ตอนที่ 898 ผลประโยชน์เก็บเกี่ยว
หุบเขาเพลิงดำ
เปลวไฟลุกท่วมและมีอุณภูมิสูง
ดินแดนแห้งแล้งกันดารนี้เป็นพื้นที่ต้องห้ามสำหรับสิ่งมีชีวิตอื่น แต่สำหรับจุ้ยมาวอี้ในตอนนี้นางสวมกำไลแปลงพลังธาตุจึงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
ถ้าไม่คำนึงถึงขอบเขตพลังการควบคุมธาตุของนางไม่ต้องมีเย่ว์หยางคอยดูแล และแม้จะไม่มีกำไลแปลงพลังธาตุซึ่งเป็นสมบัติที่รู้กันว่าคือหายนะของพลังธาตุ ยังมีการเชื่อมโยงพลังราชสีห์เพลิงทองซิมบาที่นางได้ทำสัญญาไว้นางสามารถเดินอยู่ในสถานที่อย่างหุบเขาเพลิงดำได้อย่างสบาย
แพนด้าน้อยหนิวหนิวไม่ได้ติดตามมาด้วย
แต่ครอบครัวซิมบาอยู่กับนาง
ตอนนี้ราชสีห์เพลิงทองซิมบามีการยกระดับพลังเป็นอสูรปราณฟ้าระดับสามมันมีความแข็งแกร่งที่เฉพาะตัวไม่เหมือนใครถ้าไม่ใช่เพราะเย่ว์หยางระมัดระวังตัวมากและยืนยันว่าจะค่อยๆ ทำการสำรวจ จุ้ยมาวอี้คงรีบบุกเข้าไปภายใต้การปกป้องของซิมบาและนางสิงโตเมียของมัน เย่ว์หยางระมัดระวังไม่ใช่ว่าไม่มีเหตุผล ในสถานที่อย่างแดนสวรรค์ความประมาทเท่ากับเข้าไปหาความตาย ในแดนสวรรค์มีสิ่งมีชีวิตที่ไม่ธรรมดาและสภาพแวดล้อมที่น่ากลัวอยู่ทุกหนแห่งนักสู้ที่ประมาทแม้เพียงเล็กน้อยก็อาจพบกับจุดจบได้
ในฐานะที่ผ่านสถานที่ซึ่งอาจมีศัตรูโจมตีทุกรูปแบบ เขาจะยอมสูญเสียความระมัดระวังไปได้อย่างไร?
ยิ่งกว่านั้นมนุษย์กระดูกราเชลและมนุษย์แวมไพร์เซี่ยหยาทั้งสองเหมือนกับเป็นกองหน้าบุกเข้าไปเผชิญหน้ากับศัตรูน่ากลัวโดยตรง..ถ้าเป็นอย่างนี้จะไม่เป็นการแจ้งเตือนหรือ เจ้าพวกนี้ไม่สมควรบอกว่าโง่ ต้องบอกว่าไม่มีสมองต่างหาก!
“เฮ้..ระวังหน่อย”เย่ว์หยางเสียดายอยู่บ้าง เขารีบร้อนเกินไปหน่อยลืมพาฮุยไท่หลางหรือภูตฟ้าปั่นป่วนมาด้วย ถ้ามีฮุยไท่หลางอยู่ในภูมิภาคนี้ค่อยส่งมันไปสำรวจเส้นทางข้างหน้าก็ได้
“ซิมบา” จุ้ยมาวอี้รู้สึกว่าต้องมีส่วนร่วมนางให้ซิมบาสำรวจเส้นทางข้างหน้า
ในฐานะที่เป็นอสูรที่มีปัญญาขณะนั้นเองมันต้องทำงานบางอย่างเพื่อเอาใจเจ้านาย
ซิมบาพาเมียของมันหมอบซุ่มและสำรวจทางข้างหน้า
เหมือนกับอสูรนักฆ่า
ทั้งสองซ่อนตัวอยู่ในเปลวไฟ และเริ่มเข้าใกล้สามคนที่กำลังต่อสู้กันไม่หยุดยั้ง
มนุษย์กระดูกราเชลและแวมไพร์เซี่ยหยาทั้งสองร่วมกันโจมตียักษ์ที่ร่างเต็มไปด้วยเพลิง ทุกครั้งที่ยักษ์ใหญ่หายใจเพลิงดำในร่างจะพุ่งขึ้นสูงถึงร้อยเมตร
พลังของมันเหนือกว่าราเชลและเซี่ยหยามากมาย
แต่เหมือนกับว่าเขาไม่ต้องการสู้กับราเชลและเซี่ยหยาลักษณะของเขาเห็นอยู่ว่าใจร้อน “ราเชลเจ้ากระดูกงี่เง่า เมื่อครู่นี้เราจอมมารปล่อยเจ้าให้หนีไปแล้ว ทำไมเจ้ายังถึงดื้อดึงตอแยข้าอยู่อีก? ไสหัวไปให้พ้นได้แล้ว เรื่องขัดแย้งเล็กน้อยในอดีต เจ้ายังจดจำอีกหรือ ข้าไม่ได้ใส่ใจแล้วไม่เหมือนกับหนอนน่าสมเพชอย่างเจ้า ข้าผู้นี้ตั้งใจจะขึ้นไปแดนสวรรค์บนให้ได้เผ่ากระดูกโสโครกอย่างพวกเจ้า ข้าคร้านจะสืบสาวเอาความ สำหรับเจ้าแวมไพร์เซี่ยหยา เจ้าก็ช่างน่ารำคาญจริงๆข้ากับเผ่าดูดเลือดของเจ้าไม่มีความแค้นต่อกัน รีบไสหัวไปได้แล้ว ไม่อย่างนั้นข้าจะไม่ละเว้นพวกเจ้าแน่เจ้าคิดว่าด้วยพลังปราณฟ้าระดับสามของพวกเจ้า ถ้าไม่ใช่เพราะข้าผ่อนผันยั้งมือให้ มีหรือพวกเจ้าจะไม่ตายในทันที?”
“พูดได้ดี ใครบ้างไม่รู้ว่าเจ้าเป็นตัวร้ายที่ทางการต้องการตัว!” ราเชลแค่นเสียง
“เจ้ามีพลังปราณฟ้าระดับห้าในช่วงเวลาปกติเจ้าสามารถฆ่าข้าที่มีพลังปราณฟ้าระดับสามได้แน่นอน 90%ของพลังไฟของเจ้าได้มาจากผลึกเพลิงดำ เจ้าไม่มีอะไร มีแต่เปลือกว่างเปล่า ช่วยตัวเองยังไม่ได้นี่ยังคิดจะขู่ข้าให้กลัวอีกหรือ?” แวมไพร์เซี่ยหยาแม้ว่าจะไม่ยอมรับความพ่ายแพ้แต่พลังยังห่างไกลจากเจ้ายักษ์เพลิงอยู่มาก แต่เขายังกล้าสบประมาทฝ่ายตรงข้าม
“เจ้าคิดว่าทำอย่างนี้จะขัดขวางข้าไม่ให้เลื่อนพลังเป็นปราณฟ้าระดับหกได้หรือ?” ยักษ์เพลิงหัวเราะและมองดูพวกเขาเหมือนว่าจับผิดได้
“ก็ต้องลองดู...” มนุษย์กระดูกราเชลฟันดาบปล่อยคลื่นโจมตีแต่ระมัดระวังอยู่ในระยะร้อยเมตรห่างจากศัตรู เพราะเขาพบว่ามีรูขนาดต่างๆ หลายสิบรูในพื้นที่ประมาณร้อยเมตรรอบศัตรู
จุ้ยมาวอี้เห็นไม่ชัดเนื่องจากอยู่ไกลมาก
นางแตะเย่ว์หยางและถามด้วยความสงสัย
เย่ว์หยางใช้จักษุทิพย์สำรวจเต็มพิกัดจนกระทั่งปรากฏความจริงในใจของเขา เขาถึงกับโพล่งออกมา “กลับกลายเป็นกุ่ยหยินไฟ”
จุ้ยมาวอี้คุ้นๆ ว่าเคยได้ยินชื่อนี้มาบ้างเหมือนกับว่านางเคยได้ยินชื่อกุ่ยหยินไฟ
แต่ในขณะนั้น
นางยังนึกไม่ออก
เย่ว์หยางรู้ว่านอกจาก ที่นี่ที่มีกุ่ยหยินไฟแล้วที่อื่นก็มี
นั่นคือแดนล่มสลายแห่งทวยเทพ...ตามความรู้ที่ได้รับตกทอดจากพี่สาวแม่สี่เย่ว์หยางรู้ว่ามีทะเลเพลิงอยู่ในดินแดนล่มสลายแห่งทวยเทพทั้งหมดถูกสร้างขึ้นจากกุ่ยหยินไฟ กุ่ยหยินไฟแบบนี้แปลกมากที่มันยังคงอยู่ได้
มันดูเหมือนทะเลสาบที่ไม่มีพลังจากภายนอกจะทำลายมันได้มันอยู่อย่างสงบเป็นเวลาหลายพันปี การแผดเผาที่ผิดปกตินี้เรียกว่า ‘แผดเผาเงียบ’ จากนักรบโบราณ การแผดเผาเงียบของกุ่ยหยินไฟมีข้อดีคือหากใครบางคนสามารถทำได้โดยไม่รบกวนมันก็สามารถฝึกฝนกับมันได้มันไม่เพียงแต่สร้างพลังไฟเผาผลาญเท่านั้นแต่ยังส่งผลให้ร่างของมันดับลงแน่นอนว่าจะทำให้ถึงระดับนี้เป็นเรื่องยากมาก แม้ว่าจะเป็นนักรบยุคโบราณก็ตาม มีน้อยคนมากที่ใช้กุ้ยหยินไฟในการฝึกฝนอย่างมากพวกมันใช้มันสร้างสมบัติวิเศษ
สร้างอาวุธวิเศษค่อนข้างง่ายกว่า
ถ้าแค่สร้างอาวุธวิเศษจำเป็นต้องดับและวางลงในกุ่ยหยินไฟที่กำลังคุกรุ่นอย่างระมัดระวังโดยไม่ไปรบกวนการปะทุของกุ่ยหยินไฟ
แน่นอนว่าดูเหมือนง่าย แต่เป็นเรื่องยากมาก เพราะเมื่อความสงบของกุ่ยหยินไฟถูกรบกวนมันจะระเบิดพลังความร้อนออกมาอย่างบ้าคลั่งสูงกว่าอุณหภูมิปกติถึงพันเท่าพลังระเบิดขนาดนั้นเพียงพอจะทำลายสมบัติวิเศษที่ยังขึ้นรูปไม่เสร็จ
“อะไร?” จุ้ยมาวอี้ตะลึงหลั่งเหงื่อเยียบเย็นหลังจากฟังเย่ว์หยางกระซิบบอก
“มันยังคงสงบและไม่ถูกรบกวน มิฉะนั้นอย่าว่าแต่นักสู้ปราณฟ้าระดับห้าเลยต่อให้เป็นปราณฟ้าระดับหกหรือระดับเจ็ดก็ยังทนรับไม่ไหว มารเพลิงดำคงกำลังรอเวลาระเบิดอาจจะยังมาไม่ถึง หรืออาจจะต้องมีเงื่อนไขที่จำเป็นบางอย่าง อย่างไรก็ตามข้าแน่ใจว่าพื้นที่นี้ยังห่างจากกุ่ยหยินไฟซึ่งฝังลึกลงไปในใต้ดิน มิฉะนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะหลงอยู่ในช่องเล็กช่องใหญ่” เย่ว์หยางตัดสินใจอย่างกล้าหาญ
“ตอนนี้จะเอายังไง?” จุ้ยมาวอี้ถาม
“แน่นอนว่าให้มองหาโพรงใหญ่และเข้าไปตามโพรงที่ระเบิด” เย่ว์หยางตอบอย่างมั่นใจ
“เจ้าบ้าหรือเปล่า!” จุ้ยมาวอี้ได้ยินเข้าถึงกับหลั่งเหงื่อเยียบเย็น นางไม่เข้าใจจริงๆว่าเจ้าเด็กนี่เป็นคนแบบไหน? จะบอกว่าเขาเป็นคนกลัวตาย? แต่เขาระมัดระวังตัวมาก ไม่ว่าเขาจะทำอะไร เขาจะคิดถึงสองเท่าก่อนจะลงมือทำ จะบอกว่าเขาบ้าบิ่นแต่เขาก็มีความกล้าพอเมื่อรู้ว่าโพรงถ้ำเหล่านั้นเป็นที่อยู่ของกุ่ยหยินไฟที่อาจระเบิดพลังไฟออกมาได้แต่เขาก็ยังพยายามมุดเข้าไปดู ถ้าการต่อสู้จากข้างนอกเป็นต้นเหตุให้มีพลังระเบิดออกมาคนที่ขวางอยู่ในเส้นทางจะมิกลายเป็นหมูย่างหรอกหรือ!
เย่ว์หยางไม่ได้ถามความเห็นของนาง
ในเวลาปกติ เขาจะมีความเป็นประชาธิปไตยมากไม่ว่าอะไรที่เขาจะทำเขาจะให้เสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนแสดงความเห็นและให้คำแนะนำเสียก่อน
แม้ว่าเขาจะได้รับการสนับสนุนแต่บ่อยครั้งที่เขาจะไปถามแม่สี่หรือผู้อาวุโสบางคนขอคำแนะนำอย่างสุภาพ บ่อยครั้งที่เขาหวังจะใช้สติปัญญาของทุกคนมาช่วยประยุกต์ลงมือทำให้ดีที่สุด
อย่างไรก็ตามในการแก้ไขเรื่องสำคัญมากบางเรื่องเขาจะกลายเป็นเผด็จการและตัดสินเรื่องนั้นทันที เมื่อเขาตัดสินใจ จะต้องไม่มีความสงสัยลังเลต่อให้มีแผนเดียวทุกคนก็ต้องให้ความร่วมมือเต็มที่
สำหรับเย่ว์หยางซึ่งมีบุคลิกขัดแย้งกับจุ้ยมาวอี้เสมอนั่นเป็นเรื่องที่คุ้นเคยกันนานแล้ว
เมื่อใดก็ตามที่เขาต้องทำการตัดสินใจเรื่องสำคัญ นางจะสนับสนุนเขาแน่นอน
นี่เป็นเรื่องที่นางเรียนรู้จากเสวี่ยอู๋เสีย....
ในบรรดาสตรีของเขาเสวี่ยอู๋เสียจะเป็นคนแรกที่ยืนยันสนับสนุนและเข้ากันได้กับเย่ว์หยางอย่างดีที่สุด แม้แต่องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนก็เป็นเช่นนี้
ซิมบากับนางสิงโตคอยรั้งอยู่ระวังหลัง
หน้าที่ของพวกมันก็คือถ้ามารเพลิงดำเอาชนะราเชลและเซี่ยหยาได้ ถ้าเย่ว์หยางและจุ้ยมาวอี้ยังไม่ออกมา ก็ต้องถ่วงเวลาเอาไว้...เย่ว์หยางเพียงแต่คาดเดาว่ามารเพลิงดำคงมีแร่หยดเพลิงและเขาไม่คิดว่าจะมีเรื่องที่น่าทึ่งอย่างกุ่ยหยินไฟ ถ้าเขาไม่สามารถได้มันมา เขาจะไปสำรวจแดนล่มสลายแห่งทวยเทพตามหาด้วยตนเองและค้นหากุ่ยหยินไฟต่อไปในอนาคต
“เจ้าทำใจให้ว่างไว้” เย่ว์หยางตั้งท่าและวาดวงเวทรูนในอากาศว่างเปล่า
ในพริบตาเขาแบกจุ้ยมาวอี้ขึ้นหลังใช้ปมเชื่อมใจกับนางในพริบตาก็เทเลพอร์ตผ่านมารเพลิงดำเข้าไปในโพรงที่ใหญ่ที่สุด
การเทเลพอร์ตผ่านพื้นที่เหมือนกับข้ามทะเลขณะที่มีพลังกดดันของกุ่ยหยินไฟกระจายออกมาจากโพรง ทำให้จุ้ยมาวอี้สั่นสะท้านเล็กน้อย
นางกังวล แต่เย่ว์หยางนำนางผ่านเข้าไปตามทางได้ในไม่ช้า
บนศีรษะของมารเพลิงดำยิงหอกเพลิงใส่ราเชลและเซี่ยหยาด้วยความโกรธ
พวกเขาไถลลงไปไกลถึงสองกิโลเมตร จุ้ยมาวอี้รู้สึกว่าเส้นทางทำให้นางสั่นและถ้ากุ่ยหยินไฟระเบิดพลังออกมา ก็คงไม่ปลอดภัยต่อชีวิตนางและของเขา กำไลแปลงพลังธาตุไม่สามารถต้านทานได้เป็นแน่ ความรู้สึกนี้มากยิ่งกว่าย่างเท้าเข้าไปในปากปล่องภูเขาไฟระเบิดรู้สึกทรมาน ถ้าไม่ใช่เพราะเย่ว์หยางแต่เปลี่ยนเป็นคนอื่น ต่อให้ฆ่านางนางคงไม่ยินดีเข้าไปในเส้นทางระเบิดพลังของกุ่ยหยินไฟแน่
นี่เหมือนกับมองหาที่ตาย!
เส้นทางคดเคี้ยวและลาดลงไปอีกพันเมตรทันใดนั้นร่างของนางรู้สึกว่างเปล่า
จุ้ยมาวอี้พบว่านางอยู่ในพื้นที่กว้างขวางทางด้านตะวันออกเฉียงใต้อย่างน้อยสองสามกิโลเมตร มองลงมามีความสูงมากกว่าสี่ร้อยเมตร
สิ่งที่ที่สะดุดตานางคือเพลิงสีดำไม่ใหญ่นัก ค่อนข้างกลมลอยตัวสงบนิ่ง
เส้นผ่าศูนย์กลางไม่ถึงห้าสิบเมตร
อย่างไรก็ตาม นั่นทำให้นางรู้สึกกลัว
ถ้าตกลงไปในเปลวเพลิงดำที่เงียบสงบนี้จะเกิดการระเบิดและแม้แต่กระดูกก็คงไม่เหลืออย่างแน่นอน.. เพลิงสีดำเงียบสงบพลังแฝงเร้นทั้งหมด ถ้าระเบิดออกทั้งหมดสามารถทำลายหุบเขาเพลิงดำได้ทั้งหมดแน่นอน น่าเสียดายที่มันยังสงบมากไม่ว่าแม็กมาที่อยู่แนวขอบจะเดือดขนาดไหนก็ตามแต่เพลิงสีดำยังคงสงบไม่มีความเคลื่อนไหว
“เจ้าจะเอากลับไปด้วยหรือไม่?” จุ้ยมาวอี้ไม่ต้องเดาเย่ว์หยางคงจะต้องลงมือต่อไปแน่ เจ้าเด็กนี่ไม่เคยมีสมบัติขาดมือคงจะต้องนำกุ่ยหยินไฟกลับไปด้วย นางไม่คิดว่าจะห้ามเขา แต่ถ้ามันถูกรบกวนและพ่นพลังระเบิดออกมานางได้แต่ติดตามเขาและยอมรับชะตากรรม ตายเป็นตายอย่างไรก็ตามสิ่งที่นางทำได้ในตอนนี้ก็คือสนับสนุนเขา!
“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว แต่ผลเก็บเกี่ยวที่แท้จริงของเราไม่ใช่แค่กุ่ยหยินไฟเท่านั้น” เย่ว์หยางพยายามข่มเสียงไม่ให้ตื่นเต้นและกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก “เราก้าวหน้าไปกว่านั้นอีก, เหมียวเหมียว ดูที่เหนือศีรษะของเจ้า!”
“เหนือศีรษะของข้า?” จุ้ยมาวอี้เงยหน้ามองและพบว่าด้านบนเป็นโดมขนาดไม่ถึงสิบสองเมตรเต็มไปด้วยแร่สีดำแถบสีม่วงน้ำเงินเข้ม บางก้อนมีขนาดใหญ่บางก้อนก็เป็นหินย้อยยาวมีสีม่วงน้ำเงินเข้ม
นี่คือแร่หยดเพลิง?
แร่หยดเพลิงขนาดเท่านิ้วก็มีการประมูลกันได้หลายสิบล้านแล้วผลึกแร่หยดเพลิงนี้จะต้องใช้สายแร่หยดทองมากมายขนาดไหน
จุ้ยมาวอี้มีความรู้สึกเหมือนตกลงไปในภูเขาทอง ไม่.. นี่ยิ่งกว่าภูเขาทองคำสิบลูก ดูเหมือนว่าครั้งนี้ได้ผลรับที่ก้าวหน้าจริงๆ!
นางรู้สึกตัวและระงับความตื่นเต้นทันที และมองเย่ว์หยางอย่างกระตือรือร้น “ว่ามา, จะให้ข้าร่วมมือยังไง? แม้ว่าข้าจะไม่ค่อยถนัดงานทำเหมือง แต่นี่เป็นแร่คุณภาพสูงอย่างแน่นอน ข้าคิดว่าไม่น่ามีปัญหา!”
เย่ว์หยางส่ายหน้าและโบกมือบอกให้นางข่มความตื่นเต้นก่อน
เขาชี้ไปที่ตำแหน่งหนึ่ง “ดู, เหมืองแร่หยดเพลิงอะไรกันเล่า นั่นไอ้ที่ลอยอยู่ นั่นคือหญ้าวิญญาณเทพอัคคีเป็นผลเก็บเกี่ยวที่ใหญ่ที่สุดของการเดินทางของเรา! หลังจากกุ่ยหยินไฟมีอายุหลายหมื่นปีสมุนไพรชั้นเทพนี้คือวิญญาณของเทพหลังจากตายแล้ว มันโตเป็นต้นเต็มวัย ถ้ามีเจ้าสิ่งนี้จะไม่ด้อยไปกว่าได้สมบัติเทพ... ข้าคิดไม่ถึงจริงๆหุบเขาเพลิงดำจะมีต้นอ่อนสมบัติเทพนี้ มิน่าเล่ามารเพลิงดำแม้จะมีคนมาโจมตีที่หน้าประตูบ้านก็ยังไม่กล้าไล่ตามออกไปนอกหุบเขาแม้แต่ครึ่งก้าว เขาคอยปกป้องหญ้าวิญญาณเทพอัคคีนี่เอง”
จุ้ยมาวอี้ตาโต “ระดับเทพเชียวหรือ?”