ตอนที่แล้วตอนที่ 906 พยุหะโซ่ใบไม้ร่วง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 908 เคียงไหล่ร่วมสู้ตลอดไป

ตอนที่ 907 วังศักดิ์สิทธิ์


ความเคลื่อนไหวของอาซิ่นคาดไม่ถึงและง่าย  ขณะที่เขาปล่อยกระบี่อมตะในมือ  กระบี่อมตะร่วงลงไปในทะเลสุคติ  แต่ไม่ทำให้น้ำกระเซ็น

‘อะไรกันนั่น?’ ทุกคนมีแววสับสนในดวงตา  โซ่ใบไม้ร่วงกวาดล้างของชิวเทียนชิวตรึงพื้นที่ไว้เรียบร้อยแล้ว และทุกคนกำลังรอดูว่าอาซิ่นจะพึ่งพาวิชาอะไร

โซ่ใบไม้ร่วงกวาดล้างไม่ได้มีรัศมีที่ทรงพลัง  แต่หมอกของมันได้ตรึงทะเลสุคติไว้อย่างสมบูรณ์ป้องกันไม่ให้อาซิ่นหนีได้   ในกองทัพที่สู้รบ การถูกกำกับพื้นที่ได้ ก็หมายความว่าทั้งสองฝ่ายจะถูกบังคับให้สู้กันจนตาย

สถานการณ์ตกอยู่ในสภาพเช่นนั้น

โซ่ใบไม้ร่วงกวาดล้างของชิวเทียนชิงตรึงและจำกัดพื้นที่ไว้ บังคับให้อาซิ่นไม่สามารถหลบได้  แต่ขณะเดียวกันกองทัพของชิวเทียนชิงก็ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้

ถ้าอาซิ่นสามารถทำลายโซ่ใบไม้ร่วงกวาดล้างได้  ชิวเทียนชิงและกองทัพของเขาจะต้องเจ็บตัวจากผลกระทบที่รุนแรง  และถ้าอาซิ่นไม่สามารถออกมาจากโซ่ใบไม้ร่วงกวาดล้าง  อย่างนั้นจะมีจุดจบเพียงอย่างเดียวสำหรับเขา ซึ่งก็คือตายภายในกระบวนรบ

แม่ทัพหัวส่ายศีรษะ  แม้ว่าโซ่ใบไม้ร่วงกวาดล้างของชิวเทียนชิวจะไม่ใช่สนามพลังกฎธรรมชาติแท้  แต่ก็ใกล้เคียงอย่างมิต้องสงสัย  แม่ทัพหัวไม่สามารถคิดหาวิธีการใดๆ เพื่อให้หลบหนีออกมาได้  ถ้าเขาเป็นคนที่ติดอยู่ในนั้น  เขารู้สึกว่าเขาคงจะหนีออกมาได้ลำบาก

ศักดิ์ศรีของเขาไม่ด้อยไปกว่าชิวเทียนชิง  แต่ขณะนั้นเอง เขารู้สึกนับถือต่อชิวเทียนชิงนัก  ตระกูลชิวมีท้าทายฟ้าได้จริงๆ  นอกจากสร้างชิวซิ่วหัวได้แล้ว  พวกเขายังสร้างชิวเทียนชิงได้

ในตอนแรก เขามีความคาดหวังบางอย่างต่อขุนพลวิญญาณที่ชื่ออาซิ่น  ยศชั้นพลเอกทำให้เขามีจินตนาการมากมาย  แต่เมื่อเขาเห็น อาซิ่นปล่อยกระบี่อมตะลงในทะเลสุคติ  เขาผิดหวัง

เขาหัวเราะเยาะเย้ยตนเอง ‘นี่เป็นเรื่องธรรมดา  กลุ่มการค้าเมซฟิลด์เป็นแค่ตระกูลชั้นสูงระดับล่างๆ  พวกเขาจะมีขุนพลวิญญาณชั้นพลเอกได้ยังไง?’

‘น่าเสียดายที่พวกเขาไม่ได้มาจากอัศวินพิเศษกวงหมิง’  เขาพึมพำในใจ  ถ้าพวกเขาเป็นอัศวินพิเศษกวงหมิง ก็คงจะสมบูรณ์แบบ  อัศวินพิเศษกวงหมิงเป็นเป้าหมายใหญ่ของพวกเขา  และถ้าพวกเขาสามารถตระหนักถึงเป้าหมายพวกเขาได้  พวกเขาจะสามารถทอนกำลังของตระกูลชิว ยิงกระสุนนัดเดียวได้นกสองตัว

ภายในพยุหะ กฎธรรมชาติแผ่ทั่วไปหมด หมอกเทาค่อยๆ ซึมเข้าร่างอาซิ่นและร่างทหารเลือนราง เกิดน้ำแข็งสีเทาเกาะบนร่างของพวกเขา ความทรุดโทรมและรัศมีเสื่อมโทรมฉายออกมาจากร่างของพวกเขาทำให้พวกเขาดูเหมือนป่าในฤดูใบไม้ร่วง

น้ำแข็งฤดูใบไม้ร่วงสีขาวคล้ายกับตะไคร่แปลกประหลาดที่งอกแผ่ออกไปด้วยความเร็วที่มองเห็นได้  ในเวลาอันรวดเร็วทหารหนึ่งในสามถูกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งฤดูใบไม้ร่วง  และเมื่อร่างของพวกเขาถูกปกคลุมหมดสิ้น ชีวิตของพวกเขาจะจบลง

พวกเขาไม่มีร่างหยาบ  แต่พวกเขายังสามารถสูญสลายได้ เวลานั้นจะไม่มีอะไรเหลืออยู่

จี๋เจ๋อจ้องดูจนเขาแทบหายใจได้เฮือกเดียว  เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นสนามพลังกฎธรรมชาติ  แม้ว่าจะเป็นสนามพลังกฎธรรมชาติที่ยังไม่สมบูรณ์  แต่ก็นับว่าใกล้เคียงมากแล้ว  หรืออาจจะมีคุณสมบัติที่เป็นเอกลักษณ์หลายอย่างของกฎธรรมชาติอยู่แล้ว  ตัวอย่างเช่น น้ำแข็งฤดูใบไม้ร่วงมีฤทธิ์กัดกร่อนของกฎธรรมชาติฤดูใบไม้ร่วง  ม่านพลังใดๆ ของดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์จะเป็นเหมือนอากาศเมื่ออยู่ต่อหน้าสนามพลัง ฤทธิ์กัดกร่อนของสนามพลังอยู่เหนือระดับพลังงาน ดังนั้นจึงทำให้มันน่ากลัวมาก

ขณะนั้นเองทะเลสุคติที่สงบเกิดการเปลี่ยนแปลง

ทะเลสุคติพลันมีชีวิต น้ำทะเลที่ดำเหมือนหมึกไหลเข้าหาโซ่  ทุกแห่งที่น้ำไหลผ่านเส้นสีทองสว่างจะหมองลง โซ่สีเทาเปลี่ยนเป็นสีดำ เป็นฉากภาพที่น่าทึ่ง

น้ำทะเลสีดำไม่เพียงแต่มีผลต่อโซ่สีเทาเท่านั้น ระดับของทะเลทั้งหมดกำลังเพิ่มขึ้นราวกับว่าสัตว์ประหลาดทะเลบางตัวกำลังจะตื่นขึ้น

สิ่งที่ทุกคนตกใจก็คืออาซิ่นและทหาร พวกเขาไม่ได้พยายามหลบ  ทหารที่ร่างพร่าเลือนยังยืนนิ่งไม่ไหวติง

น้ำทะเลสีดำสนิทคล้ายกลับหมึกเพิ่มระดับสูงอย่างต่ำที่สุดถึงข้อเท้า  เมื่อรอยร้าวสีแดงบนตัวทหารสว่างวาบขึ้น น้ำทะเลก็ขึ้นสูงถึงน่อง ต้นขา เอว และน้ำแข็งฤดูใบไม้ร่วงพอสัมผัสกับน้ำทะเลก็หายไปทันที

ทะเลสุคติยังคงเพิ่มระดับต่อเหมือนสัตว์ร้ายกระหายที่น่ากลัว กลืนทุกอย่างที่มันกลืนได้

‘นั่นมันวิธีแบบไหนกัน?’

จี๋เจ๋อตะลึง  ‘น้ำสีดำนั่นคืออะไร?’ พยุหะของอีกฝ่ายหนึ่งก่อตัวอย่างสมบูรณ์เลียนแบบสนามพลังกฎธรรมชาติ  เส้นสีทองบนโซ่สีเทาก็คือกฎธรรมชาติฤดูใบไม้ร่วง  แต่พวกมันไม่สามารถต้านน้ำสีดำได้

‘นะ นะ นั่น...’

ตาของจี๋เจ๋อจับนิ่งอยู่ที่ทะเลสุคติ  ในที่สุดเขาก็ตระหนักรู้ได้ว่าเขาละเลยทะเลสุคติไปอย่างสิ้นเชิง  ชั่วขณะนั้น เขาขมวดคิ้ว และต่อมาเขาผ่อนคลาย  ใจของเขาอยู่ในความสับสน  ‘น้ำสีดำนั่นคืออะไร?  เป็นพลังงานแบบไหน?  ไม่, พลังงานทั้งหมดไม่สามารถเอาชนะกฎธรรมชาติฤดูใบไม้ร่วงได้ง่ายๆ  มันคือกฎธรรมชาติน้ำหรือเปล่า?’  จี๋เจ๋อส่ายศีรษะ การปะทะกันระหว่างกฎธรรมชาติไม่เคยเงียบขนาดนั้น เว้นแต่มีความแตกต่างระหว่างกฎธรรมชาติทั้งสองมากเกินไป

โซ่ใบไม้ร่วงกวาดล้างเป็นส่วนหนึ่งของกฎธรรมชาติฤดูใบไม้ร่วง  และก้าวเข้าสู่สนามพลังกฎธรรมชาติแล้ว  สิ่งที่สูงกว่านั้นก็มีแต่เพียงสนามพลังกฎธรรมชาติ

‘หรือว่าทะเลสุคติจะเป็นสนามพลังกฎธรรมชาติ?’  จี๋เจ๋อตะลึง

แม่ทัพหัวมีสีหน้าตกตะลึง  เขาจ้องมองน้ำทะเลสีดำที่ไหลขึ้นมาและสัมผัสโซ่สีเทา  ความคิดของเขากลายเป็นสับสน  ก่อนนั้นเถาที่เหมือนโซ่ทิ้งตัวลงมาอย่างย่ามใจ สร้างความประหลาดใจอย่างมากมาย  ตอนนี้น้ำทะเลดำกลับขึ้นสูงขึ้นมาด้วยความเร็วพอกัน และยังเพิ่มขึ้นต่อไป

‘พวกเขากระทำตรงกันข้ามกันหรือนี่?’

‘น้ำทะเลก็สามารถกัดกร่อนโซ่ได้’  แม่ทัพหัวตกใจ แต่...

สายตาของเขาจับนิ่งอยู่ที่น้ำทะเล คลื่นที่ดูเหมือนสัตว์ประหลาดกำลังกลืนร่างทหารเลือนราง  แต่ทหารนั้นไม่ได้ขยับหลีกหนีเลยสักนิด เหมือนกับว่าพวกเขาลืมไปว่าน้ำกำลังขึ้น

‘หรือว่าพวกเขายอมเสียสละเอง?’

แม่ทัพหัวไม่สามารถทำความเข้าใจสถานการณ์ได้  ใช่แล้ว มีหลายอย่างที่เขาไม่สามารถเข้าใจได้

อาซิ่นสามารถคาดเดาได้จากสีหน้าของทุกคน เขายิ้มอย่างไม่ปิดบัง ‘พวกเขาจะคาดเดาได้ยังไงว่ามันคืออะไร?’

‘พวกเขาไม่มีทางรู้ว่าทะเลสุคติคืออะไร’

ตั้งแต่แรกเริ่ม เขาไม่เคยตั้งใจจะใช้วิญญาณของกระบี่อมตะเพื่อต่อสู้กับศัตรู  เขาไม่ยินดีจะทำเช่นนั้น  ความอาวรณ์ของพวกเขาลึกมาก  แต่เป็นความอาวรณ์ล้วนๆ เมื่อได้รับทุกข์ทรมานจากความเสียหาย  พวกเขาจะสูญหายไปจากโลกและไม่เหลืออะไรไว้เลยตลอดกาล

เขาไม่ยินดีจะทำจริงๆ

เขามีวิธีอื่น และนั่นก็คือทะเลสุคติ

ไม่มีใครรู้ว่าทะเลสุคติคืออะไร หรือว่ามาจากไหน  พวกเขาไม่สนใจทะเลสุคติอย่างสิ้นเชิง  แต่เป็นสิ่งประหลาดที่ยากจะหยั่งถึง

ทะเลสุคติสร้างขึ้นโดยกองทัพดาวกางเขนใต้โดยใช้เวลานานนับไม่ได้   นี่เคยเป็นทะเลแห่งความตายและปล่อยกลิ่นอายมรณะ  แม้ถ้าใครบางคนเข้าไปใกล้  พวกเขาจะถูกกลิ่นอายมรณะกัดกร่อน  หลังจากนั้นผู้บัญชาการใหญ่ตระหนักได้ว่ากลิ่นอายมรณะนั้นก็คือกฎมรณะนั่นเองและแม้จะเต็มไปด้วยอันตรายต่อสิ่งมีชีวิต แต่ก็มีประโยชน์มากต่อผู้ตายแล้ว

นอกจากนี้สิ่งที่น่าอัศจรรย์ที่สุดเกี่ยวกับทะเลมรณะก็คือลึกลงไปในนั้น ในใจกลางที่รัศมีมรณะกล้าแข็งที่สุด จะมีหลุมน้ำเงินคงอยู่ซึ่งเก็บพลังชีวิตไว้มากมายน่าพิศวง

จากตายมาเป็น, จากศพมาเป็นบัว

ผู้บัญชาการใหญ่รู้อนาคตที่น่าอัศจรรย์ของทะเลมรณะ และพบสมบัตินับไม่ถ้วนและวัตถุมีวิญญาณโยนใส่ไปในทะเลมรณะ และเริ่มสร้างตำหนักวิญญาณภายในหลุมน้ำเงิน  และเรียกว่า ‘ตำหนักเป็น’ ในส่วนอื่นของทะเลมรณะ ผู้บัญชาการใหญ่สร้างวังเรียงรายสิบสองตำหนัก  แล้วเรียกว่า ‘ตำหนักตาย’ ที่ใช้ปกป้องทะเลมรณะ  ตำหนักตายและตำหนักเป็นทุกแห่งจะเชื่อมโยงกันด้วยโซ่ที่มีป้ายสลักชื่อทหารนับไม่ถ้วนผู้เสียสละตัวเองอยู่ในนั้น

นี่จึงกลายเป็นทะเลสุคติ และผ่านความเพียรพยายามของกองทัพดาวกางเขนใต้  ทะเลสุคติจึงเปลี่ยนแปลงได้สำเร็จหลังจากผ่านมาหมื่นปี

คนอื่นอาจมองข้ามพลังของทะเลสุคติ  แต่ไม่ใช่อาซิ่น  เนื่องจากเขาเป็นส่วนของกลุ่มงานที่ช่วยสร้างทะเลสุคติ  กองทัพดาวกางเขนใต้ไม่เชี่ยวชาญในกฎธรรมชาติ  แต่พวกเขารู้ความลึกลับของการสร้างชีวิตจากความตาย  พวกเขาไม่เคยคิดเปลี่ยนทะเล  แต่ช่วยหล่อเลี้ยง และผ่านการหล่อเลี้ยง  พวกเขาก็สร้างสิ่งที่ดูเหมือนสิ่งมีชีวิตขึ้นมา

กฎธรรมชาติฤดูใบไม้ร่วงของชิวเทียนชิงทรงพลังอย่างแท้จริงและอาจกล่าวได้ว่าเหนือล้ำในกลุ่มสหายเครือข่ายของเขา  แต่ถ้าชิวเทียนชิงมีชีวิตอยู่ในแดนบาป เขาจะตระหนักว่าบรรดากฎธรรมชาติต่างๆ มีความไม่เท่าเทียมกัน ยังมีทั้งเหนือกว่าและด้อยกว่า

กฎที่แข็งแกร่ง ลึกซึ้งซับซ้อนมากที่สุดก็คือกฎธรรมชาติพื้นฐานใหญ่สามกฎ ซึ่งเป็นเสาหลักใหญ่สี่เสาคอยค้ำจุนระบบกฎธรรมชาติซึ่งนั่นก็คือ กฎธรรมชาติเวลา  กฎธรรมชาติชาติอวกาศ  กฎธรรมชาติเป็นตาย

ทะเลดำซึ่งแต่เดิมบรรจุไปด้วยรัศมีมรณะและมีแต่เพียงหลุมน้ำเงินจึงแฝงด้วยกฎชีวิต  หลังจากบำรุงเลี้ยงมาถึงหมื่นปี สมบัติทั้งหมดและวัตถุที่ถูกโยนลงไปในทะเลมรณะได้หายไปหมด  ตำหนักศักดิ์สิทธิ์เปลี่ยนไป  และการแยกระหว่างรังสีเป็นและตายในทะเลสุคติไม่มีการแบ่งแยกที่ชัดเจนเหมือนในอดีตอีกต่อไป  แต่ค่อยๆ เปลี่ยนแปลงกลายเป็นหนึ่งเดียว

หลังจากคลุกคลีกับจี๋เจ๋อและพวกมาช่วงระยะเวลาหนึ่ง  อาซิ่นก็ได้รับความรู้ความเข้าใจกฎธรรมชาติมากขึ้น  เขาเคยมีการรู้แจ้งและคาดเดาด้วยตัวเองบางอย่าง  แต่เขาไม่สามารถบรรลุผ่านอุปสรรคที่เบาบางเหมือนกระดาษที่ขัดขวางเขาอยู่  จี๋เจ๋อและพวกที่เหลือช่วยให้เขาเข้าใจเรื่องนี้ชัดเจนมากขึ้น

เมื่อเขาถือกระบี่อมตะ  เขาได้รับการรู้แจ้งสองสามอย่างทันที  ห้องทั้งสิบสามภายในทะเลสุคติและวิญญาณทหารได้หลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียว  และนั่นคือสาเหตุที่ทะเลสุคติอยู่ในกระบี่อมตะ

หลังจากเข้าใจเรื่องนั้น  เขาทำแผนทันที

พลังของทะเลสุคติรุนแรงและน่ากลัวมาก  ตราบใดที่เขาสามารถกระตุ้นพลังของทะเลสุคติได้  แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว

ในการคาดคำนวณของเขา  เมื่อกฎธรรมชาติใบไม้ร่วงบนโซ่สัมผัสกับน้ำทะเลที่แฝงไปด้วยกฎเป็นกฎตาย  กฎธรรมชาติเหล่านั้นจะถูกกัดกร่อนทันที

นั่นคือความแตกต่างกันระหว่างกฎธรรมชาติชั้นยอดและกฎธรรมชาติที่ด้อยกว่า  ซึ่งไม่มีทางใกล้เคียงกันเลย

หลังจากรู้สึกว่ากฎธรรมชาติฤดูใบไม้ร่วงของตัวเขาเองเสื่อมสลายในระดับความเร็วที่น่าทึ่งและพยุหะเริ่มซึมเซาอย่างรวดเร็ว  หน้าของชิวเทียนชิงเปลี่ยนไป  ‘เป็นแบบนั้นไปได้ยังไง?’

น้ำทะเลดำยังคงขึ้นสูงและกัดกร่อนโซ่ต่อไป  ทำให้ชิวเทียนชิงกดดันอย่างหนัก  กฎธรรมชาติฤดูใบไม้ร่วงกำลังสลายเหมือนหิมะละลายซึ่งทำให้เขากลัว

‘น้ำทะเลดำคืออะไรกันแน่?’

‘ทำไมกฎธรรมชาติฤดูใบไม้ร่วงไม่สามารถทำอะไรได้?’

ชิวเทียนชิงรู้ว่าเขาไม่สามารถถอยได้  เขาคำรามและพ่นหมอกเลือดออกมา  หมอกเลือดนี้ฉีดพุ่งไปตามโซ่ ซึ่งซึมเข้าไปในโซ่อย่างรวดเร็วและหายไป  โซ่เปล่งรัศมีสว่างซึ่งส่งผลต่อโซ่ดำ

เมื่อทหารและขุนพลเห็นการการะทำของเขา  พวกเขากัดลิ้นของพวกเขาและพ่นลงบนโซ่ของพวกเขาเองทำให้แรงกดดันจากน้ำทะเลดำลดลง

โซ่เปล่งแสงสว่าง

ความตั้งใจที่เย็นชาตรึงทะเลสุคติไว้อีกครั้ง  น้ำแข็งฤดูใบไม้ร่วงปรากฏอีกครั้ง  ซึ่งพอกหนายิ่งกว่าครั้งก่อน และน้ำแข็งฤดูใบไม้ร่วงแผ่ขยายรอบโซ่ ทำให้ส่วนที่ดำจางลงไป

อาซิ่นยังคงเฉยเมย  เหมือนกับว่าเขาไม่เห็นอะไร

ขณะนั้นเอง แค่เพียงอาซิ่นออกมายืนเหนือน้ำทะเล  ร่างทหารเลือนรางทั้งหมดจมลงใต้ทะเล  อาซิ่นไม่สนใจชั้นน้ำแข็งที่ฤดูใบไม้ร่วงที่กลับฟื้นขึ้นมาใหม่อีกต่อไป  เขาเพียงแต่ดูน้ำทะเลใต้เท้าและมีสีหน้าคาดหวัง

ครืนนน!

ทะเลสุคติปล่อยเสียงดัง น้ำทะเลเริ่มปั่นป่วนเกรี้ยวกราด ลมพายุเริ่มพัดเหมือนกับว่ามังกรทะเลร้ายกำลังสร้างความพินาศ

บนผิวน้ำ อาซิ่นยืนนิ่งไม่มีขยับ  ตาของเขาเปล่งประกายเจิดจ้า  ขณะที่ใบหน้าของเขามีท่าทางตื่นเต้น  เขาคำรามลั่น  “ออกมา!”

เสียงครืนครันดังไม่หยุด  เหมือนกับว่าแผ่นดินในเหวลึกใต้น้ำกำลังแยกออก

ท้องฟ้ามืดมิดทันที เมฆรวมตัวจากทั่วทุกแห่ง  เดิมทียังเป็นเวลากลางวันกระจ่างเปลี่ยนเป็นมืดมิดเต็มไปด้วยเมฆ  แสงสายฟ้าสีเงินแปลบปลาบเหมือนกระบี่เงินในท้องฟ้า  ขณะที่ฟ้าผ่าเปรี้ยงดังสะท้านหัวใจทุกคน

หน้าของทุกคนตกตะลึง

ปรากฏการณ์ธรรมชาติ!

มันคือปรากฏการณ์ตามธรรมชาติในตำนาน!  ตำนานกล่าวไว้ว่าเมื่อหลายอย่างที่ผิดธรรมดาเกิดขึ้นหรือปะทะชนกัน  ปรากฏการณ์ที่สมควรจะตามมา นี่เรียกว่าปรากฏการณ์ซึ่งความจริงก็คือการสะท้อนของกฎธรรมชาติ  แต่เป็นการยากมากที่จะกระตุ้นการสะท้อนของกฎธรรมชาติ  ในแดนบาป ยังนับได้ว่าง่ายกว่า  เหมือนกับที่กู้เสวี่ยสร้างสายรุ้งในท้องฟ้าด้วยตัวนางเองเมื่อตอนที่นางรู้แจ้ง  แต่ในดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ ที่ซึ่งพลังงานอุดมสมบูรณ์  ความยากที่จะกระตุ้นปรากฏการณ์ตามธรรมชาติได้ถือว่ายากมาก  ยากยิ่งกว่าแดนบาปหลายเท่า  นั่นคือเหตุผลที่ปรากฏการณ์ธรรมชาติเป็นตำนาน

ทุกคนกลั้นหายใจขณะที่เบิกตากว้าง  กลัวว่าอาจจะพลาดรายละเอียดแม้เล็กน้อย

ในเมืองอื่นของทวีปเซียน  คนนับไม่ถ้วนบินขึ้นท้องฟ้าขณะที่พวกเขามองมาทางที่ทำการกองทัพตระกูลชิวด้วยความตกใจ  พวกเขารู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงพลังงานที่แปลกประหลาดรอบตัวพวกเขา  แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้น  แต่ปรากฏการณ์ธรรมชาติเป็นเครื่องบ่งชี้ว่ามีบางอย่างที่ทรงพลังมาก

แม้แต่ถังเทียนเองก็ตะลึงตามไปด้วย  ทะเลสุคติซึ่งไม่เคยปั่นป่วนมาก่อนในมือของเขากลับสามารถสร้างปรากฏการณ์ธรรมชาติในมือของอาซิ่นได้  นับว่าเป็นเรื่องประหลาดจริงๆ

‘สายตาของข้าแหลมจริงๆ!’

ถังเทียนดีใจที่ตัวเองมีสายตายาวไกลขณะที่เขาลืมตามองดูปรากฏการณ์  เขามีความสงสัยอยู่ไม่น้อย  แม้ว่าเขาจะเป็นคนสร้างกระบี่อมตะ  แต่เขาก็ยังตกใจต่อภาพที่เห็น

ในใจของเขา  เขารู้สึกตื่นเต้นและคาดหวังโดยไม่คำนึงว่าสถานการณ์จะเป็นยังไง  กระบี่อมตะก็ปล่อยให้ตัวเองเท่าเทียมกัน

‘ทั้งหมดเป็นกลุ่มของตำนาน!’

ขณะนั้นคนที่อยู่ภายใต้แรงกดดันมากที่สุดย่อมเป็นชิวเทียนชิงอย่างมิต้องสงสัย  น้ำแข็งฤดูใบไม้ร่วงที่ทรงพลังแต่เดิมพบกับการกำราบที่มองไม่เห็น  หน้าของเขาบิดเบี้ยวน่าเกลียด  ‘กฎธรรมชาติฤดูใบไม้ร่วงของข้ามักจะไร้เทียมทานเสมอไม่มีอะไรหยุดได้  แม้แต่ม่านพลังก็ไม่สามารถหยุดพลังของมันได้  นั่นเป็นพลังกำราบแบบไหนกัน?’

เขาเต็มไปด้วยความสงสัย  ปราการณ์ในท้องฟ้าข่มขู่คุกคามความกระตือรือร้นของเขา  หน้าของเขาซีดขาว  เป็นครั้งแรกที่เค้ารางพ่ายแพ้ปรากฏในใจของเขาตั้งแต่เขาเริ่มสู้รบ ‘ภูตผีที่อยู่ต่อหน้าเขาซึ่งสามารถสร้างปรากฏการณ์ธรรมชาติคืออะไรกันแน่  ?’

ความหยิ่งยโสที่แสดงออกมาหายไปทันที ชิวเทียนชิงปรารถนาจะสู้

ทันใดนั้นชิวเทียนชิงกัดลิ้นของเขาและพ่นเลือดออกจากปาก  ความเจ็บปวดทำให้เขาตื่นตัวทันที  ความกลัวปรากฏในใจเขา  ในฐานะคนที่ผ่านการสู้รบมาหลายร้อยศึก  เขารู้สถานการณ์แบบนั้น  เขาต้องมุ่งมั่นมากยิ่งขึ้น  การลังเลและกลัวแม้แต่เล็กน้อยมีแต่จะทำให้พวกเขาตาย  นั่นคือสถานการณ์สู้รบเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย  โอกาสมีชีวิตรอดอาจหายไปจากสนามรบ

เขาบินเข้ามาอยู่ตรงกลางกลุ่มทหารของเขา  ด้วยสีหน้าจริงใจ  เขาภาวนาด้วยเสียงเบา  “ตระกูลชิวของข้าจากดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์  ไม่เคยล่มสลายมาเป็นพันๆ ปี เชื้อไฟของมรดกจะตกทอดให้คนแซ่ชิวเท่านั้น”

ทุกคำที่เขาพูดจะกระตุ้นกลุ่มหมอกขาวจากทหารทุกคน  ในพริบตาหมอกขาวก็คลุมรอบกองทัพกระกูลชิว

ที่อยู่เหนือทะเลสีดำ  กลุ่มหมอกขาวคล้ายเมฆเลื่อนลงมาจากโซ่

ปัง!

เกิดเสียงระเบิดดังลั่น  ระเบิดระลอกสีดำนับครั้งไม่ถ้วน

ตำหนักทองแดงเด่นสง่าค่อยๆ ผุดขึ้นจากผิวน้ำ  ประตูขนาดใหญ่ถูกปิดผนึกไว้  และบนประตูมีดาวสีดำสี่ดวงเรียงตัวเป็นรูปกางเขนเลือนราง  กำแพงสี่ด้าน มีคำว่า ‘ไม่จำเป็นต้องปกป้อง  พักผ่อนอย่างสงบ’ โซ่แดงสิบสองสายสามารถมองเห็นได้อยู่บนยอดตำหนัก ปลายอีกด้านหนึ่งทอดลึกลงไปในทะเล

ถังเทียนรู้สึกว่าตำหนักบรอนซ์นั้นคุ้นเคยมาก เหมือนกับว่าเขาเคยเห็นมาก่อน  หลังจากนั้นชั่วขณะ เขาตบศีรษะตนเองทันที  ‘นั่นคือห้องวิญญาณของกองทัพดาวกางเขนใต้ไม่ใช่หรือ?’

เขาตกใจ, เขามีความคิดหนึ่งทันที  ‘หรือว่าจะเป็น...’

อาซิ่นเหลือบมองฟ้าโดยไม่แหงนหน้า หน้าของเขาไม่ได้หันไปจากทะเลสุคติด้านใต้ตัวเขา  เมื่อเขาเห็นตำหนักบรอนซ์  เขาพึมพำ  “ขอโทษด้วย...ตำหนักศักดิ์สิทธิ์”

เมื่อเขาเห็นว่าไม่มีป้ายบรอนซ์อยู่บนเส้นสายสีแดง หน้าของเขายังคงยิ้ม

ในอากาศ ชิวเทียนชิงยังคงสวดภาวนา

“เกราะกันลมไม่สามารถทำลายควาดสดใสของฤดูใบไม้ร่วงได้  ความปรารถนาของฤดูใบไม้ร่วงจะเติมเต็มหัวใจข้า  ซึ่งเป็นแหล่งที่มาธรรมชาติสามอย่าง  จงเรียกลมฤดูใบไม้ร่วง  ฝนฤดูใบไม้ร่วง น้ำแข็งฤดูใบไม้ร่วง เพื่อให้สิ่งมีชีวิตทั้งหมดสิ้นสุดลงอย่างเดียวดาย ชีวิตมิอาจรอดได้  เวลามิอาจกลับคืน

เสียงของเขาไม่ดัง  แต่ทุกคำที่เขากล่าวจะเพิ่มพูนหมอกสีขาวและขยายรัศมีได้อย่างน่าอัศจรรย์

ชี่ ชี่ ชี่!

ในกองทัพตระกูลชิว พื้นเท้า หัวใจและหน้าของพวกเขากระจายกลุ่มหมอกเลือดออกมา  เมื่อหมอกเลือดแยกออกมาจากร่างของพวกเขา  พวกเขาถึงกับซีดขาวด้วยความเร็วที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า  พวกเขาไม่ได้หายไป  แต่ผสานเข้ากับหมอกขาวในท้องฟ้า

หมอกขาวซึมเข้าไปในโซ่ทำให้โซ่เป็นประกาย ขณะที่เสียงกระหึ่มคลุมไปทั้งท้องฟ้าเหมือนกับว่าความกราดเกรี้ยวโมโหครอบคลุมไปทั้งทะเลสุคติ

สีหน้าของแม่ทัพหัวเปลี่ยนไป  เขาถูกความตกใจครอบงำ  เขาไม่เคยคาดเลยว่าการสู้รบจะกลายเป็นสิ้นหวัง  พลังของทั้งสองฝ่ายเกินคาดหมายของเขาไปมาก วิธีการที่ต่างระดับทำให้เขาสั่นสะท้านขณะที่เวลาผ่านไป

‘ดี, อย่างนั้นก็แค่สู้  อย่างน้อยข้ายังจะมีชีวิตต่อไปหลังจากนี้’

เขาเหลือบมองชิวเทียนชิงด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อนในใจ

หน้าของชิวเทียนชิงเปลี่ยนเป็นสีทอง  รัศมีของเขาเหมือนกับเป็นหนึ่งในเทพเจ้า  แต่แม่ทัพหัวรู้ว่าชิวเทียนชิงได้ทุ่มเดิมพันทุกอย่างในการสู้รบ  ต่อให้เขาชนะ กองทัพของชิวเทียนชิงก็คงได้รับความสูญเสียรุนแรงจากการทุ่มเทพลังของพวกเขา

‘แย่จริงๆ!’

ไม่ใช่เรื่องดีสำหรับมิตรสหายที่พวกเขาต้องทนทุกข์ได้รับความเสียหายในช่วงเวลาสำคัญนั้น  แต่เขาไม่เคยยื่นมือช่วยในเวลาอย่างนั้น  ต่อให้มีคนทุบตีเขาปางตายก็ตาม แม่ทัพหัวไม่แน่ใจว่าชิวเทียนชิงจะยังมีเหตุผลในใจ ตระกูลเมซฟิลด์เปิดเผยวิธีการที่แปลกประหลาด และเพราะเหตุผลบางอย่าง แม่ทัพหัวผู้ไม่กลัวอะไร รู้สึกเคารพและกลัวคนจากตระกูลเมซฟิลด์

ในขณะนั้นประตูบรอนซ์เปิดออกทันที

ตาของทุกคนมองเขม็งทันที

ร่างสีดำร่างหนึ่งออกมาจากตำหนัก  ร่างสีดำนี้ถูกสร้างมาจากน้ำทะเลของทะเลสุคติ มีรอยร้าวสีแดงคล้ายบาดแผลอยู่บนร่างของเขา

‘นั่น...นั่นคือร่างเลือนรางของทหารจากเมื่อก่อน!’

ก่อนที่ทุกคนจะทันรู้ตัว มนุษย์น้ำสีดำก็เดินออกมาอีก พร้อมกับร่างที่มีรอยแผลสีแดง

ร่างมนุษย์น้ำร่างแล้วร่างเล่าโผล่ออกมานับไม่ถ้วนพวกเขาเดินออกมาจากตำหนักบรอนซ์

เหมือนกับว่าตำหนักบรอนซ์จะมีมนุษย์น้ำสีดำกรูออกมาจากในนั้นเหมือนกับกลุ่มปลา  มนุษย์ร่างดำไม่เคยพูดอะไรสักคำ  และเดินออกมาหยุดยืนข้างๆ อาซิ่น

จำนวนมนุษย์ร่างดำรอบตัวอาซิ่นเพิ่มขึ้น  พวกเขาจัดรูปกระบวนอย่างเข้มงวด

เมื่อมนุษย์สีน้ำดำคนสุดท้ายเดินออกมาจากตำหนักบรอนซ์  ประตูบรอนซ์ปิดลงอย่างเงียบๆ และจมลงในทะเลสุคติเงียบๆ

กระบวนศึกหนาแน่นสง่างาม

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด