ตอนที่ 911 แผนของมนุษย์?
ในพื้นที่ผนึก ไม่ใช่ว่าเย่ว์หยางไม่เคยเข้ามาเลยสักครั้ง ความจริงไม่มีผนึกใดน่ากลัวยิ่งไปกว่าผนึกหลุมดำที่ใช้กักนางพญาเฟ่ยเหวินหลีอีกแล้ว
นอกจากในผนึกมิติหลุมดำแล้ว เย่ว์หยางยังได้ศึกษาถ้ำมังกรปีศาจที่ใช้เป็นผนึกกักขังจักรพรรดิชื่อตี้ ผนึกอาคารลงทัณฑ์บ่อโลหิตซึ่งใช้กักขังยักษ์ไตตันอูซูและผนึกเจดีย์ดำที่ใช้กักขังจักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อที่โลกวารีบันไดสวรรค์ชั้นหนึ่งและผนึกที่หุบเขาฝังดาบผนึกโลกนาฬิกาทรายที่ใช้กักจ้าวอัคคีปีศาจและภูตไหมฟ้ากั้นโลกไฟกับโลกน้ำอีกทั้งด้วยความรู้ตกทอดของพี่สาวแม่สี่ ทำให้เขาได้ข้อสรุปว่าผนึกใดๆก็ตามมีขีดจำกัดที่เงื่อนไขคุณสมบัติเฉพาะธาตุเท่านั้น
ถ้ามีความเป็นไปได้คนบางคนอาจจะวิ่งเข้าไปในผนึกอย่างโง่เขลา โดยไม่ละเมิดกฎสวรรค์ก็ย่อมได้
จากนั้นเขาย่อมอยู่ในผนึกนั้นได้อย่างปลอดภัย
ตั้งแต่โบราณกาลจนถึงปัจจุบัน
ไม่เคยมีใครทำอย่างนี้มาก่อนอย่าว่าแต่รู้ความลับนี้ต่อให้รู้ก็ไม่มีใครเสี่ยงเข้าไปในผนึกอย่างไม่มีเหตุผล เพราะเป็นการเสี่ยงและหาเรื่องเจ็บตัว
“สภาพแวดล้อมที่นี่ไม่เลว!” เย่ว์หยางเหมือนทำเรื่องโง่เขลาวิ่งเข้าไปในผนึกที่ใช้กักชี่เทียนเหอ
“เจ้าเข้ามาทำอะไรในนี้?” ชี่เทียนเหองงเล็กน้อยเจ้าเด็กนี่โง่หรือเปล่า?
“เรื่องนี้ข้าอธิบายได้จริงๆ” เย่ว์หยางไม่ได้ดิ้นรนเพื่อออกจากแสงสีขาวที่ปล่อยออกมานับไม่ถ้วนเพื่อควบคุมตัวเขาไว้ในผนึกกฎสวรรค์ที่นี่เพราะเย่ว์หยางไม่ได้ดิ้นรนแสงที่พันธนาการร่างเขาไว้ไม่ให้เขาออกไปจึงยอมหยุดมัดเขา จนเขามองดูราวกับมัมมี่
ที่น่ากลัวกว่าทั้งหมดก็คือเจ้าเด็กนี่เอาปีกไก่น้ำผึ้งที่ยังปิ้งไม่เสร็จออกมาปิ้งกินต่อ
เขากินได้มากจนแทบไม่ต้องเลียนิ้วมือ
จนกระทั่งชี่เทียนเหอชักขุ่นเคืองและเตรียมระเบิดอารมณ์โกรธออกมาเขาค่อยๆ ยกนิ้วชี้ “อย่าเพิ่งโมโหนักเลย ไม่ว่ายังไงข้าก็เข้ามาแล้ว ไม่ว่าเจ้าจะชอบหรือไม่ก็ตามเรายังต้องใช้เวลาร่วมกัน อย่าโวยวายอย่างโง่งมหน่อยเลย ข้ารู้ว่าไม่ใช่ความผิดของเจ้าที่ดันไปคล้ายกอริลลานั่นเป็นเรื่องของกรรมพันธุ์ เอ่อ..ก็ได้หลีกเลี่ยงพูดถึงเรื่องที่จะทำให้เจ้ารู้สึกด้อยค่าดีกว่า! แน่นอนว่าข้าเข้ามาเจรจาที่นี่ไม่ใช่ว่าข้าจะพิศวาสอะไรเจ้านักหนาหรอกนะ รสนิยมทางเพศของข้าเหมือนบุรุษปกติ นอกจากสาวงามรอบตัวข้าแล้วข้าจะคลั่งไคล้เจ้าได้ยังไง คนหยาบกร้านอย่างเจ้าไม่มีน้ำยาในเรื่องอย่างนี้เป็นแน่!”
เย่ว์หยางโยนกระดูกไก่ทิ้งทันที
แสงกฎสวรรค์จับกระดูกไก่ไว้และรัดอย่างรวดเร็ว แสงกฎสวรรค์ปฏิบัติต่อวัตถุอย่างเท่าเทียมกัน
เย่ว์หยางดึงกระดาษออกมาเช็ดปากและพูดเนิบนาบ“ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะโกรธนัก ข้าบอกได้เลย ความจริง ข้ามาช่วยเจ้า”
เขาเข้าใจผิดหรือเปล่า?
เจ้าเด็กนี่บอกว่าจะช่วยเขา?
เย่ว์หยางดึงกระดาษทิชชู่ออกมาเช็ดปากแล้วปั่นให้แหลมใช้ต่างไม้แคะฟันและพูดเหมือนม้ากำลังเคี้ยวหญ้า “เจ้าเข้าใจไม่ผิดหรอก และข้าก็มิได้พูดผิด ข้ามาช่วยให้เจ้าพ้นจากอันตรายจริงๆ เพียงแต่เมื่อครู่นี้เจ้าเอาแต่คุยโม้โอ้อวดราวกับกลัวว่าทุกคนไม่รู้จักโปรไฟล์ส่วนตัวของเจ้า ข้าไม่ต้องการโวยวายก็เลยปล่อยให้เจ้าได้มีโอกาสโม้ไปก่อน... นี่ยังจะโกรธอีกหรือ เจ้าต้องหัดอดทนหัดฟังคนอื่นอย่างให้เกียรติ... นี่เป็นวิวัฒนาการของอุรังอุตังเต็มวัย..อ้าว..ข้าพูดถึงไหนแล้ว? พอพูดถึงเรื่องนี้แล้วเจ้าก็เอาแต่โมโห เอาแต่จะกำจัดข้า ไม่ให้ความร่วมมือกับข้านี่คือสิ่งที่เจ้าต้องการใช่ไหม? เจ้าต้องการออกไป ข้าก็ดีใจที่ได้เห็นอย่างนั้น พฤติกรรมของเจ้าสอดคล้องตรงกับใจข้าเป็นอย่างดี ก่อนหน้านี้ข้าเคยโยนกล้วยให้ลิงอุรังอุตังในสวนสัตว์มันก็ยังโค้งคำนับขอบอกขอบใจข้า แสดงให้เห็นวิวัฒนาการที่ยิ่งใหญ่ของมัน ว่าไง? เจ้าต้องการกล้วยบ้างไหม?”
ชี่เทียนเหอโกรธมีสีหน้าดุร้ายเขาตวาดลั่น “เจ้าวอนหาที่ตายซะแล้ว!”
สาเหตุที่ชี่เทียนเหอโกรธเพราะเย่ว์หยางพูดไปด้วยปอกเปลือกกล้วยไปด้วยแล้วกัดกินหน้าตาเฉย “แย่จริงๆ ให้กล้วยอุรังอุตัง ของดีๆ แบบนี้จะเสียเปล่าได้”
กรรรร..
ชี่เทียนเหอมีสีหน้ากราดเกรี้ยวหน้าของเขาแดงจนถึงเส้นผม
เป็นที่คาดกันว่าก็เหมือนกับเคราของมนุษย์ถือได้ว่าเป็นเครื่องหมายของเผ่าพันธุ์ที่น่ากลัว นอกจากนี้ถ้ามีพลังจนถึงระดับชี่เทียนหอได้ ต่อให้รูปลักษณ์ดั้งเดิมไม่ดีก็ยังถือได้ว่าสง่างาม ลักษณะที่เห็นนั้นไม่จำเป็นต้องพูดแต่เย่ว์หยางกลับเรียกเขาเสียหายเช่นนั้นทำให้ชี่เทียนเหออดกลั้นความโกรธไม่ได้ ถ้าไม่ใช่เขาไม่สามารถต่อสู้ในพื้นที่ผนึกได้เพราะยิ่งสู้ผนึกจะยิ่งรัดแน่น ป่านเขาคงฉีกเจ้าเด็กนั่นเป็นชิ้นๆ ไปแล้ว
ไม่มีใครกล้าเรียกเขาเป็นลิงอุรังอุตังและไม่มีใครกล้าถามเขาว่าต้องการกล้วยหรือเปล่า?
จริงๆแล้วลิงอุรังอุตังอยู่ในกรงขังสำหรับให้คนดูอย่างนั้นหรือ?
เย่ว์หยางไม่โกรธด้วยและไม่สูญเสียความมีชีวิตชีวา เขาหาวหลับตาเหมือนกับเพิ่งจะหลับ รอจนชี่เทียนเหอด่าทอระบายความโกรธเสร็จเขาลืมตาแล้วพูดต่อ “ก็แค่เจ้าล่อลวงให้ข้าถูกกำจัดข้าไม่ถูกกำจัด นี่ถือว่าผิดพลาดเล็กน้อย ข้ามาเพื่อแสดงความจริงใจและเห็นอกเห็นใจเจ้า อย่างไรก็ตามพวกเรามีความตั้งใจที่ดีเพราะกลัวว่าเจ้าจะไม่คุ้นเคยและจะช่วยให้เจ้าได้หลบหนีออกไปได้ แต่เจ้ากลับไม่มีความเป็นมิตรพยายามบีบบังคับต่อต้านการช่วยเหลืออย่างจริงใจของเราแล้วยังทำร้ายน้ำใจของเราผู้เยาว์... แต่ผู้ใหญ่ของเรามีจำนวนมากและจะไม่ต่อรองกับเจ้าที่เอาแต่โกรธเหมือนกับอุรังอุตังถ้าเจ้ากังวลนัก เราจะไม่ทำก็ได้”
ชี่เทียนเหอไม่สามารถโกรธได้
ตอนนี้เขาแค่ต้องการรู้เหตุผลที่เด็กนี้ถึงได้อยากทำลายการคุมขังจองจำนี้
ยิ่งกว่านี้เมื่อเขาไม่เข้ามาเร็วไม่เข้ามาช้าทั้งที่อีกไม่นานผนึกจะคลายตัว นั่นเป็นเพราะเหตุไร?
บางทีท่าทีที่ชี่เทียนเหอแสดงออกยังดูความกังวลคลางแคลงใจ เย่ว์หยางรีบตอบอย่างง่ายๆ“ถ้าเจ้าอยากจะถามว่าทำไมข้าถึงเข้ามาในนี้? ตอนนี้ข้าพูดได้ ข้าเป็นคนใจดีมีเมตตาข้าตั้งใจกระทำกรรมดี เจ้าไม่รู้ว่าต้องใช้ความยากลำบากเพียงไหนข้าเพิ่งจะเอาชนะความกังวลที่ยิ่งกว่าภูเขา เจ้าเคยได้ยินอะไรดีๆ บ้างไหม? เจ้ารู้หรือไม่สมัยเด็กๆ ข้าต้องทำใจฝืนช่วยจูงคนแก่ข้ามถนน จนถึงวันนี้ข้าถึงกล้าเอาความกล้าหาญนั้นมาใช้ ทั้งที่ยายแก่คนนั้นข้าก็ช่วยไปแล้ว! เฮ้อ..บอกเรื่องนี้ให้เจ้าฟัง เจ้าก็ไม่เข้าใจ ด้วยสติปัญญาของเจ้าข้าจะบอกตรงๆ ก็แล้วกัน ข้าเข้ามาข้างในก็แค่ต้องการแทนที่เจ้า ข้าต้องการให้เจ้าหลุดออกไปจากผนึก!”
“ว่าไงนะ?” ชี่เทียนเหอตะลึง เป็นไปไม่ได้ เจ้าเด็กนี่ใจดีถึงขนาดนี้เชียวหรือ?
“ดูเอาเถอะ ข้าเพิ่งพูดไปแท้ๆด้วยสติปัญญาของเจ้า เรื่องง่ายๆ ก็ยังไม่ยอมเข้าใจน่าเศร้าชะมัด! แต่ช่างเถอะ ไม่ง่ายนักหรอกที่อุรังอุตังจะวิวัฒนาการมาถึงได้ระดับเจ้า.....” เย่ว์หยางทำหน้าเหมือนโล่งใจพร้อมกับให้อภัยไปด้วย
“เจ้ารอให้ข้าปลดแขนออกจากผนึกได้ข้างหนึ่งแล้วจึงเข้ามา เจ้าคิดว่าข้าอยู่ในกลางและข้าไม่สามารถควบคุมข้างทั้งสองได้!” ในที่สุดชี่เทียนเหอก็พบว่าเกิดอะไรขึ้นกับเย่ว์หยาง
ในชีวิตของเขาเขาไม่เคยเห็นมนุษย์หน้าด้านขนาดนี้มาก่อน
นักรบหลายคนไร้ยางอายทำทุกวิถีทางที่ทำได้
อย่างไรก็ตามชี่เทียนเหอสามารถบอกได้ว่ามนุษย์ทั่วหอทงเทียนเมื่อเทียบกับเจ้าเด็กนี่คงมีความละอายได้ไม่ถึงหนึ่งในร้อย
ไม่มีทางที่เจ้าเด็กนี่จะจัดการกับเขาได้ แต่เขาแกล้งทำเฉยปล่อยให้เขาปลดผนึกที่แขนจนเป็นอิสระข้างหนึ่ง ขณะที่ในส่วนร่างกายตรงกลางเขาทำอะไรไม่ได้ เขาไม่สามารถเดินหน้าหรือถอยออกไปได้จึงได้เข้ามาในผนึกนี้ ตรงจุดนี้ใครจะกล้าโจมตีในภายนอก? เมื่อชี่เทียนเหอคิดได้เช่นนี้เขาแสดงผนึกให้เห็นทันที และด้วยสำนึกเทพเขามั่นใจว่านักดาบหญิงที่ถืออาวุธเทพคงจะกลับมาฟันแขนทึ่หลุดเป็นอิสระของเขาแน่
เมื่อคิดได้ดังนี้ชี่เทียนเหอเข้าใจหลายเรื่องขึ้นมาทันที
เจ้าเด็กข้างหน้าเขาวางแผนเอาไว้แล้ว
เขายังต้องการใช้โอกาสประเมินเย่ว์หยางที่ไม่รู้ตัวว่าความหวังของเขาพังทลายแล้ว...อย่างไรก็ตามมนุษย์ก็ยังเป็นมนุษย์ เทพก็ยังเป็นเทพ ต่อให้มนุษย์มีแผนดีที่สุด แต่มิอาจเทียบได้กับเทพเจ้าแน่นอน!
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”
ชี่เทียนเหอหัวเราะอย่างบ้าคลั่งเขาหัวเราะจนน้ำตาไหล
เย่ว์หยางมองดูอย่างเงียบงันเหมือนกำลังมองคนวิกลจริตนอกจากเย้ยหยันเงียบๆ ดูเหมือนมีแววสมเพช
ไม่รู้ว่าเขาหัวเราะนานแค่ไหนในที่สุดชี่เทียนเหอก็หยุดหัวเราะ แต่บางครั้งพอเขานึกถึงเรื่องที่ทำให้เขาหัวเราะได้ เขาก็หัวเราะขึ้นอีกจนกระทั่งเขาหยุดยิ้มและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาเย่อหยิ่ง “เจ้ามดแมลงที่น่าสมเพช! เจ้าคิดว่าการสุมหัวร่วมคิดของเจ้าจะทำอะไรได้? เจ้าโจมตีข้าได้หรือไม่? เจ้าฆ่าข้าได้หรือไม่? ข้ากำลังจะออกไป เจ้าหยุดข้าได้หรือ? เมื่อข้ายังไม่ออกไปจากผนึกสหายของเจ้าไม่สามารถทำร้ายข้าได้ มีแต่จะทำให้ผนึกอ่อนกำลังอย่างรวดเร็ว เมื่อข้าออกไปจากผนึก พวกเจ้าจะจมดิ่งอยู่ที่นี่และข้าจะฆ่าสหายของเจ้าและทำลายหอทงเทียนทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย! ใช่แล้วถ้าเจ้าเข้ามาข้างในผนึก นี่อาจทำให้ข้าลำบากขึ้นเล็กน้อย แต่สิ่งที่เจ้าทำก็เป็นแค่เพียงวิธีหนึ่ง เจ้าไม่มีทางเป็นศัตรูกับเทพเจ้าได้!”
เย่ว์หยางเอามือแคะหูและยิ้มเจ้าเล่ห์ “ชี่เทียนเหอ ถ้าข้าเข้าใจไม่ผิด เจ้าเป็นแค่ระดับเตรียมชั้นเทพเท่านั้น หรือจะกล่าวอีกอย่างหนึ่ง เจ้าเป็นเพียงนักสู้ปราณราชันย์ระดับสูงสุด...ข้าไม่รู้ว่าเจ้าฝึกมายังไง แต่ข้ามั่นใจว่าเป็นเพราะเจ้ามีเลือดเทพชนิดหนึ่งไหลเวียนอยู่ในร่างกายและมีเลือดเทพที่มากในเมื่อเจ้าสามารถมาถึงระดับนี้ ก็ยังไม่ถือว่าเจ้ามีความสำเร็จอย่างแท้จริง ถ้าเจ้าไม่มีเลือดเทพในตัว เจ้าก็ไร้ค่าไม่มีอะไร!”
“เจ้าต้องการหาเลือดเทพของข้าหรือ? น่าขันจริงๆ เจ้าคิดหรือว่าจะทำร้ายร่างเทพได้?” ชี่เทียนเหอหัวเราะอย่างมีความสุข
“แน่นอนว่าอยู่ข้างนอกไม่ง่ายเลยที่จะเอาชนะเจ้า” เย่ว์หยางยิ้มแต่ที่นี่ ในผนึกแห่งนี้ข้าไม่จำเป็นต้องเอาชนะเจ้าแต่อย่างใดแค่เอื้อมมือออกไปก็ทำได้แล้ว”
“เฮอะ, โอ้อวดต่อไปเถอะ!” ชี่เทียนหอไม่เชื่อแม้แต่น้อย
“ก็ดี หลังจากข้าหลอมรวมกับแก่นอักขระรูนโบราณได้ ข้าจะพิสูจน์ว่าเจ้าสามารถทำลายผนึกออกไปได้ภายในสามวัน แต่ก่อนนั้นขอให้เจ้ามีความสุขกับชีวิตช่วงสุดท้ายเถอะนะ!” เย่ว์หยางพูดจบปรากฏวงจักรนิรันดรอยู่ที่ใต้เท้าเขา และพลังเทพสำหรับโจมตีของชี่เทียนเหอใช้ได้แค่เพียงนอกวงจักรนิรันดรและภายในผนึกเพราะความผันผวนแปรปรวนของพลังทำให้ชี่เทียนเหอมึนงงเล็กน้อย
ชี่เทียนเหอไม่สนใจอาการสับสนนี้ เขาแค่ต้องการฆ่าเย่ว์หยาง มนุษย์ตัวเล็กผู้น่ารังเกียจ
อย่างไรก็ตามเขามองเห็นประจักษ์ด้วยตนเอง
ร่างของเย่ว์หยางค่อยๆผ่านวงจักรนิรันดรหายเข้าไปในวงเวทรูน ... ชี่เทียนเหอยังรู้สึกได้ว่าเจ้าเด็กนี่ยังคงอยู่ที่นั่นและวงจักรนิรันดรก็ยังอยู่ และเพราะเหตุนี้จึงไม่มีทางโจมตีพร้อมกัน! เจ้าเด็กนี่ต้องการหลอมรวมกับแกนอักขระรูนโบราณจริงๆ หรือ?
ถ้าเขาทำได้สำเร็จจริงเขาจะมิกลายเป็นเหยื่อผนึกของเขาหรือ?
ชี่เทียนเหอรู้สึกสังหรณ์ในใจไม่ดีเล็กน้อย
นอกจากนี้ร่างเทพของเขารู้สึกแปลกอย่างไม่เคยมีมาก่อน !-!