ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 185 บ่มเพาะใต้พิภพ (อ่านฟรี)
ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 185 บ่มเพาะใต้พิภพ (อ่านฟรี)
แปลโดย iPAT
เว่ยอิงเจียเข้าใจว่าเหตุใดเฉียนหรงจื่อจึงไม่ฆ่าเขา นางต้องการใช้เคล็ดวิชาดูดพลังเพื่อขโมยพลังปราณที่เขาบ่มเพาะมาอย่างยากลำบาก เขาไม่สนใจความเจ็บปวดอีกต่อไปและเริ่มรวบรวมพลังปราณอย่างสิ้นหวัง
เฉียนหรงจื่อกล่าว “หากเจ้ากล้าใช้พลังปราณ ข้าจะตัดแขนและขาของเจ้าทิ้ง ข้าจะทำให้เจ้ากลายเป็นคนพิการ หากเจ้าไม่เชื่อข้า ข้าก็ยินดีที่จะลองดู”
เว่ยอิงเจียลอบตื่นตระหนกอยู่ภายในและไม่กล้าใช้พลังปราณของเขา กระดูกที่ถูกบดขยี้สามารถรักษาให้หายแต่หากแขนขาถูกตัดออก เขาจะกลายเป็นคนพิการอย่างแท้จริง ในอนาคตเขาจะไม่สามารถอยู่ร่วมกับหญิงงามได้อีกต่อไป หากเป็นเช่นนั้น ความตายยังดีกว่า
“เจ้าฉลาดมาก!” เฉียนหรงจื่อยกย่อง นางเดินเข้าไปและยัดเม็ดยาปลุกกำหนัดหนึ่งกำมือใส่ปากของเว่ยอิงเจีย เว่ยอิงเจียพยายามดิ้นรน สองสามวันก่อนเขาบังคับให้เฉียนหรงจื่อกินเม็ดยาปลุกกำหนัดสองเม็ดเพื่อตอบสนองความต้องการของเขา เม็ดยาปลุกกำหนัดหนึ่งเม็ดเพียงพอที่จะทำให้คนผู้หนึ่งสูญเสียตัวตน หากเขากินเม็ดยาปลุกกำหนัดจำนวนมากเข้าไปในครั้งเดียว มันจะเกิดสิ่งใดขึ้น
เฉียนหรงจื่อยิ้ม “ไม่ใช่ว่าเจ้ามีความสุขมากที่ได้ดูแลข้าเมื่อสองวันก่อนงั้นหรือ?” ใบหน้าของนางเปลี่ยนเป็นเย็นชาอย่างกะทันหัน “กินมันเข้าไป! หากเจ้าไม่กิน ข้าจะตัดแขนขาของเจ้าทิ้ง!”
เว่ยอิงเจียลังเลเล็กน้อยก่อนจะส่งเสียงครวญครางด้วยความเจ็บปวด เฉียนหรงจื่อตัดนิ้วของเขาทิ้งเพื่อแสดงเป็นตัวอย่าง
เว่ยอิงเจียทั้งเจ็บปวด โกรธ และเกลียดชัง อย่างไรก็ตามตอนนี้เขาถูกบังคับให้ทำตามความต้องการของฝ่ายตรงข้า เขาต้องกินเม็ดยาปลุกกำหนัดทั้งหมดอย่างไม่เต็มใจ ไม่นานนักไฟราคะก็ปะทุขึ้นที่เป้ากางเกงของเขา สายตาที่จ้องมองเฉียนหรงจื่อค่อยๆถูกแทนที่ด้วยความปรารถนา
เฉียนหรงจื่อยิ้มและกินยาสงบใจ
ไม่นานหลังจากนั้นเฉียนหรงจื่อก็สวมเสื้อผ้าของนางกลับคืน ตอนนี้นางเต็มไปด้วยพลังงานราวกับนางพึ่งดื่มยาบำรุงกำลัง พลังปราณในร่างของนางเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า
อย่างไรก็ตามพลังปราณที่แตกต่างกันไม่สามารถผสมกันด้วยตัวของมันเอง โชคดีที่ทั้งคู่บ่มเพาะเคล็ดวิชาของนิกายเมฆาพิรุณเช่นเดียวกัน ดังนั้นมันจึงไม่ใช่ปัญหาใหญ่โต ยิ่งไปกว่านั้นนิกายเมฆาพิรุณก็มีเม็ดยาเมฆาพิรุณสำหรับแก้ปัญหานี้ นางกินเม็ดยาดังกล่าวหนึ่งเม็ดก่อนจะทำสมาธิเพื่อชำระล้างพลังปราณให้บริสุทธิ์
เว่ยอิงเจียกระวนกระวายอย่างหนัก แม้เขาจะต้องการปลดปล่อยพลังปราณออกมาแต่ตอนนี้เขาอ่อนแรงมาก เขากรีดร้อง “ได้โปรดไว้ชีวิตข้าด้วย!”
เขาคิด ‘ข้าต้องหาทางหนี มิฉะนั้นข้าจะถูกหญิงผู้นี้กลืนกิน’ เขาลอบขยับนิ้วอย่างเงียบๆ ตราบเท่าที่เขาสามารถอดทนต่อความเจ็บปวดและถ่ายทอดพลังปราณเข้าสู่แขนขา เขาจะสามารถเคลื่อนไหว เมื่อเวลานั้นมาถึง เฉียนหรงจื่อจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาด้วยการบ่มเพาะขั้นสามของนาง
“คนโง่เขลาเช่นเจ้ากลับมีพลังปราณมากมายนัก อย่างไรก็ตามข้าสามารถดูดกลืนมันอย่างช้าๆ ข้ามีเวลาอีกมาก!” เฉียนหรงจื่อหยิบแส้แยกแม่น้ำออกมาและเดินเข้าไปหาเว่ยอิงเจียด้วยรอยยิ้ม
“จะ...เจ้าจะทำสิ่งใด?”
เฉียนหรงจื่อกล่าว “มันอันตรายเกินไป ข้าคิดว่าควรตัดมันทิ้งจะดีกว่า!” เลือดสาดกระเซ็นพร้อมกับเสียงกรีดร้องที่ดังขึ้นในวังใต้ดิน
…..
ภายใต้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว หลี่ฉิงซานออกจากเมืองเจียเผิงไปพร้อมกับเสี่ยวอันอย่างเงียบเชียบราวพวกเขาไม่เคยกลับมาที่นี่ตั้งแต่แรก เขาเชื่อว่าเฉียนหรงจื่อจะทำเหมือนนางไม่เคยพบเขา ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในเมืองเจียเผิงจะปะทุขึ้นหลังจากนี้อีกนาน
เขาเดินไปด้านหลังภูเขาและกระโดดลงไปในแม่น้ำที่ไหลไปทางทิศใต้ เขาว่ายไปยังกำแพงหินที่อยู่อีกด้านหนึ่ง หลังจากใช้ความพยายามอย่างหนัก ในที่สุดเขาก็พบถ้ำที่ถูกบันทึกไว้ในแผนที่
หลี่ฉิงซานว่ายเข้าไปในอุโมงค์ใต้น้ำเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงเต็มก่อนจะโผล่ขึ้นมาในถ้ำแห่งหนึ่ง
ตอนนี้เขาไม่เพียงต้องการหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับนิกายเมฆาพิรุณแต่ยังรวมถึงผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์ หากผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์พบเขา พวกเขาจะจับเขาไปสอบสวนและนิกายเมฆาพิรุณก็จะรู้เรื่องนี้เช่นกัน เขาไม่แน่ใจว่าผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์จะปกป้องเขาหรือไม่ หากเขาวิ่งไปรอบๆ เขาจะถูกค้นพบอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตามบ้านของนักพรตผีดิบทั้งสะดวกสบาย เงียบสงบ และเหมาะสมสำหรับการบ่มเพาะเป็นอย่างมาก เขาต้องการเวลาสักพักเพื่อทะลวงเข้าสู่ขั้นที่สองของทักษะหมัดปีศาจวัว
ใต้ดินไม่เหมือนพื้นโลก มันบิดเบี้ยวและเต็มไปด้วยอุโมงค์เหมือนเขาวงกต มันยากที่จะเดินทางหากปราศจากแผนที่
ถ้ำที่มืดและแคบอาจทำให้ผู้คนรู้สึกอึดอัดแต่หลี่ฉิงซานไม่รู้สึกเช่นนั้น เขาสามารถเสพสุขกับทรัพย์สินก้อนโตอยู่ที่นี่ นอกจากนั้นเขายังมีเสี่ยวอันเป็นเพื่อน ดังนั้นเขาจึงไม่รู้สึกเหงา
ตรงข้าม เขารู้สึกสบายใจมากกับโลกอันมืดมิด เขาไม่ต้องสวมหน้ากากและแสดงละครอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมายอีกต่อไป ตอนนี้เขารู้สึกอิสระมาก จากมุมมองหนึ่ง เขากลายเป็นปีศาจมากขึ้นเรื่อยๆ
หลี่ฉิงซานก้าวไปข้างหน้าขณะที่เสี่ยวอันนั่งอยู่บนหัวกะโหลกขนาดใหญ่ที่เปลี่ยนร่างมาจากลูกประคำหัวกะโหลกและก้มหน้าลงศึกษาแผนที่ของนักพรตผีดิบ เมื่อใดก็ตามที่พวกเขาพบทางแยก นางจะเป็นผู้บอกทาง หลังจากทั้งหมดหลี่ฉิงซานไม่มีความอดทนมากพอในการศึกษาแผนที่
สิ่งนี้ดำเนินต่อไปกระทั่งพวกเขาไปถึงที่อยู่ของนักพรตผีดิบ หลี่ฉิงซานไม่รีบร้อนเริ่มบ่มเพาะทันทีแต่เขาจุดไฟและเริ่มทำอาหาร มีอาหารมากมายอยู่ในกระเป๋าร้อยสมบัติที่เขาได้รับ ดังนั้นเขาจึงทำอาหาร
หลี่ฉิงซานยิ้ม “มาฉลองกันเถอะ!”
ทั้งสองคนชนแก้วกันท่ามกลางความมืด
หลี่ฉิงซานพูดกับเสี่ยวอัน “คราวนี้ข้าอาจใช้เวลาบ่มเพาะค่อนข้างนาน อย่าออกไปวิ่งเล่นข้างนอก เข้าใจหรือไม่?”
เสี่ยวอันพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง
หลี่ฉิงซานลูบศีรษะของนางและนึกถึงวิธีที่นางใช้เวลาทั้งวันกับการต่อสู้และฆ่าร่วมกับเขา แม้แต่การซ่อนตัวและหลบหนีพร้อมเขา นี่ไม่ใช่วิถีชีวิตที่เด็กควรจะได้รับ อย่างไรก็ตามบนโลกใบนี้มีที่ใดที่ไม่มีความขัดแย้ง แม้เขาจะไปยังสำนักศึกษาร้อยจอมยุทธ์ มันก็ไม่ต่างกัน
เขาเปิดใช้งานกลไกและทำให้ประตูหินปิดตัวลงเพื่อสร้างห้องปิดตายสำหรับการบ่มเพาะ
ในความมืดและความเงียบ หลี่ฉิงซานหยิบขวดยารวบรวมพลังปราณออกมาก่อนจะเทเม็ดยาทั้งหมดเข้าไปในปากและเริ่มบ่มเพาะ
เมื่อเวลาผ่านไป เม็ดยาถูกย่อยทั้งหมด เขายืนขึ้นและเริ่มฝึกหมัดปีศาจวัว ด้วยวิธีนี้ปราณปีศาจของเขาจึเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว
สิ่งนี้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก เขาเคลื่อนไหวและหยุดเป็นครั้งคราว หลี่ฉิงซานบ่มเพาะเส้นทางสองสายของมนุษย์และปีศาจไปพร้อมกันและแข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า ยาถูกกินไปทีละขวด
การหายตัวไปของสองผู้บัญชาการหมาป่าทมิฬและผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์อีกเจ็ดคนของเมืองเจียเผิงทำให้เกิดความวุ่นวายไปถึงเมืองชิงเหอ