ตอนที่ 888 เส้นทางฝึกฝนของคุณชาย
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเสวี่ยอู๋เสียเป็นสองสตรีผู้โชคดี
ที่สำคัญทั้งสองนางได้พบเห็นผู้อาวุโสยุคก่อนพวกนางเตรียมใจพร้อมก่อนจะออกมา
อย่างไรก็ตามภูตไหมฟ้าซึ่งถูกกักขังหลายหมื่นปีไม่รู้จักโลกภายนอกมาเป็นเวลานานเมื่อเห็นสมบัติเทพในมือของสองสาว นางตกใจอีกครั้ง “เจ้า พวกเจ้าได้รับการยอมรับจากดาบเทพด้วยหรือ? เป็นไปไม่ได้ดาบเทพไม่เคยยอมรับสตรีเป็นเจ้าของเลย! ยังมีคทาเทพที่หายไปก่อนนั้นด้วยหรือ? น่าเสียดายที่หัวของคทาเทพหายไป...ไม่มีมุกศักดิ์สิทธิ์หัวมังกร พลังของคทาเทพจะอ่อนกว่าแต่ก่อนมาก!”
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเสวี่ยอู๋เสียเย่ว์หยางมองหน้ากันอย่างท้อใจ คทาเทพจักรพรรดิอวี้ที่ได้มานี้หัวมังกรและมุกศักดิ์สิทธิ์หายไปไหน?
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนได้รับการยอมรับจากดาบเทพเรื่องนี้พอจะอธิบายได้
เพราะจริงๆแล้วดาบเทพยอมรับเย่ว์หยางนั่นเอง
แต่เพราะมรดกและความกรุณาของจักรพรรดิอวี้ช่วยให้ทายาทรุ่นหลังได้มีพลังทำสัญญาดังนั้นจึงก่อความผิดพลาดที่น่าปวดหัว ไม่ใช่ว่าดาบไม่ยอมรับเย่ว์หยางแต่กลับเป็นว่าคนที่ถือดาบศักดิ์สิทธิ์ต้องมีสายเลือดของจักรพรรดิอวี้ในฐานะทายาทรุ่นหลังจึงกลายเป็นผู้ใช้รุ่นหลังได้
เย่ว์หยางไม่กังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่สมบัติเทพเองก็มีวิวัฒนาการเปลี่ยนแปลงได้
เจ้าของในแต่ละรุ่น
อาจมีพลังใช้งานที่แตกต่าง
อย่างนั้นก็พิสูจน์ได้ว่าส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับลักษณะเด่นของเจ้าของและความเชี่ยวชาญในการใช้พลัง ถ้าเจ้าของใช้งานได้ดีก็อาจเข้าถึงขอบเขตของบัณฑิตฝังดาบเจ้าของดาบคนเดิมก็ได้
ยิ่งกว่านั้น..ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงมีเจ้าของสมบัติเทพถึงสามคน ยังไม่ต้องมองหาพวกตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์กลุ่มคนที่จะต้องกลับไปคิดบัญชีนี้ ยังไม่ได้ชิงเอาเกราะเทพกลับคืนมา นั่นยังน้อยเกินไปสำหรับพวกโจรตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์!
ความจริงของวิเศษทั้งหกอย่างจะใช่ของบัณฑิตฝังดาบหรือไม่ก็ตามนั่นไม่ใช่เรื่องที่เย่ว์หยางกังวลที่สุด เย่ว์หยางต้องการพิสูจน์ว่าจักรพรรดิอวี้สามารถใช้สมบัติวิเศษทั้งหกได้ กล่าวอีกนัยหนึ่งจักรพรรดิอวี้กลายเป็นเจ้าของสมบัติเทพและเขาสามารถทำได้ดีกว่าแน่นอน ถ้าสมบัติเทพมีมากกว่าสามชิ้น การรวมกระจกวิเศษเกราะวิเศษและนาฬิกาวิเศษก็มีโอกาสทำได้
เมื่อคิดดูแล้วเป็นไปไม่ได้ที่มีดาบเทพแต่ไม่มีเกราะเทพ
กลับกลายเป็นว่าจีอู๋ลี่และเทียนอี้อาจารย์ของเขาชิงเอาไปขณะที่คนที่ชิงกระจกเทพไป กลับไม่มีข้อมูลชั่วคราว
“พวกเจ้าทุกคนเป็นเด็กประเสริฐดูเหมือนว่าหอทงเทียนรุ่งเรืองขึ้นจริงๆ เดิมทีข้าเห็นหนุ่มน้อยเย่ว์ไตตันข้ายังไม่อยากจะเชื่อ” ภูตไหมฟ้ากอดหญิงสาวทั้งสองด้วยความรักเอ็นดูแล้วจูบที่ผมของพวกนาง “ถ้าทายาทของข้าได้คนอย่างพวกเจ้าก็คงจะดีมาก แม้ว่าข้าจะชอบพวกเจ้ามาก แต่เพราะพวกเจ้าทุกคนอยู่ในโลกนาฬิกาทรายนี้ข้าจึงไม่สามารถมอบทุกอย่างให้พวกเจ้าได้ บางทีพวกเจ้าหลังจากออกไปแล้วพวกเจ้าสามารถรับได้ แต่ที่นี่พวกเจ้าอย่าได้ท้าทายอำนาจของเทพโบราณเด็ดขาด เด็กๆ ทั้งหลาย! ข้ามีความสุขที่ได้พบเจอพวกเจ้า หลังจากพบพวกเจ้าแล้ว ข้าจะเข้าสู่ห้วงนิทราข้าคงจะได้อยู่กับสามีข้าในฝันอย่างสงบสุข”
“สมบัติวิเศษอย่างน้อยอยู่ในมือของพวกเจ้าผู้เยาว์ถึงสามชิ้น, เย่ว์ไตตัน,บางทีเจ้าอาจจะเหนือกว่าเขาในปีนั้นก็ได้! ขณะที่พวกเจ้าทั้งสองพวกเจ้าจะมีประโยชน์มากกว่าเมื่อเทียบกับข้าในอดีตพวกเจ้าย่อมจะช่วยคนรักของพวกเจ้าได้ เด็กน้อย ข้าขออวยพรพวกเจ้า พวกเจ้าต้องพยายามให้หนัก ฝึกฝนให้มากและขอให้มีความสุข อนาคตของหอทงเทียนขึ้นอยู่กับพวกเจ้าแล้ว!”
“ขอบคุณ” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเสวี่ยอู๋เสียปลาบปลื้มกับคำอวยพรของผู้อาวุโสท่านนี้
แม้กระดูกจะถูกฝังไปแล้วแต่ความรักยังตราตรึงใจ
พวกนางรู้ว่าอะไรมีค่ามากที่สุดในโลก.... เหมือนกับภูตไหมฟ้า แม้จะพรากจากคนรักเป็นหมื่นปีแต่ความรักนางยังไม่เสื่อมคลาย นางอวยพรให้กับผู้เยาว์รุ่นหลังทั้งที่นางเองก็ยังไม่มีความสุข นางในฐานะเป็นผู้อาวุโสคนหนึ่งอวยพรให้ผู้เยาว์รุ่นหลังทำให้นางรู้สึกเป็นสุขเสมอ
ภูตไหมฟ้ากอดหญิงสาวทั้งสองและอวยพรจากใจนาง
ในที่สุดนางหันไปหาและมองเย่ว์หยาง “หนุ่มน้อยผู้โชคดีเรื่องที่สองที่เจ้าอยากพูดคือเรื่องอะไร?”
เย่ว์หยางพยายามข่มใจไม่ถามข่าวเกี่ยวกับแสงห้าสีเพิ่มขึ้น ประการแรกคาดว่าภูตไหมฟ้าคงไม่ทราบอย่างชัดเจน เพราะนางถูกผนึกภายหลัง ประการที่สอง เวลาผ่านไปหมื่นปีแล้วมีเรื่องเกิดขึ้นมากเกินไปทวีปมังกรทะยานเปลี่ยนแปลงไปมากเรื่องก็เกิดมานานแล้ว ทำไมแสงเขียวหนึ่งในแสงห้าสีถึงไปอยู่ในวิหารสิบสองนักษัตรแห่งหอทงเทียน?
แสงศักดิ์สิทธิ์อีกสี่แสงอยู่ที่ไหน?
จิ่วเซียวมีแสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีหรือไม่? มิฉะนั้นเขาได้แสงดำปลอมได้ยังไง?
ข้อสงสัยทุกอย่างที่นอนนิ่งอยู่ในก้นบึ้งหัวใจของเย่ว์หยางเขาไม่มีโอกาสได้ถาม แต่เขามีความรู้สึกว่าภูตไหมฟ้าไม่รู้ความจริงถ้าตัวเขาถามเองเกรงว่าจะผิดหวัง
เขาปรับความคิดและฟื้นฟูแนวคิดของนักสู้ปราณราชันย์ เขาพยักหน้าให้ภูตไหมฟ้าและให้ของขวัญเล็กน้อย “ในกรณีนี้ข้าหวังว่าจะใช้ทางผ่านที่นี่ได้พลังธาตุน้ำที่นี่และพลังจ้าวอัคคีปีศาจ หากเป็นเช่นนี้โลกวารีที่ผู้อาวุโสอยู่อาจมีการเปลี่ยนแปลงพลิกฟ้าคว่ำดิน ดังนั้นผู้เยาว์อยากจะถามเงื่อนไขกับท่าน”
เย่ว์หยางพูดเช่นนี้ภูตไหมฟ้าเข้าใจ
เด็กหนุ่มผู้กล้าหาญและมีปัญญามากต้องการใช้น้ำจากโลกวารีเทใส่ทะเลเพลิงของจ้าวอัคคีปีศาจ ปัญหาก็คือแม้ถ้าตกลงกันว่านางเห็นด้วย เขายินดีจะเปลี่ยนโลกวารีทั้งหมดแต่เขาเกรงว่าจะไม่สามารถดับเพลิงได้ทั้งหมด
ประการแรกปริมาณของเพลิงในทะเลเพลิงมีมากจนจิตนาการไม่ออก เมื่อถูกน้ำจะระเหยเป็นไอและลอยขึ้นไปในอากาศซึ่งไม่มีผลเพียงพอต่อทะเลเพลิง ประการที่สอง มีจ้าวอัคคีปีศาจอยู่ที่นั่นตัวเขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ภายใต้การจับตาเฝ้าดู พวกเขาเพียงสามคนเกรงว่ายากจะเดินทางผ่านไปได้มีปัญหาข้อที่สาม และเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดก็คือ ถ้าไม่มีการแปลงพลังมากพอ พลังน้ำนี้ค่อยๆถูกจ้าวอัคคีปีศาจเปลี่ยนไปเป็นพลังอัคคีหรืออาจผลักดันกลับมายังโลกวารีที่นางอยู่
หรือจะพูดอีกอย่างหนึ่ง ความคิดของเด็กหนุ่มนี้ดีแต่ยากจะนำไปใช้
ภูตไหมฟ้ามองดูเย่ว์หยางไม่ได้ปฏิเสธโดยตรง นางแค่ยิ้มและถาม “เท่าที่ดูเจ้ามีความมั่นใจมาก บอกข้าได้ไหมว่าเจ้ามีแผนอะไร?”
“ผู้อาวุโส, เขามีสนามพลังสร้างโลกเพียงแต่ขอบเขตใช้งานแคบ ถ้าผสานกับสนามพลังสำนึกศักดิ์สิทธิ์ของผู้เยาว์ควบคู่กับดาบเทพของเชี่ยนเชี่ยนเราแน่ใจว่าสามารถถ่ายเทน้ำเข้าไปในด้านที่เป็นโลกอัคคีสิบกิโลเมตร ขณะที่ปัญหาของการแปลงพลังแม้ว่าจะไม่มีสนามพลังสร้างโลก ไม่มีสังข์เรียกฝนของอสูรที่เสี่ยวเหวินหลีมีและยังไม่มีขุนพลเทพธิดาวายุของข้าด้วย” เสวี่ยอู๋เสียชูข้อมือซึ่งมีกำไลแปลงพลังงานนั่นคือรางวัลที่เย่ว์หยางยึดมาจากจ้าวคางคก เมื่อเย่ว์หยางใช้ร่วมกับสนามพลังสำนึกศักดิ์สิทธิ์ของเสวี่ยอู๋เสียนั่นจะกลายเป็นฝันร้ายของศัตรู
กำไลข้อมือนี้เรียกว่ากำไลแปลงพลังงานใช้แปลงพลังธาตุของศัตรูให้กลายเป็นพลังงานอีกธาตุหนึ่ง
ด้วยพลังจิตของคนธรรมดาเป็นไปไม่ได้ที่จะแปลงพลังงานได้มากมาย และแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้จัดการกับอสูร แต่ด้วยพลังจิตของเย่ว์หยางและเสวี่ยอู๋เสียทันทีที่สร้างสนามพลังขึ้นและใช้กำไลแปลงพลังงานนี้เชื่อได้ว่าต่อให้ศัตรูอยากร้องไห้ก็คงร้องไม่ออก... ก่อนนั้นเย่ว์หยางยังไม่รู้วิธีใช้ในทะเลเพลิงเพราะยังไม่มีความเข้าใจเต็มที่
ที่สำคัญจ้าวอัคคีปีศาจเป็นคู่ต่อสู้ที่เจ้าเล่ห์
แม้ว่าจ้าวอัคคีปีศาจจะตายมาหลายหมื่นปีแล้วแต่วิญญาณและพลังอัคคีของเขามีพลังแค่เป็นรองจอมภพแดนสวรรค์เท่านั้น
ถ้าไม่มีความมั่นใจถึง 80-90% เย่ว์หยางไม่ต้องการเผชิญหน้ากับผู้นี้ ตอนนี้เขาพบโลกวารีและได้พูดคุยกับภูตไหมฟ้า เขาใจข้อมูลความลับสมบัติวิเศษและแสงห้าสีมากมายจากภูตไหมฟ้า เย่ว์หยางมีความมั่นใจและความมุ่งมั่นมากเขาจะไม่นำฮุยไท่หลางออกไปจากโลกอัคคีเงียบๆ ต่อไป แต่จะสู้กับจ้าวอัคคีปีศาจผู้โลภแทน
ถ้าโค่นล้มจ้าวอัคคีปีศาจได้ในพื้นที่ซึ่งเขาได้เปรียบได้ อย่างนั้นเย่ว์หยางจะมีความก้าวหน้าอย่างมากมายแน่นอนและจากนั้นเขาจะสามารถเผชิญหน้ากับจอมภพแดนสวรรค์หรือจีอู๋ลี่และเจ้าตำหนักอื่นๆเป็นไปได้ว่าอาจเกิดการต่อสู้กันแน่นอน
“ข้าจะเข้านอนแล้ว เกี่ยวกับการรวบรวมมรดกของสามีข้าข้าไม่สนใจว่าโลกวารีนี้จะเหมือนอะไร เด็กๆ! พวกเจ้าทำสิ่งที่เห็นควรได้เลย ไม่ต้องใส่ใจถึงข้าคนอาภัพอย่างข้าควรตายไปนานแล้ว แต่พวกเขาไม่ยอมให้ข้าตาย การลงทัณฑ์ของเทพโบราณเป็นเช่นนี้เอง เด็กเอย! ไม่ว่ายังไงโปรดอย่าเข้ามาในโลกนาฬิกาทรายนี้อีก ข้ากังวลจริงๆว่าผลกระทบจากพลังของมหาเทพโบราณจะมีต่อพวกเจ้าในอนาคต พวกเจ้าต้องรู้ว่าบางที่เป็นสถานที่ต้องห้ามพวกเจ้าต้องอยู่ให้ห่าง และให้ความเคารพ ดีแล้ว, เด็กๆ ลาก่อน ได้พบเจอพวกเจ้าทำให้ในใจข้าหมดห่วงไม่มีความเสียใจอีกแล้ว...”
ภูตไหมฟ้าในรูปคนที่เกิดจากน้ำค่อยๆจมลงในโลกวารี
ความจริงนี่เป็นเพียงร่างมนุษย์ที่นางสร้างขึ้นจากน้ำ ทว่านางไม่ได้มีรูปอยู่จริงแม้แต่จิตสำนึกของนางก็ไม่เหมือนกับจ้าวอัคคีปีศาจ นางยินดีหลับอยู่ในผนึก
เสวี่ยอู๋เสียรับร่มชี่หลัวในมือของเย่ว์หยางมาดูค่อยๆกางทีละน้อย พอกางได้ถึงครึ่งก็หุบ
นางมองดูองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและพยักหน้า
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนกอดเย่ว์หยางทันทีและกระซิบที่หูเขาและนางพูดคำที่เย่ว์หยางไม่เคยได้ยินมาก่อน “ร่มนี้ให้พี่หวี่ได้ไหม?ข้าคิดว่าพี่หวี่อ่อนโยนมาก เป็นคนที่เหมาะสมที่สุดกับการรับมรดกฝีมือของภูตไหมฟ้าแน่นอน! ข้ารู้ว่าโล่วฮัวและอี้หนานก็ใช่ แต่พี่หวี่น่าจะเป็นทายาทรับมอบมรดกวิชาที่เหมาะสมกว่าโล่วฮัวและอี้หนานจริงไหม?”
เย่ว์หยางติดอยู่กับเปลือกนอกของแม่เสือสาวแต่อดคิดในใจไม่ได้ “แม่เสือสาวเจ้าจู่ๆ ก็มีความคิดดีกับพี่หวี่ได้ยังไง?”
“นี่เป็นความลับระหว่างสาวๆ เรา!” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนปฏิเสธจะตอบ
“จริงหรือ?” เย่ว์หยางคาดเดาว่าแม่เสือสาวคงทำเรื่องบางอย่างที่น่ากังวลกับเย่ว์หวี่ ตอนนี้เขาต้องการจะสานความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองฝ่าย มิฉะนั้นเขาจะไม่บอกตัวเองอย่างนี้แม้ว่าเย่ว์หวี่จะขอร่มชี่หลัวนี้กับเขาก็ตาม แต่เขาจะไม่ใช้น้ำเสียงที่ประจบอย่างนั้น
อย่างไรก็ตามสิ่งที่แม่เสือสาวทำให้เย่ว์หวี่จะค่อยๆช่วยกระตุ้นนางเหมือนสายน้ำหรือ?
เรื่องธรรมดา เป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้เย่ว์หวี่โกรธ
แม่เสือสาวจะทำอะไร?
เย่ว์หยางสงสัยบ้างแต่เขารู้ว่าตอนนี้เขาต้องปล่อยให้แม่เสือสาวนี้เป็นฝ่ายพูดก่อนเขากลัวว่าจะยากยิ่งกว่าขึ้นสวรรค์!
เขารู้สึกได้เลือนรางถึงความรู้สึกแปลกประหลาดเขารู้สึกเหมือนกับได้ปลดปล่อยตนเอง ดังนั้นเขาไม่กล้าถามโดยตรง
“ข้าไม่สามารถกางร่มได้ ข้าไม่มีความสามารถพอ!” แม้ว่าองค์เชี่ยนเชี่ยนจะบอกจากปากนางเองแต่นางรับร่มจากมือของเสวี่ยอู๋เสียและเก็บไว้ในแหวนเก็บของของนาง นางจูบแก้มเย่ว์หยางอย่างรวดเร็ว“ขอบคุณคุณชายสาม!”
“อู๋เสีย...” เย่ว์หยางโน้มตัวลงจูบนาง
“เมื่อเจ้าจัดการกับจ้าวอัคคีปีศาจแล้ว ถ้าเจ้ามีพลังแข็งแกร่งเจ้าจะทำอะไรตามที่เจ้าอยากจะทำก็ได้” เสวี่ยอู๋เสียสาวน้อยหิมะผู้นี้ไม่ง่ายจะจัดการได้ แม้ว่าปากจะไม่ปฏิเสธ แต่หลังจากรอให้จ้าวอัคคีถูกกำจัดเย่ว์หยางคาดว่าคงแทบไม่เหลือพลังแล้ว นี่มิใช่เท่ากับสูญเปล่าหรือ? แน่นอนว่ามีหวังยังดีกว่าไม่มีหวังมากนักมีสาวงามรอ ต่อให้มีความยากลำบากขวางหน้า ก็กล้าเข้าเผชิญไม่ใช่หรือ? และสาวอู๋เสียกับแม่เสือสาวก็ไม่ผิดสัญญาบ่อยนัก
เย่ว์หยางรู้สึกว่ามีพลังเพิ่มขึ้นหลายเท่าไม่ว่าจะเป็นเรื่องท้าทายตนเอง หรือเรื่องรุกเร้าสาวๆ ของเขาเอง ยังไงก็ตามเขาก็จะกำจัดจ้าวอัคคีปีศาจให้ได้
เส้นทางการฝึกฝนของคุณชายอย่างเขาใครเล่าจะทำได้