ตอนที่แล้วตอนที่ 902 ตอบโต้บ้าง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 904 แรงบันดาลใจโดยบังเอิญ

ตอนที่ 903 สร้างกำไลอสูร


เมื่อองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเย่ว์หวี่กลับมา เวลาผ่านไปแล้วห้าวัน

เย่ว์หยางประสบความสำเร็จในการพัฒนากำไลอสูรและและมอบเหยี่ยวเพลิงศักดิ์สิทธิ์ให้เป็นบริวารของตั๊กแตนมัจจุราชชั่วคราวเพื่อทดลองผลิตกำไลอสูรและสามารถทำสัญญาได้สำเร็จ

กลายเป็นผลงานการทดลองแรกที่มีความเสี่ยงมากอาจได้รับบาดเจ็บได้โดยตรง แต่ผลตอบรับที่ออกมากลับยิ่งใหญ่

เวลานี้เย่ว์หยางใช้เพลิงอมฤตเล็กน้อยกับปราณกระบี่ขาวซวงหัวผสานกันชำระกุ่ยหยินไฟเป็นกลุ่มเล็กแล้วผสานเข้ากับเหยี่ยวเพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่แต่เดิมมีพลังปราณฟ้าระดับสาม ช่วยให้มันยกระดับเป็นปราณฟ้าระดับสี่ได้ทันทีและใกล้จะมีพลังปราณฟ้าระดับห้า  คราวนี้เพลิงตลอดทั้งร่างของมันยังสงบตราบเท่าที่ไม่ต่อสู้อย่างเป็นทางการแทบจะไม่รู้สึกถึงพลังความร้อนของมัน แต่ทันทีที่มันโกรธมันจะระเบิดพลังที่น่ากลัวกว่าภูเขาไฟระเบิดถึงหมื่นเท่า! อาจกล่าวได้ว่าเหยี่ยวเพลิงศักดิ์สิทธิ์ผสานเข้ากับลักษณะการทำงานของกุ่ยหยินไฟได้เต็มที่

ด้วยเหตุนี้จุ้ยมาวอี้จึงตั้งชื่อให้มันว่า“ไอริส”

นี่เพื่อเป็นการระลึกนึกถึงดอกไอริสที่นางปลูกเองกับมือในสมัยยังเด็ก และแน่นอนเพราะเพลิงของเหยี่ยวเพลิงศักดิ์สิทธิ์ในตอนนี้มีสีฟ้าสงบเย็นมองดูเหมือนกลุ่มดอกไอริส

“กำไลมือนี่สร้างจากแร่หยดเพลิงหรือ?  โอว สวยมาก!” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนหันมาถาม “ไม่มีมณีจันทราแล้วเจ้าสร้างได้ยังไง?”

“เจ้าพูดอย่างกะว่ามณีจันทรา ใครๆก็เดินเก็บเอาข้างถนนก็ได้อย่างนั้น!” เย่ว์หยางพูดไม่ออก ไม่มีทาง คนที่อยู่แต่ในบ้านไม่มีทางรู้ราคาข้าวกับน้ำมันเป็นแน่!

“ไม่ใช่ครั้งสุดท้ายหรอกหรือที่เจ้าชิงสินค้าดีๆหลายอย่างมาได้ คู่หู!?” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนยิ้ม

“ต้นแบบชั่วคราวในเวลานี้ยังไม่มีทางทำกำไลอสูรที่ดีที่สุดได้...นั่นทำให้สิ้นเปลืองวัสดุกับการสำรวจประสบการณ์ครั้งแรก”  แน่นอนว่าเย่ว์หยางต้องการมณีสุริยันต์,จันทราและมณีดาราเพื่อสร้างกำไลอสูรคุณภาพดีที่สุด  แต่แนวคิดกับความเป็นจริงยังอยู่ห่างไกล  เป็นไปไม่ได้ที่จะกระโดดให้ถึงสวรรค์ได้โดยการกระโจนครั้งเดียว  เขาต้องถอยกลับมาตั้งหลักก่อน

“นับว่าไม่เลวเลย นี่ดีเกินกว่าสมบัติระดับทองอาจถึงระดับแพลตตินัมได้ด้วยซ้ำ ถ้ายังไปได้ไกลมากกว่านี้ นั่นจะเป็นระดับศักดิ์สิทธิ์แล้ว!” เย่ว์หวี่ให้กำลังใจน้องชาย

ความจริงนางพูดมีเหตุผลเมื่อเย่ว์หยางค้นคว้ากำไลอสูรได้สำเร็จ ฝ่าบาทพอได้ทราบข่าวดีทรงส่งตัวแทนมาแสดงความยินดีและชื่นชมความสำเร็จของเขา

ตัวแทนพระองค์ที่มาแต่ละครั้งจะชื่นชมยินดีไม่ขาดปาก

นี่แสดงว่าฝ่าบาทตื่นเต้นปลาบปลื้มใจขนาดไหน

แม้ว่าจักรพรรดิหัวซิ่วรี่จะยังปฏิเสธที่จะพบกับเย่ว์หยางแต่พระองค์ก็ออกปากให้กำลังใจและสัญญาว่าจะให้เย่ว์หยางเข้าวังอย่างเป็นทางการ เมื่อวันใดเย่ว์หยางพัฒนากำไลอสูรระดับศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้มณีสุริยันต์  เมื่อนั้นพระองค์จะชื่นชมและมอบรางวัลให้เย่ว์หยางเป็นการส่วนพระองค์! เย่ว์หยางแทบอดใจรอไม่ไหวที่จะบรรลุเป้าหมายให้ได้ทันที  น่าเสียดายปัจจุบันนี้เขาสร้างกำไลอสูรด้วยผลึกหยดเพลิงได้ชั่วคราวจึงเป็นสมบัติระดับแพลตตินัมเท่านั้น

แม่สี่ไม่จำเป็นจะต้องพูดอะไรทั้งนั้นเพราะปกตินางภูมิใจลูกซานเอ๋อของนางอยู่แล้ว

มีงานฉลองใหญ่ใกล้ปราสาทตระกูลเย่ว์

จุนอู๋โหย่วกำลังบรรทมเมื่อได้ยินข่าวที่น่าทึ่งเช่นนี้ ถึงกับไม่ยอมเสียเวลาสวมรองวิ่งเท้าเปล่าไปตามตัวผู้เฒ่าเย่ว์ไห่อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าและคนอื่นๆ มาร่วมดื่มฉลอง...”สามสมาคมใหญ่ประกอบไปด้วยสมาคมนักรบ สมาคมทหารรับจ้างและสมาคมขโมยต่างบอกแจ้งข่าวดีนี้หมุนเวียนไปทั่ว

แม้ว่าจะยังไม่ดีเท่ากับคัมภีร์อัญเชิญแต่เมื่อมีกำไลอสูรที่เติบโตไปพร้อมกับเจ้านายนักรบหลายคนที่ไม่มีโอกาสทำสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญจะไม่รู้สิ้นหวังอีกต่อไป หรือบางตระกูลที่ได้รับสัญญาว่าจะมีคัมภีร์อัญเชิญ   แต่เมื่อโตขึ้นก็ยังไม่มีหลักประกันชีวิตที่ปลอดภัย  กล้าพูดได้ว่าศิษย์ของบางตระกูล แม้ว่าจะมีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมแต่ทว่าเกิดอุบัติเหตุถูกฆ่าเรื่องทำนองนี้มีมากมาย โดยเพราะอย่างยิ่งผู้สืบทอดที่ถูกระบุตัวไว้เมื่อตายไปก็เป็นเหตุให้ตระกูลปั่นป่วนได้ง่าย

ตอนนี้ปัญหาปวดหัวที่เกิดขึ้นในครอบครัวนี้ได้รับการคลี่คลายแล้ว

คุณชายสามตระกูลเย่ว์ได้ประกาศต่อโลกว่า ในทวีปมังกรทะยานศิษย์ตระกูลใดก็ตามที่มีศักยภาพถึงระดับปราณฟ้าได้ขึ้นอยู่กับระดับความพยายามและการมีส่วนร่วม จะได้รับอสูรปราณฟ้าที่มีคุณสมบัติธาตุเหมือนกันและเติบโตไปพร้อมกัน  ส่วนผู้มีความแข็งแกร่งระดับปราณดิน  จะได้รับอสูรระดับปราณดินที่เติบโตไปด้วยกล่าวอีกนัยหนึ่ง ตราบใดที่มีความพยายามเพียงพอ มีศักยภาพพอ ไม่ว่าจะมีสถานะเช่นใดอาจเติบโตเป็นนักรบปราณฟ้าหรือนักรบที่แข็งแกร่งมากกว่านั้นก็ย่อมได้!

หัวหน้าราชองครักษ์ของจุนอู๋โหย่วฟงขวงนักรบหมื่นกระดูกขาว อาจารย์ตาเหยี่ยวเซี่ยโหวเว่ยเจี๋ย, ฟงชิซา,เหยียนพั่วจวินและนักรบที่มีชื่อเสียงคนอื่นๆ มีมากกว่าร้อยคนที่มีคุณสมบัติเป็นสมาชิกกองกำลังอัศวินมังกรได้อย่างเป็นทางการ  นักรบกลุ่มแรกเป็นนักรบที่พิสูจน์ตัวและลงทะเบียนรับกำไลอสูรที่มีคุณสมบัติต่างๆเป็นไปตามรูปแบบและคุณภาพ กำไลอสูรถูกแบ่งออกตามคุณภาพสามระดับ อันดับแรกเป็นกำไลอสูรอะดาแมนเทียมมีพลังงานผลึกปีศาจต่ำกว่าปราณฟ้าระดับสาม ต่อมาเป็นกำไลอสูรมิธริล (โลหะในตำนาน)ใช้กับอสูรระดับสูงกว่าปราณดินระดับห้า และกำไลอสูรทองแดงถูกกำหนดไว้สำหรับอสูรปราณดินไม่ถึงระดับห้า

สมาชิกกลุ่มอัศวินมังกรอย่างน้อยจะได้รับทำสัญญากำไลอสูรมิธริล  ยกเว้นแต่ผู้ที่มีความสามารถพิเศษจริงๆ

“มีอัศวินมังกรเกือบสามพันคนและมีทหารนักรบเลือดมังกรอีกหมื่นคน ถ้าพวกเจ้าต้องการเป็นนักรบที่แข็งแกร่ง  พวกเจ้ายังจะรออะไร?”  เมื่อคนของสามสมาคมใหญ่ได้ยินเย่ว์หยางประกาศนักรบทุกคนเลือดลมพลุกพล่าน

“ข้าต้องเป็นอัศวินมังกรให้ได้!”

ทั้งโลกไม่ทราบว่ามีผู้เยาว์เท่าใดที่สาบานตั้งปณิธานไว้เช่นนี้

มังกรบินมองเห็นกำไลอสูรอยู่ข้างหน้ามัน

โอกาสเช่นนี้ไม่เคยมีมาในประวัติศาสตร์และเปิดเผยต่อทุกคนในโลก สำหรับนักสู้ผู้แสวงหาพลังในชีวิตของเขา นี่คือบันไดขึ้นสู่สวรรค์ชัดๆ!

สองวันต่อมาเมื่อเย่ว์หยางพาเจ้าอ้วนไห่เย่คงและเสวี่ยทันหลางที่ดูราวกับสุนัขตายกลับมาจากเมืองเจิ้งฝูที่คอฮุยไท่หลางมีกำไลอสูรผลึกหยดเพลิงขนาดใหญ่

อสูรสำหรับทำสัญญาจะว่าไปไม่ใช่เป็นอสูรที่เหมาะสมที่สุดเพราะฮุยไท่หลางไม่ใช่อสูรทำสัญญา แต่ระบุว่าเป็นมังกรทองยักษ์ พาหนะของเย่ว์หยางมังกรทองก่อนหน้านี้ถูกเย่ว์หยางจับและขับขี่มาในเมืองจากนั้นยกให้จุนอู๋โหย่วจัดการให้นักรบเห็นเป็นตัวอย่าง มันคิดว่ามันจะสามารถแหวกฟ้าคว้าดาวได้  คิดไม่ถึงว่าฮุยไท่หลางรู้ทันความคิดมัน มันคิดว่ามันเป็นพาหนะต้องให้มันรู้ว่าพาหนะของเจ้านายไม่ใช่ผู้ที่ใครๆ ก็เป็นได้ตามปกติ แม้ว่าเย่ว์หยางจะไม่ได้ขับขี่ฮุยไท่หลางเป็นพาหนะ แต่ในใจฮุยไท่หลางจะไม่ยอมให้มังกรทองยักษ์แย่งตำแหน่งนี้  มันจึงต้องทำสัญญากับมังกรทองยักษ์

เจ้าต้องการเป็นพาหนะของเจ้านายไม่ใช่หรือ?

นั่นไม่มีตำแหน่งให้เจ้า ดังนั้นจงมาเป็นพาหนะของข้า!

มังกรทองยักษ์ก็มีความฉลาดและเข้าใจว่าฮุยไท่หลางนี้เป็นอสูรตัวโปรดที่สุด  ถ้าทำให้ฮุยไท่หลางโกรธ มันอาจถูกจับกินก็ได้  ฮุยไท่หลางพ่นเปลวไฟของมังกรโบราณออกมาได้ราวกับจะข่มว่าเจ้าต้องเป็นน้องชายที่ว่าง่าย และพี่ชายนี้จะปกป้องเจ้ามิฉะนั้นมันจะกลายเป็นอาหารสุนัข

ในที่สุดมังกรยักษ์โบราณมองดูเปลวเพลิงมังกรโบราณมันปิดจมูกยอมรับ

แม้ว่ามันจะทำสัญญากับสุนัข  แต่ยังไงก็ตามนั่นเป็นอสูรหมาป่าปีศาจล้างโลกในเมื่อเกาะแข้งเจ้านายไม่ได้ ก็ขอเกาะแข้งอสูรตัวโปรดของเจ้านายไว้ก่อนก็ยังดี!

“ฮุยไท่หลาง เจ้าทำอย่างนั้นไม่ได้นะ, เจ้ามีอสูรปราณฟ้าแล้ว  ส่วนข้ายังไม่มีสักตัว  ทุกวันนี้ข้าจะเอาตัวรอดได้ยังไง! โอวไม่ ไม่, ข้าต้องลงมือเร็วๆ วันนี้ข้าจะต้องหาอสูรปราณฟ้าสาวสวยหุ่นดีให้ได้!”  เจ้าอ้วนไห่ตื่นเต้นดีใจ

“ทำเป็นไม่รู้เรื่องนี้ดีกว่า!” เย่คงและเสวี่ยทันหลางทำเป็นหันไปมองทางอื่น

“อสูรปราณฟ้าสาวสวยหรือ?ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะพอใจหรอกนะ! ข้าจะทุบเจ้า  จะตีเจ้า!” นางนวลสายลมในเวลานี้วิวัฒนาการเป็นคนบางส่วนแล้วแต่ช่วงขาลงไปยังเป็นขานกอยู่ มีปีกคู่หนึ่งอยู่ด้านหลังนาง (คล้ายกินรี)อีกก้าวใหญ่นางก็จะเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์เต็มตัว นางกล่าวได้คล่องแคล่ว ความหึงของนางไม่มีใดเทียบ ใครจะคิดกันเล่าว่านางคืออสูรนางนวลสายลมที่ฉลาดที่สุด

เจ้าอ้วนไห่ผู้น่าสงสารโดนตีอีกจนได้และฮุยไท่หลางดูมีชีวิตชีวา มันรู้สึกคันไม้คันมือ

เย่คงและพวกชินกับภาพนี้แล้ว  ดังนั้นพวกเขาทำเป็นมองไม่เห็น

เพราะสร้างกำไลอสูรนี้ได้เสร็จสิ้นสมบูรณ์  เย่ว์หยางทำให้พวกที่มีคัมภีร์ถึงกับตกใจ ยิ่งกว่านั้นคือยังสื่อสารทางวิญญาณกับอสูรได้โดยตรงอีกหรือ? นี่เท่ากับได้อสูรพิทักษ์เพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่ง  แม้ว่าอสูรที่ทำสัญญากับกำไลอสูรยังมิอาจเทียบได้กับอสูรพิทักษ์  แต่ก็นับว่าใกล้เคียงแล้ว

เย่ว์หยางไม่ได้ทำมาให้พวกเขาง่ายๆ อันดับแรกพวกเขาไม่สามารถหาอสูรปราณฟ้าที่เหมาะสมทำสัญญากันได้ง่ายๆ  และอีกข้อหนึ่งเขาต้องการให้พวกเขาเข้าร่วมกลุ่มอัศวินมังกรประจำการอยู่ที่ทวีปมังกรทะยาน

“ไม่สามารถมีส่วนร่วมแล้วบอกว่าจะออกไปจากหอทงเทียนได้ยังไงข้ามีประสบการณ์กับนักสู้ปราณฟ้าเห็นว่าพวกเจ้ามีศักยภาพ จึงมีความคิดริเริ่มจะช่วยพวกเจ้านักรบรุ่นใหม่ของหอทงเทียน นอกจากนี้การเอาแต่ฝึกประจำวันอย่างเดียวยังไม่ถือว่าดีพอ จะต้องฝึกสลับกับการพักบ้าง  เอาไว้เมื่อข้าท้าทายผ่านด่านที่หกหุบเขาปีศาจได้สำเร็จ จากนั้นค่อยพาพวกเจ้าไปยังเมืองเจิ้งฝูอีกครั้ง!” เย่ว์หยางมอบหมายภารกิจให้เจ้าอ้วนไห่และพวก ความจริงเจ้าอ้วนไห่และเย่คงไม่ได้กลับมาเป็นเวลานานทำให้ครอบครัวตระกูลเบื้องหลังกังวลห่วงใยและต้องการพบพวกเขาต้องทราบว่าการก่อตั้งกลุ่มอัศวินมังกรนี่เป็นเหตุการณ์สำคัญของโลก  ไม่มีกลุ่มที่ร่วมฝึกกับคุณชายสามตระกูลเย่ว์  คนทั่วไปจะมองยังไง?

“เข้าใจแล้ว” เย่คงยังคงเชื่อฟังเย่ว์หยางไม่เคยสงสัยถามไถ่เลย

“เมืองเจิ้งฝูเมื่อเร็วๆ นี้ดูเหมือนว่าจะมีคนมามาก...” เสวี่ยทันหลางแจ้งข่าวให้เย่ว์หยางทราบก่อนแยกจากมา

เป็นพวกตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์?

ไม่น่าเป็นไปได้คนของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์คงไม่มีทางแทรกซึมเข้าเมืองเจิ้งฝูหรือว่าจะเป็นบุรุษผมงูพบเจอสถานะของเขา?  เขาบอกว่าอยู่ในเมืองแม่น้ำขาว! หรือจะเป็นนางพญาผึ้งพิษ หลงหม่า, วีเซลหางดาบพวกพ้องจากหุบเขาอสูร?

เมื่อคิดถึงบุรุษผมงูเย่ว์หยางมีความสนใจทันที

แต่คนผู้นี้เป็นผู้เยาว์จากสี่ตระกูลใหญ่การไปพบเจอเขาอาจเป็นเรื่องดี อย่างแย่ก็คงจะหาข่าวข้อมูลจากเขาได้

เมื่อคิดถึงกระจกทนทุกข์ที่ด้อยกว่าระดับเทพหรือว่าจะเกี่ยวข้องกับกระจกวิเศษ หนึ่งในหกสมบัติวิเศษ?

วิหารเทพสตรี อี้หนานได้กระจกวิญญาณมาบานหนึ่ง

บางทีอาจจะมีความเชื่อมโยงของกระจกทั้งสอง...ของวิเศษทั้งหกหายมานานมากแล้ว เขาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์!  เย่ว์หยางคิดได้เช่นนี้แล้วเขารีบหาองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนทันที “แม่เสือสาว, เราไปเที่ยวเมืองแม่น้ำขาวกันเถอะ!”

“ข้าไม่ไป, เจ้าไปกับพี่เย่เถอะ!” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนปฏิเสธ

“อะไรกัน แม่เสือสาว, เจ้าหึงด้วยเหรอ?”  เย่ว์หยางพยายามตื๊อโน้มน้าว

“เปล่าเลย,ข้าต้องการเวลาศึกษาทำความเข้าใจดาบของข้า เมื่อข้าเปลี่ยนแปลงดาบให้เป็นดาบเทพจักรพรรดิอวี้ เจ้าจะไปไหนก็ไปเถอะ”  องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนพูดไม่จบเย่ว์หยางก็ฉุดดึงนางมา “ศึกษาค้นคว้าหรือ, ข้าเลิศที่สุดทางด้านนี้ เรามาค้นคว้าด้วยกันเถอะ...สาวหิมะ! เจ้ากำลังตามหาข้าอยู่หรือเปล่า? ขุนพลเทพธิดาวายุรู้สึกได้ถึงอักขระรูนโบราณหรือ?  รอเดี๋ยว ข้าจะพาแม่เสือสาวไปสมทบและค่อยสำรวจพร้อมกัน!”

“เฮ้! อย่าตัดสินใจแทนข้าสิ!” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนประท้วง

“อู๋เสีย! ข้าจะไปเดี๋ยวนี้แหละ!” เย่ว์หยางทำเป็นไม่ได้ยินเสียงประท้วงเขาคว้ามือแม่เสือสาวและนางได้ปล่อยตามเลย นางโกรธไม่ลงจริงๆ!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด