ตอนที่ 896 เปิดใจจะพบความสุข
ตายเป็นตายจะเร็วจะช้าก็ต้องลองดู นางจะต้องทุ่มเททุกอย่างในคืนนี้
เจ็บปวดยาวนานแย่ยิ่งกว่าเจ็บปวดระยะสั้น!
จุ้ยมาวอี้หลับตาและตัดสินใจร่วมมือกับเย่ว์หยางเป็นคนแรก
หลังจากการตัดสินใจของนางครั้งนี้นางรู้สึกผ่อนคลาย นางไม่ได้นึกต่อต้านหรือนึกถึงความเศร้า อารมณ์หงุดหงิดแต่เดิม ที่มีความคิดที่น่ากลัวจิตใจของนางฟื้นฟูกลับคืนสภาพปกติ นางเพ่งสมาธิอยู่กับแผนงาน ทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับตนเองดูเหมือนจะเปลี่ยนไปเป็นชีวิตคนอื่น
เมื่อใจนางมีสมาธินางนางรู้สึกได้ทันทีว่าเข้าสู่อาณาจักรลึกลับและประสาทหูตามีความไวขึ้น
นางเข้าถึงความรู้สึกมหัศจรรย์อย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน
ราวกับว่านางเข้าใจหลายเรื่องในฉับพลันทันที
ขอบเขตสมองขยายออกไปอย่างไม่จำกัด
เหมือนกับว่าไม่ได้รับอะไร แต่นางอดตะลึงมิได้
“นี่เจ้าจะใช้กับโลหะดาวตกโลหะในตำนานและทองแดง?” จุ้ยมาวอี้อดโพล่งออกมาไม่ได้ นางพูดไม่ออกชั่วขณะ แต่ก็ยังรู้สึกผิด
“มีปัญหาอะไรหรือ?” เย่ว์หยางหันกลับมามองตาจุ้ยมาวอี้ “ข้าคิดแบบนั้น ถ้านักรบทำสัญญากับอสูรระดับปราณฟ้าขึ้นไป อย่างนั้นก็ใช้กำไลอสูรโลหะดาวตก ต่ำกว่าอสูรปราณฟ้าลงมาก็ใช้โลหะในตำนานถ้าเป็นอสูรหุ่นที่ไม่อาจยกระดับได้หรืออสูรชั้นพิเศษที่ไม่มีพลังรบมีแต่ทักษะบางอย่างล้วนๆ ก็จะใช้กำไลอสูรทองแดง”
“อืม..ดีเหมือนกัน” จุ้ยมาวอี้ฟังและคิดว่าคำพูดนี้มีเหตุผล เป็นเย่ว์หยาง เย่ว์หวี่ อู๋เหิน อู๋เสียโล่วฮัวและเชี่ยนเชี่ยน พวกนางคงไม่มีปัญหาแม้แต่น้อย อย่างไรก็ตามนางมักจะรู้สึกว่านางมีบางอย่างที่ผิดปกติ
หากนางต้องการพูดแต่ไม่สามารถพูดได้
เย่ว์หยางยิ่งแปลกใจมากกว่าเดิม
จุ้ยมาวอี้นางนี้ต้องการจะบอกอะไร?
แม้ว่านางเคยมีส่วนร่วมในการทดลองวงเวทรูนว่ากันตามตรงในแง่นี้นางยังธรรมดาอยู่ อย่างน้อยก็ยังห่างจากเย่ว์หวี่มาก
อย่างไรก็ตามไม่ว่าแรงบันดาลใจจะมาจากใครก็ตาม เย่ว์หยางก็ต้องการได้ยิน บางครั้งแรงบันดาลใจที่เพิ่งผุดขึ้นมาอาจจะแรงกว่าการพยายามทำงานอย่างหนักมาถึงสองสามปี! เย่ว์หยางไม่เคยปฏิเสธว่าคนทั่วไปจะไม่สามารถแสดงแรงบันดาลใจและเปล่งประกายความคิดที่ดีได้ เหมือนอย่างสาวน้อยเป่าเอ๋อปกตินางไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน หรือทำออกมาก็ไม่ได้ผลที่ดี อย่างไรก็ตามถ้าเขาต้องการทำบางอย่างที่สำคัญมากและให้นางทำโดยไม่รู้ตัวเย่ว์หยางกล้าพูดได้ว่านางสามารถทำอย่างจริงจังมากกว่าคนอื่นได้ถึงร้อยเท่า!
เรื่องโชคดีโชคร้าย แรงบันดาลใจ ความเข้าใจเหล่านี้ไม่อาจใช้เครื่องมือบังคับได้ ทั้งไม่ได้มาจากการทุ่มเททำงานอย่างหนัก
“ข้าคิดว่าเหมือนกับจะเข้าใจแต่ไม่รู้วิธีพูดออกมา มันเป็นความรู้สึก!” จุ้ยมาวอี้ยังคงเป็นปกติไม่แสดงออกว่าเห็นด้วย ปล่อยให้เย่ว์หยางรู้สึกถึงสภาพใจนางเอง
ตั้งแต่อยู่ในโลกพฤกษาหญิงสาวอยู่ในเขตพลังเทพพวกนางได้รับความสามารถอย่างเดียวกัน นั่นคือการเชื่อมโยงพลังจิตเป็นรูปเหมือนสายแพร ทุกคนต่างกัน และมีพลังที่แตกต่างแต่ลักษณะการทำงานทางใจเหมือนกัน จึงทำให้ง่ายกับการใช้วิธีติดต่อทางจิต เย่ว์หวี่และอู๋เหินหลังจากพูดคุยปรึกษาต่างเรียกความสามารถนี้ว่า ‘ปมเชื่อมใจ’
ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามสามารถใช้ปมเชื่อมใจเพื่อติดต่อและแลกเปลี่ยนข้อมูลทางใจ
ปกติทุกคนจะคุ้นเคยกับการสื่อสารด้วยคำพูดมากกว่า
ที่สำคัญความลับเล็กน้อยในใจพวกนางต้องการจะรักษาเอาไว้
ตอนนี้นางมีความรู้สึกชัดเจนในใจเป็นพิเศษแต่ไม่สามารถพูดออกมาจากปากเท่านั้น จุ้ยมาวอี้เลือกใช้‘ปมเชื่อมใจ’ นี้แก้ปัญหาปล่อยให้เย่ว์หยางเข้าใจความรู้สึกในใจของนางเอง แน่นอนว่าถ้าไม่ใช่เพราะตัดสินใจไว้ก่อนว่านางจะร่วมมือกับการค้นคว้าวิจัยและยอมทดลองร่วมกับเขา เป็นไปไม่ได้ที่นางจะทำเช่นนั้น
รัศมีสว่างวาบ
ต่างจากเสวี่ยอู๋เสียสายปมเชื่อมใจของจุ้ยมาวอี้มีอักษรรูนโบราณ ปมเชื่อมใจของจุ้ยมาวอี้มีลักษณะพิเศษเฉพาะตน
สายแพรพลังจิตของนางไม่ชัดเจนเหมือนกับคนอื่น แต่เป็นประกายรัศมีระยิบระยับอย่างต่อเนื่องลักษณะแตกต่างจากโล่วฮัว มีลักษณะฟุ้งกระจายเรืองแสง
จุ้ยมาวอี้รู้สึกเหมือนมีรัศมีเปลวไฟอยู่เหนือตนนั่นช่วยให้นางเข้าใจวิทยายุทธการต่อสู้ได้ง่าย
สายแพรพลังจิตพันรอบนิ้วมือเย่ว์หยางอย่างเงียบงัน
และนางรู้สึกได้ทันทีว่านางเป็นคนหยิ่งทระนงและใจเด็ด ความลับทั้งหมดดูเหมือนจะทำให้เขาดูดี นางรู้สึกอึดอัดมากขึ้นเหมือนกับยืนเปลือยกายอยู่ต่อหน้าเขา จุ้ยมาวอี้รู้สึกอายและนางถูกมัดโยงกับปมเชื่อมใจ หัวใจของนางเต้นแรงจนยากจะข่มใจให้สงบได้...โชคดีที่เย่ว์หยางไม่ได้สับสนกับความลับในใจนางเหมือนขโมยผู้ตัดช่องย่องเบาไม่ได้เปิดเผยความลับในใจนาง แต่ด้วยความรู้สึกลึกๆ แล้ว นางไม่สามารถพูดได้อย่างเต็มที่
ใบหน้าของเย่ว์หยางผุดผ่องเป็นประกาย
ด้วยความรู้ที่ได้รับตกทอดและการชี้นำจากคนรุ่นก่อนผ่านโลกพฤกษาเขามีความสามารถในการรับแรงบันดาลใจและรับรู้
ใช้เวลาไม่ถึงวินาทีเขาสามารถสะท้อนความรู้สึกของจุ้ยมาวอี้ได้หมดสิ้นเชิง
ยิ่งเขาสัมผัสทางใจกับนางมากขึ้น เขาก็ยิ่งรู้มากขึ้น
ไม่ทราบว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใด
เย่ว์หยางค่อยๆลืมตา...จุ้ยมาวอี้เห็นแววตาของเขามีประกายศักดิ์สิทธิ์และดูเหมือนว่ามีภูมิปัญญากระจ่างพิสุทธิ์ในใจ แค่มองจากดวงตาก็สัมผัสได้ถึงหัวใจ
“ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าคิดได้ดีเลยทีเดียว!” เย่ว์หยางหัวเราะลั่นและโอบไหล่จุ้ยมาวอี้อย่างมีความสุข ในที่สุดเขาสงบใจลงได้ “อู๋เสียเคยบอกไว้ก่อนว่าดูเหมือนจะมีบางอย่างผิดพลาดไป และนางบอกว่าเขาควรจะกลับไปทบทวนก่อน ข้าไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลยว่าเจ้าจะเป็นคนที่คาดไม่ถึงอย่างนี้ เราคิดเรื่องอสูรปราณฟ้าก่อนอสูรที่ระดับต่ำกว่าปราณฟ้า แต่เราลืมสิ่งที่สำคัญมากไปอย่างหนึ่ง นั่นก็คืออสูรที่มีศักยภาพ ความจริงในวันก่อนๆนี้เราก็คิดไว้เหมือนกัน เพียงแต่ตอนนั้นยุ่งมาก และกำลังกังวลมากเกินไป จริงๆ มิได้สนใจต่างหาก ในความเป็นจริงแล้วกำไลอสูรไม่จำเป็นต้องใช้กับเฉพาะผู้ไม่มีคัมภีร์อัญเชิญเท่านั้น แม้แต่ผู้ครอบครองคัมภีร์อัญเชิญก็ยังสามารถใช้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเด็กๆที่พลังป้องกันตัวยังอ่อนแอ ถ้ามีอสูรที่มีศักยภาพเติบโตไปพร้อมกันหรือว่าได้พลังป้องกันจากอสูรที่เติบโตแล้ว อย่างนั้นจะมีพัฒนาการได้อย่างปลอดภัยมากกว่าผู้ที่ไม่มีกำไลอสูรมากนัก หอทงเทียนของเราไม่ใช่ทวีปใหญ่โตทวีปมังกรทะยานยิ่งมีขนาดเล็กยิ่งกว่า คนผู้มีพรสวรรค์ในแต่ละรุ่นมีไม่กี่คน ถ้าเป็นแบบนี้ก็คงไม่มีพลังแข่งขันกับแดนสวรรค์ได้แน่ ตอนนี้เมื่อเพิ่มกำไลอสูรเข้าไปข้าเชื่อว่าจะต้องดีแน่ ความคิดของเจ้าก็คือความเจริญเติบโตของผู้คนในอนาคต”
“ไม่, ข้า, ข้าคิดเรื่องนั้นไว้จริงๆหรือ?” จุ้ยมาวอี้พอถูกเขาจับมือถือแขนนางรู้สึกเขินอายเมื่อเขาชมนาง
“นั่นคือแรงบันดาลใจของเจ้า เจ้าคิดอย่างนั้นจริงๆเพียงแต่เจ้าพูดถ่ายทอดออกมาไม่ได้” เย่ว์หยางหัวเราะและเขย่าไหล่นาง “ปกติเจ้าไม่พูดมาก ก็เลยเป็นอย่างนี้”
“ตรงไหน ตรงไหนกันปกติข้าก็พูดมากอยู่แล้ว...” จุ้ยมาวอี้รีบเถียงแต่นางได้ยินเสียงนางเบายิ่งกว่ามด และนางกลับสงสัยความอ่อนโยนของนางเอง ฯลฯนางเป็นคนแบบนั้นหรือ? เกิดอะไรขึ้นเป็นไปไม่ได้ที่นางจะโกรธต่อหน้าเขาหรือ?นี่เป็นการเปลี่ยนแปลงมากเกินไปหรือเปล่า?
รอจนกระทั่งปมเชื่อมใจของนางเองเชื่อมกับนิ้วของเขา
นางอดรู้สึกละอายมิได้
นางหันควับกลับไปมองเขาอย่างกังวล เพราะกลัวว่าเขาจะหัวเราะเยาะอาการแกล้งสุภาพของนาง
คิดไม่ถึงเลยว่าเย่ว์หยางไม่เพียงแต่ไม่หัวเราะเยาะนางแต่กลับยกย่องนางอย่างจริงจริงจัง “เหมียวเหมียว! ทำอย่างนี้ถูกแล้ว เจ้าต้องเปิดใจสื่อสารกับทุกคน ถ้าเจ้าทำตัวว่างเปล่าเจ้าจะสามารถคุยกับอู๋เหิน พี่หวี่และเชี่ยนเชี่ยนได้ พวกเขาจะพูดกับเจ้าทุกคนใส่ใจความรู้สึกของเจ้า!”
ตอนนี้จุ้ยมาวอี้ค่อยรู้ตัวว่าเขายังคงเรียกนางว่าเหมียวเหมียวนางรู้สึกเก้อเขินในใจ “ข้าข้าไม่ได้ชื่อเหมียวเหมียว อย่าเรียกอย่างนั้น!”
“ไม่มีใครอื่นเรียกมีแต่ข้าเรียกเจ้าว่าเหมียวเหมียวเท่านั้น นี่คือการรับรู้ของเราแค่สองคนเท่านั้น” เย่ว์หยางโน้มตัวลงมาจูบนาง ทำให้จุ้ยมาวอี้ยืนแข็งทื่ออยู่กับที่
นี่จะปล่อยให้เจ้าเด็กนี่จูบหรือ?
และที่ริมฝีปากนี่คืออะไร...นี่คือจูบแรกหรือ?
มันเร็วเร็วเกินไปแล้ว ยังไม่ทันแนะนำตัว ยังไม่ทันตั้งตัวเลยจูบแรกมาเร็วขนาดนี้เชียวหรือ?
เย่ว์หยางกลับหลังหันและเขาไม่เคลิบเคลิ้มไปกับจูบแรกที่งดงามนี้ ขณะที่จุ้ยมาวอี้ยืนนิ่งอึ้งอยู่เป็นเวลานานพยายามจะดื่มด่ำกับความรู้สึกที่เพิ่งเกิดขึ้น นางพยายามขยับลิ้นเลียริมฝีปากเพื่อตรวจสอบว่าเขายังอยู่หรือไม่นางกลัวว่าเขาจะหันหลังกลับมาดูและทำให้หัวใจนางเต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง
“มาเถอะ” เย่ว์หยางหันหลังกลับมาและเอื้อมมือจับไหล่ของจุ้ยมาวอี้
“ไวเกินไปหรือเปล่า?” จุ้ยมาวอี้สะท้านขึ้นจากความทรงจำจูบแรก จากจูบแรกก็จะเริ่มฝึกพลังคู่รักเลยหรือ? จะต้องเตรียมตัวก่อนหรือเปล่า ต้องทำอะไรอีก?จากนั้นเขาถอดชุดนอนด้วยหรือ? นางต้องให้ความร่วมมือกับเขาหรือไม่?ถ้าเขาจูบนางอีกเล่า? นางจะกัดเขาให้หนักเมื่อเขากลับมาหรือไม่?
ถ้านางแค่คิดว่านางจะต่อสู้เพื่อเข้าเขตแดนสวรรค์นางควรจะให้ความร่วมมือหรือไม่
ตอนนี้นางรู้สึกว่าอยู่ในโลกภายในใจนางกำลังคิดหาวิธีให้ความร่วมมือ
หากทำได้ไม่ดี
ถ้าให้อู๋เหินรู้พวกเขาก็คงขายหน้ามากขึ้น ถอดชุดนอนหลับตาและฝึกพลังคู่รักกับเย่ว์หยาง ทันใดนั้นเย่ว์หยางสวมชุดบนร่างของนางและดึงเข็มทิศสามพิภพออกมา “เราต้องรีบข้ามีความคิดดีๆ อย่างหนึ่ง หากเราปรับได้อีกครั้งเราจะสร้างกำไลอสูรที่มีศักยภาพและคุณภาพมากที่สุดได้ ใช้กับมณีสุริยันต์ มณีจันทรา มณีดารา แม้ว่ามณีทั้งสามนี้จะอยู่ในระดับแรกก็ตามแต่ก็สามารถใช้เข้ากับหยดอัคคี น้ำแข็งสุบิน บุปผาสายฟ้า และรอให้ฟ้าร้อง ฯลฯ และยังมีแร่หายากของแดนสวรรค์ใช้เป็นส่วนประกอบร่วมสุดท้ายใช้กับอะดาเมนเทียม โลหะมิทธริล และบรอนซ์แดง ถ้าได้สิ่งเหล่านั้นมาไว้ในมือเราจะดีที่สุด และคนที่มีเจตนาไม่ดีไม่มีทางจะเลียนแบบได้ ยังไม่ต้องพูดถึงวงเวทรูน พวกเขาไม่สามารถทำได้เราจะต้องรีบเพื่อให้ไม่ให้คนอื่นฉวยโอกาสทำลาย!”
กลับกลายเป็นว่าเขาจะพาไปแดนสวรรค์เก็บแร่หายาก โชคดีที่ไม่ได้ฝึกคู่รักต่อทันที
จุ้ยมาวอี้ลอบทอดถอนหายใจ
นางพยายามข่มใจไม่ให้ขำขณะที่หัวใจนางร้อนรุ่ม..รอจนกลับไปที่เมืองลมดำ จุ้ยมาวอี้ไม่ได้ถูกพาตัวตรงไปที่คฤหาสน์เจ้าเมืองไม่ได้ไปที่ปราสาทมรกตใหม่ แต่พานางไปที่หุบเขาเพลิงดำ
หลังจากบินเป็นเวลานานก็ยังไม่ถึงจุดหมายปลายทองจุ้ยมาวอี้อยู่กับเขาสองต่อสองในโลกนี้รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น ตั้งแต่แรกนางบินเคียงข้างกับเขาเมื่อความเร็วตกลงนางปล่อยให้เขาฉุดดึงมือนางให้ขึ้นมาอยู่บนหลังของเขาปล่อยให้เขาพานางไปเหนือท้องฟ้าแดนสวรรค์แม้ว่าหน้าอกนางจะกดทับแผ่นหลังแข็งของเขาแต่นางกลับรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูกนางไม่รู้สึกอาย หากจะมีบ้างก็เพียงเล็กน้อย
เมื่อนางเช็ดเหงื่อให้เขานางพบว่าตอนนี้นางไม่เคยพูดกับเขาอ่อนโยนนัก “เหนื่อยไหม? เจ้าอยากจะพักบ้างหรือเปล่า?”
“ตัวเจ้าเบากว่าแมวเสียอีก!” เย่ว์หยางหันมาพูด
“ผู้อื่นไม่ใช่แมวสักหน่อย...” จุ้ยมาวอี้ตอนนี้แสดงอารมณ์แง่งอนแล้ว เมื่อพูดไปอย่างนี้นางถึงกับหลั่งเหงื่อโชกแย่แล้วอยู่กับเจ้าเด็กนี่นานวันเข้า นางกลายเป็นอะไรไปแล้ว นางรีบปรับน้ำเสียงจริงจังทันที ความจริงข้าก็บินได้ เพียงแต่ช้ากว่าเท่านั้น!”
“ไม่มีอะไร, เจ้าหลับได้เลยไปถึงปลายทางแล้วข้าค่อยเรียกเจ้าอีกครั้ง ครั้งล่าสุดข้าได้ยินว่าหุบเขาเพลิงดำมีแร่หยดเพลิง เพียงแต่ยังไม่มีเวลาตรวจสอบเพียงพอข้ามีน้ำแข็งสุบิน บุปผาสายฟ้า และแร่อัสนี ถ้าสามารถหาแร่หยดเพลิงได้ กำไลอสูรจะมีทางผลิตออกมาได้”เย่ว์หยางหันกลับมาลูบสะโพกจุ้ยมาวอี้ บั้นท้ายนางเหมือนกับองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน
ครั้งนี้จุ้ยมาวอี้ยอมใจอ่อนแล้ว
แม้ว่านางจะรู้ว่าเหมือนกับเขาไม่ได้ตั้งใจ แต่ก็ยังมีความรู้สึกเสียดายอยู่
ดูเหมือนนางคิดไปไกลถึงการฝึกฝนพลังคู่รักข้างหน้า...แปลกทั้งที่เมื่อสองชั่วโมงที่แล้ว นางยังคิดต่อต้านปฏิเสธแต่บัดนี้..นางไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น... ยิ่งนางคิด ร่างกายก็ยิ่งร้อนผ่าว
นางไม่สามารถคุกเข่าบนหลังของเขาได้ ขณะที่นางดมกลิ่นอายบุรุษและสัมผัสถึงกล้ามเนื้อที่แข็งแรงนางเผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว
แม้จะอยู่ในห้วงฝันร้ายแต่มุมปากของนางก็ยังยิ้มเปี่ยมสุขได้
นางยิ้มเล็กน้อย
แต่เปี่ยมไปด้วยสุข....