บทที่ 902 (23) มาถึง (ตอนฟรี)
บทที่ 902 (23) มาถึง
“ได้กลับมาสักที!”
จี้เฟิงยืนอยู่ตรงด้านนอกทางออกของสนามบินด้วยรอยยิ้มเย้ยหยันบนใบหน้า
“คุณชายตัวแสบกลับมาแล้ว ใครบางคนกำลังจะเจอกับโชคร้าย! ฮ่าๆ~!” จี้ช่าวเหลยหัวเราะ เขาไม่ได้กังวลมากเท่าไหร่นักเกี่ยวกับเรื่องที่คังหยวนถูกจับตัวไป ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นใคร แม้ว่าตระกูลอู๋จะเป็นผู้สั่งให้จับกุมเป็นการส่วนตัวก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่
อันที่จริง ยิ่งระดับของผู้สั่งการอยู่สูงเท่าไหร่ พวกเขาก็ยิ่งต้องตีเนียนทำนิ่งมากขึ้นเท่านั้น
เพราะวิธีการที่อีกฝ่ายใช้ค่อนข้างหน้าไม่อาย
การใช้วิธีต่ำๆ ก็เหมือนเป็นการสร้างหนทางสู่ความหายนะให้แก่ตัวเองในอนาคต ในอีกแง่หนึ่ง กลอุบายเหล่านี้ก็เปรียบได้กับดาบสองคม มันอาจจะวกกลับมาแทงตัวเองเมื่อไหร่ก็ได้!
ตัวอย่างเช่น ในทุกการกระทำ หากคุณไม่ได้ทำเรื่องไม่ดี ก็จะไม่มีใครว่าอะไรคุณได้ โดยเฉพาะคู่ต่อสู้ของคุณ แม้ว่าเขาอยากจะ*หยิบกระดูกในไข่ เขาก็ไม่สามารถทำมันได้ แต่ตราบใดที่คุณทำอะไรไม่ดีเอาไว้ สิ่งที่รอคุณอยู่คือศัตรูที่พร้อมจะโจมตีที่จุดอ่อนของคุณอย่างไร้ความปรานี
ถ้าระดับของคุณต่ำและคู่ต่อสู้ของคุณก็ต่ำเช่นกัน การโจมตีที่เขาจะสามารถสร้างความหายนะให้กับคุณได้มันจะไม่ใหญ่เกินไป แต่ถ้าระดับของคุณสูง คู่ต่อสู้ที่คู่ควรก็จะไม่ต่ำกว่าคุณอย่างแน่นอน หากเป็นกรณีนี้ การโจมตีของอีกฝ่ายจะรุนแรงกว่ามาก
หากเป็นคำสั่งโดยตรงของใครบางคนจากตระกูลอู๋ที่สั่งให้จับกุมคังหยวนด้วยวิธีการที่สกปรก ก็ไม่จำเป็นต้องพูดให้มากความ เหล่าผู้อาวุโสตระกูลจี้ที่ต่อสู้กลับคงไม่ยอมจบง่ายๆอย่างแน่นอน!
ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ ตราบใดที่คุณทำผิดพลาด คุณก็จะเหมือนวัวสันหลังหวะรอวันที่คู่ต่อสู้มาโจมตีจุดอ่อนของคุณ
ดังนั้นเมื่อตระกูลใหญ่จะกระทำการสิ่งใด พวกเขาจะพยายามอย่างเต็มที่ที่จะหลีกเลี่ยงความขัดแย้งที่ก่อให้เกิดปัญหาแก่พวกเขาเอง พวกเขาไม่กลัวที่จะทำผิดพลาด แต่พวกเขากลัวว่าหากทำผิดพลาดแล้ว พวกเขาจะถูกศัตรูเอาจุดนั้นมาใช้เล่นงานต่างหาก!
ครั้งนี้ก็ไม่มีข้อยกเว้นเช่นกัน หากเป็นเพียงคำสั่งจากผู้น้อยในตระกูลอู๋ บางทีมันอาจจัดการได้ง่ายกว่า... แต่ที่แย่ที่สุดคือถ้ามีคนรุ่นใหญ่ในตระกูลอู๋ออกคำสั่งเองโดยตรง พวกเขาอาจใช้วิธีโยนคนระดับล่างออกไปให้เป็นแพะรับบาปแทน!
“น้องสาม รถที่มารับฉันมาถึงแล้ว นายจะให้ฉันไปส่งมั้ย?” จี้ช่าวเหลยถาม
จี้เฟิงส่ายหัวและพูดว่า “ไม่ดีกว่า ผมเดาว่าวันนี้พี่รองคงมีอะไรที่ต้องไปเคลียร์อีกเยอะ รีบไปเถอะ ผมจะนั่งแท็กซี่กลับเอง”
พี่รองจี้ช่าวเหลยเป็น CEO ของกลุ่มบริษัทเจียนอัน แม้ว่าจะเป็นกลุ่มบริษัทเล็กๆ แต่ตอนนี้มันแตกต่างจากเมื่อก่อน และจะดีกว่าหากทำอะไรที่ออกนอกลู่นอกทางให้น้อยลง
“เจ้าหนู...” จี้ช่าวเหลยส่ายหัวและยิ้ม “นายไม่จำเป็นต้องทำเหมือนคนที่กำลังเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจขนาดนั้น! อารองของนายยังไม่ถูกย้าย แม้ว่าเจ้านายตระกูลอู๋จะได้รับคำสั่งย้ายอย่างเป็นทางการแล้ว แต่การที่ฉันจะเอารถไปส่งน้องชายของตัวเองมันคือเรื่องขี้ปะติ๋ว ใครจะพูดอะไรได้?!”
จี้เฟิงยิ้มเล็กน้อยและกล่าวว่า “ผมไม่ได้หวั่นเกรงอะไรขนาดนั้น แต่พูดตามตรง คนหลายคนล้มเหลวเพราะพวกเขาไม่ใส่ใจกับรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ ดังนั้นพี่รองต้องใส่ใจทุกรายละเอียด”
การใช้รถขององค์กรด้วยเรื่องส่วนตัวไม่ใช่เรื่องใหญ่ ใครๆก็ทำกัน แต่ถ้ามีคนต้องการก่อกวนคุณอย่างจริงจัง มันก็ไม่ง่ายที่จะพูด อย่างที่รู้ๆกันว่ามันเป็นเรื่องของการใช้สิทธิพิเศษ ดังนั้นถ้าไม่จำเป็นก็ไม่เห็นต้องสร้างบาดแผลให้ตัวเอง
“โอเคๆ งั้นฉันกลับล่ะนะ!” จี้ช่าวเหลยพูดด้วยรอยยิ้ม
ทั้งสองแยกย้ายกันกลับ จี้เฟิงเดินไปขึ้นรถแท็กซี่และตรงกลับบ้าน เมื่อถึงบ้านเขาติดต่อหาเซียงหยงซานและได้รู้ว่าเซียงหยงซานอยู่ที่ค่ายทหารในเจียงโจวแล้ว จากนั้นเขาก็ติดต่อหาเจิ้งหยวนซาน
เนื่องจากยังหาตำแหน่งของรถที่ขึ้นทะเบียนภายใต้ชื่อหรงเผิงกรุ๊ปไม่เจอ จี้เฟิงจึงตัดสินใจไปที่ค่ายทหารก่อนเพื่อเอาระเบิดชีวภาพออกจากร่างกายแมงมุมขาว
จี้เฟิงนั้นได้สัญญากับเซียงหยงซานเป็นมั่นเป็นเหมาะ แต่เขากลับผิดสัญญามาแล้วครั้งหนึ่ง ดังนั้นจี้เฟิงจึงตัดสินใจไปจัดการเรื่องนี้ก่อน
ส่วนเรื่องการค้นหาคังหยวน มีทั้งตำรวจจากทางฝั่งของเจิ้งหยวนซานและแผนกข่าวกรองจากทางเซียงหยงซาน แม้ว่าเจียงโจวจะกว้างใหญ่ แต่ก็ไม่ยากที่จะหารถสักคันหนึ่งที่รู้ที่มาที่ไปแล้ว…
เมื่อได้กลับมาขับรถ BMW x6 อีกครั้ง จี้เฟิงก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกทึ่ง
รถคันนี้ไม่ได้ถูกสตาร์ทเครื่องมา 20 วันแล้ว แต่ยังคงขับได้นิ่มนวลมาก ไม่มีอาการกระตุกเลย
เขาส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ แม้ว่าจะมีกระแสข่าวกล่าวถึงการสนับสนุนผลิตภัณฑ์ภายในประเทศ แต่พูดกันตามตรง เมื่อพูดถึงผลิตภัณฑ์ที่มีเทคโนโลยีสูงเช่นนี้ ผลิตภัณฑ์ในประเทศมันดีสู้ของนำเข้าไม่ได้ และมันก็เป็นข้อเท็จจริงที่เถียงไม่ได้เลย
หากรถยนต์ที่ผลิตในประเทศบางคันไม่ถูกแตะต้องเป็นเวลา 20 วันในสภาพอากาศหนาวเย็นเช่นนี้ ก็ไม่น่าแปลกใจหากมันจะมีปัญหา
จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะคิดกับตัวเอง ถ้าเขาเข้าสู่อุตสาหกรรมเครื่องจักร...
“รีบเก็บเงินๆ! ทรัพย์สินที่เรามีตอนนี้ยังน้อยเกินไป อุตสาหกรรมเครื่องจักรเหล่านั้นใช้เงินทุนสูงมาก โดยเฉพาะเครื่องจักรทางเทคนิคขั้นสูง แค่เฉพาะสายการผลิตก็มีราคาหลายสิบหรือหลายร้อยล้านแล้ว! และด้วยทรัพย์สินที่ฉันมีในตอนนี้... เฮ้อ…! ดูเหมือนว่าการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆและค้นหาแนวทางของตัวเองมันยังไม่เพียงพอ!” จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวเล็กน้อย
ทุกอย่างต้องมีรากฐานและระยะเริ่มต้น ดังนั้นจี้เฟิงจึงไม่รีบร้อน ตอนนี้เขาอยู่ในระยะเริ่มต้นและสามารถพัฒนาได้ในบางอุตสาหกรรมที่ไม่ต้องใช้เงินทุนมากเกินไป และเมื่อเขาเก็บหอมรอมริบได้เพียงพอ เขาก็สามารถเข้าสู่อุตสาหกรรมอื่นๆได้ต่อไป
แม้ว่าจี้เฟิงจะเคยเรียนรู้เรื่องเทคโนโลยีเครื่องกลขั้นสูง แต่การเปลี่ยนสิ่งเหล่านั้นให้กลายเป็นความจริงมันไม่ใช่เรื่องง่าย
ไม่ต้องพูดถึงว่ามีกี่เทคโนโลยีที่เหมาะกับสังคมในปัจจุบัน ขนาดเครื่องจักรที่เรียบง่ายที่สุดของดาวกาแล็กซีแกมมา วิธีผลิตสมัยใหม่ล่าสุดบนโลกไม่ได้มีความเหมาะสมเลย ที่สำคัญกว่านั้น แม้ว่าจี้เฟิงจะเรียนรู้วิธีผลิตเครื่องจักรกลมามากมาย แล้วหากวันหนึ่งเกิดบังเอิญผลิตสิ่งที่ไม่ใช่ของยุคนี้ขึ้นมา เขาจะไม่ถูกมองว่าเป็นตัวประหลาดหรอกหรือ?
ตัวอย่างเช่น กระสวยต้านแรงโน้มถ่วงของดาวกาแล็กซีแกมมา... เครื่องบินทรงพลัง... สิ่งเหล่านี้ไม่สามารถปรากฏขึ้นในสังคมยุคปัจจุบันได้!
ดังนั้นแม้ว่าจี้เฟิงตั้งใจที่จะเข้าสู่อุตสาหกรรมจักรกล เขาก็ทำได้เพียงแค่แยกความรู้เหล่านี้ไว้ในจิตใต้สำนึก
ตัวอย่างเช่น หากต้องการผลิตเครื่องจักรบางประเภท จี้เฟิงสามารถค้นหาหนึ่งหรือสองอย่างจากความรู้ทางกลขั้นสูงในจิตใต้สำนึกที่สมองหมายเลขหนึ่งสถิตอยู่ เพื่อปรับปรุงวิธีการผลิตในปัจจุบัน การปรับปรุงและพัฒนาอย่างค่อยเป็นค่อยไปแบบนี้เท่านั้นที่จะไม่เป็นการรบกวนและเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะแตกต่างจากคู่แข่งอื่นๆ
“ฉันยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น และฉันยังมีหนทางอีกยาวไกล!” จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวและถอนหายใจ “ไม่รู้ว่าในอนาคตจะมีปัญหามากมายขนาดไหน..”
แค่ผงลดความอ้วนคังหยวนที่ถูกดัดแปลงมาจากยาลดความอ้วนหมายเลข 53 ก็ทำให้คนอื่นอิจฉาตาร้อนแล้ว และหากมีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆออกมาอีกในอนาคต บางคนไม่ยกพวกมาปล้นเลยเหรอ?
แต่เมื่อนึกถึงการต่อสู้ จิตวิญญาณของจี้เฟิงก็เหมือนถูกกระตุ้นเล็กน้อย เพราะถ้าพูดถึงเรื่องการต่อสู้ เขาไม่เคยกลัว!
เมื่อมาถึงประตูของเขตทหารเจียงโจว จี้เฟิงก็พบว่าเซียงหยงซานกำลังรออยู่ที่ประตูแล้ว เขาเคลื่อนรถไปที่มุมหนึ่งของประตู ไม่รู้ว่าเซียงหยงซานมารอนานแค่ไหน แต่มีก้นบุหรี่จำนวนมากอยู่ที่พื้น
จี้เฟิงจอดรถข้างๆเขาและพูดหยอกล้อพร้อมกับหัวเราะ “โธ่ คุณชายเซียง ไม่เห็นต้องสุภาพกับฉันขนาดนี้ก็ได้ ไม่ใช่ว่าฉันจะหาทางเข้าไม่เจอซักหน่อย ถึงกับมายืนรอรับที่ประตูเลยเหรอครับ?”
“ไอ้หนู...” เซียงหยงซานทำเสียงดุ “ฉันแค่มาเช็กดูว่าครั้งนี้นายจะปล่อยให้ฉันรอเก้ออีกหรือเปล่า และถ้าคราวนี้นายเล่นตลกกับฉันอีก ก็อย่าเป็นแม้แต่คนรู้จักกัน ถ้านายมีปัญหาอะไรก็อย่าคิดจะมาขอให้ฉันช่วย...”
“โอเคๆ” จี้เฟิงหัวเราะ “ฉันก็อยู่นี่แล้วไม่ใช่หรือไง? ไปกันได้หรือยังล่ะ? เสร็จจากนี้ฉันยังต้องไปช่วยอาเขยอีก!”
“ก็ยังไม่ได้ว่าอะไร!” เซียงหยงซานก็หัวเราะเช่นกัน จากนั้นเขาก็พูดว่า “จี้เฟิง ฉันจะไม่ปิดบังมันจากนายก็แล้วกัน ฉันจะบอกอะไรให้ รถที่นายพูดถึง ฉันหามันให้แล้ว และก็เจอแล้ว... เออนั่นแหละ! เอาเป็นว่านายไปช่วยอาเขยของนายก่อนก็ได้ เรื่องของแมงมุมขาวก็เลื่อนออกไปก่อน รอมาขนาดนี้แล้ว รออีกซักวันสองวันคงไม่แตกต่างอะไร”
“เจอแล้วเหรอ?”
จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะตกใจ “ทำไมเร็วจัง?!”
“นี่ถือว่าช้าแล้ว!” เซียงหยงซานพูด แต่น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความภูมิใจ “ไม่ใช่แค่พบรถที่นายต้องการจะหานะ แต่ยังพบเบาะแสบางอย่างในที่จอดรถคันนั้นด้วย ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด อาเขยของนายก็น่าจะอยู่ที่นั่น!”
จี้เฟิงยกนิ้วโป้งขึ้นมาทันที “สุดยอดมาก!”
ฝีมือของหน่วยข่าวกรองของกองกำลังพิเศษนี่โหดจริงๆ ตั้งแต่ที่เขาให้หมายเลขทะเบียนรถแก่เซียงหยงซานไปก็เพิ่งจะผ่านไปแค่สี่หรือห้าชั่วโมงเท่านั้น อย่างมากก็ไม่เกินหกชั่วโมง แต่พวกเขาก็พบที่อยู่ของรถแล้ว ในขณะที่เจิ้งหยวนซานยังไม่แจ้งข่าวใดๆแก่เขาเลยจนถึงตอนนี้
เมื่อเปรียบเทียบงานของสองคนนี้แล้ว... มันห่างชั้นมาก!
อย่างไรก็ตาม จี้เฟิงก็รู้อยู่แก่ใจว่าระบบการทำงานของทั้งสองฝ่ายนั้นแตกต่างกัน ตำรวจท้องถิ่นมีความรอบคอบและมีขั้นตอนมากมายในการทำงาน แต่ทหารไม่จำเป็นต้องมีพิธีรีตองในการทำงาน พวกเขาเน้นที่ผลลัพธ์เป็นสำคัญ
หลังจากคิดอย่างรอบคอบแล้ว จี้เฟิงก็พูดว่า “ไปช่วยแมงมุมขาวก่อน เอาระเบิดชีวภาพในร่างกายของเธอออกมาให้เสร็จๆไป ในเมื่อตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าอาเขยของฉันอยู่ที่ไหน จะลงมือเมื่อไหร่ก็ไม่ใช่ปัญหา!”
เขาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าและพูดด้วยรอยยิ้ม “พระอาทิตย์กำลังจะตก ดังนั้นรอถึงกลางคืนแล้วค่อยลงมือ มันปลอดภัยกว่า อ้อ! คุณชายเซียง ผมคงต้องรบกวนยืมคนของคุณซักสองสามคนตอนไปช่วยอาเขย พอจะได้หรือเปล่าครับ?”
“ตราบใดที่นายสามารถเอาระเบิดชีวภาพในตัวแมงมุมขาวออกได้ ขอแค่พูดมาคำเดียว!” เซียงหยงซานพูดด้วยรอยยิ้ม “ว่า ‘ได้โปรด’ ฮ่าๆๆ~!”
“.... ไปกันเถอะ” จี้เฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้มที่บิดเบี้ยว
ทันทีที่เข้าไปในค่ายทหาร โทรศัพท์มือถือของจี้เฟิงก็ดังขึ้น เซียงหยงซานเหลือบมองเล็กน้อยและกล่าวว่า “ถ้าเป็นเรื่องเร่งด่วนก็ออกไปรับข้างนอกก่อน ที่นี่แตกต่างจากที่อื่น นายต้องปิดโทรศัพท์และส่งมอบให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย!”
จี้เฟิงมองไปที่โทรศัพท์และพบว่าเป็นเจิ้งหยวนซานที่โทรมา บางทีเขาอาจจะพบเบาะแสของคังหยวนแล้ว จี้เฟิงกดตัดสายและพิมพ์ข้อความถึงเจิ้งหยวนซานสั้นๆ จากนั้นก็ส่งโทรศัพท์ให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและเดินตามเซียงหยงซานเข้าไปด้านใน
เมื่อมาถึงฐานทัพใต้ดิน จี้เฟิงได้พบกับแมงมุมขาวอีกครั้ง ในเวลานี้เมื่อเธอเห็นจี้เฟิงและเซียงหยงซานเข้ามา ดวงตาที่สวยงามของเธอก็เป็นประกายในทันที มันเปล่งประกายส่องแสงแห่งความหวังออกมาอย่างชัดเจน
“จี้.. คุณชายจี้!” แมงมุมขาวรีบยืนขึ้นเพื่อทักทาย
“หือ?”
จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะหันหน้าไปหาเซียงหยงซานและถามด้วยรอยยิ้ม “คุณให้เธอเรียกฉันอย่างนั้นเหรอ?”
“ไร้สาระ! เธอเรียกของเธอเอง แล้วมันแปลกตรงไหนที่เธอจะเรียกแบบนั้น เธอกำลังรอให้นายมาช่วยชีวิต ถ้าเธอทำให้นายไม่พอใจแล้วเกิดนายเปลี่ยนใจไม่ช่วยขึ้นมาจะทำไงล่ะ?” เซียงหยงซานกล่าวด้วยรอยยิ้ม
จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะและหันไปพูดกับแมงมุมขาวว่า “เรียกฉันว่าจี้เฟิงเฉยๆก็ได้... เอาล่ะ เรามาเริ่มกันเลยมั้ย?”
แม้ว่าภายนอกจี้เฟิงจะพูดออกไปเหมือนไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่ที่จริงแล้วในใจเขายังคงเป็นกังวลอยู่มากเกี่ยวกับเรื่องของคังหยวน ดังนั้นเขาจึงต้องจัดการเรื่องที่นี่ให้สำเร็จลุล่วงอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็วางแผนการที่จะดำเนินการในคืนนี้
....จบบทที่ 902 ~
*หยิบกระดูกในไข่/มองหากระดูกในไข่ สำนวนจีนที่มีความหมายว่า การมองหาข้อบกพร่องที่ไม่มีอยู่จริง หรือใช้สำหรับคนที่จ้องจะจับผิด