ตอนที่แล้วตอนที่ 898 มือมืดในเงามืด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 900 เผชิญหน้ากองพลจู่โจมตระกูลชิว

ตอนที่ 899 กองทัพตระกูลชิว


“หวินฉีถูกฆ่า? เป่ยฟงได้รับบาดเจ็บและกองกำลังส่วนตัวของเขาถูกทำลาย?และตอนนี้เบาะแสของเขาไม่ทราบชัด?”

เสียงคำรามด้วยความโกรธภายในลานด้านหลังในเมืองเมฆาภายในทวีปเซียนดังขึ้น

ชิวเทียนชิงคำรามเต็มที่ ความโกรธของเขาถึงขีดจำกัดทำให้เกิดระลอกพลังเป็นชั้นๆ รอบตัวเขา อากาศในห้องโถงเกิดความไม่เสถียรขณะที่รังสีฆ่าของเขากระจายออกไปข้างนอก

ทุกคนที่อยู่ภายใต้สีหน้าที่โกรธเกรี้ยวของเขามีนัยน์ตาแดงดังสายเลือด  ตระกูลชิวไม่เคยถูกหยามอัปยศแบบนั้นมาก่อนไม่มีเหตุผลอะไรเลย คนสำคัญของตระกูลชิวจู่ๆก็ถูกสังหารแม้ว่าอีกฝ่ายหนึ่งจะเป็นวิหารหรืออัศวินพิเศษกวงหมิงก็ตาม ตระกูลชิวไม่มีทางยอมรับ

ชิวหวินฉีและชิวเป่ยฟงเป็นเด็กชุดแรกของตระกูลชิว  แม้ว่าชิวเป่ยฟงจะนำกองกำลังส่วนตัวไป 100 คน แต่พวกเขาเป็นพวกมีพลังต่อสู้ทั้งนั้นและมีชื่อเสียงที่สุดในประวัติศาสตร์ของตระกูลชิว  และในบรรดากองทัพตระกูลชิวพวกเขาถูกจัดอยู่ในระดับห้าสุดยอด

การสูญเสียครั้งใหญ่ทำให้ตระกูลชิวประสบปัญหาอย่างหนัก

ชิวเทียนชิงมีลักษณะธรรมดา แต่เมื่อเขาโกรธ  เขาดูเหมือนราชสีห์  สายตาของเขากวาดมองขุนพลต่างๆ ตาของเขาเย็นชาจนไม่มีร่องรอยความอบอุ่นอยู่ในนั้น  เขาหัวเราะขึ้นทันใดราวกับว่าเป็นสัตว์ป่าที่เตรียมจะจับคนกินบุคลิกภาพของเขาสามารถทำลายทุกคนได้

“ตระกูลชิวกลายเป็นแกะบูชายัญที่รอถูกคนอื่นฆ่าตามต้องการตั้งแต่เมื่อไหร่?”

แม่ทัพทั้งหมดที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม่กล้าส่งเสียง

ชิวเทียนชิงรู้ชัดถึงเหตุผลที่โซเฟียลงมือ และรู้ความเคลื่อนไหวและการกระทำที่ตระกูลชิวกระทำในความมืด  แต่แล้วยังไงเล่า?  แม้ว่าวิหารยังไม่กล้าประกาศความเกี่ยวโยงใดๆระหว่างตระกูลชิวกับการปลงพระชนม์โอรสศักดิ์สิทธิ์ ความเคลื่อนไหวของอัศวินพิเศษกวงหมิงที่ทำกับตระกูลชิวเป็นสัญลักษณ์ของการล้ำเส้น

โซเฟียต้องการฆ่าเพื่ออำนาจ  แต่น่าเสียดายนางเลือกผิดคนตระกูลชิวไม่ใช่กลุ่มคนที่จะทนรับเรื่องแบบนั้นง่ายๆ

ปากของชิวเทียนชิงยิ้มเยือกเย็น

ขณะนั้นสัญญาณเตือนภัยดังขึ้นทันที  พร้อมกับคนที่ไม่รู้จักวิ่งเข้ามา

ตาของชิวเทียนชิงเป็นประกายรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาเย็นชามากขึ้น “ดูนั่น, นี่คือโลกที่ผู้แข็งแกร่งกินผู้อ่อนแอ  ถ้าเจ้าอ่อนแอ อย่างนั้นเจ้าจะถูกกลืนกินจนไม่เหลือกระดูก”

พูดแค่นั้นเขาเดินออกไป

แม่ทัพนายกองต่างๆ เดินตามหลังชิวเทียนชิง

ภายในห้องที่หรูหรางดงาม เมืองเมฆพลิ้วบุรุษวัยกลางคนได้ยินสัญญาณเตือนภัยแหลมชัด เขางานที่กำลังทำและเงยหน้าขึ้น “สัญญาณเตือนภัยดังมาจากไหน?”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นองครักษ์คนหนึ่งวิ่งออกไปทันทันที  หลังจากนั้นชั่วขณะ เขาวิ่งกลับมารายงาน  “มาจากสำนักงานกองทัพตระกูลชิว!”

‘สำนักงานใหญ่กองทัพตระกูลชิว!  บุรุษวัยกลางคนหรี่ตาตระกูลชิวตั้งค่ายเผชิญหน้า เมื่อคิดถึงเรื่องรายงานล่าสุดที่เขาอ่านบุรุษวัยกลางคนรู้สึกไม่สบายใจ

‘หรือว่าพวกเขาประเมินปฏิกิริยาของวิหารผิดไป?’

เมื่อคืนก่อนฐานของตระกูลชิวในเมืองหิมะถูกกวาดล้าง  ชิวหวินฉีถูกฆ่าตายกองกำลังส่วนตัวถูกทำลาย และชิวเป่ยฟงได้รับบาดเจ็บสาหัสหลบหนีไปไม่ทราบเบาะแสที่แน่ชัด

ผู้รับผิดชอบก็คือหน่วยอัศวินพิเศษกวงหมิง! ไม่มีเหตุผล, ไม่มีการแจ้งเตือน,เป็นการซุ่มโจมตียามราตรีและสังหารคนของตระกูลชิวโดยตรง ถ้าไม่ใช่เพราะเป็นการยืนยันว่าผู้ก่อเหตุคือหน่วยอัศวินพิเศษกวงหมิงปฏิกิริยาแรกของของบุรุษวัยกลางคนก็คงสงสัยว่ามีคนจงใจทำให้เกิดปัญหาเพราะนั่นไม่ใช่รูปแบบที่วิหารทำ

พวกเขากวาดล้างฐานของตระกูลชิวในเมืองหิมะในคืนก่อน  และในวันต่อมาพวกเขามุ่งตรงไปที่สำนักใหญ่กองทัพตระกูลชิว

‘ความต้องการของวิหารรุนแรงมากขึ้น’ เขามีความกังวลอยู่ในใจ ซึ่งแตกต่างจากสิ่งที่เขาคาดหวังไว้สิ้นเชิง  ความไม่พอใจของตระกูลชั้นสูงต่างๆที่มีต่อวิหารสะสมมาเป็นเวลายาวนาน ขณะที่วิหารก็เหมือนสัตว์ประหลาดที่เติบโตต่อเนื่องและกลืนกินสถานที่ที่ทุกคนสามารถมีชีวิตอยู่อย่างต่อเนื่อง

วิหารที่ถูกสร้างในทวีปกวงหมิงในอดีตและในปัจจุบันต่างกันอย่างสิ้นเชิง ในอดีตวิหารได้ทำข้อตกลงกับตระกูลชั้นสูงว่าจะแบ่งกันปกครองทวีปกวงหมิง  แต่วิหารแข็งแกร่งมากขึ้นทุกทีทำให้ตระกูลชั้นสูงต้องถดถอยมาหลายปี โดยเฉพาะเมื่อวิหารทิ้งไพ่สนับสนุนที่จำเป็นต้องได้รับการยอมรับจากตระกูลมีชื่อเสียงทั้งหลาย ตระกูลเล็กกลุ่มใหม่เริ่มมีท่าทีคุกคามตระกูลสูงส่งชั้นหนึ่ง

ชื่อเสียงของตระกูลชั้นสูงชั้นหนึ่งตระกูลแล้วตระกูลเล่าต้องตกต่ำทำให้พวกเขาทั้งหมดเต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่รุนแรง

พวกเขาต้องการเปลี่ยนทุกอย่าง  แต่วิหารปกครองได้อย่างดีและมั่นคงไม่เปิดเผยจุดอ่อนแต่อย่างใด  เพียงแต่เมื่อระฆังศักดิ์สิทธิ์ดังขึ้นตระกูลระดับสูงชั้นหนึ่งตระหนักได้ทันทีว่าโอกาสที่พวกเขารอคอยมาตลอดปรากฏขึ้นแล้ว

เขาเรียกความรู้สึกกลับมาไม่เชื่อว่าวิหารจะกล้าทำลายล้างอย่างไม่สนใจอะไร ทวีปกวงหมิงเป็นของวิหารกวงหมิง ต่อให้พวกเขาสามารถครอบครองผลประโยชน์บางอย่างจากวิหาร  แต่ก็ไม่เปลี่ยนความจริงข้อนี้

‘นอกจากนี้,วิหาร เจ้ายังมีหน่วยอัศวินพิเศษกวงหมิงเท่านั้นที่เหลืออยู่  เจ้าคิดไหมว่าเจ้าเคยเป็นอย่างนั้นมาก่อน?’

สำนักใหญ่กองทัพตระกูลชิวมีกองกำลังจู่โจมของตระกูลชิวประจำการอยู่ นั่นเป็นกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดของตระกูลชิว ทั้งยังแข็งแกร่งเหนือกว่ากองกำลังส่วนตัวของชิวเป่ยฟงมากมายนักอย่างเทียบไม่ได้ วิหารต้องการใช้ตระกูลชิวเป็นแบบอย่างคุกคามให้ตระกูลอื่นกลัว  แต่ชิวเทียนชิงเป็นคนที่มีนิสัยไม่ยอมคน  เขาจะไม่ยอมแพ้โดยไม่ได้ทำการต่อสู้

‘จะต้องมีเรื่องสนุกๆให้ได้ดูกันแน่!’

บุรุษวัยกลางคนคิดในใจ ‘วิหารมีแต่กองกำลังอัศวินพิเศษกวงหมิง ถ้ากองพลจู่โจมของตระกูลชิวสู้โดยไม่คำนึงถึงอะไร  ทั้งสองฝ่ายจะต้องเสียหายกันอย่างหนัก  ไม่, ต่อให้พวกเขาสามารถทำอันตรายอัศวินพิเศษกวงหมิงได้บ้าง  สถานการณ์ของวิหารจะตกอยู่ในความลำบากมากขึ้น’

‘ชิวเทียนชิง,  อย่าทำให้ข้าผิดหวังล่ะ’

กองพลจู่โจมตระกูลชิวอยู่ในฐานของตระกูลชิว  แต่ภายในทวีปเซียนนอกจากวิหารแล้วไม่มีใครได้รับอนุญาตให้สร้างป้อมปราการ  สำนักงานใหญ่กองทัพตระกูลชิวเป็นเพียงลานว่างธรรมดาซึ่งตระกูลชิวทำการปรับปรุงเล็กน้อยเพิ่มการป้องกันและรักษาความปลอดภัย

ชิวเทียนชิงยืนอยู่บนจุดที่สูงสุดและมองออกไปข้างหน้า

เรือสินค้าที่ไม่มีตราเครื่องหมายหยุดอยู่ห่างจากสำนักงานใหญ่ตระกูลชิงออกไป3 กิโลเมตร  ลำเรือไม่ใหญ่และดูธรรมดามาก ชิวเทียนชิงขมวดคิ้วเล็กน้อย เขายังงงอยู่ ไม่รู้ว่ามีความแปลกประหลาดอย่างไร  แต่กลับรู้สึกเหมือนกับว่ามีบางอย่างผิดปกติ

เรือสินค้าเปิดประตูซึ่งมีแต่ความมืดไม่มีใครมองลอดผ่านไปได้  ทั่วทั้งกองทัพตระกูลชิวกลั้นลมหายใจลืมตากว้าง

“ข้าไปก่อน”  ถังเทียนตบอกและพูดกับเชียนฮุ่ยอย่างกล้าหาญ

“ระวัง, อย่าพยายามอวดความกล้า”  เชียนฮุ่ยตอบเสียงนุ่มนวล

‘หวานนัก,นางอ่อนหวานยิ่งนัก ยิ่งกว่าน้ำผึ้งเสียอีก!  ถังเทียนมองดูเหมือนอยู่ในสภาพลุ่มหลง ไม่สิใจของเขามึนเมา  เขาลอบสะท้อนใจ  ‘ตำราว่าไว้ถูกวีรบุรุษมีจุดอ่อนเพราะเสน่ห์ของสตรี วีรบุรุษที่แท้จริงมีจุดอ่อนที่เสน่ห์ของสตรีอย่างแท้จริง!’

‘โอว..ข้าไม่เข้าใจเลย  ไม่เข้าใจเลยจริงๆ...’

ซือหม่าเซี่ยวทนไม่ได้อีกต่อไป, เขากระแอมครั้งหนึ่ง  “พวกเจ้าค่อยสนิทสนมกันหลังสู้รบก็ได้”

เมื่อเห็นเชียนฮุ่ยหน้าแดงถังเทียนทำเหมือนกับว่าไม่มีอะไร และโบกมือขณะตะโกน “เคลื่อนกำลัง  ลุยสำนักงานใหญ่กองทัพตระกูลชิว!”

เพียงแค่นั้น เขากระโดดลงมาจากประตู

กลุ่มคนกระโดดออกมาขณะโห่ร้องตะโกนเหมือนกับฝูงหมาป่าหิวโหย

หลังจากแยกออกมาจากเรือสินค้าเมื่อถังเทียนรู้สึกว่าเชียนฮุ่ยไม่สามารถได้ยินเขาอีกต่อไป  เขากระแอมและพูดขึ้น  “พวกเจ้ารู้ไหมทำไมข้าไม่ต้องการลอบโจมตีในวันนี้?”

“เพราะการป้องกันของศัตรูหนาแน่น...”  ฝูเจิ้งจือรู้สึกทันทีเหมือนกับว่าความคิดของเขามึนชาและเปลี่ยนคำพูด“นายท่าน ท่านหมายความว่ายังไง?”

“ลอบโจมตีแล้วมันเท่ตรงไหน?  นั่นจะแสดงความแข็งแกร่งของเราได้ยังไง?”  ถังเทียนโบกมือ “เพราะการต่อสู้วันนี้ไม่เพียงแต่เราต้องได้รับชัยชนะเท่านั้น เราต้องแสดงผลงานของเราเอง และต้องแสดงอย่างสง่างาม  ข้าจะด่าพวกเจ้าอย่างไม่เกรงใจหรอกนะ  ถ้าข้าพบว่าพวกเจ้าเกียจคร้านและไม่แสดงฝีมือให้ดีทำให้ข้าเสียหน้าต่อหน้าเชียนฮุ่ย เมื่อทุกอย่างจบลง เราคงต้องคุยปรึกษากัน เช่นเรื่องการฝึก หึหึหึหึ!”

เสียงหัวเราะชั่วร้ายประกอบกับวิธีพูดที่น่ากลัวว่า“ฝึกเพิ่มเติม”  ทำให้ทุกคนใจสั่นสะท้าน

“เจ้านายไม่ต้องห่วง!  เราจะไม่ยอมให้นายท่านเสียหน้าต่อหน้านายหญิงแน่นอน”  จี๋เจ๋อตบอกให้สัญญาทันที

ถังเทียนดีใจ “เสี่ยวเจ๋อเจ๋อ, เจ้าเยี่ยมมาก!  มาเถอะ, ใครมีแผนบ้างไหม?  เราต้องทำให้ใหญ่โต!”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฝูเจิ้งจือไม่พอใจ  ‘ข้าไม่ยอมปล่อยให้เป็นเช่นนี้แน่ข้าเทียบกับจี๋เจ๋อไม่ได้ตรงไหน?’  เขาแค่นเสียงทันที  “ทุกคน, เตรียมกระตือรือร้นให้ดี  พวกเจ้าจงเชิดหน้ายืดอกเอาไว้  ต้องเด็ดขาด ต้องมั่นคง  เสี่ยวอู่สีหน้าของเจ้าต้องกระเหี้ยนกระหือยิ่งกว่านี้”

ถังเทียนพยักหน้าของเขา “ดี ดี ดีมาก!”

จี๋เจ๋อรับคำทันที  “ยอดฝีมือที่แท้จริง เที่ยวไปอย่างเสรีสบายใจ  คงจะเป็นเรื่องจงใจเกินไปถ้าเราจะแสดงราศีที่คุกคามเกินไป ไม่ควรจะแสดงราศีของยอดฝีมือจะดีกว่า”

ถังเทียนเห็นด้วย “จริง จริง!”

พวกทหารสับสน “.....”

ชิวเทียนชิงมองดูคนร้อยคนที่ออกมาจากเรือสินค้า  ‘จำนวนของพวกเขาดูเหมือนจะเท่ากับอัศวินพิเศษ  แต่ว่า...’

ชิวเทียนชิงผู้คำรามพร้อมกับแผ่รังสีฆ่าฟันที่มีอยู่ก่อนนั้นขมวดคิ้ว  เขาระงับอารมณ์ไว้  ‘ทำไมคนพวกนี้ถึงสวมหน้ากากมีท่าทีแปลกประหลาดอย่างนั้น? และพวกเขาไม่เผยให้เห็นอารมณ์ความรู้สึกของพวกเขา...’

ยิ่งชิวเทียนชิงมองดูพวกเขา ก็ยิ่งรู้สึกเหมือนกับว่าเห็นกลุ่มแก๊งอันธพาลที่เดินเรียกเก็บค่าคุ้มครองตามท้องถนน

‘พวกเขาทำตัวเหมือนกับเป็นศัตรูที่อ่อนแอหรือเปล่า?’  ชิวเทียนชิงรีบส่ายศีรษะ  การตั้งกระบวนของศัตรูดูยุ่งเหยิง  และยังไม่ได้มาตรฐานแม้เท่ามือสมัครเล่น ‘ไม่สำคัญว่าอัศวินกวงหมิงจะพยายามปลอมตัวยังไงก็ตาม  พวกเขาก็ไม่น่าจะแย่ขนาดนั้น’

ความสงสัยในใจของชิวเทียนชิงเพิ่มมากขึ้นมากขึ้นทุกที  ‘พวกเขาเป็นใครกัน?’

บนเรือสินค้าเสี่ยวม่านและอาซิ่นจ้องมองกองพลเกราะเทพเจ้าอย่างตะลึง ที่พวกเขาไม่มีรูปแบบอะเลย

“พวกเขา..มีความสามารถพอจะสู้ได้หรือนั่น?”  เสี่ยวม่านถามเบาๆ  น้ำเสียงของนางค่อนข้างแปลก

อาซิ่นไม่แน่ใจ “บางทีพวกเขาอาจจงใจตั้งกระบวนเป็นอย่างนั้นกระมัง?”

ทั้งสองเป็นระดับแม่ทัพนายกองทหาร และเชี่ยวชาญในการชี้นำและต่อสู้ด้วยกลศึกและรูปแบบกระบวนรบและกำลังเคลื่อนไหวเหมือนกับว่าไม่สามารถร่วมมือกันได้

‘นี่เป็นความผิดพลาดที่ใหญ่ที่สุดสำหรับกองทัพ’

“เราน่าจะเตรียมตัวช่วยพวกเขา”  เสี่ยวม่านรำลึกถึงความทรงจำของนาง  ฝูงเจิ้งจือและจี๋เจ๋อทั้งสองคนเป็นพวกจอมประจบประจบถังเทียนยังไม่พอ พวกเขายังประจบเชียนฮุ่ยอีกดวย

นางชำเลืองมองอาซิ่น ‘มิน่าเล่าพวกเขาสามารถเข้ากับเขาได้เป็นปี่เป็นขลุ่ย พวกเขาเป็นจิ้งจอกเจ้าเล่ห์จากเผ่าพันธุ์เดียวกันนี่เอง!’

อาซิ่นผงกหัวโดยไม่รู้ตัวว่าเขาโดนด่าอย่างไม่รู้ตัว

เมื่อเดินเข้าประตูสำนักงานใหญ่ตระกูลชิวอย่าง  ถังเทียนรู้สึกตื่นเต้น

‘นี่เป็นครั้งแรกของข้าที่แสดงความแข็งแกร่งต่อหน้าเชียนฮุ่ย’ เมื่อคิดถึงว่าเป็นการต่อสู้ที่สำคัญนั้น หนุ่มชาวฟ้ารู้ว่าทั่วทั้งร่างกายของเขาเต็มไปด้วยพลังงาน

ถังเทียนชูแขนขวาอย่างดุดัน  “จัดแถว!”

“นายท่านแข็งแกร่งที่สุด!”

ทุกคนตะโกนเสียงดัง และกระจายตัวเหมือนกับกระโปรงบานและชูดาบกระบี่ขณะที่บางคนมีน้ำลายกระเด็นจากปาก สิ่งเดียวที่ยังขาดก็คือรอยสักรูปพยัคฆ์หรือมังกรบนร่างพวกเขา  มิฉะนั้นพวกเขาคงจะดูคล้ายกับแก๊งยากูซ่าที่ท้าทายศัตรูต่อยตี

ชิวเทียนชิงตะลึงไปหมด เขาผ่านการสู้รบมาทุกประเภท แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นฉากภาพนี้กับตา

บุรุษวัยกลางคนที่เพิ่งวิ่งเข้ามาถึงตะลึงด้วยเช่นกัน  มีเพียงประโยคเดียวที่อยู่ในใจเขาก็คือ  ‘นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน?’

บนเรือสินค้า เสี่ยวม่านพลอยตะลึงไปด้วย  นางก็เคยต่อสู้ในวิถีของนางผ่านภูเขาและทะเลซากศพมามากมายและวิญญาณอีกนับล้านก็ยังตะลึงจ้องมองถังเทียน

ตาของอาซิ่นเป็นประกาย เขาอดชมเชยไม่ได้  “เท่มาก!”

“ข้าว่าพวกท่านคงไม่ยอมแพ้สินะ”

คำพูดของถังเทียนดังกึกก้อง  แต่ขณะที่ทุกคนยังไม่หายตกใจ  ในความเงียบเช่นนี้ เสียงของเขาดังชัดเจนมาก

“อย่างนั้นข้าจะบุกเข้าไปล่ะ!”

ถังเทียนตะโกน เขาตั้งอยู่ในท่านั่งม้าทันที  ภายใต้สายตาคลางแคลงใจนับไม่ถ้วน   แขนขวาของเขายกขึ้นช้าๆและดึงรั้งมาอยู่ข้างตัว

ตาของเขาเป็นประกายเยือกเย็น  และนิ้วทั้งห้ารวบกำเป็นรูปหมัด

เกิดความเปลี่ยนแปลงกะทันหัน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด