม่ว่าพวกเขาจะต้องทุ่มเทกำลังมากมายเพียงใด พวกเขาต้องทำลายกลุ่มการค้าตระกูลเมซฟิลด์ให้ได้
ดังนั้น พวกเขาจึงนำกองทัพของพวกเขากองทัพที่แข็งแกร่งที่สุดของสี่ตระกูลใหญ่ มาควบคุมเมืองหิมะขาว
เมืองหิมะขาวถูกวางกำลังไว้และตกอยู่ในสภาพกดดันอย่างอธิบายไม่ถูก อำนาจของสี่ตระกูลใหญ่ครอบคลุมท้องฟ้าทวีปเซียน
เทียบกับพฤติกรรมที่บีบบังคับของตระกูลชั้นสูงแล้ว การกระทำของวิหารดูเหมือนอ่อนแอกว่ามาก การกระทำของโซเฟียที่กวาดล้างค่ายตระกูลชิวด้วยกองอัศวินกวงหมิงไม่ใช่แค่เรื่องระบายความโกรธของนาง เกือบทั้งหมดของผู้อาวุโสของวิหารถูกระดมเรียกตัวมาทั้งหมด พวกเขาถูกส่งไปยังสถานที่ต่างของทวีปเซียนเพื่อสร้างการเชื่อมโยงกับกองทัพต่างๆและเตรียมพร้อมสำหรับความพยายามสุดท้ายของพวกเขา
แต่สิ่งที่คนอื่นเห็นก็คือสัตว์ร้ายที่ดิ้นรนพยายามเป็นครั้งสุดท้าย ประมุขตระกูลใหม่ทั้งหมดผู้ถูกถามหาต่างก็รับคำ แต่ในความเป็นจริง กลับย่อหย่อนในการกระทำ
วิหารมีอำนาจต่อรองน้อยเกินไปจริงๆ นอกจากอัศวินกวงหมิงแล้ว พวกเขาไม่มีอะไร เจียย่าประจำการอยู่ที่ทวีปเว่ยเย่กวน และไม่ชัดเจนว่ามู่จื่อเสียตายแล้วหรือว่ายังอยู่และกองทัพหลวงของวิหารก็อยู่ในภูมิภาคใต้ทั้งหมด สำหรับนายพลโทของทวีปกวงหมิง พวกเขาล้วนโยงใยเกี่ยวข้องกับตระกูลชั้นสูงในหลายทางและทัศนคติของพวกเขายังคลุมเครือ
วิหารที่ทรงอำนาจสามารถพึ่งพาได้แต่เพียงตระกูลชั้นสูงใหม่ แต่การเพิ่มขึ้นของตระกูลชั้นสูงใหม่ซึ่งเป็นเรื่องที่หละหลวมและซับซ้อนยังคงมีความคิดที่ซ่อนเร้น กองทัพของพวกเขาอ่อนแอและพวกเขายังขาดความน่าเชื่อถือ สิ่งที่ร้ายแรงมากกว่าก็คือพวกเขากังวลกับสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของวิหาร
หลายๆ ตระกูลชั้นสูงใหม่ที่เพิ่มขึ้นมาลอบก่อตั้งความเป็นพันธมิตรกับสี่ตระกูลชั้นสูง
แม้จะรู้ความจริงว่าอาจเป็นเรื่องไม่ดีสำหรับพวกเขาถ้าตระกูลชั้นสูงชนะ แต่พวกเขารู้ว่าพวกเขาจะสามารถรอดอยู่ได้โดยยืนเคียงข้างผู้ชนะ
ความขัดแย้งกันระหว่างตระกูลชั้นสูงได้เพิ่มขึ้นและการเอาใจออกห่างและอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับวิหารไม่ใช่เรื่องลับอีกต่อไป
วิหารตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย เนื่องจากพวกเขาตกต่ำลงทุกที
วิหารมีแนวโน้มตกต่ำแต่ยังได้เปรียบตระกูลระดับสูงเอาชนะใจกลุ่มการค้าเมซฟิลด์ได้หรือ?
การตกต่ำครั้งนี้ขนาดที่ผู้อาวุโสซีอุสถึงกับปรากฏตัวในเมืองหิมะขาวตามลำพัง
บนถนนว่างเปล่าร่างเดียวดายของผู้อาวุโสซีอุสมองเยือกเย็น ไม่มีการรักษาความปลอดภัยที่หนาแน่นรอบตัวเขา ไม่มีพิธีกรรมที่ยิ่งใหญ่ ไม่มีคนมายืนคำนับเขาหรือมีแสงฉายลงมาที่ตัวเขา
ทุกคนที่ได้เห็นภาพเช่นนี้ก็คงรู้สึกท้อแท้
เป็นวิหารที่สร้างทวีปกวงหมิง วิหารที่ดำรงตำแหน่งถืออำนาจปกครองโดยไม่ถูกทำลายมานานหลายปี ดูเหมือนว่าจะพังทลายลงเหมือนตึกในชั่วค่ำคืน
ในท้องฟ้าโฮลอดยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ “วิหารรู้ว่าพวกเขาไม่สามารถชิงคนไปจากเราได้และส่งซีอุสมาเพียงลำพัง
หัวหลิวซางและม่ออี้กู่ยิ้ม พลังของกลุ่มการค้าเมซฟิลด์ลึกล้ำยากจะหยั่ง เว้นแต่พวกเขาถูกบังคับพวกเขาจะไม่มีทางทำสงครามกับพวกเขา และถ้ากลุ่มการค้าเมซฟิลด์เข้าร่วมเป็นพันธมิตร การล่มสลายของวิหารจะเป็นเรื่องของเวลา
ตาของซาดราเป็นประกายดูจริงจัง “อย่าประมาท”
ม่ออี้กู่หยิ่งผยอง “ท่านยังคิดว่าวิหารยังจะมีกลอุบายอย่างอื่นอีกหรือ?”
“ฮ้า!” หัวหลิวซางมีสีหน้าเหยียดหยาม “วิหารจบสิ้นแล้ว เวลาของพวกเขามาถึงแล้ว ดูซีอุสที่เงียบปิดปากไม่พูดแล้วตอนนี้ข้ารู้สึกดีใจจริงๆ ปกติเขามักจะหยิ่งยโส เขากับวิหารก็เหมือนกันนั่นแหละ”
ซาดราส่ายศีรษะ “พวกเจ้าทุกคนลืมไปคนหนึ่ง”
โฮลสะดุดเล็กน้อย จากนั้นถาม“ประมุขผู้อาวุโสหรือ?”
หัวหลิวซางยิ้มแหยๆ เขาฝืนตัวยิ้ม “พวกเจ้าก็คิดมากเกินไป ประมุขผู้อาวุโสทรงพลังมาก ข้ายอมรับเรื่องนั้น แต่ข้าไม่เชื่อว่าแค่ลำพังประมุขผู้อาวุโสจะสามารถเปลี่ยนสถานการณ์ทั้งหมดได้”
ม่ออี้กู่พยักหน้า “ถูกแล้ว แม่ครัวที่ฉลาดที่สุดย่อมไม่ทำอาหารโดยไม่มีข้าว เขาไม่มีไพ่ไว้เล่นแล้วเขาจะสู้ได้ยังไง?”
ซาดราพูดอย่างเฉื่อยชา “หวังว่าข้าคงจะคิดมากไป”
ความกังวลของเขาไม่เพียงแต่ไม่ลดลง แต่ยังเพิ่มขึ้น เขาแตกต่างจากพวกที่เหลือ เนื่องจากเขารู้สึกประมุขผู้อาวุโสมาก่อน และมีความเข้าใจต่อประมุขผู้อาวุโสอย่างลึกซึ้ง เขารู้ว่าประมุขผู้อาวุโสทรงพลังแค่ไหน แม้ว่าเขาจะไม่ปรากฏตัวบ่อยนักก็ตาม
ตั้งแต่เริ่มต้นซาดรากังวลถึงประมุขผู้อาวุโสเป็นที่สุด คนที่ไม่เคยมีความรู้สึกว่ามีความคงอยู่ และไม่ใช่โซเฟีย หรืออัศวินกวงหมิง
แต่เขารู้ว่าไม่มีประโยชน์กับการพูดมากเกินไปและเขาทำได้แต่เพียงระมัดระวัง การวิเคราะห์สถานการณ์ต่อหน้าเขา แม้ว่าจะรอบคอบและมองการณ์ไกลแล้วก็ตาม แต่เขาไม่สามารถคิดออกว่าวิหารจะกลับมาได้อย่างไร แต่เขารู้ว่าประมุขผู้อาวุโสไม่ใช่คนที่ยอมแพ้หรือยอมรับความพ่ายแพ้
โฮลเลิกดีใจและกล่าว “ข้าจะไปทดสอบเขาดู”
ไม่มีในพวกเขาที่เป็นคนธรรมดาและพวกเขารู้ว่าพวกเขาไม่อาจประมาทได้จนกว่าทุกอย่างจะจบลง การสู้รบจะเป็นตัวกำหนดว่าตระกูลของพวกเขาจะอยู่หรือตาย ถ้าพวกเขาชนะ พวกเขาจะกลายเป็นเจ้าทวีปกวงหมิงอย่างแท้จริง และถ้าพวกเขาแพ้ ตระกูลของพวกเขาจะติดตามพวกเขาดิ่งเหวจมสู่การสาปแช่งนิรันดร์
ซีอุสเดินไปตามถนน เขากลัว เมืองหิมะขาวถูกศัตรูครอบครอง และเขารู้สึกว่าเขาเป็นเหมือนลูกแกะที่เดินเข้าถ้ำเสือ แต่เขาต้องทำให้ได้ เพราะเป็นคำสั่งของประมุขผู้อาวุโส
เขายังคงเค้นสมองของเขาต่อเนื่อง แต่ไม่สามารถเข้าใจความหมายของประมุขผู้อาวุโส แม้ว่าเขาเขาจะโน้มน้าวให้กลุ่มการค้าเมซฟิลด์ให้ร่วมกับวิหาร ศัตรูก็จะไม่ยอมปล่อยพวกเขาไป
นอกจากนี้ ซีอุสไม่มีความมั่นใจในเงื่อนไขที่พวกเขาสามารถเสนอได้ เขาไม่เข้าใจคำสั่งของประมุขผู้อาวุโสแม้แต่น้อยทางวิหารได้ระดมสถานที่ต่างของทวีปเซียนตามคำสั่งของประมุขผู้อาวุโส ซีอุสเห็นว่าเป็นความพยายามที่ไร้ประโยชน์ซึ่งมีแต่จะทำให้คนอื่นเห็นว่าวิหารสูญเสียการควบคุมสถานการณ์เพียงไหน โดยเฉพาะอย่างยิ่งโดยการกระทำอย่างนั้นนั่นคล้ายกับกางข่าย ซีอุสคิดว่าพวกเขาอาจพิจารณาทุ่มกำลังโจมตีและทำลายกตรกูลกลุ่มการค้าเมซฟิลด์
‘กลุ่มการค้าเมซฟิลด์ก็คือทุนต่อรองสุดท้ายที่ข้าสามารถได้’
แต่ประมุขผู้อาวุโสไม่สนใจคำแนะนำของเขาและยังคงดื้อรั้น
ซีอุสเต็มไปด้วยความเศร้าใจ เขารู้สึกว่าวิหารตกอยู่ในอันตรายจริงๆ ‘บางทีครั้งนี้หรือว่าข้าจะตายในเมืองหิมะขาว’ เขาเต็มไปด้วยอารมณ์แง่ลบ
ทันใดนั้น ตาของเขางุนงง ร่างๆหนึ่งปรากฎตัวขวางทางเขาไว้
เขาเงยหน้าและจำได้ว่าเป็นโฮล
โฮลหัวเราะ “ทำไมผู้อาวุโสถึงมาที่นี่ตามลำพังเล่า หรือว่าวิหารไม่กังวลห่วงใยเกี่ยวกับความปลอดภัยของผู้อาวุโสซีอุส? หรือว่าท่านคิดว่าดาบในมือของเราไม่คมพอ?และเราไม่สามารถตัดศีรษะของผู้อาวุโสได้?”
ซีอุสทิ้งอารมณ์แง่ลบทั้งหมดออกไปจากใจและพูดอย่างสงบ “ไม่ว่าเจ้าจะสามารถฆ่าข้าได้หรือไม่ รอจนกว่าข้าพบกับผู้อาวุโสซิ่นก่อน ข้าเชื่อว่าผู้อาวุโสซิ่นมีการตัดสินใจที่ถูกต้องเอง”
โฮลแค่นเสียง “ดูจากท่าทางของท่าน ท่านไม่ได้ต้องการมาพบผู้อาวุโสซิ่นเลย”
ซีอุสหัวเราะ “หรือว่าเจ้าสามารถทำการตัดสินใจแทนผู้อาวุโสซิ่นได้? ข้าว่าผู้อาวุโสซิ่นคงเห็นด้วยกระมัง”
โฮลสะดุ้ง เขามีความกลัวผู้อาวุโสซิ่นอย่างมาก เขาไม่กล้าขวางซีอุสและห้ามเขาไม่ให้พบกับผู้อาวุโสซิ่น
คำพูดของผู้อาวุโสซิ่นและความตั้งใจของเขาชัดเจนเขาต้องการให้พวกเขาเตรียมคุณค่าพร้อมกัน ในสถานการณ์ที่เขาได้เปรียบ เป็นเรื่องไร้เหตุผลมากกับการตอแยผู้อาวุโสซิ่นและกลุ่มการค้าเมซฟิลด์ นอกจากนี้ไม่มีความจำเป็นต้องทำเช่นนั้น โฮลไม่เชื่อว่าวิหารจะยื่นข้อเสนออะไรที่ดีกว่าพวกเขา
การมาโดยลำพังของซีอุสคือข้อพิสูจน์ที่ดีที่สุด
โฮลเปิดทางให้ และแสดงท่าทางสุภาพ “เราไปด้วยกัน”
ซีอุสสูดหายใจลึก จากนั้นเดินต่อ
***************
กลุ่มการค้าเมซฟิลด์
จี๋เจ๋อมองอาซิ่นด้วยสายตาเหลือเชื่อ “เจ้าหยุดทำตัวแบบนี้ได้ไหม?เจ้าอย่าทำตัวเหลวไหลในช่วงเวลาสำคัญแบบนั้นดีกว่า คุณหนูเสี่ยวม่านคงไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่”
เสี่ยวม่านที่มุมห้องแค่นเสียง แต่นางพอใจกับคำว่า “คุณหนูเสี่ยวม่าน”ของจี๋เจ๋ออย่างเห็นได้ชัด
อาซิ่นมองดูจี๋เจ๋ออย่างเหยียดหยาม“เจ้าคิดแทนข้าหรือ? มา มาเรียกข้าว่าผู้อาวุโสซิ่นอย่างว่าง่ายเสียดีๆ”
จี๋เจ๋อแค่นเสียงจากนั้นเบนหน้าหนี “คุณหนูเสี่ยวม่านเขาให้ข้าเรียกเขาว่าผู้อาวุโส”
เสี่ยวม่านจ้องมองอาซิ่นด้วยสีหน้าไม่พอใจ
อาซิ่นตะลึง เขาตะลึงกับความหน้าด้านของจี๋เจ๋อ ที่สามารถใช้คำพูดเหล่านั้นออกมาได้...
ถังเทียนและเชียนฮุ่ยนั่งอยู่ที่มุมด้านหนึ่งมองดูทั้งสามอย่างมีความสุขเชียนฮุ่ยหัวเราะ แต่รอยยิ้มของนางหายไปทันที ขณะที่นางพูดขึ้นด้วยความกังวล “พี่เทียน, ข้ารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ”
“บางอย่างผิดปกติ?” ถังเทียนให้ความสนใจนางทันที เขาถาม “มีอะไรผิดปกติ?”
ถังเทียนเชื่อใจการตัดสินใจของเชียนฮุ่ย เขารู้ว่าเชียนฮุ่ยมีสติปัญญาฉลาดกว่าเขามาก
พวกที่เหลือหยุดหยอกล้อและมองดูเชียนฮุ่ย
เชียนฮุ่ยไม่ตอบถังเทียน แต่หันไปถามเมลิซซา “คุณหนูเมลิซซา,อาคันตุกะที่ผ่านมาไม่กี่วันนี้เป็นทางวิหารมากกว่าหรือว่าตระกูลชั้นสูง?”
เมลิซซาตกใจ นางสนองตอบอย่างรวดเร็ว “ข้าจะไปนับสถิติเดี๋ยวนี้”
มีลูกค้าหลายคนในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา ทำให้ธุรกิจดีจนเหนื่อยกับการจัดการรับมือ
หลังจากนั้นไม่นานเมลิซซากลับมา นางมีสีหน้าสับสน “นายท่าน, คุณหนูเชียนฮุ่ย,เราได้บันทึกไว้ มีลูกค้าฝั่งพันธมิตรตระกูลชั้นสูงมากกว่า น่าจะราวๆ 60%”
“วิหารตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ไม่ใช่เรื่องแปลกถ้าเนื่องมาจากหลายเหตุผล ดังนั้นวิหารและพันธมิตรตระกูลชั้นสูงจึงต้องการเรา และตามเหตุผล วิหารต้องการเรามากกว่า แต่ทำไมยังมีอาคันตุกะจากพันธมิตรตระกูลชั้นสูงมากกว่า มันแปลกไม่ใช่หรือ?” เชียนฮุ่ยให้ความสนใจปัญหาทันที
เมื่อเชียนฮุ่ยเอาปัญหาออกมาพูดอย่างชัดเจน ถังเทียนจึงได้ตระหนัก และสับสน “นั่นก็ถูก พวกเขาไม่กังวลหรือไง?”
“วิหารทำตัวแปลกเมื่อเร็วๆนี้ พวกเขาทำอยู่เพียงเรื่องเดียว” เชียนฮุ่ยเสริม “พวกเขาแยกย้ายพวกผู้อาวุโสทั้งหมด ผู้อาวุโสทั้งหมดไปพบกับตระกูลต่างๆ แต่พวกเขาดูเหมือนไม่ใส่ใจถึงผลการปฏิบัติงาน ข้าสังเกตว่าสถานที่ซึ่งผู้อาวุโสวิหารแยกย้ายกันไปก็ไม่มีกองทัพอยู่ที่นั่น”
“พวกเขาพยายามจะรับทุกคนเนื่องจากพวกเขาอยู่ในวิกฤติหรือเปล่า” ฝูเจิ้งจือถาม
“ไม่,มีบางอย่างผิดปกติ” อาซิ่นสีหน้าจริงจังขณะที่เขาส่ายศีรษะ
ในบรรดาพวกเขา นอกจากเชียนฮุ่ยคนที่ฉลาดที่สุดก็คืออาซิ่น เขายังคงรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ และมีอันตรายแอบแฝงซุ่มซ่อนอยู่ในอากาศ
“วิหารถือครองอำนาจปกครองทวีปกวงหมิงมานานมาก แต่การตอบโต้นั่นของพวกเขามันอ่อนแอไปหน่อยไม่ใช่หรือ?”
หน้าของเชียนฮุ่ยดูเหมือนมีแสงเปล่งออกที่สามารถมองหลายอย่างออกทำให้นางได้รับความเคารพนับถือ ขณะนั้นทุกคนจำฉายานางได้ เทพธิดาสงคราม
“ดูเหมือนเราจำเป็นต้องคลี่คลายความลึกลับให้ได้ในวันนี้” ถังเทียนพึมพำ ดวงตาของเขาเป็นประกายแวววาว