ตอนที่ 909 มาเร็ว
หัวหลี่รั่วอัจฉริยะที่โดดเด่นที่สุดของตระกูลหัว ในตระกูลหัวรุ่นปัจจุบัน ไม่มีใครโดดเด่นถึงกับเป็นแม่ทัพใหญ่ และภายใต้พวกเขาหัวหลี่รั่วเป็นผู้บัญชาการทหารที่แข็งแกร่งที่สุดในรุ่นปัจจุบัน
สำหรับตระกูลชั้นสูงห้าตระกูลมีแม่ทัพใหญ่คนหนึ่งในรุ่นปัจจุบันจะหมายถึงช่วงเวลาแห่งความสำเร็จ แต่ต่อให้พวกเขาไม่มีแม่ทัพใหญ่ ก็ไม่ใช่ว่าพวกเขาจะไม่มีพลังอำนาจ ในช่วงเวลาระยะยาวของการสะสม แม่ทัพใหญ่จะมาจากห้าตระกูลใหญ่และเริ่มมีการลอบเพาะสร้างอำนาจ โดยไม่มีใครรู้ถึงพลังลึกๆของพวกเขา
การสืบทอดของตระกูลไม่ใช่ว่าจะสะสมกันในรุ่นเดียว จำเป็นต้องสืบทอดกันหลายรุ่นเพื่อให้สามารถสร้างผลกระทบได้ ในอดีตมีหลายตระกูลที่มีลูกศิษย์คนในตระกูลผู้กลายเป็นแม่ทัพใหญ่ได้และได้รับความนิยมอย่างมาก แต่หลังจากนั้น พวกเขาจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย
มีเพียงไม่กี่ตระกูลซึ่งมีการสืบทอดอำนาจผ่านมากันเป็นรุ่นๆจึงมีโอกาสประสบความสำเร็จ สำหรับตระกูลทั้งหลายที่มีประวัติศาสตร์มากมาย พวกเขาวิจัยค้นคว้ากว้างขวางให้การบำรุงดูแลคนในตระกูลของพวกเขา พวกเขารู้ว่าศิษย์รุ่นเยาว์เป็นหัวใจต่อการตัดสินความรุ่งเรืองหรือตกต่ำของอนาคตตระกูล พวกเขาได้รับการส่งเสริมให้มีการแข่งขันกันภายในระหว่างศิษย์ด้วยกัน ดังนั้นการแข่งขันภายในระหว่างคนในตระกูลใหญ่จึงมีความรุนแรงมากเป็นธรรมดา
การแข่งขันของตระกูลหัวรุนแรงเป็นพิเศษ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งมีหลายคนต้องเรียกว่าโหดเหี้ยม
หัวหลี่รั่วเป็นผู้บัญชาการทหารที่โดดเด่นที่สุดในรุ่นปัจจุบัน เขามีพรสวรรค์และพลังที่โดดเด่นมาก สิ่งเดียวที่เป็นอุปสรรคต่อเขาก็คือความเจ้าโทสะที่ชอบระเบิดอารมณ์ของเขา สำหรับคนอื่นๆก็เป็นแค่บรรทัดฐานสำหรับสมาชิกตระกูลสูงส่งที่ต้องมีความเจ้าอารมณ์ แต่อารมณ์ของหัวหลี่รั่วเป็นสิ่งที่ไม่มีใครกล้ำกลืนได้
เขาก่อเรื่องกับทุกคนในบ้านอื่นสำหรับตระกูลชั้นสูงอื่นและทุบตีเล่นงานศิษย์อื่นรุ่นเดียวกันจนยับมาแล้ว แน่นอนว่าพฤติกรรมเหล่านี้ไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้เขามีชื่อเสียง สิ่งที่ทำให้เขาเป็นที่รู้จักแท้จริงก็คืออารมณ์ที่วู่วามฉุนเฉียว เขาเคยทะเลาะกับผู้อาวุโสของวิหารมาก่อนและลอบเข้าไปวิหารทุบตีอีกฝ่ายจนหน้าตาบวมปูดต่อหน้าทุกคน
เมื่อเรื่องนี้รั่วไหลออกไป ทั่วทั้งทวีปกวงหมิงถึงกับโกลาหล ทุกคนตะลึง ไม่เคยมีคนกล้าใช้แผนเช่นนั้นต่อวิหาร วิหารโกรธแค้น จนประมุขตระกูลหัวต้องไปขอขมากับประมุขผู้อาวุโสด้วยตนเองและนั่นเองจึงทำให้เรื่องลงเอยลงได้
หลังจากนั้นข่าวของหัวหลี่รั่วก็หายไปเป็นเวลานาน เขาเติบโตกลายเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นนอกจากมีผู้หนุนหลังที่แข็งแกร่งเขายังเดินไปตามเส้นทางและกลายเป็นพลโทที่มีอายุเยาว์ที่สุด แต่ในการคัดเลือกแม่ทัพใหญ่ เขาไม่ได้รับเลือก
การกระทำที่เขาทำต่อมาทำให้เขาตกเป็นหัวข้อวิจารณ์ไปทั่วทวีปกวงหมิงอีกครั้งหนึ่ง เมื่อเขาไม่ได้รับเลือก เขาลาออกจากตำแหน่งพลโทโดยไม่ลังเลใจและกลับตระกูลหัว
หัวหลี่รั่วกลับไปตระกูลแต่ไม่หยุดเพียงแค่นั้น เขาสร้างกองทัพของตนเองด้วยมือตนเอง และเป็นเวลาสองปี ไม่มีข่าวคราวเกี่ยวกับเขา หลังจากผ่านไปสองปี จู่ๆเขาปรากฏตัวพร้อมกับทหารของเขา และเริ่มมองหาคนสู้ด้วย และเรียกว่าฤดูกาลซ้อมมือทำให้เกิดวิกฤติไปทั่วทวีปกวงหมิง การต่อสู้และการเผาบ้านเมืองกลายเป็นมาตรฐาน กองทัพ หน่วยทหารท้องถิ่นและกองทัพของตระกูลต่างๆ ไม่รอด
ในเวลานั้นหัวหลี่รั่วกลายเป็นผู้อื้อฉาวไปทั่วทวีปกวงหมิง
ตั้งแต่เด็กเมลิซซาได้ยินเรื่องอื้อฉาวและวิธีการก้าวร้าวของหัวหลี่รั่ว ดังนั้นเมื่อนางพบว่าบุรุษที่ยืนอยู่หน้านางคือหัวหลี่รั่วนางแทบลมจับ
เมลิซซารู้สึกว่าสมองนางลั่นอึงอลเหมือนกับถูกทุบศีรษะ แต่นางคงเหมือนกับถูกตีศีรษะหนักกว่าหน้าของหัวหลี่รั่ว
แต่ต้องใช้เวลาปรับตัวนานและเพื่อไม่ให้เสียเวลานางสูดหายใจลึกฉีกยิ้มที่ดูประหลาดยิ่งกว่าร้องไห้ “ข้าไม่คิดเลยว่าแม่ทัพหัวจะมาเยี่ยม แม่ทัพมีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักกันทั่ว ได้พบเห็นท่านนับว่าเป็นวาสนาของข้านัก”
เห็นได้ชัดว่าหัวหลี่รั่วพอใจกับคำเยินยอของนางและนางพูดต่อ
นางยังพูดอ้อมไปอ้อมมา แต่ความกังวลในใจนางสงบลง นางไม่เข้าใจความตั้งใจของหัวหลี่รั่ว ดังนั้นนางได้แต่หัวเราะและชวนคุยต่อ นางชวนคุยเรื่องอากาศหรือไม่ก็ชาพันธุ์ใหม่ที่นางเพิ่งได้รับ
หลังจากสนทนาครึ่งค่อนวันในที่สุดหัวหลี่รั่วก็หมดความอดทน เขาวางแก้วชาลงและพูดขึ้น “ข้ามาเยี่ยมเยียนวันนี้ก็เพื่อคารวะผู้อาวุโสซิ่นแห่งกองพลหน้ากากเหล็ก”
‘ในที่สุดก็มาถึงตรงนี้จนได้ ใจของเมลิซซาตึงเครียด เมื่อคิดถึงเกี่ยวกับท่าทีผิดหวังของถังเทียนและพวกที่เหลือ และการปรากฏตัวของหัวหลี่รั่ว นางรู้ว่าพวกเขาคงประสบปัญหาลึกๆ เสียแล้ว!
เมลิซซาถึงกับหนังศีรษะชา นางไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร แต่หน้าของนางยังคงมาดมั่น “โอว, แม่ทัพหัวรู้จักกองพลหน้ากากเหล็กด้วย?”
หัวหลี่รั่วเตรียมจะอธิบายว่าเขาตามหลังพวกเขา ขณะนั้นบริวารคนหนึ่งรีบวิ่งเข้ามารายงาน “คุณหนู ทูตของวิหารกวงหมิงคนหนึ่งขอเข้าพบ”
‘ทูตวิหารกวงหมิง?’ เมลิซซาตกใจ แต่นางยังกล่าว “เชิญเขาเข้ามา”
เมื่อได้ยินว่าทูตของวิหารกวงหมิงมาถึง หน้าของหัวหลี่รั่วเขียวคล้ำ วิหารมีปฏิกิริยาเร็วจนเขาประหลาดใจ เขารู้สึกว่าเขารวดเร็วพอแล้ว แต่เมื่อคิดว่าเมื่อเขาก้าวเข้ามาในกลุ่มการค้าเมซฟิลด์ วิหารก็คงมาถึงแล้ว
‘ดูเหมือนว่าวิหารจะมีหูตาวางไว้ที่ตระกูลชิวมานานแล้ว’ หัวหลี่รั่วคิด เขารู้สึกว่านี่คือเหตุผลที่เป็นไปได้มากที่สุด ‘ตระกูลชิวมาตอแยตระกูลเมซฟิลด์ และลงเอยด้วยการตอแยเครื่องจักรสังหารขนาดใหญ่’
‘ขุนพลวิญญาณระดับพลเอก...หึหึหึ...’
กับควมตายของชิวเทียนชิง กำลังของตระกูลชิวได้รับผลกระทบครั้งใหญ่ แม้ว่าพวกเขายังมีชิวซิ่วหัว แต่ชิวซิ่วหัวยังอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบากในภูมิภาคใต้กำลังพบกับอุปสรรคจากสัมพันธมิตรใต้ พวกเขาไม่สามารถมาสมทบกับโกวเฉิงเวิ่นเต้าได้ และไม่ทราบว่าเมื่อใดพวกเขาจึงจะกลับมาได้
‘กับความตายของชิวเทียนชิง ถ้าชิวซิ่วหัวไม่กลับมา ตระกูลชิวจะตกอยู่ในอันตราย’
หัวหลี่รั่วไม่สนใจเรื่องที่เกิดขึ้นกับตระกูลชิว เนื่องจากเป็นเรื่องที่ระดับสูงจะต้องกังวลกันเอง
เมื่อได้ยินว่าวิหารส่งทูตมา เขากังวลทันที ถ้าตระกูลกลุ่มการค้าเมซฟิลด์ถูกวิหารคล้องตัวไปได้ พวกเขาจะต้องคุกคามต่อตระกูลหัวอย่างมิต้องสงสัย
หัวหลี่รั่วเริ่มรู้สึกกังวล เขามีเป้าหมายลับที่คนอื่นไม่รู้ เขาไม่ได้รับอำนาจจากผู้บริหารระดับสูง แต่ปฏิกิริยาของวิหารไวกว่าที่เขาคิดไว้มาก
ผู้อาวุโสซีอุสเดินเข้ามา และเมื่อเห็นเมลิซซา ตาของเขาเป็นประกาย เขาเดินตรงเข้ามาทักทายอย่างจริงใจ “คุณหนูเมลิซซา ข้าคือผู้อาวุโสซีอุสแห่งวิหารกวงหมิง ข้าต้องขอโทษที่มาเยี่ยมถึงหน้าประตูบ้านเจ้าอย่างกะทันหัน”
การมาเยี่ยมกะทันหันของผู้อาวุโสวิหารทำให้เมลิซซารู้สึกสับสน แต่การทักทายอย่างจริงใจทำให้เมลิซซาสับสนมากยิ่งขึ้น
‘เราเคยมีปฏิสัมพันธ์กับวิหารมาก่อน แต่กับการมาเยี่ยมของผู้อาวุโสเล่า? พวกเขาพยายามจะทำอะไร? พวกเขามักส่งคนมาหลายคนเสมอ แต่ตอนนี้ กลับเป็นคนที่สำคัญมาเอง!’
ถ้าเป็นวันปกติ เมลิซซาคงจะรู้สึกอึดอัด แต่นางรู้สึกตื้นตันที่ได้รับการโปรดปรานจากพวกเขา แต่ปัจจุบันนี้นางช่วยเจ้านายถังเทียนเจาะกำแพงเข้าไปในวิหาร ‘พวกเขารู้สึกอะไรบางอย่างที่เป็นเหตุผลให้พวกเขาต้องมาหาเรา?’
เมลิซซากังวลมากขึ้น แต่นางยังคงยิ้ม “เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ผู้อาวุโสซีอุสมาด้วยตนเอง การมาของท่านนำแสงสว่างมาให้ที่อยู่อันต่ำต้อยของข้า ทำไมท่านไม่พูดถึงวัตถุประสงค์การมาของท่านเล่า เราจะมองไปข้างหน้าเพื่อให้วิหารช่วยนำแสงสว่างมาให้ธุรกิจของตระกูลน้อยๆของเราอยู่เสมอ”
ซีอุสหัวเราะ “งั้นข้าจะต้องมาให้บ่อยขึ้นเสียแล้ว”
เมื่อเข้ามาในประตู เขาประเมินเมลิซซาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าเขาจะมองยังไง เขาไม่ไม่สามารถเห็นความผิดปกติใดๆ แต่เมื่อคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในวันก่อน เขารีบเปลี่ยนทัศนคติและใจของเขาเริ่มทำงานอย่างรวดเร็ว
เขาปรากฏตัวในเวลาที่เหมาะ
โซเฟียนำอัศวินพิเศษกวงหมิงกวาดล้างค่ายทหารตระกูลชิวทั้งสองฝ่ายกลายเป็นศัตรูต่อกันเหมือนน้ำกับไฟ และไม่มีความเป็นไปได้ที่พวกเขาจะกลับมาคืนดีได้ต่อไป เพราะห้าตระกูลชั้นสูงก็วางแผนเพื่ออำนาจทำให้วิหารโกรธมาก
วิหารต้องการลงมือกับตระกูลชิวดังนั้นซีอุสจึงถูกส่งไปดำเนินการ
แน่นอนว่าการโต้ตอบของวิหารไม่เพียงแต่ทำลายตระกูลชิวเท่านั้นดังนั้นซีอุสแบกความรับผิดชอบไว้บนหลังของเขามากขึ้น
เมื่อประมุขผู้อาวุโสตัดสินใจ ทั่วทั้งวิหารจะทำตามอย่างเต็มกำลัง ทั่วทั้งวิหารร่วมมือสู้กับศัตรูเหมือนกันขณะที่อำนาจของวิหารไม่เคยถูกท้าทายมาก่อน
เมื่อซีอุสเห็นการกำจัดกองพลตระกูลชิวกับตาตนเอง เขาได้รับผลกระทบใหญ่ และไม่อาจสงบใจลงได้เมื่อเขามาถึงกลุ่มการค้าตระกูลเมซฟิลด์ เขายังถูกความตกใจเรื่องตระกูลชิวปกปิดพลังของชิวเทียนชิงครอบงำ ถ้าเขาทำการตามแผนและลงมือกับตระกูลชิว พวกเขาคงได้เจ็บตัวกันหนัก
เมื่อคิดถึงโซ่ที่ห้อยลงมาจากท้องฟ้าเซอุสยังคงสั่นสะท้าน ‘ดูเหมือนมีเพียงคนเดียวในวิหารที่สามารถรับมือโซ่เหล่านั้นได้ก็คือโซเฟีย’
‘โชคดีที่กลุ่มการค้าเมซฟิลด์ปะทะกับพวกเขาก่อนและช่วยวิหารให้พ้นจากปัญหาใหญ่
‘มิน่าเล่ากลุ่มการค้าเมซฟิลด์ไม่ยอมเห็นแก่หน้าตระกูลชิว พวกเขาเองก็มีไพ่ที่ทรงอำนาจเอาไว้เล่นเช่นกัน และไม่กลัวตระกูลชิวเลยแม้แต่น้อย’ ตระกูลชิวอาจนับได้ว่าโชคร้ายทำให้ผู้อาวุโสซีอุสฉลองกับภัยพิบัติของพวกเขา
ซีอุสตัดสินใจผูกสัมพันธ์กับกลุ่มการค้าเมซฟิลด์ ด้วยพลังต่อสู้ที่ทรงอำนาจขนาดนั้นถือว่ามีระดับเพียงพอ ขุนพลวิญญาณชั้นพลเอกที่สามารถฉีกมิติได้ทรงพลังจริงๆ ไม่ต้องคำนึงถึงความจริงที่ว่าพวกเขาอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออก แม้ว่าจะเป็นวันธรรมดา วิหารคงยินดีจ่ายเพื่อให้ได้พลังนั้น
เมื่อคิดถึงเรื่องนั้นซีอุสถามอย่างกระตือรือร้นทันที “ข้าจะขอพบกับผู้อาวุโสซิ่นได้ไหม?”
เมลิซซาลอบตกใจแต่ก็สงบใจได้ น้ำเสียงการพูดและทัศนคติของอีกฝ่ายไม่ได้มาหาเรื่อง ‘ตอนนี้ ทำไมพวกเขามาที่นี่เพื่อหาผู้อาวุซิ่น?’ เมลิซซาคิดเรื่องนั้น ‘หัวหลี่รั่วดูเหมือนจะพูดบางอย่างเกี่ยวกับผู้อาวุโสซิ่นเช่นกัน แต่เรากลับให้ความสนใจไปที่กองพลหน้ากากเหล็ก'
“ผู้อาวุโสซิ่น?” เมลิซซามีสีหน้าสงสัย ‘ดูเมหมือนว่าข้าไม่มีใครอยู่ที่นี่เลย’ นางคาดเดาอายุของซีอุส ‘จากที่เขาเรียกใครบางคนว่าเป็นผู้อาวุโส ผู้นั้นจะต้องเป็นคนแก่ชราผมหงอก’
‘แต่ฝ่ายนายท่านไม่มีคนแก่ที่แข็งแกร่งทรงพลังอยู่เลย’
“ถูกแล้ว ข้าซีอุสได้เห็นพลังของผู้อาวุโสซิ่น และชื่นชมผู้อาวุโสซิ่นจริงๆ ข้าบากหน้ามาที่นี่ หวังว่าคุณหนูเมลิซซาจะไม่กีดกันหรอกนะ” ซีอุสหัวเราะ
เขาไม่ได้สังเกตเห็นว่าหัวหลี่รั่วอยู่ข้างๆหน้าของเขาบึ้งตึง
“แต่ไม่มีผู้อาวุโสที่ชื่อซิ่นในสาขาของข้าเลย” เมลิซซามีสีหน้าสงสัย “ข้าไม่แน่ใจว่าท่านไปได้ยินชื่อผู้อาวุโสซิ่นจากที่ใด? ข้าคิดว่าคงมีคนเข้าใจผิด”
“เป็นไปไม่ได้!”
เสียงทั้งสองดังขึ้นพร้อมกัน
ใจของซีอุสเครียด เมื่อเขาเข้ามา เขาไม่สังเกตเลยว่ายังมีคนอื่นอีก!
เขาหันหน้าไปดู และเมื่อเขาเห็นว่าเป็นใคร รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาหายไปทันที “ข้าไม่เคยคิดเลยว่าแม่ทัพหัวจะมาที่นี่ด้วย”
ซีอุสเชิดหน้าทันที และพูดต่อ “กลุ่มการค้าเมซฟิลด์เป็นตระกูลที่ทวีปกวงหมิงของข้าจะขาดไปไม่ได้ ใครก็ตามที่ต่อต้านกลุ่มการค้าเมซฟิลด์ก็ถือว่าต่อต้านวิหารไปด้วย”
หัวหลี่รั่วไม่กลัวขณะที่เขาแค่นเสียง “กลุ่มการค้าเมซฟิลด์คือสหายตลอดกาลของตระกูลหัวของข้า สำหรับวิหาร ท่านแค่เป็นตัวแทนของวิหารคนเดียวเท่านั้น!”
“สหาย?” ซีอุสตอบ “ข้าคิดว่าไม่ ใครกันที่ช่วยตระกูลชิวสู้กับผู้อาวุโสซิ่น?”
หัวหลี่รั่วแค่เสียง “น่าขัน! ตระกูลหัวของข้าลงมือตั้งแต่เมื่อไหร่? ผู้อาวุโสซีอุสแก่แล้ว และหูไม่ดีเป็นธรรมดาที่ท่านจะเข้าใจผิด”
ซีอุสหัวเราะ “ถ้าข้าจำได้ไม่ผิด ตระกูลชิวเป็นพันธมิตรกับตระกูลหัว ตระกูลหัวปฏิบัติต่อพันธมิตรของตนเองอย่างนั้นหรือ? เจ้าเลือดเย็นจริงๆ”
หน้าของหัวหลี่รั่วเขียวคล้ำ แค่เมื่อทุกคนคิดว่าเขาเตรียมระเบิดอารมณ์ เขาหัวเราะทันที “เลือดเย็น? ใครจะเทียบได้กับวิหารเมื่อว่ากันถึงเรื่องความเลือดเย็น? พันธมิตรทั้งหมดปีกลายอยู่ที่ไหนเล่า? รสชาติของคนที่ก่อกบฏและการต้องแตกจากสหายคงไม่ดีแน่”
เมลิซซาอยู่ในอาการตะลึง ขณะที่นางดูทั้งสองคนเถียงกันคอเป็นเอ็น หน้าของนางเหม่อมอง
‘นี่...เกิดอะไรขึ้นกันแน่?’