ตอนที่แล้วตอนที่ 909 มาเร็ว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 911 ต้นทุนเจรจาต่อรอง

ตอนที่ 910 ผู้ชนะและพ่ายแพ้


ตั้งแต่ถังเทียนกลับมา เมลิซซารู้สึกว่าทุกอย่างพัฒนาไปอย่างแปลกประหลาด  และทุกอย่างก็ดูแปลกประหลาดทำให้นางรู้สึกจนใจไม่รู้จะทำยังไง

นางมองดูขณะที่บุรุษทั้งสองคนข้างหน้านางเผชิญหน้าเป็นปฏิปักษ์ต่อกัน  พวกเขาเถียงกันอย่างไม่ลดราวาศอกทำให้นางมีแรงกระตุ้นจะถามพวกเขาว่ากำลังหยอกเย้านางหรือเปล่า...

ไม่ว่าจะเป็นหัวหลี่รั่วหรือผู้อาวุโสซีอุส  ทั้งสองคนเป็นคนที่เมลิซซาเคยชื่นชมในอดีต  ตระกูลหัวไม่เคยมีสัมพันธ์กับนางมาก่อน  ขณะที่ตระกูลหัวเป็นตระกูลที่มีวิถีห่างไกลจากพวกเขา  นางรู้จักผู้อาวุโสซีอุส กลุ่มการค้าเมซฟิลด์ใช้ความพยายามมากมายเพื่อสร้างความสัมพันธ์กับผู้อาวุโสเบียงคี่ซี่งสนิทกับผู้อาวุโสซีอุส

แต่ความแตกต่างระหว่างตำแหน่งของทั้งสองนั้นเหมือนฟ้ากับดิน เบียงคี่อยู่ในลำดับท้ายๆของผู้อาวุโสในวิหาร  ขณะที่ซีอุสเป็นหนึ่งในห้าสุดยอดผู้อาวุโส  ผู้อาวุโสคนหนึ่งมีอำนาจที่แท้จริง พลังของกลุ่มการค้าเมซฟิลด์ไม่มีคุณสมบัติสร้างความสัมพันธ์กับซีอุส

แต่ทั้งสองคนก็ยังทะเลาะกันต่อหน้าเมลิซซา  ทำให้เมลิซซาไม่สามารถตั้งตัวได้

‘จริงสิพวกเขาไม่ได้มาที่นี่เพื่อเรา..’

‘แต่ผู้อาวุโสซิ่นคือใคร?เอ่?’ ทันใดนั้นนางจำได้ว่ามีบุรุษคนหนึ่งชื่อว่าอาซิ่นสังกัดภายใต้เชียนฮุ่ย  ‘อาจเป็นเขาก็ได้?’

เมลิซซาปฏิเสธความคิดของนางโดยไม่รู้ตัว  นางให้ความเคารพต่อเชียนฮุ่ยเป็นอย่างสูง แต่ไม่มีความคิดด้านบวกต่อคนที่ชื่อว่าอาซิ่นเลย  เขาทำตัวเหลวไหลไร้สาระทั้งวัน  และสนุกเฮฮาอยู่กับจี๋เจ๋อ แต่ก็มีที่บ้างที่เสี่ยวม่านเตะเขาออกมาเป็นครั้งคราว

นี่เองทำให้นางเคารพนับถือเสี่ยวม่านผู้ควงดาบใหญ่และแสดงความกล้าหาญ  นางอิจฉาเสี่ยวม่าน

‘แต่ไม่น่าจะมีใครอื่นอีกแล้วไม่ใช่หรือ?’

หลังจากคิดอยู่นานเมลิซซาไม่สามารถหาเป้าหมายที่สองเจอ

‘หรือว่าจะเป็นอาซิ่นจริงๆ?’ นางชักไม่แน่ใจ

“โปรดรอสักเดี๋ยว”  เมลิซซาไม่มีทางเลือก ได้แต่เข้าไปขัดจังหวะโต้เถียงอันร้อนแรง  “ข้าขอถามได้ไหมนายท่านทั้งสองพอจะอธิบายลักษณะของผู้อาวุโสซิ่นได้ไหม?”

หัวหลี่รั่วและซีอุสหยุดทะเลาะกันทันที

“เขาตัวไม่สูงและมีลักษณะธรรมดามาก  แต่ดูเหมือนจะอายุเยาว์มาก”  ซีอุสกล่าว

“เขาเป็นขุนพลวิญญาณ”  หัวหลี่รั่วเน้นจุดนี้อย่างเห็นได้ชัด

เมลิซซาตะลึง  เมื่อนางได้ยินคำอธิบายของพวกเขา  นางได้รับการยืนยันแล้วว่าเป็นอาซิ่น ‘ใช่แล้ว, มิน่าเล่า วันนี้ถึงได้แปลกประหลาดจริงๆ’  นางปลอบใจตนเอง

“ข้าคิดว่าข้ารู้แล้วว่าเจ้านายทั้งสองกำลังพูดถึงใคร  ข้าจะไปขอให้อาซิ่น.. ผู้อาวุโสออกมา”  เมลิซซาพูดตามตรง  ‘วันนี้ก็แค่สับสนเกินไป,  ข้าควรให้นายท่านถังเทียนเป็นคนตัดสินทุกอย่าง’

หัวหลี่รั่วและซีอุสตื่นตัวทันที พวกเขากลัวที่สุดว่าตระกูลกลุ่มการค้าเมซฟิลด์จะซ่อนกำลังพวกเขาไว้  เพราะจะเป็นเรื่องยุ่งยากที่สุด พวกเขากังวลว่ากลุ่มการค้าเมซฟิลด์จะเข้าใจผิดว่าพวกเขาตั้งใจมาข่มขวัญกดดันพวกเขา  จากนั้นพวกเขาจะสูญเสียกับสิ่งที่กระทำ  ถ้าพวกเขาตอแยผู้อาวุโสซิ่น  อาจจะดีถ้าพวกเขาถูกลงโทษตรงๆ  แต่ถ้าไปทำลายแผนการของระดับสูงของพวกเขานั่นจะทำให้พวกเขาไม่อาจไถ่ถอนตัวได้

นั่นคือสาเหตุที่บุรุษสองคนระมัดระวังตัวอย่างมากตั้งแต่แรก กลัวว่าความคิดเห็นของพวกเขาจะทำให้เมลิซซาโกรธโดยไม่รู้ตัว

ถังเทียนกับเชียนฮุ่ยไม่เคยคิดเลยว่าหัวหลี่รั่วและวิหารจะปรากฏตัวมาตามหาพวกเขา  ทั้งสองจึงปรึกษากันเมื่ออาซิ่นได้ยินพวกเขาเรียกเขาว่าผู้อาวุโสซิ่น เขาถึงกระตือรือร้นทันทีและรีบไปอวดเสี่ยวม่าน  แต่ผลก็คือเขาโดนซ้อมยับ

ดังนั้นอาซิ่นจึงมาปรากฏตัวต่อหน้าหัวหลี่รั่วและซีอุสด้วยใบหน้าบวมปูด

เขาไม่สนใจสวมหน้ากากปิดบังหน้าและพรวดพราดมาอยู่ต่อหน้าบุรุษทั้งสองและนั่งลงถามขึ้น “เจ้าทั้งสองกำลังตามหาข้า?”

“ผู้อาวุโสซิ่น!”

ทั้งสองคนทักทายพร้อมกัน  แต่ก็มองหน้ากันเองทันที  แต่ตอนนี้พวกเขาไม่กล้าทะเลาะกันและนั่งลงด้วยมารยาทเป็นอันดี บุรุษทรงพลังที่สามารถฉีกมิติได้นั่งอยู่ข้างหน้าพวกเขา  แม้ว่าเขาจะเป็นขุนพลวิญญาณ  เขาก็ยังได้รับความนับถือ

แม้จะมีรอยบวมปูดที่หน้าแต่บุรุษทั้งสองทำเป็นเหมือนว่าไม่เห็นอะไร

“เหตุผลที่ข้ามาเยือนในวันนี้เป็นเพราะเป็นเวลานานมากแล้วที่ผู้เยาว์ได้ทำตัวเหมือนกับเป็นหนึ่งในผู้บัญชาการทหารที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก  แต่หลังจากได้เห็นประจักษ์ถึงการสู้รบของผู้อาวุโส ข้าจึงได้ตระหนักว่าข้าเองเป็นแค่กบที่อยู่ก้นบ่อ  โลกกว้างใหญ่กว่าที่ข้าคิด  ยังมีผู้ทรงพลังอำนาจอย่างผู้อาวุโสอยู่ในโลกใหญ่ใบนี้ถึงขนาดฉีกมิติได้ นั่นทำให้ข้ารู้สึกว่าข้าเป็นตัวตลกมาตลอดเวลา”  หัวหลี่รั่วไม่อาจเก็บคำพูดเอาไว้ได้  เขารู้สึกตื้นตัน

เขามักมองตัวเองว่าสูงส่งและมีทัศนคติอารมณ์ที่เย่อหยิ่ง  แต่เขาได้พบกับบุรุษคนหนึ่งที่คู่ควรกับการรับความเคารพจากเขา

อาซิ่นสามารถได้ยินความเคารพนับถือที่หัวหลี่รั่วมีต่อเขา  และยินดีอยู่ภายใน

ซีอุสไม่อาจทนได้เช่นกัน  “ใช่แล้ว,ผู้เยาว์นี้อยู่ในวิหารมานานหลายปีดีดักและได้พบอัจฉริยะและผู้ทรงพลังมานับไม่ถ้วน แต่ที่จะทรงพลังเท่ากับท่านผู้อาวุโสนั้น, นี่นับเป็นครั้งแรก ชีวิตของท่านผู้อาวุโสสามารถสั่นสะเทือนโลกและไร้เทียมทาน กองทัพของผู้อาวุโสต้องแข็งแกร่งทรงพลังมาก  ข้าสงสัยว่ากองทัพของผู้อาวุโสมีชื่อว่ากระไร?จะเป็นกองทัพที่ไร้เทียมทานขนาดนั้น จะไม่มีคนเคยได้ยินชื่อมาก่อนได้ยังไงกัน!”

ซีอุสเป็นผู้อาวุโสที่มีประสบการณ์  เขามองดูเหมือนกับว่าจะประจบอาซิ่น  แต่แท้ที่จริงพยายามจะขุดคุ้ยเบื้องหลังของอาซิ่น เป็นไปได้ยังไงสิ่งที่ไร้เทียมทานนี้จะไม่ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์?

แต่ไม่ว่าเขาจะเค้นสมองเขาอย่างไร เขาก็ไม่สามารถหาร่องรอยเค้าข้อมูลที่เชื่อมโยงบุรุษที่ชื่อว่าผู้อาวุโสซิ่นในกองทัพของเขา  ความเข้มข้นของพลังงานในดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์สูงมากและเป็นเรื่องที่ยากมากในการสร้างขุนพลวิญญาณ นักสู้ที่แข็งแกร่งกว่ามีความเป็นไปได้สูงที่จะสร้างเป็นขุนพลวิญญาณเมื่อเขาตาย นักสู้ระดับสุดยอดทั้งหมดผ่านการพัฒนาและปรับสภาพพลังจิตมานับไม่ถ้วนเมื่อตอนที่พวกเขายังมีชีวิต พลังจิตของพวกเขาแข็งแกร่งราวกับเหล็กกล้ายาวนาน  ตราบใดที่พวกเขาครอบงำ  และเมื่อการครอบงำแข็งแกร่งมากพอแม้แต่พลังงานก็ไม่สามารถกัดกร่อนพวกเขาได้

ขุนพลวิญญาณอย่างนั้นจะทรงพลังมาก  และบรรดานักสู้ไม่กี่คนนี้ในบางส่วนจะค่อยๆฟื้นฟูความทรงจำในชีวิตครั้งก่อน  และพวกเขาจะมีสติในการฝึกฝน และแข็งแกร่งมากขึ้น

ในประวัติศาสตร์ของวิหาร  พวกเขามีขุนพลวิญญาณเช่นนั้น แต่เป็นเรื่องยากมากที่จะบังคับขุนพลวิญญาณเหล่านี้ให้ยินยอม  และแม้ว่าพวกเขาจะไม่ถูกพลังงานกัดกร่อน  แต่พวกเขาก็ยังจะถูกกาลเวลากัดกร่อน

หลังจากกลายเป็นขุนพลวิญญาณจำนวนความทรงจำที่พวกเขามีจะลดลงอย่างมาก เพราะความทรงจำผสานอยู่ในร่างของพวกเขา ขณะที่เวลาผ่านไป จะทำให้ขุนพลวิญญาณเหล่านี้มีความทรงจำใหม่  และเมื่อเกินพื้นที่ที่พวกเขามี  ร่างของขุนพลวิญญาณจะละลายช้าๆ  กระบวนการนี้ถูกกำหนดให้เป็นการกัดกร่อนของเวลา

เพื่อต้านทานพลังกัดกร่อนของเวลาขุนพลวิญญาณส่วนใหญ่เลือกจะลบความทรงจำส่วนใหญ่ในอดีตของพวกเขาออกไป และมีแต่เพียงแต่เพียงความตราตรึงลึกซึ้งในใจของพวกเขาเนื่องจากเป็นความทรงจำเดียวที่พวกเขาไม่เคยยอมลืมเลือน

ซีอุสเชื่อว่าเขาสามารถหาเค้าประวัติศาสตร์ของผู้อาวุโสซิ่น และเบื้องหลังตราบเท่าที่ผู้อาวุโสซิ่นเปิดเผยข้อมูลสักเล็กน้อย

วิหารจะมองดูประวัติศาสตร์อย่างหนัก  ในสายตาของวิหารความภักดีมีความสำคัญมากกว่าความสามารถ แน่นอนว่าซีอุสไม่ได้ตั้งความหวังไว้ว่าผู้อาวุโสซิ่นจะภักดีต่อวิหาร  แต่การได้รู้เบื้องหลังของเขาจะช่วยให้สบายใจมากขึ้น

อาซิ่นเป็นคนที่เจ้าเล่ห์อยู่แล้วเมื่อได้ยินคำพูดของซีอุส เขาเข้าใจทันทีและแค่นเสียง “เจ้ากำลังตรวจสอบชีวิตข้าหรือ? หึหึ เราไม่ได้คุ้นเคยกัน ทำไมข้าจะต้องบอกเจ้าด้วยเล่า?”

เขาไม่คิดจะเห็นแก่หน้าซีอุส  วิหารคือเป้าหมายใหญ่ของพวกเขา  แม้ว่าเขาจะมีความกลัวที่เป็นอุปสรรคต่อพวกเขาแต่เขาไม่กลัวพวกนั้น  แม้ว่าจะมีความกลัวเล็กน้อยอยู่บ้างแต่เป็นเพราะเขาไม่ต้องการทำลายสถานการณ์โดยรวม

หัวหลี่รั่วดีใจมากที่ซีอุสล่วงเกินผู้อาวุโสซิ่น  เขารีบสุมเชื้อไฟทันที  “หึหึ, ผู้อาวุโสซิ่น โปรดสงบอารมณ์ก่อน ท่านมิอาจตำหนิผู้อาวุโสซีอุสได้ ท่านควรจะตำหนิว่านั่นเป็นรูปแบบการทำงานของวิหาร  พวกเขาคุ้นเคยกับการควบคุมชีวิตคนอื่นจึงเป็นเรื่องยากที่พวกเขาจะกำจัดน้ำเสียงการพูดเช่นนั้นออกไป  ผู้อาวุโสซีอุสไม่มีเจตนา”

เมื่อได้ยินคำพูดของหัวหลี่รั่วซีอุสนึกอยากบีบคอเขาให้ตายนัก แต่เขารู้ว่าเขาไม่สามารถลงมืออย่างนั้นได้ ได้แต่ยิ้มเต็มหน้า  “ผู้อาวุโสเข้าใจผิดเสียแล้วเป็นเรื่องเข้าใจผิด ผู้เยาว์นี้แค่อยากรู้อยากเห็นเท่านั้นเอง ข้าไม่ตั้งใจจะทำอย่างนั้น สำหรับท่านผู้อาวุโสแล้วผู้เยาว์นี้เต็มไปด้วยความเคารพ มิกล้ามีความคิดเป็นอื่น”

เมลิซซายืนอยู่ด้านข้างและมองดูเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงที่แปลกประหลาดที่เกิดขึ้นต่อหน้านาง  ใจของนางยังคงสับสน

‘นี่เกิดอะไรขึ้นกันแน่?’

ก่อนนั้นเมื่อผู้อาวุโสซีอุสแสดงความสนิทกับนางนางรู้สึกว่าแปลกแล้ว  แต่เมื่อนางเห็นผู้อาวุโสซีอุสยิ้มอบอุ่น นางรู้สึกได้ว่านางไม่ใช่คนตาบอดไม่รู้เรื่องอีกต่อไป  เป็นเขาที่คำนับและคุกเข่าเหมือนกับต้องการจะโผเข้าหาอาซิ่นและเลียเท้าให้เขา

‘นี่คือผู้อาวุโสจากวิหารจริงๆหรือ? นอกจากนี้ยังเป็นหนึ่งในห้าสุดยอดผู้อาวุโสผู้กุมอำนาจ?’

‘หัวหลี่รั่วก็เหมือนกันตั้งแต่เริ่ม เนื่องจากเขาเคยเห็นอาซิ่น เขาก็ยังเหมือนกับคอยประจบอาซิ่น เฮ้, ท่านคือหัวหลี่รั่วท่านมีศักดิ์ศรีและชื่อเสียงต้องรักษา!  ความหยิ่งผยองที่ทุกคนกล่าวขวัญถึงท่านไปอยู่ที่ไหนหมด? การเย้ยหยันที่ท่านมีเมื่อตอนท่านมองหน้าคนอื่นไปอยู่ไหน?  ความไม่เป็นมิตรและความไม่ยินดีพอใจที่ท่านเคยมีต่อคนอื่นไปอยู่ไหน?’

จากนั้นนางมองดูอาซิ่นผู้มีหน้าตาบวมปูดและมีลักษณะของคนสถานะต่ำต้อยที่ฝันของเขาเป็นจริง  เขาไม่ได้นั่งอย่างมีมารยาทที่ควรเป็น

‘โลกนี้เป็นอะไรไปแล้ว?’

‘แผนล้มเหลวไม่ใช่หรือ?  ถ้าล้มเหลวอย่างนั้นทำไมพวกเขาถึงดูเหมือนผู้ชนะ ยิ่งกว่าได้ชัยชนะ?’

‘นายท่านถังเทียนแข็งแกร่งมากถึงเพียงนี้หรือ?พวกเขายังจะสามารถวาดภาพได้อย่างนี้หลังจากที่พวกเขาแพ้หรือ?’ มุมมองที่เมลิซซามีต่อท่านถังเทียนกลายเป็นยิ่งลึกซึ้งยากจะหยั่ง

เมื่อได้ยินคำพูดประจบ  อาซิ่นพอใจกับการถือตัวแบบเล็กๆ นี้จากนั้นก็เริ่มจะหงุดหงิด  ‘ในเวลาอย่างนั้น ถ้าได้แม่สาวอกดินระเบิดอยู่ที่นี่ด้วยนางคงทุบตีสั่งสอนเจ้าพวกนี้แน่!’

เขาขัดจังหวะทั้งสองคนและกล่าว  “เอาเถอะ เลิกพูดไร้สาระได้แล้ว เจ้าต้องการคุยอะไรกับข้าอย่าทำข้าเสียเวลาไล่จีบ..สะ.. เอ่อ..เสียเวลาคิดอันมีค่าของข้า”

หัวหลี่รั่วรอเพื่อการนั้น  เขาไม่ใช่คนที่ชอบประจบคนอื่นอย่างซีอุส  เขาไม่อาจประจบได้อีกต่อไปเป็นเรื่องยากสำหรับคนอย่างเขา  เมื่อเขาได้ยินคำพูดของอาซิ่น  เขาจึงพูดตามตรงทันที  “ข้าต้องการคารวะผู้อาวุโสและหวังว่าผู้อาวุโสจะรับข้าเป็นศิษย์”

อาซิ่นไม่แสดงอะไรออกมา  จากนั้นเบนสายตาไปที่ซีอุส

ซีอุสเคร่งขรึมทันที  “ข้าขอเป็นตัวแทนวิหารน้อมเชิญผู้อาวุโสซิ่นและกลุ่มการค้าเมซฟิลด์เข้าร่วมกับวิหาร”

หัวหลี่รั่วกังวลทันทีไม่ใช่ว่าเขาไม่ต้องการเชิญอาซิ่น แต่เขารีบเร่งเกินไป และยังไม่ได้รับอนุมัติจากระดับสูง  ดังนั้นจึงไม่กล้าให้สัญญาปากเปล่า

เขาต้องการพูด  แต่อาซิ่นโบกมือและพูดขัดเขาเสียก่อน  “ข้าเข้าใจความตั้งใจของเจ้า  แต่ข้าเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ ข้าเองก็รู้เช่นกันว่าพวกเจ้าทั้งสองมีอำนาจจำกัด  พวกเจ้ากลับไปเตรียมเงื่อนไขให้ดีก่อน  จากนั้นค่อยมาหาข้าอีกครั้งแล้วค่อยสรุปกันว่าใครจะให้ประโยชน์ข้าได้ดีกว่า  เอาละข้าจะไปแล้ว ตอนนี้ข้ายุ่งมาก”

เมื่อเมลิซซาได้ยินประโยคสุดท้ายของอาซิ่น  นางเหลือกตาทันที  ‘เขาไม่ทำอะไรเลยทั้งวันเอาแต่หลบเลี่ยงอู้งาน เขายุ่งตั้งแต่เมื่อไหร่?’

หัวหลี่รั่วและซีอุสตะลึงกับคำพูดของอาซิ่นอย่างเห็นได้ชัด พวกเขาเป็นตระกูลชั้นสูงและคนที่เกี่ยวข้องกับพวกเขาก็เป็นคนชั้นสูงในสังคม  ดังนั้นพวกเขาเคยได้ยินคำพูดที่เกี่ยวกับผลประโยชน์ตั้งแต่เมื่อไหร่?

อาซิ่นไม่สนใจบุรุษทั้งสองที่ยังอยู่ในอาการตกใจและเดินออกมา

นี่เป็นแค่คลื่นลูกแรกที่กระจายออกมาจากการสู้ครั้งแรก

กองทัพต่างๆในทวีปเซียนที่มีการรวมตัวเหมือนกับเมฆรวมทั้งกองทัพที่มีชื่อเสียของทวีปกวงหมิง  ความตื่นเต้นจากกองพลตระกูลชิวไม่อาจปกปิดไว้ได้

ไม้ตายสังหารโดยเฉพาะของชิวเทียนชิงความสามารถของผู้อาวุโสซิ่นที่ฉีกมิติได้แพร่กระจายไปทั่วทวีปเซียน ทุกคนเริ่มหันมาคาดเดาเบื้องหลังของผู้อาวุโสซิ่น  พวกเขายิ่งอิจฉากลุ่มการค้าตระกูลเมซฟิลด์คาดเดาว่าบรรพบุรุษของพวกเขาสั่งสมวาสนามามากจึงได้รับพรดีๆ มีขุนพลวิญญาณที่พิเศษอย่างนั้น

ผู้คนเริ่มคาดเดาความสัมพันธ์ระหว่างผู้อาวุโสซิ่นและบรรพบุรุษของกลุ่มการค้าตระกูลเมซฟิลด์นากจากนั้นไม่มีใครสามารถคิดถึงเหตุผลอื่นได้ว่าทำไมกลุ่มการค้าเมซฟิลด์ถึงได้โชคดีนัก

ยิ่งตระกูลทั้งหลายอิจฉามากขึ้น  พวกเขาก็ยิ่งเชื่อว่ากลุ่มการค้าเมซฟิลด์ต้องการเปลี่ยนแปลงความมั่งคั่งของตัวเองโดยอาศัยการสู้รบเปิดเผยตนเองว่าเป็นสิ่งใหม่ๆ

ไม่มีใครเห็นกลุ่มการค้าเมซฟิลด์เป็นตระกูลระดับล่างอีกต่อไป

ไม่มีใครเห็นแม่ทัพหัวหลี่รั่วและผู้อาวุโสซีอุสมาที่เมืองหิมะขาวพร้อมกันเพื่อเยี่ยมผู้อาวุโสซิ่น ถ้ามีคนเห็นพวกเขาคงจะต้องรู้ความตั้งใจของพวกเขาแน่นอน

ผู้ชนะมักจะตกเป็นจุดสนใจ  ขณะที่ผู้แพ้มักจะถูกเมินเฉย

การสู้รบที่สำนักงานกองทัพตระกูลชิวทำให้ชื่อเสียงของตระกูลการค้าเมซฟิลด์พุ่งทะยาน  และในชั่วข้ามคืน พวกเขาก็ก้าวขึ้นสู่ระดับตระกูลชั้นสูงของทวีปเซียน และได้รับการหาอย่างกระตือรือร้นและการติดตามอย่างอบอุ่น

สำหรับตระกูลชิวผู้พ่ายแพ้ ในค่ำคืนเดียวก็ตกอันดับจากตระกูลระดับสูงส่งสุดยอดและพวกเขาไม่ได้รับความสนใจอย่างสิ้นเชิง ความแข็งแกร่งของชิวเทียนชิวทำให้ทุกคนประหลาดใจ  แต่แล้วไงเล่า?  เขาตายแล้ว ชิวซิ่วหัวเป็นอัจฉริยะ แต่แล้วไงเล่า? ตอนนี้เขาอยู่ที่ใดก็ไม่รู้

ตระกูลชิวยังจะเหลืออะไรอีก?

ในสายตาของนักล่าผู้ยืนอยู่บนยอดสุดของห่วงโซ่อาหารในทวีปเซ่ยน  ตระกูลชิวกลายเป็นกลายเป็นก้อนเนื้อล่อใจ  พวกเขาไม่มีพลังอำนาจไว้ปกป้องตนเอง  หรือสมบัติมากมายที่ทำให้ทุกคนน้ำลายหก  ถ้าพวกเขาอยู่ในสภาพสุขสงบ  ทุกคนก็ยังจะมีความหวาดกลัว แต่ในช่วงเวลายุ่งเหยิงสามารถได้รับกำลังเพิ่มขึ้นสักเล็กน้อยก็ยิ่งเพิ่มโอกาสชนะของพวกเขาในอนาคต  คนนับไม่ถ้วนเริ่มวางแผนซ่อนเร้น

ตระกูลเผด็จการเก่า  ตระกูลชิวรู้ว่าพวกเขาก็เป็นอย่างนั้นและไม่ยินดีจะยืดคอให้ถูกตัด

การทำลายล้างกองทัพตระกูลชิวเป็นการสูญเสียที่น่าเศร้าสำหรับตระกูลชิว  พวกเขารู้ว่าถ้าพวกเขาไม่โต้ตอบด้วยอำนาจทันที  พวกเขาจะถูกเล่นงานโดยสุนัขจิ้งจอกสุนัขป่าที่หิวโหยที่กำลังลับเขี้ยวเล็บของพวกมัน

ชิวอี้มองออกไปทางหน้าต่างและเห็นประตูกลุ่มการค้าเมซฟิลด์ที่มีคนเข้าออกมากมาย ทั้งหมดล้วนเป็นคนที่เขาคุ้นเคยทั้งนั้น  ทำให้เขาเต็มไปด้วยความโกรธ  “เจ้าโง่พวกนั้น!  ปกติพวกเขาจะมาหาตระกูลชิวเราที่บ้านบ่อยๆ  พร้อมกับกระดิกหางหวังจะรับเศษเดน  ตอนนี้พวกเขากลับวิ่งเข้าหากลุ่มการค้าเมซฟิลด์  นั่นมันกลุ่มตัวร้าย”

ตระกูลชิวถูกพันธมิตรของพวกเขาทอดทิ้งและไม่มีตระกูลอื่นยินดีพูดให้ตระกูลชิว แม้แต่บริวารของพวกเขา กลุ่มการค้าอลิซาเบธก็ยังซ่อนตัวหลบหลีกตระกูลชิว

“โลกก็เป็นแบบนี้ไม่ใช่หรือ?  ผู้ชนะได้รับ ผู้แพ้สูญเสียทุกอย่าง” ด้านหลังเขาบุรุษคนหนึ่งนอนอยู่บนเตียงและพูดขึ้น

“เรายังไม่แพ้!”  ชิวอี้พูดจริงจัง

“เราสูญเสียกองพลตระกูลชิวไปแล้ว”  บุรุษที่นอนอยู่บนเตียงพูดอย่างเกียจคร้าน

“ตระกูลชิวของเขายังไม่แพ้”  ชิวอี้กล่าว จากนั้นพูดต่อไป “เรายังมีซิ่วหัว และเรายังมีเจ้า”

“เจ้าไม่ควรจะคาดหวังข้าไว้สูง” บุรุษผู้อยู่บนเตียงนั่งตัวตรงและพูดอย่างจนใจ  “ถ้าเจ้าเป็นอย่างนั้น  ข้ารู้สึกว่ากดดัน  เรายังมีซิ่วหา  เขายังไม่ตาย ไม่มีใครกล้าวางมือจากตระกูลชิว

“เราอยู่ในสภาพนี้แล้ว แต่อาหนิงเจ้ายังพูดแบบนี้อีก!”  ชิวอี้ไม่พอใจ   ชิวชิ่วหัวอยู่ที่ใดไม่ทราบและตระกูลชิวอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก

“ก็ได้ ก็ได้, ข้าจะทำอย่างดีที่สุด”  ชิวหนิงถอนหายใจ  แต่ตาของเขาทอประกายวูบหนึ่งและหายไปอย่างรวดเร็ว  “เจ้าควรจะเริ่มแผน  สมองของเจ้าดีกว่าของข้า”

เมื่อชิวอี้ได้ยินคำยืนยันของอาหนิง  เขาสงบใจได้ เขามั่นใจในชิวหนิงมาก แต่เขากังวลว่าชิวหนิงจะไม่จริงจัง เนื่องจากตลอดเวลาตระกูลชิวไม่เคยให้ความสนใจกับชิวหนิงมาก

พวกเขาไม่อาจถูกตำหนิได้  ชิวหนิงเดินในเส้นทางที่แตกต่าง

ในอดีตตระกูลชิวและวิหารมีสัมพันธ์ที่ดี  และเมื่อชิวซิ่วหัวกลายเป็นแม่ทัพใหญ่  พวกเขาได้รับของดีสองสามอย่างจากวิหาร  ตัวอย่างเช่นวิทยายุทธ และวิชาจิตวิญญาณ

วิทยายุทธและวิชาจิตวิญญาณของวิหารมาจากวิหารเซียนในสวรรค์วิถี  ขณะที่วิทยายุทธจะเป็นวิชาระดับล่าง  วิหารจะปล่อยให้มากขึ้น  แต่สำหรับวิชาวิญญาณ  วิหารมักจะเก็บไว้เป็นความลับ  แต่วิทยายุทธทั้งหมดจากสวรรค์วิถีไม่ได้สร้างอิทธิพลให้กับทวีปกวงหมิง บางครั้งจะมีคนเรียนวิทยายุทธได้อย่างหรือสองอย่างและใช้วิทยายุทเหล่านั้นช่วยชีวิตพวกเขาทุกวัน

วิทยายุทธของสวรรค์วิถีเป็นระบบที่ใหญ่มาก  ด้วยระดับที่แตกต่างหลายระดับ  การจะเลือกวิทยายุทธจริงๆหมายถึงการแยกจากระบบทหารของดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์  และเป็นอะไรที่คนส่วนใหญ่ไม่ยินดียอมรับ

พลังของวิทยายุทธมีขีดจำกัด  และไม่ดึงดูดต่อพลเมืองชาวทวีปกวงหมิง

เมื่อเทียบกับวิทยายุทธแล้ว  พลังของวิชาพลังวิญญาณยิ่งใหญ่มากกว่า  ในสวรรค์วิถี มันคือระบบที่มีแต่เซียนใช้กัน แต่วิชาวิญญาณไม่มีฝึกกันในดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์มากนัก  และเป็นเหตุผลใหญ่ให้ทางวิหารงด เพราะวิชาวิญญาณเป็นวิชาที่ซับซ้อนมาก

วิชาวิญญาณสร้างมาจากวิทยายุทธ เป็นผลมาจากนักสู้ชาวสวรรค์วิถีที่ก้าวเข้าสู้ระดับเซียน และกลายเป็นผู้ทรงพลังมากขึ้น เซียนในสวรรค์วิถีและดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์  นอกจากมีพลังในการรวบรวมพลังงาน  พวกเขายังมีความแตกต่างกันมาก  ตัวอย่างเช่น สนามพลังวิญญาณ ค่าพลังวิญญาณหรือแม้แต่การสร้างการ์ดวิชาวิญญาณ ฯลฯ ที่ดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ยากจะเข้าใจ

นั่นคือเหตุผลให้วิชาจิตวิญญาณไม่เคยกลายเป็นเรื่องใหญ่ในดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์แม้ว่าจะมีเซียนมากมายในดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์

ชิวหนิงเป็นข้อยกเว้น

ตั้งแต่เด็ก  เขามักจะสนใจในวิทยายุทธ  เขาไม่สนใจคำแนะนำของผู้อาวุโสของเขา  และหมกมุ่นอยู่กับการฝึกวิทยายุทธ นั่นคือเหตุผลที่เขาไม่เคยได้รับความสำคัญจากตระกูล  แต่เขาไม่สนใจมากและมีความโดดเดี่ยวมาก

ชิวซิ่วหัวและเขามีอายุไล่กันและเติบโตมาพร้อมกัน  และหลังจากกลายเป็นแม่ทัพใหญ่ เขาก็ได้รับวิชาวิญญาณนับไม่ถ้วนจากวิหารเอามาให้ชิวหนิง  วิชาวิญญาณทั้งหมดนี้เป็นความลับ  แต่ในฐานะแม่ทัพใหญ่  เขามีอำนาจมากและสามารถรับมาได้

ในความเป็นจริงวิหารไม่ใส่ใจเกี่ยวกับวิชาวิญญาณ  นอกจากเป็นข้อมูลที่กองไว้เต็มตู้หนังสือ หลายอย่างเหล่านี้ไม่สามารถเอามาฝึกได้อย่างไร้วัตถุประสงค์

ไม่มีใครคาดว่าชิวหนิงจะเดินเส้นทางนี้และกลายเป็นนักสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในตระกูลชิว

แต่ก็ไม่สามารเปลี่ยนสถานการณ์ของเขาได้   ในยุคที่กองทัพมีอำนาจเหนือ  ตระกูลชิวเป็กลุ่มตระกูลเก่าแก่  ชิวซิ่วหัวและชิวเทียนชิงผู้อยู่ในจุดสุดยอดเป็นผู้มีพรสวรรค์มาก  ยังมีอิทธิพลต่อตระกูลชิวมากที่สุด

ไม่ว่าคนจะแข็งแกร่งเพียงไหน  อย่างมากเขาก็ถูกเอามาใช้ลอบสังหาร

แต่ตระกูลชิวจำเป็นต้องลอบสังหาร?

ในทั่วตระกูลชิวไม่มีใครคิดว่าจะมีวันที่ตระกูลชิวจะต้องการนักฆ่าเพื่อกู้เกียรติยศของพวกเขา

แม้แต่ชิวหนิงเองก็ไม่เคยคิดว่าชะตาของตระกูลชิวจะตกมาอยู่ในมือของเขา  เขาอยู่ในอาการมึนงง และไม่ใส่ใจคำพูดของชิวอี้

“เราจะรอ วิหารและพันธมิตรพยายามจะผูกมัดกลุ่มการค้าเมซฟิลด์ไว้ใช้งาน?  พวกเขาจะต้องปรากฏ  และต่อหน้าพวกเขา เราจะฆ่าขุนพลวิญญาณที่พวกเขาต้องการผูกมัด  ข้านึกภาพดูว่าสีหน้าพวกเขาจะเป็นยังไง...”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด