ตอนที่ 907 วังศักดิ์สิทธิ์
ความเคลื่อนไหวของอาซิ่นคาดไม่ถึงและง่าย ขณะที่เขาปล่อยกระบี่อมตะในมือ กระบี่อมตะร่วงลงไปในทะเลสุคติ แต่ไม่ทำให้น้ำกระเซ็น
‘อะไรกันนั่น?’ ทุกคนมีแววสับสนในดวงตา โซ่ใบไม้ร่วงกวาดล้างของชิวเทียนชิวตรึงพื้นที่ไว้เรียบร้อยแล้ว และทุกคนกำลังรอดูว่าอาซิ่นจะพึ่งพาวิชาอะไร
โซ่ใบไม้ร่วงกวาดล้างไม่ได้มีรัศมีที่ทรงพลัง แต่หมอกของมันได้ตรึงทะเลสุคติไว้อย่างสมบูรณ์ป้องกันไม่ให้อาซิ่นหนีได้ ในกองทัพที่สู้รบ การถูกกำกับพื้นที่ได้ ก็หมายความว่าทั้งสองฝ่ายจะถูกบังคับให้สู้กันจนตาย
สถานการณ์ตกอยู่ในสภาพเช่นนั้น
โซ่ใบไม้ร่วงกวาดล้างของชิวเทียนชิงตรึงและจำกัดพื้นที่ไว้ บังคับให้อาซิ่นไม่สามารถหลบได้ แต่ขณะเดียวกันกองทัพของชิวเทียนชิงก็ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้
ถ้าอาซิ่นสามารถทำลายโซ่ใบไม้ร่วงกวาดล้างได้ ชิวเทียนชิงและกองทัพของเขาจะต้องเจ็บตัวจากผลกระทบที่รุนแรง และถ้าอาซิ่นไม่สามารถออกมาจากโซ่ใบไม้ร่วงกวาดล้าง อย่างนั้นจะมีจุดจบเพียงอย่างเดียวสำหรับเขา ซึ่งก็คือตายภายในกระบวนรบ
แม่ทัพหัวส่ายศีรษะ แม้ว่าโซ่ใบไม้ร่วงกวาดล้างของชิวเทียนชิวจะไม่ใช่สนามพลังกฎธรรมชาติแท้ แต่ก็ใกล้เคียงอย่างมิต้องสงสัย แม่ทัพหัวไม่สามารถคิดหาวิธีการใดๆ เพื่อให้หลบหนีออกมาได้ ถ้าเขาเป็นคนที่ติดอยู่ในนั้น เขารู้สึกว่าเขาคงจะหนีออกมาได้ลำบาก
ศักดิ์ศรีของเขาไม่ด้อยไปกว่าชิวเทียนชิง แต่ขณะนั้นเอง เขารู้สึกนับถือต่อชิวเทียนชิงนัก ตระกูลชิวมีท้าทายฟ้าได้จริงๆ นอกจากสร้างชิวซิ่วหัวได้แล้ว พวกเขายังสร้างชิวเทียนชิงได้
ในตอนแรก เขามีความคาดหวังบางอย่างต่อขุนพลวิญญาณที่ชื่ออาซิ่น ยศชั้นพลเอกทำให้เขามีจินตนาการมากมาย แต่เมื่อเขาเห็น อาซิ่นปล่อยกระบี่อมตะลงในทะเลสุคติ เขาผิดหวัง
เขาหัวเราะเยาะเย้ยตนเอง ‘นี่เป็นเรื่องธรรมดา กลุ่มการค้าเมซฟิลด์เป็นแค่ตระกูลชั้นสูงระดับล่างๆ พวกเขาจะมีขุนพลวิญญาณชั้นพลเอกได้ยังไง?’
‘น่าเสียดายที่พวกเขาไม่ได้มาจากอัศวินพิเศษกวงหมิง’ เขาพึมพำในใจ ถ้าพวกเขาเป็นอัศวินพิเศษกวงหมิง ก็คงจะสมบูรณ์แบบ อัศวินพิเศษกวงหมิงเป็นเป้าหมายใหญ่ของพวกเขา และถ้าพวกเขาสามารถตระหนักถึงเป้าหมายพวกเขาได้ พวกเขาจะสามารถทอนกำลังของตระกูลชิว ยิงกระสุนนัดเดียวได้นกสองตัว
ภายในพยุหะ กฎธรรมชาติแผ่ทั่วไปหมด หมอกเทาค่อยๆ ซึมเข้าร่างอาซิ่นและร่างทหารเลือนราง เกิดน้ำแข็งสีเทาเกาะบนร่างของพวกเขา ความทรุดโทรมและรัศมีเสื่อมโทรมฉายออกมาจากร่างของพวกเขาทำให้พวกเขาดูเหมือนป่าในฤดูใบไม้ร่วง
น้ำแข็งฤดูใบไม้ร่วงสีขาวคล้ายกับตะไคร่แปลกประหลาดที่งอกแผ่ออกไปด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ ในเวลาอันรวดเร็วทหารหนึ่งในสามถูกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งฤดูใบไม้ร่วง และเมื่อร่างของพวกเขาถูกปกคลุมหมดสิ้น ชีวิตของพวกเขาจะจบลง
พวกเขาไม่มีร่างหยาบ แต่พวกเขายังสามารถสูญสลายได้ เวลานั้นจะไม่มีอะไรเหลืออยู่
จี๋เจ๋อจ้องดูจนเขาแทบหายใจได้เฮือกเดียว เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นสนามพลังกฎธรรมชาติ แม้ว่าจะเป็นสนามพลังกฎธรรมชาติที่ยังไม่สมบูรณ์ แต่ก็นับว่าใกล้เคียงมากแล้ว หรืออาจจะมีคุณสมบัติที่เป็นเอกลักษณ์หลายอย่างของกฎธรรมชาติอยู่แล้ว ตัวอย่างเช่น น้ำแข็งฤดูใบไม้ร่วงมีฤทธิ์กัดกร่อนของกฎธรรมชาติฤดูใบไม้ร่วง ม่านพลังใดๆ ของดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์จะเป็นเหมือนอากาศเมื่ออยู่ต่อหน้าสนามพลัง ฤทธิ์กัดกร่อนของสนามพลังอยู่เหนือระดับพลังงาน ดังนั้นจึงทำให้มันน่ากลัวมาก
ขณะนั้นเองทะเลสุคติที่สงบเกิดการเปลี่ยนแปลง
ทะเลสุคติพลันมีชีวิต น้ำทะเลที่ดำเหมือนหมึกไหลเข้าหาโซ่ ทุกแห่งที่น้ำไหลผ่านเส้นสีทองสว่างจะหมองลง โซ่สีเทาเปลี่ยนเป็นสีดำ เป็นฉากภาพที่น่าทึ่ง
น้ำทะเลสีดำไม่เพียงแต่มีผลต่อโซ่สีเทาเท่านั้น ระดับของทะเลทั้งหมดกำลังเพิ่มขึ้นราวกับว่าสัตว์ประหลาดทะเลบางตัวกำลังจะตื่นขึ้น
สิ่งที่ทุกคนตกใจก็คืออาซิ่นและทหาร พวกเขาไม่ได้พยายามหลบ ทหารที่ร่างพร่าเลือนยังยืนนิ่งไม่ไหวติง
น้ำทะเลสีดำสนิทคล้ายกลับหมึกเพิ่มระดับสูงอย่างต่ำที่สุดถึงข้อเท้า เมื่อรอยร้าวสีแดงบนตัวทหารสว่างวาบขึ้น น้ำทะเลก็ขึ้นสูงถึงน่อง ต้นขา เอว และน้ำแข็งฤดูใบไม้ร่วงพอสัมผัสกับน้ำทะเลก็หายไปทันที
ทะเลสุคติยังคงเพิ่มระดับต่อเหมือนสัตว์ร้ายกระหายที่น่ากลัว กลืนทุกอย่างที่มันกลืนได้
‘นั่นมันวิธีแบบไหนกัน?’
จี๋เจ๋อตะลึง ‘น้ำสีดำนั่นคืออะไร?’ พยุหะของอีกฝ่ายหนึ่งก่อตัวอย่างสมบูรณ์เลียนแบบสนามพลังกฎธรรมชาติ เส้นสีทองบนโซ่สีเทาก็คือกฎธรรมชาติฤดูใบไม้ร่วง แต่พวกมันไม่สามารถต้านน้ำสีดำได้
‘นะ นะ นั่น...’
ตาของจี๋เจ๋อจับนิ่งอยู่ที่ทะเลสุคติ ในที่สุดเขาก็ตระหนักรู้ได้ว่าเขาละเลยทะเลสุคติไปอย่างสิ้นเชิง ชั่วขณะนั้น เขาขมวดคิ้ว และต่อมาเขาผ่อนคลาย ใจของเขาอยู่ในความสับสน ‘น้ำสีดำนั่นคืออะไร? เป็นพลังงานแบบไหน? ไม่, พลังงานทั้งหมดไม่สามารถเอาชนะกฎธรรมชาติฤดูใบไม้ร่วงได้ง่ายๆ มันคือกฎธรรมชาติน้ำหรือเปล่า?’ จี๋เจ๋อส่ายศีรษะ การปะทะกันระหว่างกฎธรรมชาติไม่เคยเงียบขนาดนั้น เว้นแต่มีความแตกต่างระหว่างกฎธรรมชาติทั้งสองมากเกินไป
โซ่ใบไม้ร่วงกวาดล้างเป็นส่วนหนึ่งของกฎธรรมชาติฤดูใบไม้ร่วง และก้าวเข้าสู่สนามพลังกฎธรรมชาติแล้ว สิ่งที่สูงกว่านั้นก็มีแต่เพียงสนามพลังกฎธรรมชาติ
‘หรือว่าทะเลสุคติจะเป็นสนามพลังกฎธรรมชาติ?’ จี๋เจ๋อตะลึง
แม่ทัพหัวมีสีหน้าตกตะลึง เขาจ้องมองน้ำทะเลสีดำที่ไหลขึ้นมาและสัมผัสโซ่สีเทา ความคิดของเขากลายเป็นสับสน ก่อนนั้นเถาที่เหมือนโซ่ทิ้งตัวลงมาอย่างย่ามใจ สร้างความประหลาดใจอย่างมากมาย ตอนนี้น้ำทะเลดำกลับขึ้นสูงขึ้นมาด้วยความเร็วพอกัน และยังเพิ่มขึ้นต่อไป
‘พวกเขากระทำตรงกันข้ามกันหรือนี่?’
‘น้ำทะเลก็สามารถกัดกร่อนโซ่ได้’ แม่ทัพหัวตกใจ แต่...
สายตาของเขาจับนิ่งอยู่ที่น้ำทะเล คลื่นที่ดูเหมือนสัตว์ประหลาดกำลังกลืนร่างทหารเลือนราง แต่ทหารนั้นไม่ได้ขยับหลีกหนีเลยสักนิด เหมือนกับว่าพวกเขาลืมไปว่าน้ำกำลังขึ้น
‘หรือว่าพวกเขายอมเสียสละเอง?’
แม่ทัพหัวไม่สามารถทำความเข้าใจสถานการณ์ได้ ใช่แล้ว มีหลายอย่างที่เขาไม่สามารถเข้าใจได้
อาซิ่นสามารถคาดเดาได้จากสีหน้าของทุกคน เขายิ้มอย่างไม่ปิดบัง ‘พวกเขาจะคาดเดาได้ยังไงว่ามันคืออะไร?’
‘พวกเขาไม่มีทางรู้ว่าทะเลสุคติคืออะไร’
ตั้งแต่แรกเริ่ม เขาไม่เคยตั้งใจจะใช้วิญญาณของกระบี่อมตะเพื่อต่อสู้กับศัตรู เขาไม่ยินดีจะทำเช่นนั้น ความอาวรณ์ของพวกเขาลึกมาก แต่เป็นความอาวรณ์ล้วนๆ เมื่อได้รับทุกข์ทรมานจากความเสียหาย พวกเขาจะสูญหายไปจากโลกและไม่เหลืออะไรไว้เลยตลอดกาล
เขาไม่ยินดีจะทำจริงๆ
เขามีวิธีอื่น และนั่นก็คือทะเลสุคติ
ไม่มีใครรู้ว่าทะเลสุคติคืออะไร หรือว่ามาจากไหน พวกเขาไม่สนใจทะเลสุคติอย่างสิ้นเชิง แต่เป็นสิ่งประหลาดที่ยากจะหยั่งถึง
ทะเลสุคติสร้างขึ้นโดยกองทัพดาวกางเขนใต้โดยใช้เวลานานนับไม่ได้ นี่เคยเป็นทะเลแห่งความตายและปล่อยกลิ่นอายมรณะ แม้ถ้าใครบางคนเข้าไปใกล้ พวกเขาจะถูกกลิ่นอายมรณะกัดกร่อน หลังจากนั้นผู้บัญชาการใหญ่ตระหนักได้ว่ากลิ่นอายมรณะนั้นก็คือกฎมรณะนั่นเองและแม้จะเต็มไปด้วยอันตรายต่อสิ่งมีชีวิต แต่ก็มีประโยชน์มากต่อผู้ตายแล้ว
นอกจากนี้สิ่งที่น่าอัศจรรย์ที่สุดเกี่ยวกับทะเลมรณะก็คือลึกลงไปในนั้น ในใจกลางที่รัศมีมรณะกล้าแข็งที่สุด จะมีหลุมน้ำเงินคงอยู่ซึ่งเก็บพลังชีวิตไว้มากมายน่าพิศวง
จากตายมาเป็น, จากศพมาเป็นบัว
ผู้บัญชาการใหญ่รู้อนาคตที่น่าอัศจรรย์ของทะเลมรณะ และพบสมบัตินับไม่ถ้วนและวัตถุมีวิญญาณโยนใส่ไปในทะเลมรณะ และเริ่มสร้างตำหนักวิญญาณภายในหลุมน้ำเงิน และเรียกว่า ‘ตำหนักเป็น’ ในส่วนอื่นของทะเลมรณะ ผู้บัญชาการใหญ่สร้างวังเรียงรายสิบสองตำหนัก แล้วเรียกว่า ‘ตำหนักตาย’ ที่ใช้ปกป้องทะเลมรณะ ตำหนักตายและตำหนักเป็นทุกแห่งจะเชื่อมโยงกันด้วยโซ่ที่มีป้ายสลักชื่อทหารนับไม่ถ้วนผู้เสียสละตัวเองอยู่ในนั้น
นี่จึงกลายเป็นทะเลสุคติ และผ่านความเพียรพยายามของกองทัพดาวกางเขนใต้ ทะเลสุคติจึงเปลี่ยนแปลงได้สำเร็จหลังจากผ่านมาหมื่นปี
คนอื่นอาจมองข้ามพลังของทะเลสุคติ แต่ไม่ใช่อาซิ่น เนื่องจากเขาเป็นส่วนของกลุ่มงานที่ช่วยสร้างทะเลสุคติ กองทัพดาวกางเขนใต้ไม่เชี่ยวชาญในกฎธรรมชาติ แต่พวกเขารู้ความลึกลับของการสร้างชีวิตจากความตาย พวกเขาไม่เคยคิดเปลี่ยนทะเล แต่ช่วยหล่อเลี้ยง และผ่านการหล่อเลี้ยง พวกเขาก็สร้างสิ่งที่ดูเหมือนสิ่งมีชีวิตขึ้นมา
กฎธรรมชาติฤดูใบไม้ร่วงของชิวเทียนชิงทรงพลังอย่างแท้จริงและอาจกล่าวได้ว่าเหนือล้ำในกลุ่มสหายเครือข่ายของเขา แต่ถ้าชิวเทียนชิงมีชีวิตอยู่ในแดนบาป เขาจะตระหนักว่าบรรดากฎธรรมชาติต่างๆ มีความไม่เท่าเทียมกัน ยังมีทั้งเหนือกว่าและด้อยกว่า
กฎที่แข็งแกร่ง ลึกซึ้งซับซ้อนมากที่สุดก็คือกฎธรรมชาติพื้นฐานใหญ่สามกฎ ซึ่งเป็นเสาหลักใหญ่สี่เสาคอยค้ำจุนระบบกฎธรรมชาติซึ่งนั่นก็คือ กฎธรรมชาติเวลา กฎธรรมชาติชาติอวกาศ กฎธรรมชาติเป็นตาย
ทะเลดำซึ่งแต่เดิมบรรจุไปด้วยรัศมีมรณะและมีแต่เพียงหลุมน้ำเงินจึงแฝงด้วยกฎชีวิต หลังจากบำรุงเลี้ยงมาถึงหมื่นปี สมบัติทั้งหมดและวัตถุที่ถูกโยนลงไปในทะเลมรณะได้หายไปหมด ตำหนักศักดิ์สิทธิ์เปลี่ยนไป และการแยกระหว่างรังสีเป็นและตายในทะเลสุคติไม่มีการแบ่งแยกที่ชัดเจนเหมือนในอดีตอีกต่อไป แต่ค่อยๆ เปลี่ยนแปลงกลายเป็นหนึ่งเดียว
หลังจากคลุกคลีกับจี๋เจ๋อและพวกมาช่วงระยะเวลาหนึ่ง อาซิ่นก็ได้รับความรู้ความเข้าใจกฎธรรมชาติมากขึ้น เขาเคยมีการรู้แจ้งและคาดเดาด้วยตัวเองบางอย่าง แต่เขาไม่สามารถบรรลุผ่านอุปสรรคที่เบาบางเหมือนกระดาษที่ขัดขวางเขาอยู่ จี๋เจ๋อและพวกที่เหลือช่วยให้เขาเข้าใจเรื่องนี้ชัดเจนมากขึ้น
เมื่อเขาถือกระบี่อมตะ เขาได้รับการรู้แจ้งสองสามอย่างทันที ห้องทั้งสิบสามภายในทะเลสุคติและวิญญาณทหารได้หลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียว และนั่นคือสาเหตุที่ทะเลสุคติอยู่ในกระบี่อมตะ
หลังจากเข้าใจเรื่องนั้น เขาทำแผนทันที
พลังของทะเลสุคติรุนแรงและน่ากลัวมาก ตราบใดที่เขาสามารถกระตุ้นพลังของทะเลสุคติได้ แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว
ในการคาดคำนวณของเขา เมื่อกฎธรรมชาติใบไม้ร่วงบนโซ่สัมผัสกับน้ำทะเลที่แฝงไปด้วยกฎเป็นกฎตาย กฎธรรมชาติเหล่านั้นจะถูกกัดกร่อนทันที
นั่นคือความแตกต่างกันระหว่างกฎธรรมชาติชั้นยอดและกฎธรรมชาติที่ด้อยกว่า ซึ่งไม่มีทางใกล้เคียงกันเลย
หลังจากรู้สึกว่ากฎธรรมชาติฤดูใบไม้ร่วงของตัวเขาเองเสื่อมสลายในระดับความเร็วที่น่าทึ่งและพยุหะเริ่มซึมเซาอย่างรวดเร็ว หน้าของชิวเทียนชิงเปลี่ยนไป ‘เป็นแบบนั้นไปได้ยังไง?’
น้ำทะเลดำยังคงขึ้นสูงและกัดกร่อนโซ่ต่อไป ทำให้ชิวเทียนชิงกดดันอย่างหนัก กฎธรรมชาติฤดูใบไม้ร่วงกำลังสลายเหมือนหิมะละลายซึ่งทำให้เขากลัว
‘น้ำทะเลดำคืออะไรกันแน่?’
‘ทำไมกฎธรรมชาติฤดูใบไม้ร่วงไม่สามารถทำอะไรได้?’
ชิวเทียนชิงรู้ว่าเขาไม่สามารถถอยได้ เขาคำรามและพ่นหมอกเลือดออกมา หมอกเลือดนี้ฉีดพุ่งไปตามโซ่ ซึ่งซึมเข้าไปในโซ่อย่างรวดเร็วและหายไป โซ่เปล่งรัศมีสว่างซึ่งส่งผลต่อโซ่ดำ
เมื่อทหารและขุนพลเห็นการการะทำของเขา พวกเขากัดลิ้นของพวกเขาและพ่นลงบนโซ่ของพวกเขาเองทำให้แรงกดดันจากน้ำทะเลดำลดลง
โซ่เปล่งแสงสว่าง
ความตั้งใจที่เย็นชาตรึงทะเลสุคติไว้อีกครั้ง น้ำแข็งฤดูใบไม้ร่วงปรากฏอีกครั้ง ซึ่งพอกหนายิ่งกว่าครั้งก่อน และน้ำแข็งฤดูใบไม้ร่วงแผ่ขยายรอบโซ่ ทำให้ส่วนที่ดำจางลงไป
อาซิ่นยังคงเฉยเมย เหมือนกับว่าเขาไม่เห็นอะไร
ขณะนั้นเอง แค่เพียงอาซิ่นออกมายืนเหนือน้ำทะเล ร่างทหารเลือนรางทั้งหมดจมลงใต้ทะเล อาซิ่นไม่สนใจชั้นน้ำแข็งที่ฤดูใบไม้ร่วงที่กลับฟื้นขึ้นมาใหม่อีกต่อไป เขาเพียงแต่ดูน้ำทะเลใต้เท้าและมีสีหน้าคาดหวัง
ครืนนน!
ทะเลสุคติปล่อยเสียงดัง น้ำทะเลเริ่มปั่นป่วนเกรี้ยวกราด ลมพายุเริ่มพัดเหมือนกับว่ามังกรทะเลร้ายกำลังสร้างความพินาศ
บนผิวน้ำ อาซิ่นยืนนิ่งไม่มีขยับ ตาของเขาเปล่งประกายเจิดจ้า ขณะที่ใบหน้าของเขามีท่าทางตื่นเต้น เขาคำรามลั่น “ออกมา!”
เสียงครืนครันดังไม่หยุด เหมือนกับว่าแผ่นดินในเหวลึกใต้น้ำกำลังแยกออก
ท้องฟ้ามืดมิดทันที เมฆรวมตัวจากทั่วทุกแห่ง เดิมทียังเป็นเวลากลางวันกระจ่างเปลี่ยนเป็นมืดมิดเต็มไปด้วยเมฆ แสงสายฟ้าสีเงินแปลบปลาบเหมือนกระบี่เงินในท้องฟ้า ขณะที่ฟ้าผ่าเปรี้ยงดังสะท้านหัวใจทุกคน
หน้าของทุกคนตกตะลึง
ปรากฏการณ์ธรรมชาติ!
มันคือปรากฏการณ์ตามธรรมชาติในตำนาน! ตำนานกล่าวไว้ว่าเมื่อหลายอย่างที่ผิดธรรมดาเกิดขึ้นหรือปะทะชนกัน ปรากฏการณ์ที่สมควรจะตามมา นี่เรียกว่าปรากฏการณ์ซึ่งความจริงก็คือการสะท้อนของกฎธรรมชาติ แต่เป็นการยากมากที่จะกระตุ้นการสะท้อนของกฎธรรมชาติ ในแดนบาป ยังนับได้ว่าง่ายกว่า เหมือนกับที่กู้เสวี่ยสร้างสายรุ้งในท้องฟ้าด้วยตัวนางเองเมื่อตอนที่นางรู้แจ้ง แต่ในดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ ที่ซึ่งพลังงานอุดมสมบูรณ์ ความยากที่จะกระตุ้นปรากฏการณ์ตามธรรมชาติได้ถือว่ายากมาก ยากยิ่งกว่าแดนบาปหลายเท่า นั่นคือเหตุผลที่ปรากฏการณ์ธรรมชาติเป็นตำนาน
ทุกคนกลั้นหายใจขณะที่เบิกตากว้าง กลัวว่าอาจจะพลาดรายละเอียดแม้เล็กน้อย
ในเมืองอื่นของทวีปเซียน คนนับไม่ถ้วนบินขึ้นท้องฟ้าขณะที่พวกเขามองมาทางที่ทำการกองทัพตระกูลชิวด้วยความตกใจ พวกเขารู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงพลังงานที่แปลกประหลาดรอบตัวพวกเขา แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ปรากฏการณ์ธรรมชาติเป็นเครื่องบ่งชี้ว่ามีบางอย่างที่ทรงพลังมาก
แม้แต่ถังเทียนเองก็ตะลึงตามไปด้วย ทะเลสุคติซึ่งไม่เคยปั่นป่วนมาก่อนในมือของเขากลับสามารถสร้างปรากฏการณ์ธรรมชาติในมือของอาซิ่นได้ นับว่าเป็นเรื่องประหลาดจริงๆ
‘สายตาของข้าแหลมจริงๆ!’
ถังเทียนดีใจที่ตัวเองมีสายตายาวไกลขณะที่เขาลืมตามองดูปรากฏการณ์ เขามีความสงสัยอยู่ไม่น้อย แม้ว่าเขาจะเป็นคนสร้างกระบี่อมตะ แต่เขาก็ยังตกใจต่อภาพที่เห็น
ในใจของเขา เขารู้สึกตื่นเต้นและคาดหวังโดยไม่คำนึงว่าสถานการณ์จะเป็นยังไง กระบี่อมตะก็ปล่อยให้ตัวเองเท่าเทียมกัน
‘ทั้งหมดเป็นกลุ่มของตำนาน!’
ขณะนั้นคนที่อยู่ภายใต้แรงกดดันมากที่สุดย่อมเป็นชิวเทียนชิงอย่างมิต้องสงสัย น้ำแข็งฤดูใบไม้ร่วงที่ทรงพลังแต่เดิมพบกับการกำราบที่มองไม่เห็น หน้าของเขาบิดเบี้ยวน่าเกลียด ‘กฎธรรมชาติฤดูใบไม้ร่วงของข้ามักจะไร้เทียมทานเสมอไม่มีอะไรหยุดได้ แม้แต่ม่านพลังก็ไม่สามารถหยุดพลังของมันได้ นั่นเป็นพลังกำราบแบบไหนกัน?’
เขาเต็มไปด้วยความสงสัย ปราการณ์ในท้องฟ้าข่มขู่คุกคามความกระตือรือร้นของเขา หน้าของเขาซีดขาว เป็นครั้งแรกที่เค้ารางพ่ายแพ้ปรากฏในใจของเขาตั้งแต่เขาเริ่มสู้รบ ‘ภูตผีที่อยู่ต่อหน้าเขาซึ่งสามารถสร้างปรากฏการณ์ธรรมชาติคืออะไรกันแน่ ?’
ความหยิ่งยโสที่แสดงออกมาหายไปทันที ชิวเทียนชิงปรารถนาจะสู้
ทันใดนั้นชิวเทียนชิงกัดลิ้นของเขาและพ่นเลือดออกจากปาก ความเจ็บปวดทำให้เขาตื่นตัวทันที ความกลัวปรากฏในใจเขา ในฐานะคนที่ผ่านการสู้รบมาหลายร้อยศึก เขารู้สถานการณ์แบบนั้น เขาต้องมุ่งมั่นมากยิ่งขึ้น การลังเลและกลัวแม้แต่เล็กน้อยมีแต่จะทำให้พวกเขาตาย นั่นคือสถานการณ์สู้รบเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย โอกาสมีชีวิตรอดอาจหายไปจากสนามรบ
เขาบินเข้ามาอยู่ตรงกลางกลุ่มทหารของเขา ด้วยสีหน้าจริงใจ เขาภาวนาด้วยเสียงเบา “ตระกูลชิวของข้าจากดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ ไม่เคยล่มสลายมาเป็นพันๆ ปี เชื้อไฟของมรดกจะตกทอดให้คนแซ่ชิวเท่านั้น”
ทุกคำที่เขาพูดจะกระตุ้นกลุ่มหมอกขาวจากทหารทุกคน ในพริบตาหมอกขาวก็คลุมรอบกองทัพกระกูลชิว
ที่อยู่เหนือทะเลสีดำ กลุ่มหมอกขาวคล้ายเมฆเลื่อนลงมาจากโซ่
ปัง!
เกิดเสียงระเบิดดังลั่น ระเบิดระลอกสีดำนับครั้งไม่ถ้วน
ตำหนักทองแดงเด่นสง่าค่อยๆ ผุดขึ้นจากผิวน้ำ ประตูขนาดใหญ่ถูกปิดผนึกไว้ และบนประตูมีดาวสีดำสี่ดวงเรียงตัวเป็นรูปกางเขนเลือนราง กำแพงสี่ด้าน มีคำว่า ‘ไม่จำเป็นต้องปกป้อง พักผ่อนอย่างสงบ’ โซ่แดงสิบสองสายสามารถมองเห็นได้อยู่บนยอดตำหนัก ปลายอีกด้านหนึ่งทอดลึกลงไปในทะเล
ถังเทียนรู้สึกว่าตำหนักบรอนซ์นั้นคุ้นเคยมาก เหมือนกับว่าเขาเคยเห็นมาก่อน หลังจากนั้นชั่วขณะ เขาตบศีรษะตนเองทันที ‘นั่นคือห้องวิญญาณของกองทัพดาวกางเขนใต้ไม่ใช่หรือ?’
เขาตกใจ, เขามีความคิดหนึ่งทันที ‘หรือว่าจะเป็น...’
อาซิ่นเหลือบมองฟ้าโดยไม่แหงนหน้า หน้าของเขาไม่ได้หันไปจากทะเลสุคติด้านใต้ตัวเขา เมื่อเขาเห็นตำหนักบรอนซ์ เขาพึมพำ “ขอโทษด้วย...ตำหนักศักดิ์สิทธิ์”
เมื่อเขาเห็นว่าไม่มีป้ายบรอนซ์อยู่บนเส้นสายสีแดง หน้าของเขายังคงยิ้ม
ในอากาศ ชิวเทียนชิงยังคงสวดภาวนา
“เกราะกันลมไม่สามารถทำลายควาดสดใสของฤดูใบไม้ร่วงได้ ความปรารถนาของฤดูใบไม้ร่วงจะเติมเต็มหัวใจข้า ซึ่งเป็นแหล่งที่มาธรรมชาติสามอย่าง จงเรียกลมฤดูใบไม้ร่วง ฝนฤดูใบไม้ร่วง น้ำแข็งฤดูใบไม้ร่วง เพื่อให้สิ่งมีชีวิตทั้งหมดสิ้นสุดลงอย่างเดียวดาย ชีวิตมิอาจรอดได้ เวลามิอาจกลับคืน
เสียงของเขาไม่ดัง แต่ทุกคำที่เขากล่าวจะเพิ่มพูนหมอกสีขาวและขยายรัศมีได้อย่างน่าอัศจรรย์
ชี่ ชี่ ชี่!
ในกองทัพตระกูลชิว พื้นเท้า หัวใจและหน้าของพวกเขากระจายกลุ่มหมอกเลือดออกมา เมื่อหมอกเลือดแยกออกมาจากร่างของพวกเขา พวกเขาถึงกับซีดขาวด้วยความเร็วที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า พวกเขาไม่ได้หายไป แต่ผสานเข้ากับหมอกขาวในท้องฟ้า
หมอกขาวซึมเข้าไปในโซ่ทำให้โซ่เป็นประกาย ขณะที่เสียงกระหึ่มคลุมไปทั้งท้องฟ้าเหมือนกับว่าความกราดเกรี้ยวโมโหครอบคลุมไปทั้งทะเลสุคติ
สีหน้าของแม่ทัพหัวเปลี่ยนไป เขาถูกความตกใจครอบงำ เขาไม่เคยคาดเลยว่าการสู้รบจะกลายเป็นสิ้นหวัง พลังของทั้งสองฝ่ายเกินคาดหมายของเขาไปมาก วิธีการที่ต่างระดับทำให้เขาสั่นสะท้านขณะที่เวลาผ่านไป
‘ดี, อย่างนั้นก็แค่สู้ อย่างน้อยข้ายังจะมีชีวิตต่อไปหลังจากนี้’
เขาเหลือบมองชิวเทียนชิงด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อนในใจ
หน้าของชิวเทียนชิงเปลี่ยนเป็นสีทอง รัศมีของเขาเหมือนกับเป็นหนึ่งในเทพเจ้า แต่แม่ทัพหัวรู้ว่าชิวเทียนชิงได้ทุ่มเดิมพันทุกอย่างในการสู้รบ ต่อให้เขาชนะ กองทัพของชิวเทียนชิงก็คงได้รับความสูญเสียรุนแรงจากการทุ่มเทพลังของพวกเขา
‘แย่จริงๆ!’
ไม่ใช่เรื่องดีสำหรับมิตรสหายที่พวกเขาต้องทนทุกข์ได้รับความเสียหายในช่วงเวลาสำคัญนั้น แต่เขาไม่เคยยื่นมือช่วยในเวลาอย่างนั้น ต่อให้มีคนทุบตีเขาปางตายก็ตาม แม่ทัพหัวไม่แน่ใจว่าชิวเทียนชิงจะยังมีเหตุผลในใจ ตระกูลเมซฟิลด์เปิดเผยวิธีการที่แปลกประหลาด และเพราะเหตุผลบางอย่าง แม่ทัพหัวผู้ไม่กลัวอะไร รู้สึกเคารพและกลัวคนจากตระกูลเมซฟิลด์
ในขณะนั้นประตูบรอนซ์เปิดออกทันที
ตาของทุกคนมองเขม็งทันที
ร่างสีดำร่างหนึ่งออกมาจากตำหนัก ร่างสีดำนี้ถูกสร้างมาจากน้ำทะเลของทะเลสุคติ มีรอยร้าวสีแดงคล้ายบาดแผลอยู่บนร่างของเขา
‘นั่น...นั่นคือร่างเลือนรางของทหารจากเมื่อก่อน!’
ก่อนที่ทุกคนจะทันรู้ตัว มนุษย์น้ำสีดำก็เดินออกมาอีก พร้อมกับร่างที่มีรอยแผลสีแดง
ร่างมนุษย์น้ำร่างแล้วร่างเล่าโผล่ออกมานับไม่ถ้วนพวกเขาเดินออกมาจากตำหนักบรอนซ์
เหมือนกับว่าตำหนักบรอนซ์จะมีมนุษย์น้ำสีดำกรูออกมาจากในนั้นเหมือนกับกลุ่มปลา มนุษย์ร่างดำไม่เคยพูดอะไรสักคำ และเดินออกมาหยุดยืนข้างๆ อาซิ่น
จำนวนมนุษย์ร่างดำรอบตัวอาซิ่นเพิ่มขึ้น พวกเขาจัดรูปกระบวนอย่างเข้มงวด
เมื่อมนุษย์สีน้ำดำคนสุดท้ายเดินออกมาจากตำหนักบรอนซ์ ประตูบรอนซ์ปิดลงอย่างเงียบๆ และจมลงในทะเลสุคติเงียบๆ
กระบวนศึกหนาแน่นสง่างาม