ตอนที่ 899 กองทัพตระกูลชิว
“หวินฉีถูกฆ่า? เป่ยฟงได้รับบาดเจ็บและกองกำลังส่วนตัวของเขาถูกทำลาย?และตอนนี้เบาะแสของเขาไม่ทราบชัด?”
เสียงคำรามด้วยความโกรธภายในลานด้านหลังในเมืองเมฆาภายในทวีปเซียนดังขึ้น
ชิวเทียนชิงคำรามเต็มที่ ความโกรธของเขาถึงขีดจำกัดทำให้เกิดระลอกพลังเป็นชั้นๆ รอบตัวเขา อากาศในห้องโถงเกิดความไม่เสถียรขณะที่รังสีฆ่าของเขากระจายออกไปข้างนอก
ทุกคนที่อยู่ภายใต้สีหน้าที่โกรธเกรี้ยวของเขามีนัยน์ตาแดงดังสายเลือด ตระกูลชิวไม่เคยถูกหยามอัปยศแบบนั้นมาก่อนไม่มีเหตุผลอะไรเลย คนสำคัญของตระกูลชิวจู่ๆก็ถูกสังหารแม้ว่าอีกฝ่ายหนึ่งจะเป็นวิหารหรืออัศวินพิเศษกวงหมิงก็ตาม ตระกูลชิวไม่มีทางยอมรับ
ชิวหวินฉีและชิวเป่ยฟงเป็นเด็กชุดแรกของตระกูลชิว แม้ว่าชิวเป่ยฟงจะนำกองกำลังส่วนตัวไป 100 คน แต่พวกเขาเป็นพวกมีพลังต่อสู้ทั้งนั้นและมีชื่อเสียงที่สุดในประวัติศาสตร์ของตระกูลชิว และในบรรดากองทัพตระกูลชิวพวกเขาถูกจัดอยู่ในระดับห้าสุดยอด
การสูญเสียครั้งใหญ่ทำให้ตระกูลชิวประสบปัญหาอย่างหนัก
ชิวเทียนชิงมีลักษณะธรรมดา แต่เมื่อเขาโกรธ เขาดูเหมือนราชสีห์ สายตาของเขากวาดมองขุนพลต่างๆ ตาของเขาเย็นชาจนไม่มีร่องรอยความอบอุ่นอยู่ในนั้น เขาหัวเราะขึ้นทันใดราวกับว่าเป็นสัตว์ป่าที่เตรียมจะจับคนกินบุคลิกภาพของเขาสามารถทำลายทุกคนได้
“ตระกูลชิวกลายเป็นแกะบูชายัญที่รอถูกคนอื่นฆ่าตามต้องการตั้งแต่เมื่อไหร่?”
แม่ทัพทั้งหมดที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม่กล้าส่งเสียง
ชิวเทียนชิงรู้ชัดถึงเหตุผลที่โซเฟียลงมือ และรู้ความเคลื่อนไหวและการกระทำที่ตระกูลชิวกระทำในความมืด แต่แล้วยังไงเล่า? แม้ว่าวิหารยังไม่กล้าประกาศความเกี่ยวโยงใดๆระหว่างตระกูลชิวกับการปลงพระชนม์โอรสศักดิ์สิทธิ์ ความเคลื่อนไหวของอัศวินพิเศษกวงหมิงที่ทำกับตระกูลชิวเป็นสัญลักษณ์ของการล้ำเส้น
โซเฟียต้องการฆ่าเพื่ออำนาจ แต่น่าเสียดายนางเลือกผิดคนตระกูลชิวไม่ใช่กลุ่มคนที่จะทนรับเรื่องแบบนั้นง่ายๆ
ปากของชิวเทียนชิงยิ้มเยือกเย็น
ขณะนั้นสัญญาณเตือนภัยดังขึ้นทันที พร้อมกับคนที่ไม่รู้จักวิ่งเข้ามา
ตาของชิวเทียนชิงเป็นประกายรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาเย็นชามากขึ้น “ดูนั่น, นี่คือโลกที่ผู้แข็งแกร่งกินผู้อ่อนแอ ถ้าเจ้าอ่อนแอ อย่างนั้นเจ้าจะถูกกลืนกินจนไม่เหลือกระดูก”
พูดแค่นั้นเขาเดินออกไป
แม่ทัพนายกองต่างๆ เดินตามหลังชิวเทียนชิง
ภายในห้องที่หรูหรางดงาม เมืองเมฆพลิ้วบุรุษวัยกลางคนได้ยินสัญญาณเตือนภัยแหลมชัด เขางานที่กำลังทำและเงยหน้าขึ้น “สัญญาณเตือนภัยดังมาจากไหน?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นองครักษ์คนหนึ่งวิ่งออกไปทันทันที หลังจากนั้นชั่วขณะ เขาวิ่งกลับมารายงาน “มาจากสำนักงานกองทัพตระกูลชิว!”
‘สำนักงานใหญ่กองทัพตระกูลชิว! บุรุษวัยกลางคนหรี่ตาตระกูลชิวตั้งค่ายเผชิญหน้า เมื่อคิดถึงเรื่องรายงานล่าสุดที่เขาอ่านบุรุษวัยกลางคนรู้สึกไม่สบายใจ
‘หรือว่าพวกเขาประเมินปฏิกิริยาของวิหารผิดไป?’
เมื่อคืนก่อนฐานของตระกูลชิวในเมืองหิมะถูกกวาดล้าง ชิวหวินฉีถูกฆ่าตายกองกำลังส่วนตัวถูกทำลาย และชิวเป่ยฟงได้รับบาดเจ็บสาหัสหลบหนีไปไม่ทราบเบาะแสที่แน่ชัด
ผู้รับผิดชอบก็คือหน่วยอัศวินพิเศษกวงหมิง! ไม่มีเหตุผล, ไม่มีการแจ้งเตือน,เป็นการซุ่มโจมตียามราตรีและสังหารคนของตระกูลชิวโดยตรง ถ้าไม่ใช่เพราะเป็นการยืนยันว่าผู้ก่อเหตุคือหน่วยอัศวินพิเศษกวงหมิงปฏิกิริยาแรกของของบุรุษวัยกลางคนก็คงสงสัยว่ามีคนจงใจทำให้เกิดปัญหาเพราะนั่นไม่ใช่รูปแบบที่วิหารทำ
พวกเขากวาดล้างฐานของตระกูลชิวในเมืองหิมะในคืนก่อน และในวันต่อมาพวกเขามุ่งตรงไปที่สำนักใหญ่กองทัพตระกูลชิว
‘ความต้องการของวิหารรุนแรงมากขึ้น’ เขามีความกังวลอยู่ในใจ ซึ่งแตกต่างจากสิ่งที่เขาคาดหวังไว้สิ้นเชิง ความไม่พอใจของตระกูลชั้นสูงต่างๆที่มีต่อวิหารสะสมมาเป็นเวลายาวนาน ขณะที่วิหารก็เหมือนสัตว์ประหลาดที่เติบโตต่อเนื่องและกลืนกินสถานที่ที่ทุกคนสามารถมีชีวิตอยู่อย่างต่อเนื่อง
วิหารที่ถูกสร้างในทวีปกวงหมิงในอดีตและในปัจจุบันต่างกันอย่างสิ้นเชิง ในอดีตวิหารได้ทำข้อตกลงกับตระกูลชั้นสูงว่าจะแบ่งกันปกครองทวีปกวงหมิง แต่วิหารแข็งแกร่งมากขึ้นทุกทีทำให้ตระกูลชั้นสูงต้องถดถอยมาหลายปี โดยเฉพาะเมื่อวิหารทิ้งไพ่สนับสนุนที่จำเป็นต้องได้รับการยอมรับจากตระกูลมีชื่อเสียงทั้งหลาย ตระกูลเล็กกลุ่มใหม่เริ่มมีท่าทีคุกคามตระกูลสูงส่งชั้นหนึ่ง
ชื่อเสียงของตระกูลชั้นสูงชั้นหนึ่งตระกูลแล้วตระกูลเล่าต้องตกต่ำทำให้พวกเขาทั้งหมดเต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่รุนแรง
พวกเขาต้องการเปลี่ยนทุกอย่าง แต่วิหารปกครองได้อย่างดีและมั่นคงไม่เปิดเผยจุดอ่อนแต่อย่างใด เพียงแต่เมื่อระฆังศักดิ์สิทธิ์ดังขึ้นตระกูลระดับสูงชั้นหนึ่งตระหนักได้ทันทีว่าโอกาสที่พวกเขารอคอยมาตลอดปรากฏขึ้นแล้ว
เขาเรียกความรู้สึกกลับมาไม่เชื่อว่าวิหารจะกล้าทำลายล้างอย่างไม่สนใจอะไร ทวีปกวงหมิงเป็นของวิหารกวงหมิง ต่อให้พวกเขาสามารถครอบครองผลประโยชน์บางอย่างจากวิหาร แต่ก็ไม่เปลี่ยนความจริงข้อนี้
‘นอกจากนี้,วิหาร เจ้ายังมีหน่วยอัศวินพิเศษกวงหมิงเท่านั้นที่เหลืออยู่ เจ้าคิดไหมว่าเจ้าเคยเป็นอย่างนั้นมาก่อน?’
สำนักใหญ่กองทัพตระกูลชิวมีกองกำลังจู่โจมของตระกูลชิวประจำการอยู่ นั่นเป็นกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดของตระกูลชิว ทั้งยังแข็งแกร่งเหนือกว่ากองกำลังส่วนตัวของชิวเป่ยฟงมากมายนักอย่างเทียบไม่ได้ วิหารต้องการใช้ตระกูลชิวเป็นแบบอย่างคุกคามให้ตระกูลอื่นกลัว แต่ชิวเทียนชิงเป็นคนที่มีนิสัยไม่ยอมคน เขาจะไม่ยอมแพ้โดยไม่ได้ทำการต่อสู้
‘จะต้องมีเรื่องสนุกๆให้ได้ดูกันแน่!’
บุรุษวัยกลางคนคิดในใจ ‘วิหารมีแต่กองกำลังอัศวินพิเศษกวงหมิง ถ้ากองพลจู่โจมของตระกูลชิวสู้โดยไม่คำนึงถึงอะไร ทั้งสองฝ่ายจะต้องเสียหายกันอย่างหนัก ไม่, ต่อให้พวกเขาสามารถทำอันตรายอัศวินพิเศษกวงหมิงได้บ้าง สถานการณ์ของวิหารจะตกอยู่ในความลำบากมากขึ้น’
‘ชิวเทียนชิง, อย่าทำให้ข้าผิดหวังล่ะ’
กองพลจู่โจมตระกูลชิวอยู่ในฐานของตระกูลชิว แต่ภายในทวีปเซียนนอกจากวิหารแล้วไม่มีใครได้รับอนุญาตให้สร้างป้อมปราการ สำนักงานใหญ่กองทัพตระกูลชิวเป็นเพียงลานว่างธรรมดาซึ่งตระกูลชิวทำการปรับปรุงเล็กน้อยเพิ่มการป้องกันและรักษาความปลอดภัย
ชิวเทียนชิงยืนอยู่บนจุดที่สูงสุดและมองออกไปข้างหน้า
เรือสินค้าที่ไม่มีตราเครื่องหมายหยุดอยู่ห่างจากสำนักงานใหญ่ตระกูลชิงออกไป3 กิโลเมตร ลำเรือไม่ใหญ่และดูธรรมดามาก ชิวเทียนชิงขมวดคิ้วเล็กน้อย เขายังงงอยู่ ไม่รู้ว่ามีความแปลกประหลาดอย่างไร แต่กลับรู้สึกเหมือนกับว่ามีบางอย่างผิดปกติ
เรือสินค้าเปิดประตูซึ่งมีแต่ความมืดไม่มีใครมองลอดผ่านไปได้ ทั่วทั้งกองทัพตระกูลชิวกลั้นลมหายใจลืมตากว้าง
“ข้าไปก่อน” ถังเทียนตบอกและพูดกับเชียนฮุ่ยอย่างกล้าหาญ
“ระวัง, อย่าพยายามอวดความกล้า” เชียนฮุ่ยตอบเสียงนุ่มนวล
‘หวานนัก,นางอ่อนหวานยิ่งนัก ยิ่งกว่าน้ำผึ้งเสียอีก! ถังเทียนมองดูเหมือนอยู่ในสภาพลุ่มหลง ไม่สิใจของเขามึนเมา เขาลอบสะท้อนใจ ‘ตำราว่าไว้ถูกวีรบุรุษมีจุดอ่อนเพราะเสน่ห์ของสตรี วีรบุรุษที่แท้จริงมีจุดอ่อนที่เสน่ห์ของสตรีอย่างแท้จริง!’
‘โอว..ข้าไม่เข้าใจเลย ไม่เข้าใจเลยจริงๆ...’
ซือหม่าเซี่ยวทนไม่ได้อีกต่อไป, เขากระแอมครั้งหนึ่ง “พวกเจ้าค่อยสนิทสนมกันหลังสู้รบก็ได้”
เมื่อเห็นเชียนฮุ่ยหน้าแดงถังเทียนทำเหมือนกับว่าไม่มีอะไร และโบกมือขณะตะโกน “เคลื่อนกำลัง ลุยสำนักงานใหญ่กองทัพตระกูลชิว!”
เพียงแค่นั้น เขากระโดดลงมาจากประตู
กลุ่มคนกระโดดออกมาขณะโห่ร้องตะโกนเหมือนกับฝูงหมาป่าหิวโหย
หลังจากแยกออกมาจากเรือสินค้าเมื่อถังเทียนรู้สึกว่าเชียนฮุ่ยไม่สามารถได้ยินเขาอีกต่อไป เขากระแอมและพูดขึ้น “พวกเจ้ารู้ไหมทำไมข้าไม่ต้องการลอบโจมตีในวันนี้?”
“เพราะการป้องกันของศัตรูหนาแน่น...” ฝูเจิ้งจือรู้สึกทันทีเหมือนกับว่าความคิดของเขามึนชาและเปลี่ยนคำพูด“นายท่าน ท่านหมายความว่ายังไง?”
“ลอบโจมตีแล้วมันเท่ตรงไหน? นั่นจะแสดงความแข็งแกร่งของเราได้ยังไง?” ถังเทียนโบกมือ “เพราะการต่อสู้วันนี้ไม่เพียงแต่เราต้องได้รับชัยชนะเท่านั้น เราต้องแสดงผลงานของเราเอง และต้องแสดงอย่างสง่างาม ข้าจะด่าพวกเจ้าอย่างไม่เกรงใจหรอกนะ ถ้าข้าพบว่าพวกเจ้าเกียจคร้านและไม่แสดงฝีมือให้ดีทำให้ข้าเสียหน้าต่อหน้าเชียนฮุ่ย เมื่อทุกอย่างจบลง เราคงต้องคุยปรึกษากัน เช่นเรื่องการฝึก หึหึหึหึ!”
เสียงหัวเราะชั่วร้ายประกอบกับวิธีพูดที่น่ากลัวว่า“ฝึกเพิ่มเติม” ทำให้ทุกคนใจสั่นสะท้าน
“เจ้านายไม่ต้องห่วง! เราจะไม่ยอมให้นายท่านเสียหน้าต่อหน้านายหญิงแน่นอน” จี๋เจ๋อตบอกให้สัญญาทันที
ถังเทียนดีใจ “เสี่ยวเจ๋อเจ๋อ, เจ้าเยี่ยมมาก! มาเถอะ, ใครมีแผนบ้างไหม? เราต้องทำให้ใหญ่โต!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฝูเจิ้งจือไม่พอใจ ‘ข้าไม่ยอมปล่อยให้เป็นเช่นนี้แน่ข้าเทียบกับจี๋เจ๋อไม่ได้ตรงไหน?’ เขาแค่นเสียงทันที “ทุกคน, เตรียมกระตือรือร้นให้ดี พวกเจ้าจงเชิดหน้ายืดอกเอาไว้ ต้องเด็ดขาด ต้องมั่นคง เสี่ยวอู่สีหน้าของเจ้าต้องกระเหี้ยนกระหือยิ่งกว่านี้”
ถังเทียนพยักหน้าของเขา “ดี ดี ดีมาก!”
จี๋เจ๋อรับคำทันที “ยอดฝีมือที่แท้จริง เที่ยวไปอย่างเสรีสบายใจ คงจะเป็นเรื่องจงใจเกินไปถ้าเราจะแสดงราศีที่คุกคามเกินไป ไม่ควรจะแสดงราศีของยอดฝีมือจะดีกว่า”
ถังเทียนเห็นด้วย “จริง จริง!”
พวกทหารสับสน “.....”
ชิวเทียนชิงมองดูคนร้อยคนที่ออกมาจากเรือสินค้า ‘จำนวนของพวกเขาดูเหมือนจะเท่ากับอัศวินพิเศษ แต่ว่า...’
ชิวเทียนชิงผู้คำรามพร้อมกับแผ่รังสีฆ่าฟันที่มีอยู่ก่อนนั้นขมวดคิ้ว เขาระงับอารมณ์ไว้ ‘ทำไมคนพวกนี้ถึงสวมหน้ากากมีท่าทีแปลกประหลาดอย่างนั้น? และพวกเขาไม่เผยให้เห็นอารมณ์ความรู้สึกของพวกเขา...’
ยิ่งชิวเทียนชิงมองดูพวกเขา ก็ยิ่งรู้สึกเหมือนกับว่าเห็นกลุ่มแก๊งอันธพาลที่เดินเรียกเก็บค่าคุ้มครองตามท้องถนน
‘พวกเขาทำตัวเหมือนกับเป็นศัตรูที่อ่อนแอหรือเปล่า?’ ชิวเทียนชิงรีบส่ายศีรษะ การตั้งกระบวนของศัตรูดูยุ่งเหยิง และยังไม่ได้มาตรฐานแม้เท่ามือสมัครเล่น ‘ไม่สำคัญว่าอัศวินกวงหมิงจะพยายามปลอมตัวยังไงก็ตาม พวกเขาก็ไม่น่าจะแย่ขนาดนั้น’
ความสงสัยในใจของชิวเทียนชิงเพิ่มมากขึ้นมากขึ้นทุกที ‘พวกเขาเป็นใครกัน?’
บนเรือสินค้าเสี่ยวม่านและอาซิ่นจ้องมองกองพลเกราะเทพเจ้าอย่างตะลึง ที่พวกเขาไม่มีรูปแบบอะเลย
“พวกเขา..มีความสามารถพอจะสู้ได้หรือนั่น?” เสี่ยวม่านถามเบาๆ น้ำเสียงของนางค่อนข้างแปลก
อาซิ่นไม่แน่ใจ “บางทีพวกเขาอาจจงใจตั้งกระบวนเป็นอย่างนั้นกระมัง?”
ทั้งสองเป็นระดับแม่ทัพนายกองทหาร และเชี่ยวชาญในการชี้นำและต่อสู้ด้วยกลศึกและรูปแบบกระบวนรบและกำลังเคลื่อนไหวเหมือนกับว่าไม่สามารถร่วมมือกันได้
‘นี่เป็นความผิดพลาดที่ใหญ่ที่สุดสำหรับกองทัพ’
“เราน่าจะเตรียมตัวช่วยพวกเขา” เสี่ยวม่านรำลึกถึงความทรงจำของนาง ฝูงเจิ้งจือและจี๋เจ๋อทั้งสองคนเป็นพวกจอมประจบประจบถังเทียนยังไม่พอ พวกเขายังประจบเชียนฮุ่ยอีกดวย
นางชำเลืองมองอาซิ่น ‘มิน่าเล่าพวกเขาสามารถเข้ากับเขาได้เป็นปี่เป็นขลุ่ย พวกเขาเป็นจิ้งจอกเจ้าเล่ห์จากเผ่าพันธุ์เดียวกันนี่เอง!’
อาซิ่นผงกหัวโดยไม่รู้ตัวว่าเขาโดนด่าอย่างไม่รู้ตัว
เมื่อเดินเข้าประตูสำนักงานใหญ่ตระกูลชิวอย่าง ถังเทียนรู้สึกตื่นเต้น
‘นี่เป็นครั้งแรกของข้าที่แสดงความแข็งแกร่งต่อหน้าเชียนฮุ่ย’ เมื่อคิดถึงว่าเป็นการต่อสู้ที่สำคัญนั้น หนุ่มชาวฟ้ารู้ว่าทั่วทั้งร่างกายของเขาเต็มไปด้วยพลังงาน
ถังเทียนชูแขนขวาอย่างดุดัน “จัดแถว!”
“นายท่านแข็งแกร่งที่สุด!”
ทุกคนตะโกนเสียงดัง และกระจายตัวเหมือนกับกระโปรงบานและชูดาบกระบี่ขณะที่บางคนมีน้ำลายกระเด็นจากปาก สิ่งเดียวที่ยังขาดก็คือรอยสักรูปพยัคฆ์หรือมังกรบนร่างพวกเขา มิฉะนั้นพวกเขาคงจะดูคล้ายกับแก๊งยากูซ่าที่ท้าทายศัตรูต่อยตี
ชิวเทียนชิงตะลึงไปหมด เขาผ่านการสู้รบมาทุกประเภท แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นฉากภาพนี้กับตา
บุรุษวัยกลางคนที่เพิ่งวิ่งเข้ามาถึงตะลึงด้วยเช่นกัน มีเพียงประโยคเดียวที่อยู่ในใจเขาก็คือ ‘นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน?’
บนเรือสินค้า เสี่ยวม่านพลอยตะลึงไปด้วย นางก็เคยต่อสู้ในวิถีของนางผ่านภูเขาและทะเลซากศพมามากมายและวิญญาณอีกนับล้านก็ยังตะลึงจ้องมองถังเทียน
ตาของอาซิ่นเป็นประกาย เขาอดชมเชยไม่ได้ “เท่มาก!”
“ข้าว่าพวกท่านคงไม่ยอมแพ้สินะ”
คำพูดของถังเทียนดังกึกก้อง แต่ขณะที่ทุกคนยังไม่หายตกใจ ในความเงียบเช่นนี้ เสียงของเขาดังชัดเจนมาก
“อย่างนั้นข้าจะบุกเข้าไปล่ะ!”
ถังเทียนตะโกน เขาตั้งอยู่ในท่านั่งม้าทันที ภายใต้สายตาคลางแคลงใจนับไม่ถ้วน แขนขวาของเขายกขึ้นช้าๆและดึงรั้งมาอยู่ข้างตัว
ตาของเขาเป็นประกายเยือกเย็น และนิ้วทั้งห้ารวบกำเป็นรูปหมัด
เกิดความเปลี่ยนแปลงกะทันหัน