ตอนที่ 893 ถวายบังคมฝ่าบาท
เย่ว์หยางค้นคว้าหน้ากากทองเจมิไนอยู่เป็นเวลานานแต่ไม่พบคำตอบ แม้ว่าเขาเหมือนกับจะจับเค้าลางความเป็นจริงได้ แต่ก็ยังไม่ได้แน่นอน เขาละอายใจเหมือนกับตกอยู่ในหมอก
ในที่สุดเขาตัดสินใจไปขอเข้าเฝ้าสนทนากับฝ่าบาท ฟังจากน้ำเสียงของแม่สี่ที่เปิดเผยออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ ดูเหมือนเมื่อเร็วๆนี้ฝ่าบาทจะถามถึงความคืบหน้าของ ‘กำไลอสูร’ กล่าวอีกอย่างหนึ่งก็คือดูเหมือนว่าพระองค์จะหายกริ้วและยกโทษให้เย่ว์หยางบ้างแล้ว
ตีเหล็กในขณะที่ยังร้อนเย่ว์หยางเข้าใจความจริงข้อนี้ดี
เย่ว์หยางวุ่นวายกับการเตรียมตัวกับการนี้เป็นพิเศษเขาไม่สนใจชามข้าวเอาแต่ค้นคว้าจนกระทั่งถึงเวลาตีสาม
ในราตรีที่เงียบสงัดเย่ว์หยางลอบเข้าไปในวังที่เงียบสงบอีกครั้ง
คราวนี้นางกำนัลหน้าห้องหอเห็นเขาแต่นางไม่รู้สึกประหลาดใจอีกต่อไปและแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ปล่อยให้เย่ว์หยางลอบเข้าไปอย่างง่ายดาย เย่ว์หยางตื่นตัวและดึงเก้าอี้มานั่งรอฝ่าบาทอยู่เงียบๆและอดทนไม่พูดอะไรนานถึงสิบนาที จู่ๆมีหมอนใบหนึ่งปลิวออกมาจากที่เตียงกระแทกใส่หน้าเขา “เจ้าเองหรือ,เจ้าเด็กตัวเหม็น มาพบข้าตอนกลางดึกแบบนี้บ่อยๆ ข้าจะฆ่าเจ้าสักวัน!”
“อย่าเพิ่งกริ้วพระเจ้าค่ะ!” เย่ว์หยางดึงหมอนมากอดในอ้อมแขน เขาส่งกำไลข้อมือ วัตถุประดิษฐ์ที่ใกล้จะสำเร็จแล้วให้กับจักรพรรดิ “ดูสิข้าสร้างกำไลมิติเก็บของเสร็จไปได้ครึ่งหนึ่งแล้ว ฝ่าบาท ข้าเห็นว่าท่านอยู่เงียบๆจะเหงา ข้าก็เลยนึกขึ้นได้และเกิดแรงบันดาลใจเป็นพิเศษ”
“ข้าน่าจะเอาเจ้าไปขังไว้ในคุกน้ำเน่าน่าจะเงียบกว่า และสร้างแรงบันดาลใจได้มากกว่า!”หัวซิ่วรี่ยังคงโกรธ
“อ่า..ครั้งก่อนนั้นข้าพูดผิดไปนิดเดียว ขอประทานอภัย ข้าคิดว่าท่านค่อนข้างดีจริงๆ ไม่น่าจะเป็นคนที่เบื่ออะไรง่ายๆ ไม่น่าเบื่อเหมือนเจ้าอ้วนไห่ ก็คล้ายๆกับข้านั่นแหละ เป็นคนที่มีอารมณ์สุนทรีและย่อมมีเวลาอึดอัดบ้างยามอยู่ท่ามกลางบุปผาเป็นหมื่นดอกมิฉะนั้นข้าจะเห็นด้วยได้ยังไงเล่า?ในแง่ของการเลือกหญิงงามถือว่าเราคล้ายกันได้” เย่ว์หยางเอามือตบอก มิตรที่รู้ใจรสนิยมเดียวกันหาได้ยากดังนั้นไม่จำเป็นต้องถือสาเป็นอารมณ์กับเรื่องเหล่านี้
“ถ้าเจ้ายังพล่ามต่อไปอีก ข้าคงโมโหแน่!” เสียงของฝ่าบาทอ่อนลง
“เราท่านต่างก็เป็นบุรุษกันทั้งนั้น ถ้าท่านพูดบางอย่าง แม้ว่าท่านจะพูดอย่างนั้นแต่ก็อย่าจริงจังเกินไป นอกจากนี้โกรธง่ายบ่อยๆจะทำให้ตับไตไม่ดี เมื่อตับไตไม่ดี ชีวิตก็ไม่มีความหวังที่ดี” เย่ว์หยางต้องการสื่อความหมายว่าเป็นมนุษย์ควรมีใจกว้าง
“เจ้า....” หัวซิ่วรี่มีความรู้สึกเหมือนอาหารติดคอไม่รู้จะเอาออกอย่างไร?
“เรามาค้นคว้าเรื่องกำไลข้อมืออสูรกันเถอะ แม้ว่าจะยังไม่เสร็จสิ้นอย่างเป็นทางการ แต่ข้าเชื่อว่าพระองค์คงจะเห็นคุณสมบัติการทำงานได้บ้างในตอนนี้ ข้าได้กันพื้นที่ซึ่งเหมือนกับภายในแหวนข้างใน แต่นั่นยังไม่ใหญ่เพียงพอให้อสูรได้นอน แต่ลักษณะที่อยู่จะคล้ายกับคัมภีร์อัญเชิญทองแดง แน่นอนว่าพื้นที่มิตินี้ไม่สามารถวิวัฒนาการได้ และอย่างน้อยไม่สามารถวิวัฒนาการได้อัตโนมัติ เมื่อนักรบคนหนึ่งทำสัญญากับอสูรที่เหมาะสมกับคุณสมบัติธาตุของเขาอย่างนั้นในที่นี่ก็เป็นเหมือนกับบ้านพักอาศัยของพวกมันภายนอกวงเวทอักษรรูนและหินผลึกจะเป็นพลังงานสำหรับอัญเชิญและสั่งงานให้วงเวททำงานแน่นอนว่านี่ยังไม่เพียงพอ ข้ามาที่นี่ได้เตรียมตัวอย่างเล็กๆ น้อยๆ มาด้วย สิ่งประดิษฐ์ของข้ายังไม่สำเร็จจนใช้งานได้เต็มที่ ข้าคิดว่าท่านคงเข้าใจได้ ข้ายังไม่ได้จับงานนี้เต็มที่ แค่เอาตัวอย่างมาคุยปรึกษากับท่านก่อนในตอนนี้!”
“วงเวทอัญเชิญและหินผลึกไม่จำเป็นต้องพูดถึง ข้าคิดว่าส่วนที่ยากที่สุดก็คือทำอย่างไรนักรบจึงจะสื่อสารทางจิตได้?”เมื่อเห็นเจ้าเด็กนี่พูดเป็นงานเป็นการ คงไม่ใช่เรื่องดีที่ทำให้เขาโกรธ
“นั่นเป็นจุดสำคัญที่สุด ข้าต้องคุยกับอู๋เหิน,อู๋เสียและพี่หวี่ถึงวิธีสร้างวงเวทอักษรรูนสื่อวิญญาณที่ดีที่สุดบนกำไลอสูรโดยไม่มีการทำอันตรายวิญญาณ นี่คือแผนก้าวหน้าเล็กน้อยของข้า แต่ยังไม่ขยายขนาดเต็มที่ แน่นอนว่าเรื่องนี้ข้าไม่กลัวคำวิจารณ์ของท่านแต่ข้ากลัวท่าน!” เย่ว์หยางทำสีหน้าหวาดกลัว
“เจ้ามีขวัญราคะเทียมฟ้ายังจะต้องกลัวด้วยหรือ?” หัวซิ่วรี่อดแดกดันเขาไม่ได้
“บุรุษส่วนใหญ่ก็เป็นอย่างนี้ทั้งนั้นถ้าท่านพบเห็นหญิงงามในหมู่หญิงงาม ท่านก็ย่อมลุ่มหลงอยู่แล้ว!” เย่ว์หยางหัวเราะ “ปราชญ์บัณฑิตยังกล่าวเลยว่าข้าควบคุมตัวเองได้ดีแล้ว”
“เหลวไหล พูดแต่เรื่องไร้สาระ!” หัวซิ่วรี่ชักรู้สึกว่าทนต่อทัศนคติหน้าหนาของเย่ว์หยางไม่ได้
“เหลวไหลเหรอ? ไม่เลยข้าดูแคลนคนขี้โม้โอ้อวดเสมอ แต่ข้ามักพูดความจริงเสมอ” คำพูดของเย่ว์หยางทำหัวซิ่วรี่อ่อนใจ
“เอาล่ะ ก็ได้ ก็ได้..เจ้าเป็นใครข้าเข้าใจชัดแล้ว ไม่จำเป็นต้องโอ้อวดสรรพคุณอีกเรากลับมาเข้าเรื่องอสูรกัน!” สำหรับเจ้าเด็กหน้าหนานี้จักรพรรดิเองก็จนปัญญาจะจัดการแต่เพราะพรสวรรค์และสติปัญญาของเย่ว์หยางทำให้หัวซิ่วรี่ชื่นชมเขาอย่างจริงใจ ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่นเขาคงไม่สามารถทำกำไลอสูรได้แน่ ต่อให้เขาออกแบบมาเหมือนกัน แต่คงไม่สามารถเลียนแบบเขาได้เป็นแน่ ด้วยเหตุนี้จักรพรรดิหัวซิ่วรี่จึงอ่อนข้อให้เย่ว์หยาง
“ข้าอยากจะให้ท่านช่วยเรื่องเล็กๆสักสองเรื่อง” เย่ว์หยางพูดถึงวัตถุประสงค์การมาในที่สุด
“ลองพูดมาก่อน” จักรพรรดิหัวซิ่วรี่พูดอย่างระวัง
ถ้าเป็นสัญญาที่ไม่เท่าเทียมกันเขาก็ไม่สามารถทำตามใด
เจ้าเด็กนี่เป็นใครกัน?
เขายังน่ากลัวยิ่งกว่าพยัคฆ์ตัวใหญ่เมื่อเขาบอกความจริง เขาอาจไม่รู้จักพอก็ได้
หัวซิ่วรี่ตัดสินใจว่าถ้าเจ้าเด็กนี่เสนอเงื่อนไขใดที่ไร้สาระอีกเขาจะตะเพิดออกไปจากห้องบรรทมทันที และจะไม่ยอมให้เขาเข้ามาอีก
เย่ว์หยางลังเลอยู่ชั่วขณะหัวซิ่วรี่จึงรู้สึกผิดอยู่บ้าง เด็กคนนี้สงสัยอะไรอยู่?เขารู้ว่าเขาควรจะไล่เจ้าเด็กนี่ไปตั้งแต่ครั้งก่อนแล้ว แต่เขาใจดีเกินไป
ในใจของเขารู้สึกมีเรื่องกวนใจเล็กน้อย
ทันใดนั้นเขาได้ยินเย่ว์หยางกล่าว“เรื่องแรก ต้องการความช่วยเหลือเกี่ยวกับกำไลอสูร ถ้าท่านให้นักรบทำสัญญากับอสูรจะต้องมีธาตุองค์ประกอบที่เข้ากันได้ แม้ว่าข้าจะมีประสบการณ์เล็กน้อยแต่หวังว่าทุกคนสามารถแลกเปลี่ยนแบ่งปันประสบการณ์กันได้ ข้าต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับอสูรและลักษณะของนักรบ เพื่อสร้างเครื่องทดสอบที่เหมาะสมกับความต้องการที่แตกต่างหลากหลาย ท่านก็รู้ว่านี่เป็นการทดสอบที่สำคัญมากถ้ามีอะไรผิดพลาด อย่างนั้นทุกชีวิตของนักรบจะได้รับผลกระทบ”
จักรพรรดิหัวซิ่วรี่พอได้ยินคำพูดของเขาก็รู้สึกคลายใจ “โอว, ก็ได้ แต่ข้าไม่ชอบพูดมากเกินไปข้าจะเตรียมการเรื่องนี้ในอีกสองสามวัน ข้าจะเขียนแนวความคิดข้าและให้คนส่งไปให้เจ้า!”
เย่ว์หยางมีความสุขและโยนหมอนโลดเต้นทันที“เยี่ยม, ข้ารู้ว่าท่านจะต้องสัญญาแน่
มองดูเขาเขาเหมือนเด็กคนหนึ่ง พระองค์อดมีความสุขไม่ได้
เจ้าเด็กนี่ถ้าไม่นับเรื่องพูดไม่อยู่กับร่องรอยก็น่าพอใจดีอยู่หรอก มิน่าเล่า นางถึงบอกว่าเขาดีจริงๆ และนั่นก็เป็นความจริง เขากอดอกและยิ้มตอบ“ไม่เพียงแต่ประสบการณ์ของข้าเท่านั้น แต่ข้าจะให้องครักษ์พิทักษ์ฟ้าสักหลายคนร่วมมือกับเจ้าเต็มที่”
เย่ว์หยางเช็ดน้ำตา“น่าปลาบปลื้มจริงๆ ดูสิ น้ำตาข้าไหลออกมาแล้ว รบกวนท่านรออีกเดี๋ยว!”
หัวซิ่วรี่พูดไม่ออก
“เงื่อนไขที่สองคืออะไร?” เมื่อเห็นท่าทางตลกของเจ้าเด็กนี่เขาอดหัวเราะเบาๆ ไม่ได้ เขากระแอมเล็กน้อยและพูดจริงจัง และพูดเร็วขึ้น
“อ่า... ง่ายมาก ข้าอยากให้ท่านช่วยข้าเล่าเรื่องดวงตาใต้พิภพให้ข้าฟังหน่อย ข้าอยากรู้ที่มาต่างๆ” นี่คือวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของเย่ว์หยาง
“เจ้ามากวนใจข้าได้ยังไง? ข้าไม่รู้” หัวซิ่วรี่ชักขุ่นเคือง
“ข้าคิดว่าท่านควรจะรู้ ... ข้าไม่สามารถหาใครมาถามได้ จักรพรรดินีราตรีไม่อยู่ที่นี่ จื้อจุนข้าก็ไม่กล้าถามนางในเรื่องเล็กน้อย” เย่ว์หยางพูดไม่ทันจบ จักรพรรดิหัวซิ่วรี่กริ้ว“ขนาดจื้อจุน เจ้ายังไม่กล้ารบกวนนาง อย่างนั้นเจ้ากล้ากวนใจข้าหรือ? หรือเห็นว่าข้ารังแกกันได้ขอเตือนเจ้าไว้ก่อน อย่ายั่วโมโหข้า มิฉะนั้นข้าจะตะเพิดไล่เจ้าออกไป! เรื่องแบบนี้ทำไมเจ้าไม่ถามผู้เฒ่าหนานกงผู้ทรงภูมิรู้มายาวนาน!”
“ท่านผู้นี้ไม่ได้อยู่ใกล้ ข้าเลยคร้านจะไปหาผู้เฒ่าหนานกง อย่างไรก็ตามท่านก็อยู่ตรงนี้แล้วช่วยบอกข้าหน่อยเถิด” เย่ว์หยางยิ้มทำให้หัวซิ่วรี่เหมือนกับทุบใส่ผ้าฝ้าย เขาไม่ยิ้มด้วยและคิดว่าไม่รู้จะจัดการกับเจ้าเด็กนี่ยังไง
“เจ้าต้องการทำอะไรกับดวงตาใต้พิภพ?” เขาสงสัย
“ถูกแล้วข้าเพิ่งพบว่าดวงตาใต้พิภพเข้ากันได้ดีกับหน้ากากเจมิไน แต่ก็ยังไม่ได้กลับคืนมา ดังนั้นข้าจึงหาท่าน ข้าคิดว่าถ้าข้าได้ดวงตาใต้พิภพกลับคืนมาข้าอาจพบความลับที่ทำให้คลายผนึกชั้นสุดท้ายได้ในกรณีนี้หน้ากากเจมิไนของข้าอาจวิวัฒนาการหรือกลับไปเป็นสมบัติชั้นเทพก็เป็นได้” เย่ว์หยางพูดตามตรง
“เกี่ยวกับดวงตาใต้พิภพ ข้ารู้อยู่เพียงเล็กน้อย แต่ข้าไม่บอกเจ้า!” หัวซิ่วรี่รู้สึกว่าเมื่อเขาได้ลงโทษเจ้าเด็กผู้นี้ เมื่อเจ้าเด็กนี่ร้องขอเขาจะไม่บอกและปล่อยให้กระวนกระวาย
“โธ่เพ่!ถามหน่อยไม่ได้หรือไง?” เพราะสมบัติเทพทำให้เย่ว์หยางกระวนกระวายจริงๆ
“บังอาจเรียกข้าว่าพี่เชียวหรือ?” จักรพรรดิหัวซิ่วรี่พูดไม่ออก
“ไม่ใช่อย่างนั้น ท่านเข้าใจผิด ก็ท่านนั่งอยู่ตรงนี้ไม่ต้องการให้ข้าเรียกพี่ชาย หรือจะให้เรียกว่าพี่สาว?” เย่ว์หยางกระวนกระวาย
“อย่างน้อยมารยาทในการขอความช่วยเหลือจากคนอื่นของเจ้าเด็กนี่ก็ยังดีขึ้นบ้าง” หัวซิ่วรี่รู้สึกภูมิใจเล็กน้อย ที่ยังมีวันที่เจ้าเด็กนี่ตกเป็นเบี้ยล่างเขา ถ้าเย่ว์หยางไม่ถามความลับนี้เขาก็คงไม่คิดเรื่องนี้ ต่อให้ไม่ถามในวันนี้ เขาอาจจะพบกับหนานกงและยังอาจจะไม่รู้ความจริงก็เป็นได้
“ฝ่าบาทผู้ฉลาด กล้าหาญเก่งกาจที่สุดทำให้เทียนหลัวยอดเยี่ยมที่สุดในโลก โปรดประทานบอกความลับของดวงตาใต้พิภพแก่ข้าด้วยเถิด!” เย่ว์หยางพูดประจบ
“พูดต่อไป จนกว่าข้าจะบอกให้หยุด” เขาแค่นเสียง
“ฝ่าบาท! ท่านจะถือตัวไปไย!” เย่ว์หยางไม่ได้ให้ความร่วมมือ
“ไม่งั้นก็ไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้..” อารมณ์ดีของเขาพลันแตกสลาย แต่ก็ยังมีความเมตตาอยู่เล็กน้อยจะบอกความลับเขาหน่อย แต่คิดไม่ถึงว่าเจ้าเด็กนี่น่ารำคาญแทบตาย?
“ข้าผิดไปแล้ว ผิดไปแล้ว” เย่ว์หยางขึ้นเสียงก้มหน้าอย่างสำนึกผิดเขาตัดสินใจให้เย่ว์หยางฟังสิ่งที่เขาจะพูด เย่ว์หยางแสดงมารยาทฟังด้วยความเคารพ แต่เขาใช้คำพูดไม่ถูก “ข้าผิดไปแล้ว ข้าผิดจริงๆ ข้าไม่รู้ควรต้องทำอะไรข้าไม่รู้ว่าฝ่าบาทชอบให้ประจบสอพลอ แต่ข้าไม่ต้องการพูดเช่นนั้น พูดไปแล้วฝ่าบาทไม่ยินดี นี่เป็นความผิดความพลาดของข้าเอง ข้าผิดไปแล้ว ต่อไปข้าจะเปลี่ยนนิสัยแล้ว..ฝ่าบาท ข้าสัญญาว่าครั้งนี้ข้าจะทำให้ท่านสบายใจยิ่งขึ้น ข้าตื่นเต้นจริงๆ..”
“เจ้าเด็กบ้า หาที่ตาย!” เขาเตะด้วยความโมโหเย่ว์หยางร่างปลิวออกไปราวกับดาวตก เจ้าเด็กนี่ชักจะเหลวไหลขึ้นทุกวัน? การประเมินต่อรองไม่ได้ขึ้นอยู่กับเจ้า!-!