ตอนที่แล้วตอนที่ 886 นี่คืออสูรในตำนาน?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 888 เส้นทางฝึกฝนของคุณชาย

ตอนที่ 887 สมบัติวิเศษทั้งหก


เย่ว์หยางได้ฟังแล้วลอบเหงื่อตก

ภูตไหมฟ้านี้ไม่ได้จมอยู่กับข้อมูลที่ยุ่งเหยิงในหอทงเทียนและตัดสินใจได้ชัดเจนยิ่งกว่านักรบธรรมดาเสียอีก แน่นอนไม่ว่านางจะคาดเดายังไงเย่ว์หยางไม่ยอมรับ  และไม่ว่านางจะออกไปได้หรือไม่ก็ตามการยึดติดกับความลับสุดท้ายเป็นเรื่องสำคัญที่สุด  จากจุดนี้เองเย่ว์หยางเริ่มตื่นตัว ถ้านักรบของแดนสวรรค์และคนของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ไม่สับสนสถานะของคุณชายสามตระกูลเย่ว์จะทำให้เกิดการสืบสวนเขาเองหรือไม่?

โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ถ้าพวกเขาคิดจะตรวจสอบบางอย่างในแดนสวรรค์ย่อมเป็นเรื่องสะดวก

ดูเหมือนว่าต่อไปในอนาคตเขาต้องระมัดระวังมากขึ้น และจะไม่ยอมให้เกิดความผิดพลาดในเรื่องสถานะนี้อีก

จ้าวปีศาจโบราณจะไม่ก่อปัญหาแน่นอน  แต่ยังมีจักรพรรดิชื่อตี้

ถ้าจักรพรรดิชื่อตี้ปกปิดชื่อซ่อนตนใช้ชีวิตสันโดษไม่ปล่อยให้ตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์พบเจอย่อมดีกว่า  เย่ว์หยางกังวลว่าเสี่ยวโฉ่วจะรู้เรื่องเขาหรือไม่ไม่ว่าจะเป็นเสี่ยวโฉ่วและเผ่าพันธุ์ที่เป็นกบฎของหอทงเทียนอย่างเช่นเผ่ามนุษย์นกแห่งทวีปกวงหมิง

หากเป็นจริงปัญหาสถานะตัวตนของเขาอาจถูกเปิดเผยได้ในเวลาไม่นาน

เมื่อสถานะถูกเปิดเผย

นั่นเท่ากับประกาศว่าหอทงเทียนเริ่มโดดเด่นขึ้นมาเขาเชื่อว่าคนจากตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์จะต้องมาฆ่าชาวหอทงเทียนทั้งหมดและทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง

ดูเหมือนว่าจำเป็นต้องแข่งกับเวลาก่อนตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์จะให้ความสนใจกับหอทงเทียนก่อนที่เขายังไม่ผ่านการฝึกทั้งสิบด่านและก่อนที่เขาจะช่วยนางพญาเฟ่ยเหวินหลีออกมาจากผนึกหลุมดำ เย่ว์หยางไม่ต้องการให้ตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์พบเจอสถานะของเขาและความลับนี้แม้ว่าหอทงเทียนกำลังจะรุ่งเรือง แต่ก็เหมือนต้นไม้อ่อนที่งอกอยู่บนพื้นแข็งก่อนจะเติบโตเป็นต้นไม้ใหญ่ ยังไม่สามารถต้านพายุลมแรงได้

“ข้าเป็นลูกหลานของตระกูลเย่ว์  หนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของทวีปมังกรทะยาน” เย่ว์หยางพยายามยกย่องตระกูลเหมือนกับที่เด็กในตระกูลทั่วไปพึงทำ

“สี่ตระกูลใหญ่ของทวีปมังกรทะยาน? ข้าเคยแต่ได้ยินสี่ตระกูลใหญ่จากแดนสวรรค์เท่านั้น”  สตรีถือร่มยิ้ม

“....” เย่ว์หยางแกล้งทำเป็นอึกอักพูดไม่ออก

ความจริงภูตไหมฟ้านี้ไม่เคยได้ยินชื่อสี่ตระกูลใหญ่ของทวีปมังกรทะยาน  คงเป็นเรื่องแปลกถ้านางได้ยินมา

บางทีนางเห็นสีหน้าลำบากใจของเย่ว์หยางสตรีผู้ถือร่มโบกมือกล่าวขอโทษ “ข้าไม่ได้ตั้งใจดูแคลนตระกูลของเจ้า พวกเขาสามารถฝึกคนอย่างเจ้าขึ้นมาได้ ต่อให้ตระกูลเจ้าไม่ยิ่งใหญ่เท่ากับสี่ตระกูลใหญ่ในแดนสวรรค์แต่ก็เป็นเรื่องพิเศษมาก  หนุ่มน้อย! บอกให้ข้าทราบได้บ้างไหมว่าเจ้ามาจากไหนทำไมเจ้าถึงมายังโลกนาฬิกาทรายนี้ได้?”

เย่ว์หยางฟังแล้วเกิดแรงบันดาลใจ

ธุรกิจสำคัญกำลังจะมา

อย่างน้อยผู้อาวุโสนี้เชื่อว่าเขาเป็นลูกหลานของทวีปมังกรทะยาน  ถ้านางเชื่อว่าเขาเป็นคนของแดนสวรรค์  อาจเป็นเรื่องน่ากลัวถ้าไม่ได้รับความร่วมมือจากนางคงเป็นเรื่องน่าอายแน่นอน

เย่ว์หยางคารวะและพูดด้วยเสียงจริงใจ  “ผู้อาวุโส!  เรื่องเป็นเช่นนี้ข้ามาตามคำแนะนำของผู้อาวุโสหลายท่านที่ตั้งใจตามหาหมู่บ้านฝังดาบข้าสงสัยว่าผู้อาวุโสจะรู้จักแม่เฒ่าซาบ้างไหม? ชื่อเต็มคือแม่เฒ่าซาลามันด์,ผู้เฒ่าฟงป๋อ, ผู้เฒ่าอวี่ป๋อ”

สตรีถือร่มส่ายหน้าและโบกมือ“ข้าไม่รู้จัก บางทีสามคนที่เจ้าพูดถึงอาจเป็นรุ่นลูกรุ่นหลานของข้า!”

นางพูดถึงเรื่องสั้นๆในปีนั้นเกี่ยวข้องกับจ้าวอัคคีปีศาจ

“ในอดีตตลอดชีวิตของบัณฑิตฝังดาบเขาได้สร้างสมบัติเทพขึ้นมาหกชิ้นจ้าวอัคคีปีศาจได้นำเหล่านักสู้จากแดนสวรรค์บุกฝ่าแนวป้องกันที่แข็งแกร่งของหมู่บ้านและรุกเข้าหมู่บ้านฝังดาบเพื่อจะขับไล่ให้ศัตรูล่าถอย  สามีของข้าสละชีวิตใช้พลังสมบัติเทพชิ้นที่ห้า‘นาฬิกาวิเศษ’และผนึกเทพซึ่งเป็นสมบัติชิ้นที่หกฆ่าหัวหน้าของศัตรูได้สองคนและขับไล่ศัตรูออกไปได้ ข้าจับจ้าวอัคคีปีศาจที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสได้สำเร็จ  ในเวลานั้นจ้าวอัคคีปีศาจเหมือนจะสำนึกผิดแต่เขาหลอกลวงข้ากับพันธมิตรบ้านภูเขา เพื่อคลี่คลายความแค้นชิงชังนี้ ข้าปล่อยจ้าวอัคคีปีศาจและเนรเทศเขาออกไป คาดไม่ถึงเลยว่า เขากลับมาในเวลาไม่นาน ในเวลานั้นนอกจากสามีของข้าที่ตายไปในการรบก่อนนี้ไม่มีใครใช้สมบัติวิเศษทั้งหกได้  นอกจากนี้หลังจากสามีของข้าตายไปนาฬิกาวิเศษสมบัติเทพชิ้นที่ห้าไม่สามารถสร้างพลังป้องกันโจมตีจากศัตรูได้แข็งแกร่งที่สุด”

“นักสู้เทียนอี้และจีอู๋ลี่ศิษย์ของเขาจากตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ได้เกราะวิเศษสมบัติเทพชิ้นที่สี่และนักสู้จากแดนสวรรค์ที่ไม่ปรากฏชื่ออีกคนชิงเอากระจกวิเศษสมบัติชิ้นที่สามไปเมื่อศัตรูเตรียมตัวมามาก ดาบวิเศษสมบัติเทพชิ้นที่หนึ่ง คทาวิเศษสมบัติเทพชิ้นที่สองและตราผนึกเทพสมบัติเทพชิ้นที่หกนักสู้ฝีมือดีจากหอทงเทียนคนหนึ่งโกรธจัดเขาใช้แสงเทพห้าสีซึ่งเป็นสมบัติที่เหนือกว่าสมบัติเทพทั้งห้าชิ้นฆ่าศัตรูที่ทรงพลังไปเกือบถึงสามพันคนในที่สุดด้วยเหตุผลที่ไม่สามารถอธิบายได้ แสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีปะทะกับแสงของยอดฝีมือชั้นสูงแตกกระจัดกระจายออกไปทั่วทุกแห่ง...”

“แสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีแตกกระจัดกระจายอยู่ทั่วทวีปมังกรทะยานหรือ?”  เย่ว์หยางถามด้วยความกังวลข่าวนี้สำคัญมากสำหรับเขา

“ตรงนี้ข้าก็ไม่แน่ใจบางทีแสงศักดิ์สิทธิ์บางส่วนอาจถูกนักสู้แดนสวรรค์ชิงไป แต่ข้าเห็นสมบัติศักดิ์สิทธิ์กระจัดกระจายกลายเป็นสายแสง  เพราะเหตุนั้นเทพโบราณจึงตื่นตัวนี่เป็นเรื่องอันตรายร้ายแรงถึงกับทำลายล้างโลกได้เทพโบราณจึงตัดหมู่บ้านหุบเขาทิ้งดาบแยกออกไปในมิติต่างๆและสลายพลังพวกเขาออกไป ข้าไม่รู้ว่าสถานการณ์นักรบอื่นจะเป็นเช่นไร  แต่จ้าวอัคคีปีศาจกับข้าถูกผนึกไว้ในโลกหลังจากสังเกตดูหลายปี ในที่สุดข้าจึงเข้าใจว่าโลกนี้เหมือนกับนาฬิกาทรายที่มีสองด้านด้านหนึ่งเป็นไฟ อีกด้านหนึ่งเป็นน้ำ และจะมีการแปลงพลังกันในเดือนมีนาคม”  ภูตไหมฟ้าผู้ถือร่มยิ้ม “ข้ามีความคิดจะทำลายภาคพื้นทั้งหมดและฆ่าจ้าวอัคคีปีศาจ ถ้าไม่ถูกแยกออกจากกันก่อนหลายอย่างคงไม่เป็นแบบนี้”

“ข้าเข้าใจอย่าว่าแต่ทวีปมังกรทะยานไม่ได้ถูกทำลาย” เย่ว์หยางกลับปลอบอีกฝ่ายหนึ่ง ความจริงเขาเข้าใจว่าทวีปมังกรทะยานถูกทำลายมามากกว่าครั้งหนึ่ง  แต่หลังจากการทำลายแต่ละครั้งจะมีนักสู้บังเกิดใหม่และกลับไปสู่ยุครุ่งเรืองอีกครั้ง

“เพราะข้าถูกกักขังอยู่ที่นี่มาหลายหมื่นปีข้าไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับโลกภายนอก และเวลานั้นร่างและสมบัติวิเศษของข้าก็ถูกกำจัดไปแล้วเหลืออยู่เพียงร่มทำมือชิ้นนี้เท่านั้น”ร่มของภูตไหมฟ้าสีฟ้างดงามเป็นรองแค่สมบัติเทพเท่านั้น นางส่งให้เย่ว์หยาง  “พ่อหนุ่ม!  ร่มนี้ข้ามอบให้เจ้า, แม้ว่าจะไม่ใช่สมบัติระดับเทพแต่ก็ไม่ใช่สมบัติขี้ริ้วขี้เหร่แต่อย่างใด เก็บเอาไว้ที่นี่จะเสียของเปล่า  เจ้ามอบให้กับผู้เยาว์ที่คล้ายกับเจ้าจะมีประโยชน์มากกว่า”

“ไม่, ข้าไม่กล้ารับร่มของท่านไว้”เย่ว์หยางรีบปฏิเสธ

“เมี้ยว เมี้ยว?”  ฮุยไท่หลางอยู่ข้างๆ มันสงสัยว่าวันนี้เจ้านายเปลี่ยนไปได้อย่างไร?มีสมบัติมาส่งถึงหน้าประตูแท้ๆ ทำไมเขาไม่รับไว้?

“ร่มนี้จะเสียเปล่าเมื่ออยู่กับข้า  ข้าจะให้เจ้า เพราะข้าต้องการมองหาผู้สืบทอดพลังของข้า  ในชีวิตของข้า ข้าไม่สามารถไปจากโลกนี้ได้ถ้าไม่มีผู้สืบทอด ใครจะรับมรดกนี้ ในใจข้าไม่มีอะไรต้องเสียใจ  ข้าหวังว่าเจ้าจะทำหน้าที่แทนข้าได้ ช่วยหาสตรีรุ่นเยาว์เหมือนเจ้าและให้นางรับตกทอดพลังของข้า”  ภูตไหมฟ้าส่งร่มสมบัติให้เขาเป็นครั้งที่สอง

เย่ว์หยางโบกมือ“ค้นหาผู้รับสืบทอด ข้าจะช่วยหาให้ข้ากลัวว่าจะกลายเป็นหาคนที่ท่านไม่พอใจเอาได้ เอาอย่างนี้เมื่อข้าหาผู้รับสืบทอดที่เหมาะสม ข้าจะพานางมาอีกครั้งยังไม่สายเกินไปที่พานางมาพบท่าน”

ภูตไหมฟ้าพยักหน้าเข้าใจ  “ข้าเข้าใจความคิดของเจ้า แต่ข้าไม่ต้องการให้ทายาทรับมอบวิชาของข้าเข้ามาในมิตินาฬิกาทราย  ถ้านางกลายเป็นทายาทของข้านางอาจจะถูกกักอยู่ในนี้ตลอดไป นี่เท่ากับทำงานเสียเปล่า  ความจริงข้าบันทึกทุกอย่างไว้ในร่มชี่หลัวนี่แล้ว  ถ้าร่มชี่หลัวยอมรับคนผู้นั้น  อย่างนั้นนางจะกลายเป็นทายาทรับมอบวิชาของข้าไม่จำเป็นต้องพานางมาที่นี่ ข้าไม่จำเป็นต้องพบกับทายาทของข้า  พิธีกรรมทางโลกเป็นเรื่องของภาพพจน์ตราบเท่าที่นางรับตกทอดพลังและความรู้ และมีความสำเร็จในอนาคตนั่นก็ทำให้ข้าสมหวังอย่างยิ่งใหญ่ได้แล้ว”

เย่ว์หยางถามด้วยความประหลาดใจ  “ท่านไม่ต้องการให้นางเข้ามาในนี้หรือ?”

ภูตไหมฟ้ายิ้มเล็กน้อย  “หลังจากเจ้าออกไปแล้ว ข้าต้องเข้าสู่ห้วงนิทราอีกครั้งหนึ่งหลับครั้งนี้อาจกินเวลาถึงพันปี หรือหมื่นปี ทุข้าไม่อะไรต้องห่วงทุกอย่างในโลกนี้ ตราบเท่าที่ในฝันข้าได้อยู่กับสามีของข้าข้าก็รู้สึกพึงพอใจแล้ว”

นางเป็นสตรีที่โชคร้ายและงมงายในความรัก

นี่คือมุมมองที่เย่ว์หยางมีต่อภูตไหมฟ้า

แน่นอนว่าความโชคร้ายนี้ไม่ได้มาจากตัวนางเองแต่มาจากสมบัติเทพทั้งหกที่บัณฑิตฝังดาบได้ทิ้งเอาไว้

เย่ว์หยางลังเลอยู่นานเขารับร่มที่ล้ำค่าของภูตไหมฟ้าไว้พร้อมกับความรับผิดชอบที่หนักหน่วง  เขาไม่รู้ว่าร่มชี่หลัวจะยอมรับใครแต่มีสตรีผู้โดดเด่นหลายคนที่เหมาะอยู่เสมอ

ขณะที่เขาคิดชั่วขณะ

เมื่อเย่ว์หยางเห็นภูตไหมฟ้ากำลังจะลงไปในน้ำเพื่อเข้าสู่ห้วงนิทราต่อเขายื่นมือห้าม “ข้ามาที่นี่มีเรื่องสำคัญอยู่สองเรื่อง แต่เดิมมีเพียงเรื่องเดียว แต่หลังจากได้ยินความจริงเกี่ยวกับหุบเขาฝังดาบแล้วข้ารู้สึกว่าเป็นเรื่องจำเป็นโปรดช่วยข้าประเมินด้วยเถิด ข้ามีสมบัติเทพอยู่สามชิ้น โปรดตรวจดูด้วยนี่ใช่เป็นหนึ่งในหกสมบัติวิเศษของหมู่บ้านฝังดาบหรือไม่?”

เสี่ยวเหวินหลีรู้ใจเย่ว์หยางและรู้ว่าเย่ว์หยางยังไม่ได้รับการยอมรับจากตราผนึกเทพจักรพรรดิอวี้อย่างแท้จริง

“ตราผนึกเทพ สมบัติวิเศษชิ้นที่หก?”  ภูตไหมฟ้าชำเลืองมองแล้วผงะถอยไปก้าวหนึ่ง

“นี่คือตราผนึกเทพหนึ่งในหกสมบัติวิเศษของใช่หรือไม่?” เย่ว์หยางอยู่ในท่ามกลางความสว่าง

“ข้าไม่รู้ว่าหลายพันปีที่แล้วมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น  สมบัติเทพนี้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากมาย บางทีหลังจากการสู้รบที่มิอาจคาดเดาได้หลายครั้ง  บางทีอาจมีการวิวัฒนาการและกลายสภาพไปอย่างสิ้นเชิงนี่แตกต่างไปจากเมื่อก่อน”ภูตไหมฟ้ายื่นมือน้ำของนางออกมาลูบเหมือนกับมารดาลูบไล้บุตรรักนางลูบตราผนึกเทพอย่างอ่อนโยน นัยน์ตาเต็มไปด้วยความรัก  “ไม่ว่าจะกลายสภาพไปอย่างไรข้าแน่ใจว่านี่เป็นหนึ่งในหกสมบัติวิเศษ ในอดีตสามีของข้าเคยใช้สังหารผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์!”

“เราเรียกสิ่งนี้ว่าตราผนึกเทพจักรพรรดิอวี้, ผู้อาวุโสที่เรียกว่าจักรพรรดิอวี้ผู้นี้ใช้สิ่งนี้และของศักดิ์สิทธิ์อีกสองอย่างเอาชนะศัตรูผู้แข็งแกร่งเมื่อหอทงเทียนตกอยู่ในสภาพเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย  หอทงเทียนจึงอยู่มาได้ถึงทุกวันนี้” เย่ว์หยางเพิ่งเปิดเผยว่าตราผนึกจักรพรรดิอวี้ยังไม่เพียงพอและยังไม่ได้แสดงพลังที่แท้จริงของมัน

ตราผนึกเทพนี้ใช้ฆ่าผู้ยิ่งใหญ่จากแดนสวรรค์ได้

ต่อมาจักรพรรดิอวี้ใช้สมบัติวิเศษผนึกสามจอมภพแดนสวรรค์ไว้ซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่พิสูจน์ได้ในประวัติศาสตร์

ถ้าได้รับการยอมรับจากสมบัติวิเศษนี้อย่างแท้จริงเพื่อให้มันสำแดงพลังได้เต็มร้อยอย่างนั้นผู้ยิ่งใหญ่ในแดนสวรรค์จะเป็นอย่างไร? จีอู๋ลี่คงได้กลิ่นว่าความกลัวเป็นเช่นไร?

เนื่องจากตราผนึกจักรพรรดิอวี้เป็นหนึ่งในหกสมบัติวิเศษหลายอย่างก็คงรับมือได้ง่ายขึ้น

เย่ว์หยางเรียกองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเสวี่ยอู๋เสียออกมาจากโลกคัมภีร์เพื่อคารวะผู้อาวุโสภูตไหมฟ้าจากยุคก่อน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด