ตอนที่แล้วตอนที่ 907 วังศักดิ์สิทธิ์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 909 มาเร็ว

ตอนที่ 908 เคียงไหล่ร่วมสู้ตลอดไป


‘หมื่นปียาวนานเหลือเกิน, ทุกคนได้กลับมารวมกันอีกครั้ง’

สายตาอาซิ่นกวาดผ่านสหายของเขาทุกคนเหลือแต่เพียงความรู้สึกรักผูกพันเหลืออยู่ และแม้ว่าทะเลสุคติจะสร้างร่างให้พวกเขา พวกเขาไม่มีความทรงจำหรือจิตสำนึกเหลืออยู่ ถ้าไม่ใช่เพราะทะเลสุคติแฝงไปด้วยกฎเป็นกฎตายและรัศมีส่วนตัวของพวกเขาคงเป็นไปไม่ได้ที่จะสร้างร่างพวกเขาขึ้นมา

อาซิ่นพอใจแล้ว

‘ใช่แล้ว,โชคดีเพียงไหนที่ข้าสามารถพบกับพวกเจ้าได้อีกครั้ง  ข้ารู้ว่าข้าไม่ได้เดียวดายในศึกครั้งนี้  ข้ารู้ว่าทุกคนไม่ลืมคำสาบานและคำปฏิญาณที่เราให้ไว้ในปีนั้น ความจริงมีหลายครั้งที่ข้าเองรู้ว่าไม่มีประโยชน์อะไรจะดิ้นรน เหมือนเมื่อกองทัพดาวกางเขนใต้ของเราจบสิ้นไปแล้ว  และต่อให้เราสร้างขึ้นมาใหม่ในวันนี้  ก็จะไม่มีทางเหมือนเดิม’

‘แต่แล้วไงเล่า?  ข้ายังจะทำอยู่ดีไม่ว่าจะดูโง่เพียงไหน’

‘ข้ามีความสุขที่เรากลับมารวมตัวกันได้หลังจากผ่านไปหมื่นปี  ข้ามีความสุขที่เรายังเหมือนกันทำเรื่องงี่เง่าไร้สาระ  นี่คือพวกเรา  เราเป็นอย่างนั้นเรามันโง่และเราไม่เคยคล้ายคนอื่น’

‘ไฟในสายเลือดของเราเหมือนกัน ศรัทธาที่ฝังอยู่ในจิตวิญญาณของพวกเราก็เหมือนกัน’

‘มาอยู่ใกล้พวกเจ้าทุกคนหลังจากผ่านไปหมื่นปีแม้ว่าจะเป็นแค่ร่องรอยความรักความผูกพันของพวกเจ้า แต่ก็หวานเหมือนน้ำผึ้ง’

‘โอกาสที่ยิ่งใหญ่แบบนั้นมีแต่ชนะจึงจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้

เขาละสายตาและมองขึ้นไปบนท้องฟ้า  ดวงตาที่มองเห็นและมีประสบการณ์มาเป็นหมื่นปีสงบไม่มีเค้าของระลอกความหวั่นไหวเหมือนกับกระจกสะท้อนเมฆและโซ่ในท้องฟ้า

“วิญญาณของทหารของเราจะไม่มีทางสูญสลาย  สมรภูมิเป็นสิ่งนิรันดร์หัวใจของเรายึดมั่นกับกางเขนจะไม่มีวันเสื่อมคลาย”

เขาพึมพำเบาๆ  แววระลึกถึงความทรงจำฉายวูบในดวงตาของเขา  ‘จะมีคนจำลำนำนี้ได้สักกี่คน  ตอนนี้ยังมีสักกี่คนที่จำความหมายของลำนำนี้ได้?’

‘แปดกระบวนท่า ไม้ตายแปดท่าที่ทรงพลังของเราที่ทำให้โลกต้องกลัว  ข้าสงสัยว่าจะมีสักกี่คนที่ยังจำได้?’

นอกจากความสามารถในการวิเคราะห์สถานการณ์ทั่วไปและเจาะลึกที่โดดเด่นของเขาแล้วหรือพรสวรรค์ที่โดดเด่นของเขาเหตุผลที่อาซิ่นสามารถรับยศพลเอกและกลายเป็นผู้บัญชาการลำดับสองของทั่วทั้งกองทัพเป็นเพราะเขาเป็นสมาชิกเพียงคนเดียวที่เรียนรู้ไม้ตายสังหารแปดกระบวนท่าได้สำเร็จ  แม้แต่ผู้บัญชาการใหญ่เองก็เชี่ยวชาญเพียงเจ็ดท่า

ที่น่าตลกมากกว่าก็คือวิชาที่ผู้บัญชาการใหญ่ไม่เชี่ยวชาญก็คือเคียวกางเขน ในบรรดาวิชาไม้ตายแปดท่าเคียวกางเขนเป็นไม้ตายที่ง่ายที่สุดรู้จักกันโดยทั่วไปและมีคนจำนวนมากที่สุดที่เชี่ยวชาญในไม้ตายนี้ แต่เพราะเหตุผลบางอย่าง ผู้บัญชาการใหญ่ไม่สามารถเชี่ยวชาญวิชานี้ได้

ผู้บัญชาการใหญ่โมโหมากจนเขาสร้างวิชาเคียวกางเขนเขียวแดงเป็นของตนเอง

เมื่อคิดถึงเกี่ยวกับอดีตที่ผ่านมาอาซิ่นอดยิ้มไม่ได้ เขาเริ่มหัวเราะหนักขึ้น รังสีฆ่าฟันรอบตัวเขาเริ่มหนาแน่นขึ้น ‘ใช่แล้ว,วันนี้คือวันยิ่งใหญ่แบบวันนั้น ข้าจะใช้วิธีธรรมดาจบการสู้รบนี้ได้ยังไง?’

เขาก้าวออกมาข้างหน้าทันทีร่างของเขาลอยขึ้นไปสองสามเมตร และมายืนอยู่หน้าขบวน

ตาของเขาคมกริบเหมือนดาบ  อาซิ่นคำราม “ฆ่า!”

นิ้วของทหารในขบวนทั้งหมดเปล่งแสง  ในฝ่ามือของเขามีแสงกระพริบเลือนราง  ทะเลสุคติสีดำคล้ายกับท้องฟ้ายามราตรีไม่สามารถหยั่งได้พลันสว่างไปด้วยรัศมีแสงคล้ายกับดวงดาว

ราวกับว่าพวกเขามีพลังจิตเชื่อมถึงกัน  ชิวเทียนชิงคำรามพร้อมกัน  “ฆ่า!”

โซ่หลายพันlkpที่หย่อนลงมาจากเมฆคล้ายกับงูเริงระบำและร้องเสียงดังพุ่งเข้าหาอาซิ่น โซ่หลายพันคลุมเต็มท้องฟ้ามีแรงกดดันราวกับภูเขาไท่ซาน  ป้องกันไม่ให้ใครหลบหนีและรู้สึกสิ้นหวังทันทีหมอกขาวนับไม่ถ้วนสลายหายไป  ขณะที่น้ำแข็งฤดูใบไม้ร่วงลอยลงมาเหมือนหิมะ

อาซิ่นมองขึ้นไปลมพายุพัดรุนแรงทำให้ผมของเขายุ่งเหยิง เขาไม่กระพริบตา ดวงดาวแสงในรูปกระบวนศึกข้างใต้บินเข้าหาอาซิ่น

อาซิ่นกางแขนออกราวกับว่าเขากำลังต้อนรับโซ่หลายพัน  เขาร่วงหงายหลังลงไป

วี้ววววว...จุดแสงนับไม่ถ้วนลอยออกมาจากด้านใต้ของเขาและเข้าไปในร่างของเขา  ร่างของเขาไม่มีแม้แต่อาการสั่น  ขณะที่เขานอนอยู่บนผิวทะเลและเหมือนกับว่าเขากำลังถูกกลืนโดยรัศมีแสง แสงแพรวพราวปรากฏอยู่รอบตัวของเขา

อาซิ่นยิ้มเล็กน้อย  เขามองดูเหมือนกับว่ากำลังสนุกเพลิดเพลิน  ‘ช่างเป็นความรู้สึกที่คุ้นเคย’

สายตาของเขาพลันมืดขณะที่ร่างสีดำขยายขึ้นในดวงตาของเขา

โซ่หนาแน่นหลายพันสายที่คล้ายกับงูต้อนรับอยู่ด้านหน้าของเขา  ขวางมุมมองของอาซิ่นจากท้องฟ้า  อากาศสั่นสะเทือนและอาซิ่นสามารถรู้สึกได้ว่าร่างของเขาเองถูกผนึกและไม่สามารถหนีได้

กฎฤดูใบไม้ร่วงของคู่ต่อสู้แข็งแกร่งมากทำให้กฎธรรมชาติในอากาศรอบตัวผลักกัน

สนามพลังกฎธรรมชาติ!  พื้นที่ภายในกลายเป็นสนามพลังกฎธรรมชาติแท้จริง! ใครก็ตามที่ถูกผนึกไว้ภายในพื้นที่นี้จะไม่มีโอกาสหลบหนีได้

‘ข้าไม่สามารถหลบหนีได้หรือ? อย่างนั้นข้าจะสู้กับเจ้าโดยตรง!’

รอยยิ้มบนใบหน้าของอาซิ่นหายไปแทนที่ด้วยกลิ่นอายที่แหลมคมดุดันซึ่งระเบิดออกมาจากร่างของเขา  เหมือนกับว่ามังกรที่ทรงพลังขนาดมหึมาหลับใหลมานานได้เวลาตื่นขึ้น

‘ข้าพบเจอสงครามที่โหดร้ายที่สุดมาแล้วและไม่เคยมีความขลาดกลัวเมื่ออยู่ต่อหน้าสงคราม’

‘ข้ามีประสบการณ์กับช่วงเวลาที่ทรมานหมื่นปี และข้าก็ยังไม่ยอมแพ้’

อาซิ่นผู้เคยเป็นบุรุษหนุ่มเยาว์วัยในอดีตครั้งหนึ่งเคยเป็นพลเอก ตื่นขึ้นแล้ว

พลังจากอดีตของเขาความรุ่งเรืองจากอดีตของเขา ความตื่นเต้นจากอดีตของเขาอยู่เหนือกาลเวลาหมื่นปี  และก้าวผ่านเวลา

ภายในแขนที่เหยียดออกในต่อหน้าเขาวงแหวนกลมที่สมบูรณ์ขยายออก

แสงรัศมีเจิดจ้าที่ลอยอยู่รอบตัวเขามาบรรจบกันในมือของเขาและถูกบีบอัดจนเป็นจุดแสงสว่าง แสงระหว่างแขนของเขาเพิ่มความเข้มข้นอย่างรวดเร็วและในไม่ช้าความเข้มข้นของแสงสว่างเจิดจ้ามากจนไม่มีใครสามารถมองได้ตรงๆ  ร่างของอาซิ่นถูกคลุมอยู่ในแสงสว่างเจิดจ้าและไม่มีใครสามารถเห็นเขาอีกต่อไป

“ปืนใหญ่ดวงดาว!’

อาซิ่นตวาด เสียงของเขาดังราวกับฟ้าผ่าเหมือนกับสายฟ้าลำแสงหนาตันยิงออกมาจากวงกลมในอ้อมแขนของเขา

ลำแสงยิงตรงเข้าหาโซ่ที่ห้อยลงมาจากท้องฟ้า

ปัง!

แสงสีเงินแพรวพราวกลืนทุกอย่างไว้ในเส้นทางของมันทำให้ทั่วพื้นที่บริเวณกลายเป็นสีขาวขนาดที่คนที่สายตาดีไม่สามารถเห็นอะไรได้ คนที่อยู่โดยรอบทุกคนรู้สึกเหมือนกับว่าผิวของพวกเขาเหมือนถูกเข็มแทง  พลังโจมตีที่น่ากลัวสยบขวัญและฉับพลันจนแม่ทัพหัวที่อยู่ใกล้ไม่สามารถตั้งตัวได้ทันเวลา และเหมือนกับว่าเขาถูกกำแพงเหล็กกระแทกใส่กระเด็นออกไปถึง 30 เมตร

เขาพยายามจะลืมตาให้กว้าง  แม้ว่าเขาจะไม่สามารถเห็นอะไรได้  แต่แสงสีเงินแพรวพราวที่ฉายออกมาสะท้อนสีหน้าที่ตกตะลึงของเขา  เขาปลอดภัย แม้ว่าจะตื่นเต้นอย่างหนักก็ตาม เขาไม่ได้รับบาดเจ็บ  บริวารของเขาไม่โชคดีเท่า  พวกเขากระจัดกระจายอยู่รายรอบด้วยความเจ็บปวด

ถังเทียนสนองตอบได้เร็วที่สุด  และหลบตัวเองได้ขณะที่พลังโจมตีถูกปลดปล่อย

แต่พลังโจมตียังทำให้ทั่วทั้งร่างของเขาชาไปหมด  เขาเองก็ถูกความตกใจครอบงำ เขาไม่คาดเลยว่าอำนาจของพลังจะน่ากลัวมากขนาดนั้น  แต่เขาคิดดูแล้ว และการเป็นผู้บัญชาการก็สามารถอธิบายได้ว่าอาซิ่นสามารถทำได้

‘แต่พลังน่ากลัวเกินไป!’

แสงสีขาวยังไม่สลายหายไป  ถังเทียนเองไม่สามารถเห็นได้ชัด และเกราะเทพเจ้าตื่นรู้ที่ทำให้เขาสงบใจเย็นก็ยังใช้ได้ไม่มากในสถานการณ์เช่นนั้น  เป็นไปได้มากที่สุดเนื่องจากความปั่นป่วนของกฎธรรมชาติภายในพื้นที่ ถังเทียนไม่เคยเห็นว่าพื้นที่ซึ่งมีพลังกฎธรรมชาติกลับกลายเป็นปั่นป่วนยุ่งเหยิงขนาดนั้น  มันทำให้เขากังวลว่าสถานที่จะพังทลาย

‘น่ากลัวเหลือเกิน!’

‘ตามที่คาดหวังจากผู้บัญชาการ พวกเขาผิดธรรมดากันทั้งนั้น’

จี๋เจ๋อและพวกที่เหลือไม่ได้โชคดีเท่ากับถังเทียน ผลกระทบที่พวกเขาได้รับจากแรงระเบิดรุนแรงมากกว่า  พวกเขาทุกคนอยู่ในสภาพทุลักทุเล ผมเผ้ารุงรังโชคดีที่พลังส่วนบุคคลของพวกเขาแข็งแกร่งมากกว่าคนทั่วไป  แม้ว่าพวกเขาจะดูอยู่ในสภาพทุลักทุเล  แต่ไม่มีใครบาดเจ็บ

พวกเขาไม่สามารถเห็นอะไรได้  แต่ถูกความกลัวครอบงำ  พวกเขาไม่เคยเห็นพลังโจมตีที่รุนแรงอย่างนั้นมาก่อน

รัศมีแสงฉายอยู่ที่ใบหน้าอาซิ่น  ทำให้เห็นใบหน้าที่สงบของเขาเหมือนกับว่าเขากำลังรำลึกความหลังและรู้สึกตื้นตัน  ‘ปืนใหญ่ดวงดาว  ข้าไม่เคยคิดเลยว่าหลังจากผ่านไปหลายปีข้าไม่ได้เอามาใช้ปฏิบัติการเลย’

แสงแพรวพราวข้างหน้าเขาค่อยๆสลัวลงและหายไป  เขากลับมามองได้ตามปกติ โซ่ทุกเส้นที่คล้ายกับงูยักษ์ในท้องฟ้าหายไปหมด  กองทัพตระกูลชิวหายไป และสิ่งที่มาอยู่แทนพวกเขาก็คือช่องโหว่สีดำในท้องฟ้า

ช่องโหว่สีดำดูเหมือนมิติว่างที่ไร้ก้น รัศมีมิติที่เยือกเย็นสามารถรู้สึกได้ว่าออกมาจากช่องโหว่สีดำ  และมีรอยร้าวแยกสีดำอยู่รอบๆรูคล้ายกับใยแมงมุม

อาซิ่นส่ายศีรษะ เขารู้สึกว่ากองทัพตระกูลชิวได้รับประโยชน์จากมัน  ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเขากลับมารวมตัวกัน  เขาจะไม่มีทางใช้วิชานั้นได้

ในอดีตวิชานี้ใช้ทำลายคนที่มีชื่อเสียงเท่านั้น

แม่ทัพหัวเพิ่งจะกลับมามองเห็นได้  เขาจ้องมองรูโหว่ในอากาศด้วยความรู้สึกตกใจ ‘นะ นะนั่น.. นั่นคือรอยฉีกขาดมิติเมื่อมิติแตกทำลาย’  หน้าของเขาบิดเบี้ยวขณะที่นิ้วของเขาสั่น ‘พะ พวกเขาเป็นใคร? พวกเขาสามารถฉีกมิติได้ด้วยการโจมตีครั้งเดียวได้ยังไง?’

ถ้าเขาไม่เห็นกับตาตัวเอง  เขาคงไม่เชื่อว่ามีพลังโจมตีแบบนี้คงอยู่จริงๆ

รอยฉีกขาดของมิติค่อยๆ หายไป พื้นที่มิติทั้งหมดมีความสามารถฟื้นฟูตัวเอง แต่เมื่อพื้นที่ของมิติสูญเสียความสามารถในการฟื้นฟูตัวเอง  นั่นหมายความว่ามิติจะค่อยๆ สูญเสียการควบคุมและกลายเป็นอันตราย

สนามรบทั้งหมดกลับเงียบสงัด  ทุกคนตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น

สายตาที่ทุกคนมองอาซิ่นยิ่งเพิ่มความเคารพ  ต้นขาของจี๋เจ๋อยังสั่นสะท้านไม่หยุด  เขาคลุกคลีกับอาซิ่นมานาน และสนุกกับการหยอกล้อเขาและล้อเล่นกับเขา‘พระเจ้า, ทำไมท่านต้องล้อข้าเล่นด้วย?  ทำไมหัวใจข้าถึงเต้นแรงอย่างนี้?  ทำไมข้าสั่นอย่างรุนแรงอย่างนี้?  พี่ใหญ่อาซิ่นเราเริ่มสัมพันธ์ของเราใหม่ได้ไหม?’

จี๋เจ๋อรู้สึกเหมือนกับว่าอนาคตของเขาหนาวยะเยือก  เงาทะมึนปกคลุมใจเขาไว้..

อาซิ่นลอยอยู่หน้ากระบวนศึก  เขามองดูใบหน้าที่ไร้ความรู้สึกของทุกคน  ใจของเขารู้สึกอบอุ่น  พวกเขายืนนิ่งขณะหันหน้าเข้าหาเขา

“เราจะอยู่ด้วยกันในสนามรบตลอดไป  เราจะร่วมต่อสู้ด้วยกันเสมอ”

หน้าของอาซิ่นสงบ ขณะที่เขายิ้มเหมือนกับว่าเขาพูดเรื่องง่ายๆ

พอพูดจบสีหน้าของเขาพลันเคร่งขรึมขณะคำนับให้เหล่าทหาร

พรึ่บ!

มีการเคารพตอบจากกระบวนศึกทั้งหมด

อาซิ่นยังคงโค้งคำนับและไม่เคลื่อนไหว

มนุษย์น้ำสีดำที่อยู่ต่อหน้าเขาค่อยๆจมลงในทะเลสุคติ  น้ำทะเลท่วมร่างพวกเขาทั้งหมดขณะที่พวกเขายังคงอยู่ในท่ายืนจนกระทั่งน้ำท่วมมิดศีรษะ

เมื่อระลอกคลื่นสุดท้ายหายไปทะเลสุคติกลับคืนสู่ความเงียบสงบ ทะเลสุคติที่มีสีดำสนิทจางหายไป และกระบี่บรอนซ์ลงมาอยู่ในมือของอาซิ่น กระบี่บรอนซ์ถูกย้อมเป็นสีดำเหมือนกับว่าถูกจุ่มลงไปในหมึกและรอยร้าวและตำหนิบนกระบี่แต่เดิมมองเห็นแค่เพียงลางๆ

อาซิ่นกลับไปที่เรือสินค้าและเมื่อเห็นสีหน้าที่ตกตะลึงของเสี่ยวม่าน  เขามีอารมณ์ยินดี  “ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าถึงกับตกใจและทึ่งเชียวหรือ เจ้าอยากคำนับข้าไม่ใช่หรือ? หึหึหึ  ข้าขอบอกเจ้าไว้ก่อน  ในอดีตข้านั้นโหดอย่าบอกใครเลย มามะเรามาสนทนากันตามประสาคนรักต่อเถอะ...”

หน้าของเสี่ยวม่านที่ตอนแรกแดงอยู่ยิ่งแดงกว่าเดิม ตามมาด้วยความโกรธในดวงตานาง นางสะบัดดาบยักษ์ ปัง..ดาบหนาฟาดใส่หน้าของอาซิ่นปลิวไปตามแรงหวด

อาซิ่นปลิวเหมือนกระสอบทราย  และเขากลิ้งไปรอบเรือสินค้าเหมือนกับลูกบอล

ปัง,อาซิ่นกระแทกกับหลังคาห้องโดยสารอย่างแรง ดวงตาของเขามองเห็นดวงดาวนับไม่ถ้วนขณะนอนแผ่อยู่บนพื้น  เขามีสีหน้ามึนงง  ‘มีอะไรผิดพลาดตรงไหนยัยโคนมนี่ถึงได้ไล่ขวิดข้าอย่างนั้น? และข้าว่าจะ..โอวตายแล้ว ข้ารู้สึกเหมือนจะหายใจไม่ออก...’

ขาอาซิ่นลอยขึ้นจากพื้นขณะที่มือข้างหนึ่งคว้าคอเขาไว้ เสี่ยวม่านพูดอย่าดุดัน  “ดูเหมือนว่าเจ้าจะลืมเรื่องความเจ็บไปแล้วใช่ไหม?”

อาซิ่นมองดูมืออีกข้างของเสี่ยวม่านที่กำลังควงดาบยักษ์ใกล้ๆหว่างขาของเขา

อาซิ่นพยายามขยับคอและรวบรวมเรี่ยวแรงพูด“เรา..คุย..กัน..ดีๆ ก็ได้”

“ต้องการคุยกันดีๆงั้นหรือ?”  เสี่ยวม่านแค่นเสียง  “หึหึ เมื่อข้ายกเว้นโทษให้  เจ้าก็เหลิงเหลวไหลถ้าไม่ใช่เพราะวันนี้เจ้ามีผลงานดี บางชิ้นส่วนบนร่างเจ้าต้องหลุดไปแน่”

อาซิ่นสั่นไปทั้งตัว  หน้าของเขาซีดขาว  และเขาไม่กล้าดิ้นรน  ‘แม่หญิงอกระเบิดนี้สามารถทำอะไรก็ได้!’ อาซิ่นแอบตั้งฉายาให้เสี่ยวม่านว่าแม่สาวอกระเบิดซึ่งหมายถึงอกมหึมาของนาง  มีบางครั้งที่การให้ฉายาตรงๆก็ไม่ใช่เรื่องดี...

บนเส้นทางกลับกลุ่มการค้าเมซฟิลด์  อาซิ่นกลายเป็นคนเชื่องเชื่อและไม่โอ้อวดว่าชนะการสู้รบ

ถังเทียนนั่งลงในเก้าอี้หวายเพลิดเพลินกับผลไม้ที่เชียนฮุ่ยนำมาป้อนให้เขาและมองดูอาซิ่นที่น่าสงสารคอยพันแข้งพันขาเสี่ยวม่าน  ‘สถานะนายพลของท่านหายไปอยู่ที่ไหน?’ ถังเทียนคิดถึงท่าทางที่ห้าวหาญของอาซิ่นในช่วงการรบครั้งล่าสุด  จากนั้นมองดูบุรุษที่น่าสงสารข้างหน้าเขา  ถังเทียนรู้สึกว่าอารมณ์ขัดแย้งกันมาก ‘เชียนฮุ่ยดีที่สุดแล้ว!”

พลังโจมตีของอาซิ่นสร้างความตื่นตระหนกอย่างรุนแรงให้กับถังเทียน

แน่นอนว่าเป็นความตกใจจากพลังบริสุทธิ์ ถังเทียนรู้ว่าวิชาอย่างนั้นไม่เหมาะกับเขา ปืนใหญ่ดวงดาวคือการควบคุมรัศมีพลังอย่างแท้จริง ซึ่งเป็นวิธีเฉพาะแบบและเป็นวิชาสำหรับผู้บัญชาการทหารไม่มีใครสามารถเรียนได้

ถังเทียนเคยเห็นการควบคุมรัศมีของลุงปิง  และขณะนั้นเขาก็ยังถูกความตกใจครอบงำ  แต่หลังจากเทียบกับอาซิ่นแล้ว  เป็นเหมือนช่วงเวลาที่นักเวทเผชิญหน้ากับจอมเวท

‘ดูเหมือนว่าอาซิ่นจะข่มขี่ลุงปิงในอดีต’

‘ลุงปิงน่าสงสารจริงๆ’

ถังเทียนเต็มไปด้วยความเห็นใจและตัดสินใจว่าเมื่อกลับไป เขาจะหาโอกาสหยอกล้อลุงปิงบ้าง

เมื่อถังเทียนและพวกกลับมายังกลุ่มการค้าเมซฟิลด์ในเมืองหิมะ  เมลิซซาตกใจหนัก  ‘ทำไมพวกเขากลับมากันเร็วนัก?  ตามแผนการของถังเทียน พวกเขาควรจะใช้เวลานานเพื่อก่อให้เกิดความวุ่นวาย’

ตั้งแต่ถังเทียนออกไป  เมลิซซาเต็มไปด้วยความกังวล ทั่วทั้งตระกูลเมซฟิลด์มีชีวิตอยู่ในเงื้อมมือของถังเทียน  ถ้าถังเทียนแพ้  อย่างนั้นตระกูลเมซฟิลด์จะตกไปอยู่ในสภาพที่ไม่มีโอกาสหวนกลับ

เมลิซซาถามอย่างระมัดระวัง  “คุณชาย, ท่านพบกับปัญหายุ่งยากหรือ?”

ถังเทียนไม่คาดว่าเมลิซซาจะถามปัญหา  หลังจากไตร่ตรองแล้ว เขาตอบ  “มีแต่ปัญหาเล็กน้อย”

ถังเทียนรู้สึกว่าเป็นปัญหาเล็กน้อย  ชิวเทียนชิงทำให้พวกเขาต้องเปิดเผยสถานะ  ดังนั้นแผนการของเขาจึงสลายหายไป

หัวใจของเมลิซซาสะท้าน  นางรู้ว่าในสายตาของนายท่านต่อหน้านาง ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดล้วนเป็นปัญหาเล็กน้อยทั้งนั้นทำให้นางกังวล

แต่นางเห็นว่าถังเทียนไม่ตั้งใจอธิบายอะไรดังนั้นจึงถอยออกมา เนื่องจากเป็นการไม่สมควรที่จะถามถังเทียน นางตัดสินใจถามความชัดเจนจากจี๋เจ๋อ

แต่เมื่อนางพบกับจี๋เจ๋อนางเห็นว่าจี๋เจ๋อเพิกเฉย สายตาของเขาเหม่อทำให้รู้สึกไม่สบายใจเพิ่มขึ้น  เมื่อนางพบสมาชิกคนอื่น  นางสังเกตว่าพวกเขามีสีหน้าอย่างเดียวกัน  นางยืนอยู่ที่ลานว่างถึงครึ่งค่อนวันแต่ไม่มีใครสนใจนาง นางพยายามทักพวกเขาสองสามคน แต่คำตอบของพวกเขาซึมเซา

หัวใจของนางยังคงอึดอัดมากขึ้น

‘ความผิดหวังแบบไหนทำให้พวกเขาถึงกับลืมตัวเอง?’

เมลิซซารู้สึกว่าความกลัวกระจายไปทั่วทั้งตัวนาง นางเข้าใจชัดว่าจี๋เจ๋อและพวกแข็งแกร่งขนาดไหน แต่สิ่งที่ทำให้ปู่ของนางยอมทุ่มเดิมพันก็คืออารมณ์ที่โดดเด่นที่จี๋เจ๋อและพวกมี

พวกเขาขยันหมั่นเพียรมุ่งมั่นกล้าหาญไม่กลัวเกรง พวกเขาเด็ดขาดและไม่เคยทำสิ่งที่ยุ่งเหยิงไม่เป็นระเบียบ ลักษณะเหล่านี้ทำให้ปู่ของนางเสี่ยงทุกอย่างพนันด้วยอนาคตของตระกูลเข้าร่วมกับพวกเขา

เมลิซซามั่นใจที่สุดกับการตัดสินใจของปู่ของนาง  และร่วมเดินทาง ยิ่งนางสังเกตพวกเขานางก็ยิ่งมั่นใจ  ในสายตาของนาง  พวกเขาเป็นเหมือนเหล็กกล้ามีหัวใจมุ่งมั่นไม่หวั่นไหว

‘แต่สิ่งที่พวกเขาเห็นทำให้สีหน้าของพวกเขาเป็นเช่นนี้?’

‘พวกเขาสูญเสียจิตวิญญาณไปอย่างสิ้นเชิง!’

‘ดูเหมือนว่าเป็นความพ่ายแพ้ที่น่ากลัว’  เมลิซซาคิด ความเจ็บปวดจากการพ่ายแพ้มักจะทิ้งรอยแผลเป็นไว้ในใจของผู้คน  แต่แม้ว่านางจะกังวล  แต่นางยังคงเชื่อว่าพวกเขาจะฟื้นตัวได้  นางกระตุ้นเตือนตัวเองและมุ่งมั่นมากขึ้นในช่วงเวลาอย่างนั้นและไม่หวั่นไหว

หลังจากคิดดูแล้ว  มันไม่มีอะไรแปลก  พวกเขาเจอกับตระกูลชิวได้รับความพ่ายแพ้จากตระกูลชิวไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาด  “ดูเหมือนว่าข้าจำเป็นต้องใช้เวลาเพื่อปลอบขวัญพวกเขา  ไม่มีอะไรน่าอายที่แพ้ตระกูลชิว  พวกเขาไม่จำเป็นต้องได้รับผลกระทบมากขนาดนั้น’

ทันใดนั้นลุงวิลลี่เดินเข้ามาด้วยสีหน้าบิดเบี้ยวน่าเกลียด

“คนจากตระกูลหัวกำลังมา”

ใจของเมลิซซาสั่นสะท้าน  ‘ตระกูลหัว!’

ในทวีปกวงหมิงห้าตระกูลสุดยอดคือ ตระกูลครอฟท์ ตระกูลหัว ตระกูลชิว ตระกูลม่อและตระกูลไวคารี่ ตระกูลหัวและตระกูลชิวเป็นตระกูลชั้นสูงที่แข็งแกร่งที่สุด  และหลังจากสู้กับตระกูลชิว ตระกูลระดับสุดยอดอีกตระกูลก็มาปรากฏที่บันไดประตู  พวกเขาจะไม่ประหลาดใจได้ยังไง?

‘พวกเขาไม่ได้มาที่นี่ด้วยเจตนาดี!’

เมลิซซาพาวิลลี่ไปส่งข้อมูลให้ถังเทียนและตัดสินใจไปพบกับตระกูลหัวก่อน

ไม่ว่ายังไงก็ตามพวกเขาก็อยู่ในกลุ่มการค้าเมซฟิลด์ และนางเป็นเจ้านายไม่อาจจะถอยเพราะความขลาดกลัว

เมลิซซากัดฟันและเดินไปที่ห้องโถงใหญ่

มีบุรุษคนหนึ่งอยู่ในชุดยาวสีแดงเพลิงยืนอยู่กลางห้อง

เป็นใบหน้าที่ไม่คุ้น  คนที่เมลิซซาไม่เคยพบ  ตระกูลหัวและกลุ่มการค้าเมซฟิลด์ไม่เคยมีสัมพันธ์ต่อกันมาก่อน  แต่เมลิซซาไม่ใช่เด็กสาวไร้เดียงสาเหมือนในอดีตจากเท่าที่ดู นางรู้ว่าบุรุษที่มีลักษณะสง่างาม ไม่ใช่ศิษย์ธรรมดา

“เมลิซซาคารวะคุณชาย”  เมลิซซาถอนสายบัว นางตั้งใจจะแสดงลักษณะที่อ่อนแอป้องกันอีกฝ่ายไม่ให้แสดงความไม่เป็นมิตรเกินไป  ปกติเมื่อเผชิญหน้ากับสตรีบุรุษจะสุภาพมากขึ้น

“คุณหนูเมลิซซางดงามสมคำเล่าลือจริงๆ  ข้าหัวหลี่รั่วคารวะคุณหนูเมลิซซา”บุรุษชุดแดงคำนับอย่างสุภาพ

เหมือนกับว่าเมลิซาถูกฟ้าผ่าถึงห้าครั้ง  นางหน้ามืดแทบจะซวนเซ

‘หัว...หลี่..รั่ว..!’

เมลิซซารู้สึกขมในปากอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์ที่สุดของตระกูลหัว, หัวหลี่รั่วเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องเจ้าอารมณ์ เมื่อใดก็ตามที่เขาคลั่ง  เขาจะทำลายฝ่ายตรงข้ามในเวลาไม่กี่นาที

เมลิซซาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด