ตอนที่ 904 อาซิ่นอาสา
พายุกระบี่แสงยังคงดำเนินต่อไปสิบนาทีเต็มและหลังจากกระบี่แสงสุดท้ายแตกกระจาย ทั่วทั้งโลกดูเหมือนจะเงียบลงกะทันหัน
รัศมีที่แตกกระจายแพรวพราวส่องทะเลสุคติจนสว่างความงามสงัดกลายเป็นสงบลง โดยไม่รู้ตัวทุกคนกลั้นหายใจ กลัวว่าพวกเขาจะส่งเสียงทำลายความเงียบ
แต่ม่านตาของชิวเทียนชิงหรี่แคบ เขารู้สึกได้ถึงอันตราย
รัศมีเปลี่ยนไปเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าสงบร่มเย็น อย่างไรก็ตามเพราะเหตุผลบางประการความรู้สึกของชิวเทียนชิงที่มีต่ออันตรายไม่ได้ลดลง แต่กลับเพิ่มขึ้น ชิวเทียนชิงรู้ว่ามีบางอย่างที่ผิดปกติ เขามองดูรอบๆ อย่างระมัดระวัง แต่สังเกตอะไรที่ผิดธรรมดาไม่ออกคลื่นในทะเลสุคติยังคงสงบ ผิวน้ำสว่างกระจ่างคล้ายกระจกดำ
ความไม่สบายใจของชิวเทียนชิงเพิ่มขึ้นมาก
ภายในเรือสินค้าอาซิ่นปาดน้ำตาและยืนขึ้นเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนไหวหรือความเจ็บปวด ไม่ว่าจะเป็นความปรารถนาหรือความหวัง ความรู้สึกเหล่านี้ ไม่ใช่เพื่อผู้อื่นไม่ใช่เพื่อตนเอง และไม่ใช่เพื่อให้ผู้อื่นรับรู้ ทุกอย่างที่ใครๆ รู้สึกมักจะเพื่อตนเองเสมอ เพราะความปรารถนาที่แท้จริงยังคงอยู่ในใจเขา
นอกจากเชียนฮุ่ยและเสี่ยวม่านไม่มีใครรู้ว่าภายในเรือสินค้าที่อยู่ห่างไกลมีหนุ่มใหญ่ที่สูญเสียเสียงขณะที่ร้องไห้อย่างขมขื่นใจ แม้ว่าพวกเขาจะรู้ พวกเขาอาจไม่เข้าใจได้ หมื่นปีที่แล้วยาวนานเกินไปยาวนานเกินกว่าคนจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของโลก ยาวนานเกินกว่าที่หลายอย่างอาจจะยังเหมือนเดิม แต่คนเปลี่ยนไป ยาวนานจนสัญญาอาจถูกทำลายไปแล้ว
‘ใครจะปล่อยเวลาอย่างเปล่าประโยชน์?ใครจะต้องรับมือกับการมีชีวิตอย่างนี้อย่างยากลำบาก ชีวิตที่ต่อสู้ไม่จบสิ้น’
ตัวประหลาดแก่ที่ผ่านประสบการณ์มาหนึ่งหมื่นปี ทั้งความโศกเศร้าและอารมณ์ที่เป็นไป ถ้าปิงและลั่วซือรู้เรื่องใครจะรู้ว่าพวกเขาจะรับได้หรือไม่
เมื่อคิดถึงลักษณะย่ำแย่ท่วมท้นด้วยความรู้สึกที่แสดงให้เสี่ยวม่านเห็น อาซิ่นรู้สึกเศร้า ‘มันจบแล้ว, ข้าคงถูกนางเย้ยหยัน ข้าแปลกใจว่าเมื่อใดข้าจะกลับคืนสู่ภาพพจน์เดิมๆได้’
‘แม่สาวทรงโตจะเข้าใจความรู้สึกที่ละเอียดอ่อนอย่างนั้นได้ยังไง’ เขาบ่นในใจ ‘เฮ้อ, จากนี้ไปข้าจะสู้หน้านางได้ยังไง? น่าปวดหัวจริงๆ’
ความคิดทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในใจของเขา แต่ใจของเขาสงบลง
ทันใดนั้นเขาคำนับเชียนฮุ่ย “ข้าน้อยขออนุญาตออกรบ!”
อิทธิพลของสหายเก่าที่อยู่ข้างหน้าส่งผลต่อเขา พวกเขาทุกคนยอมสละคุณค่าของทะเลสุคติทำให้เขาต้องการจะเอาชนะพวกเขาให้ได้
เชียนฮุ่ยไม่พูดอะไร แต่มองตรงไปที่อาซิ่นอย่างจริงจัง
อาซิ่นยิ้มกว้างเหมือนกับดวงอาทิตย์ เขาเหมือนกับไม่ใส่ใจอะไรไม่มีร่องรอยของความเสียใจ
แม้ว่าอาซิ่นที่อยู่ต่อหน้านางจะดูแตกต่างไปจากที่เขาเป็นมาโดยปกติอย่างมาก เชียนฮุ่ยรู้สึกได้ว่าเขาจริงจังและต้องการออกรบ อาซิ่นและเสี่ยวม่านคือมือขวามือซ้ายของเชียนฮุ่ย และนางเข้าใจพวกเขาดี เสี่ยวม่านรักการต่อสู้ แต่อาซิ่นไม่มีอารมณ์หรือตื่นเต้นกับการสู้รบ ถ้าเขาไม่ต้องการสู้ เขาจะไม่สู้ ถ้าเขาสามารถใช้เวลาสิบนาทีคลี่คลายการสู้รบได้ เขาจะไม่มีทางใช้เวลาถึง 20นาที
เป็นครั้งแรกที่เขาเป็นฝ่ายขอออกรบก่อน
หลังจากคิดถึงอาการที่อาซิ่นร้องไห้และคร่ำครวญรำพันก่อนหน้านั้น เชียนฮุ่ยตอบโดยไม่ลังเล “ได้สิ”
“ขอบคุณ, คุณหนู!” อาซิ่นคำนับเชียนฮุ่ยด้วยความเคารพ
เมื่อพวกเขาพบกันครั้งแรก เขาพ่ายแพ้และถูกเชียนฮุ่ยจับเป็นเชลยได้ก่อนจะเลือกเข้าร่วมเป็นบริวารนาง แต่ความเต็มใจนั้นไม่ต้องสงสัย มาตรฐานในการควบคุมการสู้รบทำให้เขารู้สึกเคารพนาง แต่ก็ยังไม่พอให้เขายอมจงรักภักดี ก็แค่เพียงเขาไม่ต้องการสูญหายไปจากโลก
‘ข้ามีชีวิตอยู่มานานแล้ว ก่อนจะพบคำตอบ ตายไปยังไม่คุ้มค่า’
นั่นจึงนำไปสู่เหตุการณ์ทั่วไปที่เขาทำงานของเขา แต่ไม่ทุ่มเทความพยายาม และเทียบกับเสี่ยวม่านเขาไม่มีคุณสมบัติเทียบได้แม้แต่น้อย แต่สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจก็คือไม่เคยไม่พอใจกับตัวเองในเรื่องนั้น
เชียนฮุ่ยหนักแน่นและเป็นตัวของตัวเอง นางมีมุมมองของตัวเองและไม่ใส่ใจการไม่รับผิดชอบของเขา
เสี่ยวม่านมักหาเรื่องกับเขาถี่บ่อยที่สุด ความแตกต่างระหว่างพวกเขาทั้งสองก็คือเสี่ยวม่านภักดีต่อเชียนฮุ่ย
เมื่อเขาคิดถึงเรื่องนั้นเขารู้สึกละอาย เขาไม่เคยคิดว่าเมื่อเขาขออนุญาตนางออกศึก เชียนฮุ่ยจะเห็นด้วยทันที อาซิ่นเข้าใจไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด ความเข้าใจเป็นเรื่องที่หาได้ยาก
ความรู้สึกซาบซึ้งขอบคุณของที่มีต่อนางมาจากใจจริง
หน้าของเสี่ยวม่านพลันเย็นชา นางแค่นเสียง “ถ้าเจ้าทำให้เราเสียหน้าเจ้าก็เชือดคอตายได้เลย”
เชียนฮุ่ยที่นิ่งกับที่อย่างใจเย็นเหมือนกับเทพธิดาศึกมาตั้งแต่แรกนางหน้าแดงเมื่อได้ยินที่เสี่ยวม่านพูดเช่นนั้น นางมองเสี่ยวม่านแต่ไม่ได้พูดอะไร
อาซิ่นหัวเราะลั่นเมื่อคิดเรื่องจะแสดงความทะเยอทะยานอันสูงส่งของเขา เขากลับถูกเสี่ยวม่านขัดคอ “ถ้าเจ้าต้องการไป อย่างนั้นก็ไปได้ อย่ามัวพิรี้พิไรอยู่เลย!”
อาซิ่นหยุดหัวเราะจากนั้นเขาจัดคอเสื้อ
ทันใดนั้นเสียงคำรามดังลั่นมาจากที่ไกล “กล้าฝ่าฝืนกฎระฆังศักดิ์สิทธิ์ในทวีปเซียนและโจมตีตระกูลชั้นสูงตระกูลชิว ทั้งยังลับๆ ล่อๆ ทำไมเจ้าถึงไม่ยอมแพ้ซะเล่า!”
กองทัพที่ดูเหมือนเหมือนเมฆคะนองบินเข้ามาหา
แม่ทัพนายกองและทหารของกองทัพอยู่ในชุดสีแดงเพลิงสีหน้าของทุกคนเย็นชาและเฉยเมยใครก็ตามที่เห็นพวกเขาสามารถบอกได้ว่าพวกเขาผ่านการรบมาเป็นร้อยศึก แม่ทัพนายกองที่นำทัพมีร่างกายแข็งแรงหน้าเด็ดเดี่ยวคิ้วหนา ส่วนที่โดดเด่นที่สุดก็คือผมของเขาสีแดงเพลิง
แสงสีแดงพุ่งอยู่ในท้องฟ้าเหมือนกับดาวตกพุ่งลงมาจากอวกาศ
ปัง!
ท้องฟ้าห่างจากถังเทียนออกไป300 เมตรระเบิดทันที อสรพิษแสงร่ายรำอยู่โดยรอบ เมื่อแสงเจิดจ้าหายไป ปรากฏกองทัพและใบหน้าที่แท้จริงของพวกเขา
“แม่ทัพชิว!” บุรุษร่างกายกำยำคำนับชิวเทียนชิง
ชิวเทียนชิงคำนับเล็กน้อย “ข้าไม่เคยคิดเลยว่าเรื่องเล็กน้อยแค่นี้จะต้องรบกวนเรียกแม่ทัพหัวออกมา แต่การสู้รบครั้งนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับตระกูลชิวของเขาข้าหวังว่าแม่ทัพหัวจะไม่แทรกแซง”
แม่ทัพหัวพูดตามหลักการ “ระฆังศักดิ์สิทธิ์ดังแล้วและเราอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายขนาดที่ทุกคนมีข้อผูกมัดกันหมดตระกูลชิวเป็นเสาหลักของทวีปกวงหมิงของเราเราจะให้พวกแมลงเล็กน้อยนี้มาถ่วงเวลาท่านที่นี่ได้ยังไง?”
ชิวเทียนชิงลังเลเล็กน้อย เขาเข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายพูดถึง อีกฝ่ายมีความตั้งใจชัดเจน ในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ไม่มีใครควรสร้างปัญหาอื่น และถ้ามีการต่อสู้ พวกเขาควรจัดการโดยเร็ว
ชิวเทียนชิงรู้ว่าการสมรู้ร่วมคิดของพวกเขาเป็นเรื่องใหญ่ นอกจากนี้
เขาชำเลืองมองถังเทียน และแววเย้ยหยันปรากฏบนใบหน้าของเขา เขาพยักหน้า “ท่านแม่ทัพ, ระวังให้ดี พวกเขาไม่ใช่อัศวินพิเศษกวงหมิง”
ตั้งแต่แรกเขาสงสัยว่าพวกเขาเป็นอัศวินพิเศษกวงหมิง ทั้งสองฝ่ายต่างไม่พอใจกัน โซเฟียรู้ชัดเจนว่าเมื่อนางชูดาบของนางต่อตระกูลชิวจึงทำให้เขาสร้างความผิดพลาด
แต่เมื่อประมือกันเขาจึงเข้าใจว่าอีกฝ่ายไม่ใช่อัศวินพิเศษกวงหมิง
เพลิงศักดิ์สิทธิ์ เขาไม่รู้สึกถึงร่องรอยใดๆของเพลิงศักดิ์สิทธิ์ ถ้าฝ่ายตรงข้าเป็นอัศวินพิเศษกวงหมิงเป็นไปไม่ได้ เพลิงศักดิ์สิทธิ์เป็นแหล่งพลังให้กับอัศวินทุกคน และในการต่อสู้รุนแรงนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะมีการปลอมตัว
ถังเทียนตกใจ เขาไม่เคยคาดเลยว่าชิวเทียนชิงจะตระหนักได้ว่าพวกเขาไม่ใช่อัศวินพิเศษกวงหมิง ก็หมายความว่าแผนการของพวกเขาที่จะปลอมเป็นอัศวินพิเศษกวงหมิงกลายเป็นฝุ่นไป
แม่ทัพหัวจ้องมองเขาอย่างเย็นชาและพูดอย่างเฉยเมย “กล้าใช้ปลอมตัวเจ้าเองเป็นอัศวินพิเศษกวงหมิง ความผิดของเจ้าทวีคูณ! วันนี้แม้แต่วิหารก็ช่วยเจ้าไม่ได้!”
ขณะนั้นเสียงหัวเราะดังมาจากสนามรบด้านหลังซึ่งได้ยินกันทุกคน
“ใครบอกว่าเราแกล้งทำเป็นอัศวินพิเศษกวงหมิง?”
ขุนพลวิญญาณโผล่มาจากที่ใดไม่ทราบมาอยู่ข้างถังเทียน
อาซิ่นใช้เวลาสบายๆเดินอยู่กลางอากาศ ด้วยทีท่ากระฉับกระเฉงเข้มงวด “เราคือกองพลหน้ากากเหล็กของตระกูลเมซฟิลด์ ตระกูลชิวและตระกูลเมซฟิลด์ของเรามีเรื่องกันที่ข้าไม่จำเป็นต้องพูดหรือว่าเจ้าต้องการจะเข้ามาแทรกแซง?”
ชิวเทียนชิงและแม่ทัพหัวตกใจทั้งคู่
‘ตระกูลเมซฟิลด์?’
พวกเขาคิดถึงความเป็นไปได้ทุกอย่าง แต่พวกเขาไม่เคยคิดว่าจะเป็นตระกูลเมซฟิลด์ ตระกูลชั้นสูงแต่ระดับต่ำวิ่งเข้ามาหาตระกูลชั้นสูงระดับสุดยอดบอกว่าพวกเขามีเรื่องแค้นเคืองกัน
สามัญสำนึกของพวกเขาพังทลายหมดแล้ว นี่เหลวไหลเกินไป
‘ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่ตระกูลชั้นสูงเล็กๆกล้าท้าทายตระกูลชั้นสูงระดับสุดยอด?’
‘และตั้งแต่เมื่อใดที่ตระกูลชั้นสูงระดับล่างมีกองทัพที่ทรงพลัง?’
บนเรือสินค้า,เสี่ยวม่านโกรธ “เขามักจะฉลาดไม่ใช่หรือ? ทำไมเขาถึงเปิดเผยสถานะของเรา?”
เชียนฮุ่ยตาเป็นประกายนางหัวเราะ “ข้ารู้สึกว่าเขารับมือได้ดี เนื่องจากเขาไม่ได้อ้างเป็นอัศวินพิเศษกวงหมิง อย่างนั้นชื่อของตระกูลเมซฟิลด์ต่อไปจะมั่นคงที่สุด ความคิดของอาซิ่นทำงานได้รวดเร็วจริงๆ”
ตาของเสี่ยวม่านเป็นประกายดีใจ แต่นางแค่นเสียง “โชคดีไป”
เชียนฮุ่ยชำเลืองมองเสี่ยวม่านและหัวเราะเบาๆ แต่นางไม่พูดอะไรสักคำ
เสี่ยวม่านรู้สึกอึดอัดทันทีและบ่น “คุณหนู,ทำหน้าอย่างนั้นหมายความว่ายังไง?”
เชียนฮุ่ยกระพริบตา “เดาดูสิ”
เสี่ยวม่านหงุดหงิด
ในอากาศแม่ทัพหัวไม่เชื่อคำพูดของอาซิ่น เขาแค่นเสียง “จริงๆ เลย,ไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตา เจ้าไม่ยอมแพ้เวลาอย่างนั้นยังต้องการให้เรื่องซับซ้อนยิ่งขึ้นไปอีก เจ้ากำลังหาที่ตาย!”
อาซิ่นไม่กลัวเขาคำนับถังเทียน “นายผู้ชาย! ท่านจะส่งมอบกระบี่นั่นและให้ผู้น้อยรับผิดชอบการสู้รบครั้งนี้ได้ไหม?”
ถังเทียนคิดถึงความสัมพันธ์ของอาซิ่นและปิง และคิดถึงสถานะของพวกเขาในฐานะคนจากกองทัพดาวกางเขนใต้และนึกอะไรบางอย่างได้ ‘ใช่แล้ว กระบี่นั่นแฝงไปด้วยรัศมีของสหายร่วมรบของอาซิ่น’
โดยไม่พูดอะไรสักคำ เขาโยนกระบี่อมตะให้อาซิ่น “จากนี้ไป นี่เป็นของท่าน”
อาซิ่นสั่น เขาจับกระบี่อมตะอย่างงุ่มง่าม แม้ว่าถังเทียนจะใช้ในช่วงเวลาสั้นๆ ทุกคนสามารถบอกได้ว่ากระบี่นี้ไม่ใช่ของธรรมดา ถังเทียนมอบกระบี่ให้เขา...
อาซิ่นมองดูถังเทียน แม้ว่าเขาจะไม่สามารถเห็นสีหน้าของถังเทียนซึ่งซ่อนอยู่หลังหน้ากากเหล็ก แต่ตาของเขากระจ่างเหมือนน้ำใส
ถังเทียนไม่มีลังเลเมื่อเขามอบกระบี่ให้ เป็นการเคลื่อนไหวตามสัญชาตญาณ
อารมณ์ของถังเทียนที่มีต่อกระบี่อมตะก็คือตกใจต่อการครอบงำของพวกเขา เขาเต็มไปด้วยความนับถือและรู้สึกเป็นเกียรติและตื่นเต้นที่สามารถร่วมต่อสู้พร้อมกับคนรุ่นเก่า แต่เขารู้ว่าตำนานเป็นของพวกเขา อารมณ์เป็นของพวกเขา เป็นของกองทัพดาวกางเขนใต้
‘ข้าก็ต้องการสร้างตำนานของข้าเอง ข้าต้องการเขียนความเชื่อมั่นของข้าเอง’ ตั้งแต่เริ่มต้นนั่นคือวิถีที่ถังเทียนเป็น แม้ว่าเขาจะได้รับตกทอดหลายสิ่งหลายอย่างจากกองทัพดาวกางเขนใต้
มรดกของเขาก็คือกลุ่มดาวหมีใหญ่ เมืองสามวิญญาณ สัมพันธมิตรใต้และหนุ่มชาวฟ้า!
สหายของเขาคือปิงอาเฮ่อ เสี่ยวซิ่วซิ่ว พี่จิ่งหาว เซรีน ผี่ผา ติงตัง...
‘ข้าไม่ได้ตัวลำพัง และข้าไม่ต้องอิจฉาคนอื่น!’
สภาพอารมณ์ที่เกิดขึ้นเพราะกระบี่ไม่ได้เป็นของเขา แต่สำหรับอาซิ่น นั่นคือเหตุผลที่ถังเทียนรู้สึกว่าสมควรจะส่งกระบี่ให้กับอาซิ่น และกระบี่อมตะจะมีความสุขด้วยเช่นกัน
อาซิ่นคำนับถังเทียนด้วยความเคารพและกล่าว“ข้ามีข้อขอร้อง ขอให้นายท่านคอยสนับสนุนหลังให้ข้าด้วย”
พอกล่าวเช่นนั้นเขาถือกระบี่อมตะและก้าวไปอยู่บนทะเลสุคติ