ตอนที่ 908 เคียงไหล่ร่วมสู้ตลอดไป
‘หมื่นปียาวนานเหลือเกิน, ทุกคนได้กลับมารวมกันอีกครั้ง’
สายตาอาซิ่นกวาดผ่านสหายของเขาทุกคนเหลือแต่เพียงความรู้สึกรักผูกพันเหลืออยู่ และแม้ว่าทะเลสุคติจะสร้างร่างให้พวกเขา พวกเขาไม่มีความทรงจำหรือจิตสำนึกเหลืออยู่ ถ้าไม่ใช่เพราะทะเลสุคติแฝงไปด้วยกฎเป็นกฎตายและรัศมีส่วนตัวของพวกเขาคงเป็นไปไม่ได้ที่จะสร้างร่างพวกเขาขึ้นมา
อาซิ่นพอใจแล้ว
‘ใช่แล้ว,โชคดีเพียงไหนที่ข้าสามารถพบกับพวกเจ้าได้อีกครั้ง ข้ารู้ว่าข้าไม่ได้เดียวดายในศึกครั้งนี้ ข้ารู้ว่าทุกคนไม่ลืมคำสาบานและคำปฏิญาณที่เราให้ไว้ในปีนั้น ความจริงมีหลายครั้งที่ข้าเองรู้ว่าไม่มีประโยชน์อะไรจะดิ้นรน เหมือนเมื่อกองทัพดาวกางเขนใต้ของเราจบสิ้นไปแล้ว และต่อให้เราสร้างขึ้นมาใหม่ในวันนี้ ก็จะไม่มีทางเหมือนเดิม’
‘แต่แล้วไงเล่า? ข้ายังจะทำอยู่ดีไม่ว่าจะดูโง่เพียงไหน’
‘ข้ามีความสุขที่เรากลับมารวมตัวกันได้หลังจากผ่านไปหมื่นปี ข้ามีความสุขที่เรายังเหมือนกันทำเรื่องงี่เง่าไร้สาระ นี่คือพวกเรา เราเป็นอย่างนั้นเรามันโง่และเราไม่เคยคล้ายคนอื่น’
‘ไฟในสายเลือดของเราเหมือนกัน ศรัทธาที่ฝังอยู่ในจิตวิญญาณของพวกเราก็เหมือนกัน’
‘มาอยู่ใกล้พวกเจ้าทุกคนหลังจากผ่านไปหมื่นปีแม้ว่าจะเป็นแค่ร่องรอยความรักความผูกพันของพวกเจ้า แต่ก็หวานเหมือนน้ำผึ้ง’
‘โอกาสที่ยิ่งใหญ่แบบนั้นมีแต่ชนะจึงจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้
เขาละสายตาและมองขึ้นไปบนท้องฟ้า ดวงตาที่มองเห็นและมีประสบการณ์มาเป็นหมื่นปีสงบไม่มีเค้าของระลอกความหวั่นไหวเหมือนกับกระจกสะท้อนเมฆและโซ่ในท้องฟ้า
“วิญญาณของทหารของเราจะไม่มีทางสูญสลาย สมรภูมิเป็นสิ่งนิรันดร์หัวใจของเรายึดมั่นกับกางเขนจะไม่มีวันเสื่อมคลาย”
เขาพึมพำเบาๆ แววระลึกถึงความทรงจำฉายวูบในดวงตาของเขา ‘จะมีคนจำลำนำนี้ได้สักกี่คน ตอนนี้ยังมีสักกี่คนที่จำความหมายของลำนำนี้ได้?’
‘แปดกระบวนท่า ไม้ตายแปดท่าที่ทรงพลังของเราที่ทำให้โลกต้องกลัว ข้าสงสัยว่าจะมีสักกี่คนที่ยังจำได้?’
นอกจากความสามารถในการวิเคราะห์สถานการณ์ทั่วไปและเจาะลึกที่โดดเด่นของเขาแล้วหรือพรสวรรค์ที่โดดเด่นของเขาเหตุผลที่อาซิ่นสามารถรับยศพลเอกและกลายเป็นผู้บัญชาการลำดับสองของทั่วทั้งกองทัพเป็นเพราะเขาเป็นสมาชิกเพียงคนเดียวที่เรียนรู้ไม้ตายสังหารแปดกระบวนท่าได้สำเร็จ แม้แต่ผู้บัญชาการใหญ่เองก็เชี่ยวชาญเพียงเจ็ดท่า
ที่น่าตลกมากกว่าก็คือวิชาที่ผู้บัญชาการใหญ่ไม่เชี่ยวชาญก็คือเคียวกางเขน ในบรรดาวิชาไม้ตายแปดท่าเคียวกางเขนเป็นไม้ตายที่ง่ายที่สุดรู้จักกันโดยทั่วไปและมีคนจำนวนมากที่สุดที่เชี่ยวชาญในไม้ตายนี้ แต่เพราะเหตุผลบางอย่าง ผู้บัญชาการใหญ่ไม่สามารถเชี่ยวชาญวิชานี้ได้
ผู้บัญชาการใหญ่โมโหมากจนเขาสร้างวิชาเคียวกางเขนเขียวแดงเป็นของตนเอง
เมื่อคิดถึงเกี่ยวกับอดีตที่ผ่านมาอาซิ่นอดยิ้มไม่ได้ เขาเริ่มหัวเราะหนักขึ้น รังสีฆ่าฟันรอบตัวเขาเริ่มหนาแน่นขึ้น ‘ใช่แล้ว,วันนี้คือวันยิ่งใหญ่แบบวันนั้น ข้าจะใช้วิธีธรรมดาจบการสู้รบนี้ได้ยังไง?’
เขาก้าวออกมาข้างหน้าทันทีร่างของเขาลอยขึ้นไปสองสามเมตร และมายืนอยู่หน้าขบวน
ตาของเขาคมกริบเหมือนดาบ อาซิ่นคำราม “ฆ่า!”
นิ้วของทหารในขบวนทั้งหมดเปล่งแสง ในฝ่ามือของเขามีแสงกระพริบเลือนราง ทะเลสุคติสีดำคล้ายกับท้องฟ้ายามราตรีไม่สามารถหยั่งได้พลันสว่างไปด้วยรัศมีแสงคล้ายกับดวงดาว
ราวกับว่าพวกเขามีพลังจิตเชื่อมถึงกัน ชิวเทียนชิงคำรามพร้อมกัน “ฆ่า!”
โซ่หลายพันlkpที่หย่อนลงมาจากเมฆคล้ายกับงูเริงระบำและร้องเสียงดังพุ่งเข้าหาอาซิ่น โซ่หลายพันคลุมเต็มท้องฟ้ามีแรงกดดันราวกับภูเขาไท่ซาน ป้องกันไม่ให้ใครหลบหนีและรู้สึกสิ้นหวังทันทีหมอกขาวนับไม่ถ้วนสลายหายไป ขณะที่น้ำแข็งฤดูใบไม้ร่วงลอยลงมาเหมือนหิมะ
อาซิ่นมองขึ้นไปลมพายุพัดรุนแรงทำให้ผมของเขายุ่งเหยิง เขาไม่กระพริบตา ดวงดาวแสงในรูปกระบวนศึกข้างใต้บินเข้าหาอาซิ่น
อาซิ่นกางแขนออกราวกับว่าเขากำลังต้อนรับโซ่หลายพัน เขาร่วงหงายหลังลงไป
วี้ววววว...จุดแสงนับไม่ถ้วนลอยออกมาจากด้านใต้ของเขาและเข้าไปในร่างของเขา ร่างของเขาไม่มีแม้แต่อาการสั่น ขณะที่เขานอนอยู่บนผิวทะเลและเหมือนกับว่าเขากำลังถูกกลืนโดยรัศมีแสง แสงแพรวพราวปรากฏอยู่รอบตัวของเขา
อาซิ่นยิ้มเล็กน้อย เขามองดูเหมือนกับว่ากำลังสนุกเพลิดเพลิน ‘ช่างเป็นความรู้สึกที่คุ้นเคย’
สายตาของเขาพลันมืดขณะที่ร่างสีดำขยายขึ้นในดวงตาของเขา
โซ่หนาแน่นหลายพันสายที่คล้ายกับงูต้อนรับอยู่ด้านหน้าของเขา ขวางมุมมองของอาซิ่นจากท้องฟ้า อากาศสั่นสะเทือนและอาซิ่นสามารถรู้สึกได้ว่าร่างของเขาเองถูกผนึกและไม่สามารถหนีได้
กฎฤดูใบไม้ร่วงของคู่ต่อสู้แข็งแกร่งมากทำให้กฎธรรมชาติในอากาศรอบตัวผลักกัน
สนามพลังกฎธรรมชาติ! พื้นที่ภายในกลายเป็นสนามพลังกฎธรรมชาติแท้จริง! ใครก็ตามที่ถูกผนึกไว้ภายในพื้นที่นี้จะไม่มีโอกาสหลบหนีได้
‘ข้าไม่สามารถหลบหนีได้หรือ? อย่างนั้นข้าจะสู้กับเจ้าโดยตรง!’
รอยยิ้มบนใบหน้าของอาซิ่นหายไปแทนที่ด้วยกลิ่นอายที่แหลมคมดุดันซึ่งระเบิดออกมาจากร่างของเขา เหมือนกับว่ามังกรที่ทรงพลังขนาดมหึมาหลับใหลมานานได้เวลาตื่นขึ้น
‘ข้าพบเจอสงครามที่โหดร้ายที่สุดมาแล้วและไม่เคยมีความขลาดกลัวเมื่ออยู่ต่อหน้าสงคราม’
‘ข้ามีประสบการณ์กับช่วงเวลาที่ทรมานหมื่นปี และข้าก็ยังไม่ยอมแพ้’
อาซิ่นผู้เคยเป็นบุรุษหนุ่มเยาว์วัยในอดีตครั้งหนึ่งเคยเป็นพลเอก ตื่นขึ้นแล้ว
พลังจากอดีตของเขาความรุ่งเรืองจากอดีตของเขา ความตื่นเต้นจากอดีตของเขาอยู่เหนือกาลเวลาหมื่นปี และก้าวผ่านเวลา
ภายในแขนที่เหยียดออกในต่อหน้าเขาวงแหวนกลมที่สมบูรณ์ขยายออก
แสงรัศมีเจิดจ้าที่ลอยอยู่รอบตัวเขามาบรรจบกันในมือของเขาและถูกบีบอัดจนเป็นจุดแสงสว่าง แสงระหว่างแขนของเขาเพิ่มความเข้มข้นอย่างรวดเร็วและในไม่ช้าความเข้มข้นของแสงสว่างเจิดจ้ามากจนไม่มีใครสามารถมองได้ตรงๆ ร่างของอาซิ่นถูกคลุมอยู่ในแสงสว่างเจิดจ้าและไม่มีใครสามารถเห็นเขาอีกต่อไป
“ปืนใหญ่ดวงดาว!’
อาซิ่นตวาด เสียงของเขาดังราวกับฟ้าผ่าเหมือนกับสายฟ้าลำแสงหนาตันยิงออกมาจากวงกลมในอ้อมแขนของเขา
ลำแสงยิงตรงเข้าหาโซ่ที่ห้อยลงมาจากท้องฟ้า
ปัง!
แสงสีเงินแพรวพราวกลืนทุกอย่างไว้ในเส้นทางของมันทำให้ทั่วพื้นที่บริเวณกลายเป็นสีขาวขนาดที่คนที่สายตาดีไม่สามารถเห็นอะไรได้ คนที่อยู่โดยรอบทุกคนรู้สึกเหมือนกับว่าผิวของพวกเขาเหมือนถูกเข็มแทง พลังโจมตีที่น่ากลัวสยบขวัญและฉับพลันจนแม่ทัพหัวที่อยู่ใกล้ไม่สามารถตั้งตัวได้ทันเวลา และเหมือนกับว่าเขาถูกกำแพงเหล็กกระแทกใส่กระเด็นออกไปถึง 30 เมตร
เขาพยายามจะลืมตาให้กว้าง แม้ว่าเขาจะไม่สามารถเห็นอะไรได้ แต่แสงสีเงินแพรวพราวที่ฉายออกมาสะท้อนสีหน้าที่ตกตะลึงของเขา เขาปลอดภัย แม้ว่าจะตื่นเต้นอย่างหนักก็ตาม เขาไม่ได้รับบาดเจ็บ บริวารของเขาไม่โชคดีเท่า พวกเขากระจัดกระจายอยู่รายรอบด้วยความเจ็บปวด
ถังเทียนสนองตอบได้เร็วที่สุด และหลบตัวเองได้ขณะที่พลังโจมตีถูกปลดปล่อย
แต่พลังโจมตียังทำให้ทั่วทั้งร่างของเขาชาไปหมด เขาเองก็ถูกความตกใจครอบงำ เขาไม่คาดเลยว่าอำนาจของพลังจะน่ากลัวมากขนาดนั้น แต่เขาคิดดูแล้ว และการเป็นผู้บัญชาการก็สามารถอธิบายได้ว่าอาซิ่นสามารถทำได้
‘แต่พลังน่ากลัวเกินไป!’
แสงสีขาวยังไม่สลายหายไป ถังเทียนเองไม่สามารถเห็นได้ชัด และเกราะเทพเจ้าตื่นรู้ที่ทำให้เขาสงบใจเย็นก็ยังใช้ได้ไม่มากในสถานการณ์เช่นนั้น เป็นไปได้มากที่สุดเนื่องจากความปั่นป่วนของกฎธรรมชาติภายในพื้นที่ ถังเทียนไม่เคยเห็นว่าพื้นที่ซึ่งมีพลังกฎธรรมชาติกลับกลายเป็นปั่นป่วนยุ่งเหยิงขนาดนั้น มันทำให้เขากังวลว่าสถานที่จะพังทลาย
‘น่ากลัวเหลือเกิน!’
‘ตามที่คาดหวังจากผู้บัญชาการ พวกเขาผิดธรรมดากันทั้งนั้น’
จี๋เจ๋อและพวกที่เหลือไม่ได้โชคดีเท่ากับถังเทียน ผลกระทบที่พวกเขาได้รับจากแรงระเบิดรุนแรงมากกว่า พวกเขาทุกคนอยู่ในสภาพทุลักทุเล ผมเผ้ารุงรังโชคดีที่พลังส่วนบุคคลของพวกเขาแข็งแกร่งมากกว่าคนทั่วไป แม้ว่าพวกเขาจะดูอยู่ในสภาพทุลักทุเล แต่ไม่มีใครบาดเจ็บ
พวกเขาไม่สามารถเห็นอะไรได้ แต่ถูกความกลัวครอบงำ พวกเขาไม่เคยเห็นพลังโจมตีที่รุนแรงอย่างนั้นมาก่อน
รัศมีแสงฉายอยู่ที่ใบหน้าอาซิ่น ทำให้เห็นใบหน้าที่สงบของเขาเหมือนกับว่าเขากำลังรำลึกความหลังและรู้สึกตื้นตัน ‘ปืนใหญ่ดวงดาว ข้าไม่เคยคิดเลยว่าหลังจากผ่านไปหลายปีข้าไม่ได้เอามาใช้ปฏิบัติการเลย’
แสงแพรวพราวข้างหน้าเขาค่อยๆสลัวลงและหายไป เขากลับมามองได้ตามปกติ โซ่ทุกเส้นที่คล้ายกับงูยักษ์ในท้องฟ้าหายไปหมด กองทัพตระกูลชิวหายไป และสิ่งที่มาอยู่แทนพวกเขาก็คือช่องโหว่สีดำในท้องฟ้า
ช่องโหว่สีดำดูเหมือนมิติว่างที่ไร้ก้น รัศมีมิติที่เยือกเย็นสามารถรู้สึกได้ว่าออกมาจากช่องโหว่สีดำ และมีรอยร้าวแยกสีดำอยู่รอบๆรูคล้ายกับใยแมงมุม
อาซิ่นส่ายศีรษะ เขารู้สึกว่ากองทัพตระกูลชิวได้รับประโยชน์จากมัน ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเขากลับมารวมตัวกัน เขาจะไม่มีทางใช้วิชานั้นได้
ในอดีตวิชานี้ใช้ทำลายคนที่มีชื่อเสียงเท่านั้น
แม่ทัพหัวเพิ่งจะกลับมามองเห็นได้ เขาจ้องมองรูโหว่ในอากาศด้วยความรู้สึกตกใจ ‘นะ นะนั่น.. นั่นคือรอยฉีกขาดมิติเมื่อมิติแตกทำลาย’ หน้าของเขาบิดเบี้ยวขณะที่นิ้วของเขาสั่น ‘พะ พวกเขาเป็นใคร? พวกเขาสามารถฉีกมิติได้ด้วยการโจมตีครั้งเดียวได้ยังไง?’
ถ้าเขาไม่เห็นกับตาตัวเอง เขาคงไม่เชื่อว่ามีพลังโจมตีแบบนี้คงอยู่จริงๆ
รอยฉีกขาดของมิติค่อยๆ หายไป พื้นที่มิติทั้งหมดมีความสามารถฟื้นฟูตัวเอง แต่เมื่อพื้นที่ของมิติสูญเสียความสามารถในการฟื้นฟูตัวเอง นั่นหมายความว่ามิติจะค่อยๆ สูญเสียการควบคุมและกลายเป็นอันตราย
สนามรบทั้งหมดกลับเงียบสงัด ทุกคนตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
สายตาที่ทุกคนมองอาซิ่นยิ่งเพิ่มความเคารพ ต้นขาของจี๋เจ๋อยังสั่นสะท้านไม่หยุด เขาคลุกคลีกับอาซิ่นมานาน และสนุกกับการหยอกล้อเขาและล้อเล่นกับเขา‘พระเจ้า, ทำไมท่านต้องล้อข้าเล่นด้วย? ทำไมหัวใจข้าถึงเต้นแรงอย่างนี้? ทำไมข้าสั่นอย่างรุนแรงอย่างนี้? พี่ใหญ่อาซิ่นเราเริ่มสัมพันธ์ของเราใหม่ได้ไหม?’
จี๋เจ๋อรู้สึกเหมือนกับว่าอนาคตของเขาหนาวยะเยือก เงาทะมึนปกคลุมใจเขาไว้..
อาซิ่นลอยอยู่หน้ากระบวนศึก เขามองดูใบหน้าที่ไร้ความรู้สึกของทุกคน ใจของเขารู้สึกอบอุ่น พวกเขายืนนิ่งขณะหันหน้าเข้าหาเขา
“เราจะอยู่ด้วยกันในสนามรบตลอดไป เราจะร่วมต่อสู้ด้วยกันเสมอ”
หน้าของอาซิ่นสงบ ขณะที่เขายิ้มเหมือนกับว่าเขาพูดเรื่องง่ายๆ
พอพูดจบสีหน้าของเขาพลันเคร่งขรึมขณะคำนับให้เหล่าทหาร
พรึ่บ!
มีการเคารพตอบจากกระบวนศึกทั้งหมด
อาซิ่นยังคงโค้งคำนับและไม่เคลื่อนไหว
มนุษย์น้ำสีดำที่อยู่ต่อหน้าเขาค่อยๆจมลงในทะเลสุคติ น้ำทะเลท่วมร่างพวกเขาทั้งหมดขณะที่พวกเขายังคงอยู่ในท่ายืนจนกระทั่งน้ำท่วมมิดศีรษะ
เมื่อระลอกคลื่นสุดท้ายหายไปทะเลสุคติกลับคืนสู่ความเงียบสงบ ทะเลสุคติที่มีสีดำสนิทจางหายไป และกระบี่บรอนซ์ลงมาอยู่ในมือของอาซิ่น กระบี่บรอนซ์ถูกย้อมเป็นสีดำเหมือนกับว่าถูกจุ่มลงไปในหมึกและรอยร้าวและตำหนิบนกระบี่แต่เดิมมองเห็นแค่เพียงลางๆ
อาซิ่นกลับไปที่เรือสินค้าและเมื่อเห็นสีหน้าที่ตกตะลึงของเสี่ยวม่าน เขามีอารมณ์ยินดี “ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าถึงกับตกใจและทึ่งเชียวหรือ เจ้าอยากคำนับข้าไม่ใช่หรือ? หึหึหึ ข้าขอบอกเจ้าไว้ก่อน ในอดีตข้านั้นโหดอย่าบอกใครเลย มามะเรามาสนทนากันตามประสาคนรักต่อเถอะ...”
หน้าของเสี่ยวม่านที่ตอนแรกแดงอยู่ยิ่งแดงกว่าเดิม ตามมาด้วยความโกรธในดวงตานาง นางสะบัดดาบยักษ์ ปัง..ดาบหนาฟาดใส่หน้าของอาซิ่นปลิวไปตามแรงหวด
อาซิ่นปลิวเหมือนกระสอบทราย และเขากลิ้งไปรอบเรือสินค้าเหมือนกับลูกบอล
ปัง,อาซิ่นกระแทกกับหลังคาห้องโดยสารอย่างแรง ดวงตาของเขามองเห็นดวงดาวนับไม่ถ้วนขณะนอนแผ่อยู่บนพื้น เขามีสีหน้ามึนงง ‘มีอะไรผิดพลาดตรงไหนยัยโคนมนี่ถึงได้ไล่ขวิดข้าอย่างนั้น? และข้าว่าจะ..โอวตายแล้ว ข้ารู้สึกเหมือนจะหายใจไม่ออก...’
ขาอาซิ่นลอยขึ้นจากพื้นขณะที่มือข้างหนึ่งคว้าคอเขาไว้ เสี่ยวม่านพูดอย่าดุดัน “ดูเหมือนว่าเจ้าจะลืมเรื่องความเจ็บไปแล้วใช่ไหม?”
อาซิ่นมองดูมืออีกข้างของเสี่ยวม่านที่กำลังควงดาบยักษ์ใกล้ๆหว่างขาของเขา
อาซิ่นพยายามขยับคอและรวบรวมเรี่ยวแรงพูด“เรา..คุย..กัน..ดีๆ ก็ได้”
“ต้องการคุยกันดีๆงั้นหรือ?” เสี่ยวม่านแค่นเสียง “หึหึ เมื่อข้ายกเว้นโทษให้ เจ้าก็เหลิงเหลวไหลถ้าไม่ใช่เพราะวันนี้เจ้ามีผลงานดี บางชิ้นส่วนบนร่างเจ้าต้องหลุดไปแน่”
อาซิ่นสั่นไปทั้งตัว หน้าของเขาซีดขาว และเขาไม่กล้าดิ้นรน ‘แม่หญิงอกระเบิดนี้สามารถทำอะไรก็ได้!’ อาซิ่นแอบตั้งฉายาให้เสี่ยวม่านว่าแม่สาวอกระเบิดซึ่งหมายถึงอกมหึมาของนาง มีบางครั้งที่การให้ฉายาตรงๆก็ไม่ใช่เรื่องดี...
บนเส้นทางกลับกลุ่มการค้าเมซฟิลด์ อาซิ่นกลายเป็นคนเชื่องเชื่อและไม่โอ้อวดว่าชนะการสู้รบ
ถังเทียนนั่งลงในเก้าอี้หวายเพลิดเพลินกับผลไม้ที่เชียนฮุ่ยนำมาป้อนให้เขาและมองดูอาซิ่นที่น่าสงสารคอยพันแข้งพันขาเสี่ยวม่าน ‘สถานะนายพลของท่านหายไปอยู่ที่ไหน?’ ถังเทียนคิดถึงท่าทางที่ห้าวหาญของอาซิ่นในช่วงการรบครั้งล่าสุด จากนั้นมองดูบุรุษที่น่าสงสารข้างหน้าเขา ถังเทียนรู้สึกว่าอารมณ์ขัดแย้งกันมาก ‘เชียนฮุ่ยดีที่สุดแล้ว!”
พลังโจมตีของอาซิ่นสร้างความตื่นตระหนกอย่างรุนแรงให้กับถังเทียน
แน่นอนว่าเป็นความตกใจจากพลังบริสุทธิ์ ถังเทียนรู้ว่าวิชาอย่างนั้นไม่เหมาะกับเขา ปืนใหญ่ดวงดาวคือการควบคุมรัศมีพลังอย่างแท้จริง ซึ่งเป็นวิธีเฉพาะแบบและเป็นวิชาสำหรับผู้บัญชาการทหารไม่มีใครสามารถเรียนได้
ถังเทียนเคยเห็นการควบคุมรัศมีของลุงปิง และขณะนั้นเขาก็ยังถูกความตกใจครอบงำ แต่หลังจากเทียบกับอาซิ่นแล้ว เป็นเหมือนช่วงเวลาที่นักเวทเผชิญหน้ากับจอมเวท
‘ดูเหมือนว่าอาซิ่นจะข่มขี่ลุงปิงในอดีต’
‘ลุงปิงน่าสงสารจริงๆ’
ถังเทียนเต็มไปด้วยความเห็นใจและตัดสินใจว่าเมื่อกลับไป เขาจะหาโอกาสหยอกล้อลุงปิงบ้าง
เมื่อถังเทียนและพวกกลับมายังกลุ่มการค้าเมซฟิลด์ในเมืองหิมะ เมลิซซาตกใจหนัก ‘ทำไมพวกเขากลับมากันเร็วนัก? ตามแผนการของถังเทียน พวกเขาควรจะใช้เวลานานเพื่อก่อให้เกิดความวุ่นวาย’
ตั้งแต่ถังเทียนออกไป เมลิซซาเต็มไปด้วยความกังวล ทั่วทั้งตระกูลเมซฟิลด์มีชีวิตอยู่ในเงื้อมมือของถังเทียน ถ้าถังเทียนแพ้ อย่างนั้นตระกูลเมซฟิลด์จะตกไปอยู่ในสภาพที่ไม่มีโอกาสหวนกลับ
เมลิซซาถามอย่างระมัดระวัง “คุณชาย, ท่านพบกับปัญหายุ่งยากหรือ?”
ถังเทียนไม่คาดว่าเมลิซซาจะถามปัญหา หลังจากไตร่ตรองแล้ว เขาตอบ “มีแต่ปัญหาเล็กน้อย”
ถังเทียนรู้สึกว่าเป็นปัญหาเล็กน้อย ชิวเทียนชิงทำให้พวกเขาต้องเปิดเผยสถานะ ดังนั้นแผนการของเขาจึงสลายหายไป
หัวใจของเมลิซซาสะท้าน นางรู้ว่าในสายตาของนายท่านต่อหน้านาง ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดล้วนเป็นปัญหาเล็กน้อยทั้งนั้นทำให้นางกังวล
แต่นางเห็นว่าถังเทียนไม่ตั้งใจอธิบายอะไรดังนั้นจึงถอยออกมา เนื่องจากเป็นการไม่สมควรที่จะถามถังเทียน นางตัดสินใจถามความชัดเจนจากจี๋เจ๋อ
แต่เมื่อนางพบกับจี๋เจ๋อนางเห็นว่าจี๋เจ๋อเพิกเฉย สายตาของเขาเหม่อทำให้รู้สึกไม่สบายใจเพิ่มขึ้น เมื่อนางพบสมาชิกคนอื่น นางสังเกตว่าพวกเขามีสีหน้าอย่างเดียวกัน นางยืนอยู่ที่ลานว่างถึงครึ่งค่อนวันแต่ไม่มีใครสนใจนาง นางพยายามทักพวกเขาสองสามคน แต่คำตอบของพวกเขาซึมเซา
หัวใจของนางยังคงอึดอัดมากขึ้น
‘ความผิดหวังแบบไหนทำให้พวกเขาถึงกับลืมตัวเอง?’
เมลิซซารู้สึกว่าความกลัวกระจายไปทั่วทั้งตัวนาง นางเข้าใจชัดว่าจี๋เจ๋อและพวกแข็งแกร่งขนาดไหน แต่สิ่งที่ทำให้ปู่ของนางยอมทุ่มเดิมพันก็คืออารมณ์ที่โดดเด่นที่จี๋เจ๋อและพวกมี
พวกเขาขยันหมั่นเพียรมุ่งมั่นกล้าหาญไม่กลัวเกรง พวกเขาเด็ดขาดและไม่เคยทำสิ่งที่ยุ่งเหยิงไม่เป็นระเบียบ ลักษณะเหล่านี้ทำให้ปู่ของนางเสี่ยงทุกอย่างพนันด้วยอนาคตของตระกูลเข้าร่วมกับพวกเขา
เมลิซซามั่นใจที่สุดกับการตัดสินใจของปู่ของนาง และร่วมเดินทาง ยิ่งนางสังเกตพวกเขานางก็ยิ่งมั่นใจ ในสายตาของนาง พวกเขาเป็นเหมือนเหล็กกล้ามีหัวใจมุ่งมั่นไม่หวั่นไหว
‘แต่สิ่งที่พวกเขาเห็นทำให้สีหน้าของพวกเขาเป็นเช่นนี้?’
‘พวกเขาสูญเสียจิตวิญญาณไปอย่างสิ้นเชิง!’
‘ดูเหมือนว่าเป็นความพ่ายแพ้ที่น่ากลัว’ เมลิซซาคิด ความเจ็บปวดจากการพ่ายแพ้มักจะทิ้งรอยแผลเป็นไว้ในใจของผู้คน แต่แม้ว่านางจะกังวล แต่นางยังคงเชื่อว่าพวกเขาจะฟื้นตัวได้ นางกระตุ้นเตือนตัวเองและมุ่งมั่นมากขึ้นในช่วงเวลาอย่างนั้นและไม่หวั่นไหว
หลังจากคิดดูแล้ว มันไม่มีอะไรแปลก พวกเขาเจอกับตระกูลชิวได้รับความพ่ายแพ้จากตระกูลชิวไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาด “ดูเหมือนว่าข้าจำเป็นต้องใช้เวลาเพื่อปลอบขวัญพวกเขา ไม่มีอะไรน่าอายที่แพ้ตระกูลชิว พวกเขาไม่จำเป็นต้องได้รับผลกระทบมากขนาดนั้น’
ทันใดนั้นลุงวิลลี่เดินเข้ามาด้วยสีหน้าบิดเบี้ยวน่าเกลียด
“คนจากตระกูลหัวกำลังมา”
ใจของเมลิซซาสั่นสะท้าน ‘ตระกูลหัว!’
ในทวีปกวงหมิงห้าตระกูลสุดยอดคือ ตระกูลครอฟท์ ตระกูลหัว ตระกูลชิว ตระกูลม่อและตระกูลไวคารี่ ตระกูลหัวและตระกูลชิวเป็นตระกูลชั้นสูงที่แข็งแกร่งที่สุด และหลังจากสู้กับตระกูลชิว ตระกูลระดับสุดยอดอีกตระกูลก็มาปรากฏที่บันไดประตู พวกเขาจะไม่ประหลาดใจได้ยังไง?
‘พวกเขาไม่ได้มาที่นี่ด้วยเจตนาดี!’
เมลิซซาพาวิลลี่ไปส่งข้อมูลให้ถังเทียนและตัดสินใจไปพบกับตระกูลหัวก่อน
ไม่ว่ายังไงก็ตามพวกเขาก็อยู่ในกลุ่มการค้าเมซฟิลด์ และนางเป็นเจ้านายไม่อาจจะถอยเพราะความขลาดกลัว
เมลิซซากัดฟันและเดินไปที่ห้องโถงใหญ่
มีบุรุษคนหนึ่งอยู่ในชุดยาวสีแดงเพลิงยืนอยู่กลางห้อง
เป็นใบหน้าที่ไม่คุ้น คนที่เมลิซซาไม่เคยพบ ตระกูลหัวและกลุ่มการค้าเมซฟิลด์ไม่เคยมีสัมพันธ์ต่อกันมาก่อน แต่เมลิซซาไม่ใช่เด็กสาวไร้เดียงสาเหมือนในอดีตจากเท่าที่ดู นางรู้ว่าบุรุษที่มีลักษณะสง่างาม ไม่ใช่ศิษย์ธรรมดา
“เมลิซซาคารวะคุณชาย” เมลิซซาถอนสายบัว นางตั้งใจจะแสดงลักษณะที่อ่อนแอป้องกันอีกฝ่ายไม่ให้แสดงความไม่เป็นมิตรเกินไป ปกติเมื่อเผชิญหน้ากับสตรีบุรุษจะสุภาพมากขึ้น
“คุณหนูเมลิซซางดงามสมคำเล่าลือจริงๆ ข้าหัวหลี่รั่วคารวะคุณหนูเมลิซซา”บุรุษชุดแดงคำนับอย่างสุภาพ
เหมือนกับว่าเมลิซาถูกฟ้าผ่าถึงห้าครั้ง นางหน้ามืดแทบจะซวนเซ
‘หัว...หลี่..รั่ว..!’
เมลิซซารู้สึกขมในปากอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์ที่สุดของตระกูลหัว, หัวหลี่รั่วเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องเจ้าอารมณ์ เมื่อใดก็ตามที่เขาคลั่ง เขาจะทำลายฝ่ายตรงข้ามในเวลาไม่กี่นาที
เมลิซซาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง