บทที่ 34: จูบที่มีกระรอกยืนดู! ลูกค้ารายแรก!
“หวัดดีครับเถ้าแก่!” เมื่อเฉินต้าเป่ยเห็นฉินหลินพาหลินเฟินและจ้าวโม่ชิงเข้ามาในห้องโถงเขาก็เดินออกมาต้อนรับ
เมื่อหลินเฟินเห็นว่ามีคนเรียกลูกชายว่าเถ้าแก่ก็ยิ่งแต่จะยิ้มหน้าบานเป็นจานเรดาห์ ในสายตาของเธอคือลูกชายได้ประสบความสำเร็จแล้ว เพราะงั้นถึงได้มีความสุข
“เสี่ยวหลิน ลูกรีบ ๆ พาโม่ชิงไปดูทะเลดอกไม้เร็ว ๆ เข้า เดี๋ยวแม่เดินดูคนเดียวได้” หลินเฟินรู้ว่าคนหนุ่มสาวสมัยนี้ชอบความโรแมนติก ดังนั้นเธอจึงกระทุ้งเขาให้รีบ ๆ จัดการซะ
เธออยากให้เด็กทั้งสองนี่รีบ ๆ แต่งงานกันเร็ว ๆ จึงผลักให้ทั้งคู่ไปอยู่กันสองต่อสอง
ฉินหลินเลยต้องพาโม่ชิงไปที่ทะเลเฟื่องฟ้าอย่างไม่มีทางเลือก
ในช่องขายตั๋วที่ทางเข้า เกาเหยาเหยากับพนักงานเตรียมตัวพร้อมอยู่แล้ว
วันนี้เปิดทำการแล้ว นักท่องเที่ยวจะมาเมื่อไหร่ก็ได้
“หวัดดีค่ะเถ้าแก่!” เกาเหยาเหยากับพนักงานขายตั๋วทักทาทันทีที่เห็นฉินหลิน
ฉินหลินพยักหน้าให้พวกเธอและจูงมือจ้าวโม่ชิงเข้าไปในโซนทะเลเฟื่องฟ้า
ในไม่ช้าจ้าวโม่ชิงก็ได้ตื่นตาตื่นใจกับทิวทัศน์ที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า
เมื่อได้มาเห็นด้วยตาเนื้อตัวเองตรง ๆ แล้วมันช่างสวยงามกว่าที่เห็นในคลิปโฆษณาซะอีก
และเมื่อเธอเดินไปถึงโซนกลางก็ได้เห็นฉากที่เกินจะเชื่อ เพราะต้นเฟื่องฟ้าเจ็ดสี่ขั้นสุดเลเวล 3 มีหมู่ผีเสื้อสีสันสวยบินอยู่รอบ ๆ เต็มไปหมด ทำให้เธอต้องหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายอย่างอดรนทนไม่ไหว
“เป็นไงจ๊ะ? ถูกใจมั้ยเอ่ย?” ฉินหลินกอดจ้าวโม่ชิงจากด้านหลังพลางกระซิบข้างหู
“ในโรงแรมคืนนั้นเธอพูดเรื่องเฟื่องฟ้าขึ้นมาฉันเลยจำเอาไว้แล้วก็เอามาทำให้เธอโดยเฉพาะเลยน้า~”
แน่นอนว่านี่เป็นสิ่งที่ทำให้เจ้าวโม่ชิงซึ้งใจมาก ๆ เป็นสิ่งที่คนที่เธอรักทำให้ แต่เธอก็ยังไม่ลืมเรื่องสำคัญและถามเขาทันทีว่า “ฉินหลิน เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ถึงเธอจะขายปลาอะไรนั่นได้หกแสนกว่าก็เถอะ แต่มันก็ไม่พอที่จะเอามาซื้อบ้านไร่กับทะเลเฟื่องฟ้านี่อยู่ดี สารภาพมาซะว่าเธอไปเอาเงินมาจากไหน!”
ฉินหลินรู้ว่าจ้าวม่อชิงนั้นไม่ง่ายเหมือนแม่ของเขา ดังนั้นเขาจึงต้องปั้นเรื่องให้เนียนกริ๊บว่า “ฉันขายปลาให้เถ้าแก่รวย ๆ คนนั้นได้ใช้ปะ? เถ้าแก่คนนั้นแกมีเงินใช้ไม่หมด ตอนที่ทำความรู้จักกันฉันก็เลยเปรย ๆ แผนบ้านไร่ให้แกฟัง จากนั้นแกก็เลยให้ฉันยืมเงินมา”
“ในโลกเรามีคนที่ให้เธอยืมเงินก้อนใหญ่ขนาดนี้โดยไม่มีเงื่อนไขใด ๆ ด้วยเหรอ?” จ้าวโม่ชิงงงงวย
“มีเงื่อนไขสิ อีกฝ่ายรักปลาเท่าชีวิตเลยอยากให้ฉันช่วยหาปลาไปขายให้อีกถ้ามีโอกาส แล้วฉันก็ต้องจ่ายดอกเบี้ยให้เค้าด้วยนา ตอนนี้เลยมีหนี้เพิ่มเป็นสองสามล้านแล้วอะ” ฉินหลินยังคงตอแหลกันสด ๆ ไม่ใส่ถั่วงอกอยู่
“ฮึ่ยยยยยยยย!” จ้าวโม่ชิงได้ยินก็โมโห เธอหยิกเอวฉินหลินอย่างแรงเพื่อระบายอารมณ์
“ไอ้บ้า ไอ้โง่นี่... เรื่องใหญ่ขนาดนี้ทำไมไม่คุยกันก่อนเล่า! ไม่กลัวว่าจะหาเงินมาใช้หนี้ไม่ได้บ้างรึไงกัน!?”
ก็ไม่กลัวไง ฉินหลินไม่ได้กลัวเรื่องไม่หาเงินมาใช้หนี้ไม่ได้อยู่แล้ว ก็หนี้ที่ว่ามันไม่ได้มีอยู่จริงนี่นาจะให้กลัวทำไมล่ะ?
เมื่อเห็นว่าข้อแก้ตัวนี้เนียนกริ๊บใช้ได้ผลจริง ๆ เขาก็รีบตีเหล็กตอนยังร้อน ๆ “ฉันก็อยากลองเสี่ยงดูอะ อยากจะหาเงินให้ได้เร็ว ๆ จะได้พาเธอเข้าบ้านได้อย่างเปิดเผยซักที”
เมื่อจ้าวโม่ชิงได้ยินแบบนี้ก็อ่อนยวบสอบสวนต่อไม่ได้ ทำแค่ขึ้นเสียงใส่ว่า “ตั้งแต่นี้ไปห้าเธอสูบบุหรี่ ดื่มเหล้า ทำเรื่องอันตรายโดยเด็ดขาด เธอต้องสุขภาพแข็งแรงห้ามเจ็บห้ามป่วย พวกเราจดทะเบียนสมรสกันแล้ว เกิดเธอเป็นอะไรไปล่ะก็ฉันจะเอาเงินตั้งหลายล้านจากไหนมาใช้หนี้ให้”
“เธอก็รู้ไม่ใช่เหรอ ว่าฉันน่ะไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มเหล้า ไม่เคยทำเรื่องอันตราย” ฉินหลินโน้มตัวเข้าไปใกล้และจูบปากเธอ
จ้าวโม่ชิงก็กอดเอวฉินหลินอย่างที่ทำเป็นประจำ
“วี้ดวิ้ว~”
สองผัวเมียกำลังดื่มด่ำกับความโรแมนติกส่วนตัวจู่ ๆ ก็ต้องแยกออกอย่างเร็วชนิดหายใจหายคอไม่ทัน เหตุเพราะดันมีเสียงร้องแหลม ๆ ดังเข้าหู เมื่อมองตามเสียงก็พบว่ามาจากด้านบนหัว เป็นเจ้ากระรอกน้อยสามตัวยืนหน้ากระดานเรียงหนึ่งปิดระยะตรงคาคบไม้ยืดคอมองคนทั้งสองด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“พวกนี้มัน…” เมื่อจ้าวโม่ชิงเห็นแบบนี้ก็ไม่รู้ทำไมมันถึงรู้สึกเขิน ๆ ขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ประมาณว่าเธอกับฉินหลินไม่ได้ถูกกระรอกมองแต่ถูกคนมองอยู่มากกว่า
............................…
บ้านไร่ชิงหลินตั้งอยู่นอกตัวเมืองอำเภอโหยวเฉิง ตรงแยกถนนที่เชื่อมระหว่างเมืองโหยวเฉิงกับเมืองชาเฉิง
รถมายบัค (Maybach) 62S ได้หยุดกึกเอาตรงสี่แยกอย่างกะทันหัน
คนขับลงจากรถมาตรวจสอบก่อนจะพูดกับคนที่นั่งอยู่เบาะหลังด้วยความเคารพว่า “ท่านประธานครับ ล้อด้านขวาแฟบไปแล้วครับ คงโดยเหล็กเส้นเอาตอนวิ่งผ่านถนนที่ยังสร้าไม่เสร็จก่อนหน้านี้ คงต้องหาที่เปลี่ยนยางใกล้ ๆ นี้ก่อน กว่าจะเสร็จน่าจะประมาณเที่ยงครับ”
ประธานเงยหน้าไปเห็นป้ายโฆษณาของบ้านไร่ชิงหลินและถูกมันดึงดูดอย่างบอกไม่ถูก “บ้านไร่นี่ดูดีไม่เลว ส่งฉันไปที่นั่นก่อนแล้วนายค่อยเอารถไปซ่อมละกัน”
รูปโปรโมตนี้สวยมาก อย่างกับภาพตามงานแสดงศิลปะ
หรือว่าจะให้ช่างภาพระดับปรมาจารย์มาถ่ายให้?
เขาเคยไปเที่ยวบ้านพักมาแล้วหลายแห่ง และแม้แต่บ้านไร่ระดับสุดยอดก็ไปเหยียบมาแล้ว ทว่าที่เหล่านั้นก็ไม่มีที่ไหนสิ้นเปลืองขนาดเอาภาพของปรมาจารย์ช่างภาพมาติดโฆษณาริมถนนแบบนี้
“ครับท่านประธาน” คนขับรถพยักหน้าและขับไปที่บ้านไร่ชิงหลิน
พอเห็นป้ายโฆษณาตรงทางเข้าก็รู้สึกถูกดึงดูดอีกแล้ว ยิ่งแต่จะทำให้เขามั่นใจว่าคนที่ถ่ายภาพนี้ต้องเป็นปรมาจารย์ช่างภาพระดับแนวหน้าชัวร์ ๆ
ฉินหลินพาจ้าวโม่ชิงกลับไปที่ห้องโถงและเห็นว่ามีชายในชุดสูทคนหนึ่งเดินเข้ามา
ดูก็รู้แล้วว่าเป็นลูกค้า
เมื่อเข้ามาในโถงต้อนรับเฉินเชิ่งเฟยก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
เพราะภาพถ่ายโฆษณาทะเลเฟื่องฟ้านั้นอย่างกับงานศิลปะของแท้ เขายังไม่ได้เข้าไปที่ทะเลเฟื่องฟ้าแต่ระหว่างทางมาเขาได้เจอกับโถงต้อนรับนี้ก่อนเลยลองเข้ามาดู ซึ่งมันก็ช่างแตกต่างจากที่หวังไว้ไปไกลโข
ห้องโถงไม่ใหญ่ มีโต๊ะอาหารตั้งเรียงรายและชั้นวางผลไม้ตรงกลาง โล่งโจ้งว่างเปล่าจนเหงาขึ้นมาเลย
เมื่อเกาเหยาเหยาเห็นว่ามีแขกมาแล้วเธอก็เข้าไปทักทายด้วยรอยยิ้ม “สวัสดีค่ะคุณลูกค้า ยินดีต้อนรับนะค้า ทางเรามีบริการชมทะเลเฟื่องฟ้า ผจญภัยในป่า สไลด์เดอร์หญ้าสีรุ้ง...”
เกาเหยาเหยานำเสนอด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มอย่างโปรเฟสชันแนล
ตอนนี้เฉินเชิ่งเฟยยืนมองรอบ ๆ โดยไม่ได้ตั้งใจฟังซักเท่าไหร่ และเมื่อเห็นราคาที่ติดที่แผงมันก็ทำเอาเขาประหลาดใจ
เขาเห็นสตรอว์เบอร์รี่แดงราคาจินละ 25 หยวนกับ 50 หยวน แตงโมมีราคาจินละ 2 หยวนกับ 10 หยวนนั่นน่ะช่างหัวมันเถอะของกาก ๆ ไม่สนใจ แต่ไอ้สตรอว์เบอร์รี่จินละ 200 หยวน แตงโมจินละ 100 หยวน กับกระเจี๊ยบเขียวจินละ 400 หยวนนี่เหลือจะเชื่อเลยจริง ๆ
ไม่ใช่ว่าเขาไม่เชื่องว่าของราคาขนาดนี้จะมีอยู่จริง เขาเคยกินของดี ๆ ราคาแพง ๆ เป็นสินค้านำเข้าคัดพิเศษมามากมายแล้วด้วยซ้ำ แต่เขาตะลึงตรงที่ว่าของเหล่านั้นกลับดูไม่น่าจะปรากฏอยู่ในบ้านไร่ซอมซ่อนี่ได้เลยต่างหาก
ดูก็รู้แล้วว่าบ้านไร่แห่งนี้ไม่ได้เลเวลสูงพอที่จะจัดหาของพวกนั้นมาได้
“เฮ่ย!” ทันใดนั้นเฉินเชิ่งเฟยก็หันไปเห็นบ่อปลาเล็ก ๆ ที่อยู่ข้าง ๆ กันซึ่งเป็นบ่อปลาที่ไว้ตักขายเผื่อมีลูกค้ามาซื้อ
“ทั้งบ่อนั่นปลาป่าหมดเลยรึเปล่า?”
เขาเห็นปลาขนาดใหญ่มาก ๆ ว่ายอยู่ในบ่อ 6 ตัวและจำได้ว่าเป็นปลาตะเพียนป่า ปลาเฉาป่า และปลาคาร์ปดำป่า ที่จำได้ก็เพราะว่าเขาเป็นคนชอบตกปลาจึงมีความรู้เรื่องปลาอยู่บ้าง
และรู้ดีด้วยว่าตัวใหญ่ขนาดนี้มันหายากขนาดไหน เป็นของที่ต่อให้เอาเงินมากองไว้ก็หาซื้อไม่ได้ ไม่คิดเลยว่าจะได้มาเจอทีเดียวหกตัว!
“คุณลูกค้าตาแหลมมากเลยค่า ทั้งปลาตะเพียน ปลาเฉา และปลาคาร์ปดำนี้ล้วนเป็นปลาป่า เป็นปลาจากธรรมชาติล้วน ๆ เลยค่ะ” เกาเหยาเหยาตอบทันที
“เอาปลาตัวนึง” เฉินเชิ่งเฟยพูดทันทีโดยไม่ถามราคาเลยว่าตัวเท่าไหร่
ราคาอะไรไร้สาระ เขามีเงินจ่ายอยู่แล้ว
รีบ ๆ เอาเจ้าปลานี่มาซักทีซิ
“คุณลูกค้าคะ เรามีบ่อตกปลาที่มีปลาป่าอีกเพียบแถมยังมีตัวสั่มนี่ด้วยนะคะ! ถ้าคุณลูกค้าสนใจล่ะก็สามารถเช่าเบ็ดไปตกได้ค่ะจะได้สนุกหน่อย ไม่แน่คุณลูกค้าอาจจับเจ้าตัวสั่มนี่ได้ก็เป็นได้น้า~” เกาเหยาเหยาทำมือทำไม้บอกขนาดเจ้าพวกปลาเลเวล 2 พร้อมนำเสนอบริการอย่างเหมาะเจาะ
“มีแบบไอ้หกตัวนี่อีกเพียบ? แถมยังมีไอ้ตัวสั่มนี่อีกด้วยเรอะ?” เฉินเชิ่งเฟยถามพลางทำไม้ทำมือตามทันที
‘แม่เด็กกะโปโลนี่โกหกป่าวนิ?’
เขาเชื่ออยู่ว่าน่าจะมีปลาป่าอีกเพียบ แต่ไอ้ปลาตัวสั่มนี่นี่มันก็...? ‘หรือหล่อนจะคิดว่าเราโง่วะ?’
ขนาดตลาดสัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุดในเมืองยังไม่กล้าพูดเลย!
ในความคิดของเขาแค่เถ้าแก่บ้านไร่แห่งนี้หาเจ้าหกตัวนี่มาลงบ่อได้ก็ถือว่าเก่งมากแล้ว
และพอจ้องดูดี ๆ ก็เห็นว่าแม่เด็กคนนี้ก็ท่าทางจริงจังไม่ได้ล้อเล่น เมื่องมองลงไปก็เห็นเจ้าหกตัวแหวกว่ายไปมา
‘อืม~ เอาก็เอาวะ! ลองดู!’
ในฐานะผู้ที่รักการตกปลาแล้วมีใครบ้างที่ไม่อยากเย่อปลาตัวใหญ่ ๆ แล้วลากมันขึ้นจากน้ำ?
“งั้นก็สาวน้อย พาฉันไปเช่าเบ็ดซักสองคันซิ!” เฉินเชิ่งเฟยกล่าวทันที
จากนั้นเขาก็ชี้ไปที่สตรอว์เบอร์รี่เลเวล 2 ราคาจินละ 200 หยวน “แล้วก็ชั่งสตรอว์เบอร์รี่นั่นมาสองจินด้วย จะเอาไว้กินตอนตกปลาใหญ่ ขอลอหน่อยซิว่าเมื่อเทียบกับบ้านไร่หรู ๆ แล้วจะเป็นยังไง หึหึ”
“โอเคค่า~” เกาเหยาเหยาที่เห็นว่าตัวเองขายของออกก็ยิ้มอย่างสดใส เธอเรียกให้พนักงานอีกคนมาชั่งสตรอว์เบอร์รี่ส่วนตัวเธอไปทำเรื่องเช่าเบ็ดตกปลาให้เฉินเชิ่งเฟยซึ่งราคาก็ไม่แพง คันหนึ่ง 20 หยวน สองคันก็ 40 หยวน และเหยื่องอีก 45 หยวน
ทว่าเฉินเชิ่งเฟยก็ต้องรู้สึกผิดหวังอีกรอบ
เพราะไม่ว่าจะคันเบ็ดหรือเหยื่อมันก็... อุบาทว์เกิ๊น!
นี่ถ้าคนขับยังไม่เอารถไปซ่อมล่ะก็เขาจะเรียกให้คนขับเอาเบ็ดจากหลังรถมาให้แล้ว!
แถมสิ่งอำนวยความสะดวกก็แย่เกิ๊น มีแค่เก้าอี้กับโต๊ะตัวจิ๊ดเดียวหันหน้าเข้าบ่อตกปลา
ช่างเป็นคนละโลกกับบ่อตกปลาที่เขาเคยไปมาโดยสิ้นเชิง
ตุ๋มมม...
กระนั้นเฉินเชิ่งเฟยก็ยังคงเล่นกับเบ็ดตกปลาอย่างชำนาญ ตีวงสวิงอย่างสวยแล้วก็รอ...
เมื่อเหลือบเห็นสตรอว์เบอร์รี่ที่เอามาด้วยก็เดินไปล้างมือจากนั้นก็มาจกสตรอว์เบอร์รี่ใส่ปากรอให้ปลามาติดเบ็ด
แล้ว... เมื่อสตรอว์เบอร์รี่เข้าไปอยู่ในปากปุ๊บเฉินเชิ่งเฟยก็เบิกตากว้างด้วยความตกใจ! “รสชาตินี่มัน…!”