(ฟรี) บทที่ 215 เตียงของเราใหญ่มาก
เทือกเขาอู๋เซียง
ภายในห้องที่หรูหราแห่งหนึ่ง สามารถได้ยินเสียงไม้ไผ่และผ้าไหมไม่หยุดหย่อน
ปรมาจารย์หวนซีนั่งอยู่บนเก้าอี้ดุจเสือนั่งบนมังกร
เขาสูงและแข็งแรง กล้ามเนื้อปูดโปนภายใต้เสื้อผ้าที่บางและหลวม เขาดูเหมือนภูเขาไฟที่สามารถปะทุได้ทุกเมื่อ
ด้านข้างมีหญิงสาวสองสามคนกำลังนวดไหล่เขาอยู่
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูดังขึ้น
“เข้ามา”
ชายชราในชุดสีเทาเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว “คารวะท่านปรมาจารย์ ข้ามีเรื่องสำคัญจะรายงาน”
ปรมาจารย์หวนซีโบกมือ “พวกเจ้าออกไปก่อน”
“เจ้าค่ะ”
เสียงของไม้ไผ่หยุดลง และสาวๆทุกคนก็ลุกขึ้นและจากไป
มีเพียงพวกเขาสองคนเท่านั้นที่ยังคงอยู่ในห้องขนาดใหญ่
ปรมาจารย์หวนซีถามว่า “พูดมา สถานการณ์เป็นยังไง”
ชายชรากลืนน้ำลายและพูดว่า “คนที่เราส่งไปฆ่าฉินหรูเหยียน... พวกเขาทั้งหมดล้วนตกตาย”
“ว่าไงนะ?” ปรมาจารย์หวนซีขมวดคิ้ว สงสัยว่าเขาได้ยินผิด
“ผู้ดูแล เฉิงอวี้ชู และพี่น้องแซ่เซี่ย พวกเขาล้วนตายหมดแล้ว” ชายชราพูดด้วยเสียงแผ่วเบา
บูม!
ทั่วทั้งห้องสั่นสะเทือน
พลังโลหิตไร้ขอบเขตแผ่ออกมา ทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยจิตสังหารอันเข้มข้น
ชายชราตัวสั่นขณะที่เขาหมอบอยู่บนพื้น ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้น ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความกลัว
ปรมาจารย์หวนซีดูราวกับชายวัยกลางคน แต่แท้จริงแล้วเขาเป็นปีศาจเฒ่า เขาแก่กว่าชายชราตรงหน้าไม่รู้เท่าไหร่
อย่างไรก็ตาม เขามักจะใช้เทคนิคลับเพื่อรักษารูปลักษณ์ที่เยาว์วัยอยู่เสมอ และเทคนิคลับนั้น...
พูดตรงๆมันคือการดูดกลืนพลังชีวิต
ซากศพที่ตายด้วยน้ำมือของปรมาจารย์หวนซีนั้นเพียงพอที่จะปกคลุมยอดเขา
“เฉิงอวี้ชูเองก็ตายแล้ว?”
“ขอรับ”
“ขยะสิ้นดี!” เสียงของปรมาจารย์หวนซีเย็นชาเสียดกระดูก มันเต็มไปด้วยความโกรธอย่างมาก
ชายชราพูดด้วยเสียงสั่นเครือ “ข้าสงสัยว่าฉินหรูเหยียนมีผู้ช่วย มิฉะนั้นเซี่ยหลงจูคงไม่ตาย”
“ผู้ช่วย?”
“เพื่อให้สามารถฆ่าเซี่ยหลงจูได้อย่างง่ายดาย อย่างน้อยที่สุดมันต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเหนือวิบัติ มีคนระดับนี้เข้ามาแทรกแซงกิจการของนิกายเหอหวน... มันเป็นใครกัน?”
ชายชรากล่าวต่อ “ผู้นำนิกายกำลังจะออกจากการกักตน เรื่องเร่งด่วนในตอนนี้คือการจัดการฉินหรูเหยียน มิฉะนั้นคงจะเป็นเรื่องแย่หากผู้นำนิกายออกมา!”
ดวงตาของปรมาจารย์หวนซีสั่นไหวด้วยความกลัว
เหตุผลที่เขาจัดการฉินหรูเหยียนในครั้งนี้เป็นเพราะตำแหน่งของนาง
เรื่องนี้มีการวางแผนไว้นานแล้ว แต่ไม่มีผู้ที่เหมาะสม
ด้วยความยากลำบาก เขาพบเจอเฉิงอวี้ชูผู้เกิดมาพร้อมกับกระดูกมารยวนใจ และเลี้ยงดูนางจนเข้าสู่ขั้นปลายของขอบเขตแก่นทองคำ ทำให้นางสามารถช่วงชิงตำแหน่งสตรีศักดิ์สิทธิ์ได้
ครั้งนี้เขาใช้ประโยชน์จากการกักตนของหลิวซุนฮวนและการที่ฉินหรูเหยียนไม่อยู่ในนิกาย มันเป็นโอกาสที่สวรรค์ประทานมาให้
ใครจะคิดว่าทุกอย่างล้มเหลว แลแม้แต่เฉิงอวี้ชูก็ตกตาย!
ดวงตาของปรมาจารย์หวนซีเย็นเยียบ “เป็นไปได้ไหมว่าเจ้าต้องการให้ข้าเคลื่อนไหวด้วยตัวเอง?”
สายตานับไม่ถ้วนจ้องมองมาที่เขา การเคลื่อนไหวใดๆจะถูกรายงานไปยังหลิวซุนฮวน มันทำให้เขาไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม
เฉพาะศิษย์ที่อยู่ต่ำกว่าขอบเขตเหนือวิบัติเท่านั้นที่สามารถหลีกเลี่ยงหูตาเหล่านี้ได้
ฉินหรูเหยียนอยู่เพียงขอบเขตแก่นทองคำ มันมากเกินพอสำหรับพี่น้องแซ่เซี่ยที่จะจัดการ แต่ตอนนี้พวกเขากลับล้มเหลวอย่างสมบูรณ์
ถ้าเขาเคลื่อนไหวเป็นการส่วนตัว มันจะไปถึงหูของหลิวซุนฮวนแน่นอน
อย่างไรก็ตาม หากฉินหรูเหยียนกลับมา หลิวซุนฮวนก็จะรู้เรื่องนี้เช่นกัน
ดวงตาของปรมาจารย์หวนซีสั่นไหวในขณะที่เขาลังเล
—
เมืองกุยเฟิง
บนถนน บุรุษและสตรีคู่หนึ่งกำลังเดินด้วยกันอย่างช้าๆ
ชายคนนั้นสูงตรงและหล่อเหลา ส่วนหญิงสาวคนนั้นสวมผ้าคลุมหน้าแต่ยังเผยให้เห็นรูปร่างที่สง่างาม
แน่นอนว่ามันคือหลี่หรานและฉินหรูเหยียน
พวกเขาเดินไปด้วยกันและสบตากันเป็นระยะๆ
หลี่หรานถามอย่างอยากรู้อยากเห็น “ใช่แล้ว เจ้ายังไม่ได้บอกข้าเลยว่าทำไมปรมาจารย์หวนซีถึงส่งคนมาฆ่าเจ้า?”
ฉินหรูเหยียนถอนหายใจเบาๆ “ทั้งหมดเป็นเพราะตำแหน่งของข้า”
เทคนิคการบ่มเพาะของนิกายเหอหวนนั้นพิเศษมาก มันมีวิธีการบ่มเพาะสองวิธีที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ประเภทหนึ่งคือการบ่มเพาะคู่ที่หยินและหยางส่งเสริมซึ่งกันและกัน และอีกประเภทคือการแย่งชิงมาเป็นของตนเอง
หลิวซุนฮวนเป็นประเภทแรก
สิ่งที่สำคัญคือหยินและหยางเติมเต็มซึ่งกันและกัน
วิธีนี้จำเป็นต้องได้รับการขัดเกลาอย่างช้าๆ และการพัฒนาก็ค่อนข้างล่าช้า
อย่างไรก็ตาม ข้อดีของมันคือรากฐานและสภาพจิตใจที่มั่นคง มันมีประโยชน์ในระยะยาว
แต่ปรมาจารย์หวนซีแตกต่างออกไป
เขาเชื่อว่าการแย่งชิงเพื่อขัดเกลาตนเองคือแก่นแท้ของการบ่มเพาะคู่ ดังนั้นเขาจึงลักพาตัวสตรีโดยปราศจากความยับยั้งชั่งใจและทำบาปนับไม่ถ้วน
วิธีนี้ทำให้ก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็วจริงๆ และหลายคนในนิกายก็เลือกที่จะบ่มเพาะเช่นนี้
ชื่อเสียงที่ชั่วร้ายของนิกายเหอหวนก็มาจากสิ่งนี้เช่นกัน
ฉินหรูเหยียนกล่าวว่า “ปรมาจารย์หวนซีต้องการแย่งชิงเพื่อขัดเกลาตนเองมาโดยตลอด อย่างไรก็ตาม ไม่มีอะไรที่เขาสามารถทำได้ภายใต้แรงกดดันของผู้นำนิกาย ดังนั้นเขาจึงมุ่งความสนใจมาที่ข้า ถ้าเฉิงอวี้ชูกลายเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ ผู้คนในนิกายก็จะใช้วิธีการแย่งชิงมากขึ้นเรื่อยๆ...”
หลี่หรานขมวดคิ้ว “หลิวซุนฮวนเป็นถึงจักรพรรดิ ทำไมเขาไม่ฆ่าปรมาจารย์หวนซีทิ้งเสียเลย?”
ฉินหรูเหยียนยิ้มอย่างขมขื่น “มันจะง่ายขนาดนั้นได้ยังไง”
“ปรมาจารย์หวนซีเป็นผู้อาวุโสสูงสุด ในแง่ของความอาวุโสเขาสูงกว่าผู้นำนิกายด้วยซ้ำ พลังของนิกายนั้นเกี่ยวพันกัน หากเราแตะต้องเขา ทั้งนิกายจะสั่นคลอนอย่างรุนแรง”
“ยิ่งไปกว่านั้นความขัดแย้งระหว่างวิถีธรรมและวิถีมารนั้นรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ผู้นำนิกายจึงไม่ต้องการให้มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เกิดขึ้น”
หลี่หรานลูบหน้าผากของเขา
เรื่องของนิกายเหอหวนค่อนข้างซับซ้อน
เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว เหล่าศิษย์และผู้อาวุโสของวิหารโหยวหลัวก็เหมือนคนไร้เดียงสา...
เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะถามว่า “ถ้าเช่นนั้นพวกเขาก็จำเป็นต้องปิดปากเจ้าในครั้งนี้ ปรมาจารย์หวนซีจะโจมตีเจ้าด้วยตัวเองหรือไม่?”
นั่นคือขอบเขตเหนือวิบัติขั้นปลาย เขาไม่ใช่คนที่น่าล้อเล่นด้วยอย่างแน่นอน
ฉินหรูเหยียนขมวดคิ้วเล็กน้อย “ข้าไม่คิดเช่นนั้น ผู้อาวุโสคนอื่นๆต่างก็จับจ้องไปที่เขา ถ้าเขาริเริ่มที่จะโจมตีมันจะเป็นการต่อต้านผู้นำนิกายทันที”
“นอกจากนี้ผู้นำนิกายกำลังจะออกจากการกักตน ไม่ว่ายังไงเขาก็น่าจะยับยั้งตัวเองอยู่บ้าง”
ขณะที่ทั้งสองคุยกัน พวกเขาก็เดินมาถึงทางเข้าโรงเตี๊ยม
เมื่อเจ้าของโรงเตี๊ยมเห็นว่าทั้งสองคนดูไม่ธรรมดา เขาก็รีบออกมาต้อนรับด้วยรอยยิ้มสดใส
“เชิญเข้ามาก่อนๆ ท่านกำลังหาที่พักหรือเปล่า?”
หลี่หรานโยนธนบัตรออกมา “สองห้องชั้นบน”
เจ้าของโรงเตี๊ยมส่ายหัวและพูดว่า “ข้าต้องขอโทษท่านด้วย โรงเตี๊ยมนี้เหลือเพียงห้องเดียวแล้ว”
“ห้องเดียว?”
“ไปที่อื่นกันเถอะ” หลี่หรานพูดอย่างช่วยไม่ได้
เจ้าของโรงเตี๊ยมยิ้มและพูดว่า “ขอโทษที่ต้องรบกวนท่าน แต่สองวันที่ผ่านมามีพ่อค้าเข้ามาในเมืองมากมายและโรงเตี๊ยมอื่นๆเต็มแล้วอย่างแน่นอน ที่นี่เป็นที่เดียวที่มีห้องว่าง”
หลี่หรานขมวดคิ้ว
ถนนเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย พวกเขาสามารถเห็นกองคาราวานได้ทุกฝีก้าว เจ้าของโรงเตี๊ยมไม่น่าจะโกหก
“ห้องเดียวของที่นี่สามารถอยู่ได้ถึงสองคนเลยนะท่าน”
อะแฮ่ม
เจ้าของโรงเตี๊ยมกระแอมและพูดด้วยรอยยิ้ม “แขกของข้า เตียงของเราใหญ่มาก แม้จะนอนพร้อมกับสองคนก็ยังเหลือที่ว่างมากมาย”
หลี่หรานพูดไม่ออก “……”
/////