ตอนที่แล้วบทที่ 214 เจ้าต้องการมุกวิญญาณของข้า?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 216 อวี้ชิงหลันหึงหวง?

(ฟรี) บทที่ 215 เตียงของเราใหญ่มาก


เทือกเขาอู๋เซียง

ภายในห้องที่หรูหราแห่งหนึ่ง สามารถได้ยินเสียงไม้ไผ่และผ้าไหมไม่หยุดหย่อน

ปรมาจารย์หวนซีนั่งอยู่บนเก้าอี้ดุจเสือนั่งบนมังกร

เขาสูงและแข็งแรง กล้ามเนื้อปูดโปนภายใต้เสื้อผ้าที่บางและหลวม เขาดูเหมือนภูเขาไฟที่สามารถปะทุได้ทุกเมื่อ

ด้านข้างมีหญิงสาวสองสามคนกำลังนวดไหล่เขาอยู่

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

เสียงเคาะประตูดังขึ้น

“เข้ามา”

ชายชราในชุดสีเทาเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว “คารวะท่านปรมาจารย์ ข้ามีเรื่องสำคัญจะรายงาน”

ปรมาจารย์หวนซีโบกมือ “พวกเจ้าออกไปก่อน”

“เจ้าค่ะ”

เสียงของไม้ไผ่หยุดลง และสาวๆทุกคนก็ลุกขึ้นและจากไป

มีเพียงพวกเขาสองคนเท่านั้นที่ยังคงอยู่ในห้องขนาดใหญ่

ปรมาจารย์หวนซีถามว่า “พูดมา สถานการณ์เป็นยังไง”

ชายชรากลืนน้ำลายและพูดว่า “คนที่เราส่งไปฆ่าฉินหรูเหยียน... พวกเขาทั้งหมดล้วนตกตาย”

“ว่าไงนะ?” ปรมาจารย์หวนซีขมวดคิ้ว สงสัยว่าเขาได้ยินผิด

“ผู้ดูแล เฉิงอวี้ชู และพี่น้องแซ่เซี่ย พวกเขาล้วนตายหมดแล้ว” ชายชราพูดด้วยเสียงแผ่วเบา

บูม!

ทั่วทั้งห้องสั่นสะเทือน

พลังโลหิตไร้ขอบเขตแผ่ออกมา ทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยจิตสังหารอันเข้มข้น

ชายชราตัวสั่นขณะที่เขาหมอบอยู่บนพื้น ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้น ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความกลัว

ปรมาจารย์หวนซีดูราวกับชายวัยกลางคน แต่แท้จริงแล้วเขาเป็นปีศาจเฒ่า เขาแก่กว่าชายชราตรงหน้าไม่รู้เท่าไหร่

อย่างไรก็ตาม เขามักจะใช้เทคนิคลับเพื่อรักษารูปลักษณ์ที่เยาว์วัยอยู่เสมอ และเทคนิคลับนั้น...

พูดตรงๆมันคือการดูดกลืนพลังชีวิต

ซากศพที่ตายด้วยน้ำมือของปรมาจารย์หวนซีนั้นเพียงพอที่จะปกคลุมยอดเขา

“เฉิงอวี้ชูเองก็ตายแล้ว?”

“ขอรับ”

“ขยะสิ้นดี!” เสียงของปรมาจารย์หวนซีเย็นชาเสียดกระดูก มันเต็มไปด้วยความโกรธอย่างมาก

ชายชราพูดด้วยเสียงสั่นเครือ “ข้าสงสัยว่าฉินหรูเหยียนมีผู้ช่วย มิฉะนั้นเซี่ยหลงจูคงไม่ตาย”

“ผู้ช่วย?”

“เพื่อให้สามารถฆ่าเซี่ยหลงจูได้อย่างง่ายดาย อย่างน้อยที่สุดมันต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเหนือวิบัติ มีคนระดับนี้เข้ามาแทรกแซงกิจการของนิกายเหอหวน... มันเป็นใครกัน?”

ชายชรากล่าวต่อ “ผู้นำนิกายกำลังจะออกจากการกักตน เรื่องเร่งด่วนในตอนนี้คือการจัดการฉินหรูเหยียน มิฉะนั้นคงจะเป็นเรื่องแย่หากผู้นำนิกายออกมา!”

ดวงตาของปรมาจารย์หวนซีสั่นไหวด้วยความกลัว

เหตุผลที่เขาจัดการฉินหรูเหยียนในครั้งนี้เป็นเพราะตำแหน่งของนาง

เรื่องนี้มีการวางแผนไว้นานแล้ว แต่ไม่มีผู้ที่เหมาะสม

ด้วยความยากลำบาก เขาพบเจอเฉิงอวี้ชูผู้เกิดมาพร้อมกับกระดูกมารยวนใจ และเลี้ยงดูนางจนเข้าสู่ขั้นปลายของขอบเขตแก่นทองคำ ทำให้นางสามารถช่วงชิงตำแหน่งสตรีศักดิ์สิทธิ์ได้

ครั้งนี้เขาใช้ประโยชน์จากการกักตนของหลิวซุนฮวนและการที่ฉินหรูเหยียนไม่อยู่ในนิกาย มันเป็นโอกาสที่สวรรค์ประทานมาให้

ใครจะคิดว่าทุกอย่างล้มเหลว แลแม้แต่เฉิงอวี้ชูก็ตกตาย!

ดวงตาของปรมาจารย์หวนซีเย็นเยียบ “เป็นไปได้ไหมว่าเจ้าต้องการให้ข้าเคลื่อนไหวด้วยตัวเอง?”

สายตานับไม่ถ้วนจ้องมองมาที่เขา การเคลื่อนไหวใดๆจะถูกรายงานไปยังหลิวซุนฮวน มันทำให้เขาไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม

เฉพาะศิษย์ที่อยู่ต่ำกว่าขอบเขตเหนือวิบัติเท่านั้นที่สามารถหลีกเลี่ยงหูตาเหล่านี้ได้

ฉินหรูเหยียนอยู่เพียงขอบเขตแก่นทองคำ มันมากเกินพอสำหรับพี่น้องแซ่เซี่ยที่จะจัดการ แต่ตอนนี้พวกเขากลับล้มเหลวอย่างสมบูรณ์

ถ้าเขาเคลื่อนไหวเป็นการส่วนตัว มันจะไปถึงหูของหลิวซุนฮวนแน่นอน

อย่างไรก็ตาม หากฉินหรูเหยียนกลับมา หลิวซุนฮวนก็จะรู้เรื่องนี้เช่นกัน

ดวงตาของปรมาจารย์หวนซีสั่นไหวในขณะที่เขาลังเล

เมืองกุยเฟิง

บนถนน บุรุษและสตรีคู่หนึ่งกำลังเดินด้วยกันอย่างช้าๆ

ชายคนนั้นสูงตรงและหล่อเหลา ส่วนหญิงสาวคนนั้นสวมผ้าคลุมหน้าแต่ยังเผยให้เห็นรูปร่างที่สง่างาม

แน่นอนว่ามันคือหลี่หรานและฉินหรูเหยียน

พวกเขาเดินไปด้วยกันและสบตากันเป็นระยะๆ

หลี่หรานถามอย่างอยากรู้อยากเห็น “ใช่แล้ว เจ้ายังไม่ได้บอกข้าเลยว่าทำไมปรมาจารย์หวนซีถึงส่งคนมาฆ่าเจ้า?”

ฉินหรูเหยียนถอนหายใจเบาๆ “ทั้งหมดเป็นเพราะตำแหน่งของข้า”

เทคนิคการบ่มเพาะของนิกายเหอหวนนั้นพิเศษมาก มันมีวิธีการบ่มเพาะสองวิธีที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

ประเภทหนึ่งคือการบ่มเพาะคู่ที่หยินและหยางส่งเสริมซึ่งกันและกัน และอีกประเภทคือการแย่งชิงมาเป็นของตนเอง

หลิวซุนฮวนเป็นประเภทแรก

สิ่งที่สำคัญคือหยินและหยางเติมเต็มซึ่งกันและกัน

วิธีนี้จำเป็นต้องได้รับการขัดเกลาอย่างช้าๆ และการพัฒนาก็ค่อนข้างล่าช้า

อย่างไรก็ตาม ข้อดีของมันคือรากฐานและสภาพจิตใจที่มั่นคง มันมีประโยชน์ในระยะยาว

แต่ปรมาจารย์หวนซีแตกต่างออกไป

เขาเชื่อว่าการแย่งชิงเพื่อขัดเกลาตนเองคือแก่นแท้ของการบ่มเพาะคู่ ดังนั้นเขาจึงลักพาตัวสตรีโดยปราศจากความยับยั้งชั่งใจและทำบาปนับไม่ถ้วน

วิธีนี้ทำให้ก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็วจริงๆ และหลายคนในนิกายก็เลือกที่จะบ่มเพาะเช่นนี้

ชื่อเสียงที่ชั่วร้ายของนิกายเหอหวนก็มาจากสิ่งนี้เช่นกัน

ฉินหรูเหยียนกล่าวว่า “ปรมาจารย์หวนซีต้องการแย่งชิงเพื่อขัดเกลาตนเองมาโดยตลอด อย่างไรก็ตาม ไม่มีอะไรที่เขาสามารถทำได้ภายใต้แรงกดดันของผู้นำนิกาย ดังนั้นเขาจึงมุ่งความสนใจมาที่ข้า ถ้าเฉิงอวี้ชูกลายเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ ผู้คนในนิกายก็จะใช้วิธีการแย่งชิงมากขึ้นเรื่อยๆ...”

หลี่หรานขมวดคิ้ว “หลิวซุนฮวนเป็นถึงจักรพรรดิ ทำไมเขาไม่ฆ่าปรมาจารย์หวนซีทิ้งเสียเลย?”

ฉินหรูเหยียนยิ้มอย่างขมขื่น “มันจะง่ายขนาดนั้นได้ยังไง”

“ปรมาจารย์หวนซีเป็นผู้อาวุโสสูงสุด ในแง่ของความอาวุโสเขาสูงกว่าผู้นำนิกายด้วยซ้ำ พลังของนิกายนั้นเกี่ยวพันกัน หากเราแตะต้องเขา ทั้งนิกายจะสั่นคลอนอย่างรุนแรง”

“ยิ่งไปกว่านั้นความขัดแย้งระหว่างวิถีธรรมและวิถีมารนั้นรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ผู้นำนิกายจึงไม่ต้องการให้มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เกิดขึ้น”

หลี่หรานลูบหน้าผากของเขา

เรื่องของนิกายเหอหวนค่อนข้างซับซ้อน

เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว เหล่าศิษย์และผู้อาวุโสของวิหารโหยวหลัวก็เหมือนคนไร้เดียงสา...

เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะถามว่า “ถ้าเช่นนั้นพวกเขาก็จำเป็นต้องปิดปากเจ้าในครั้งนี้ ปรมาจารย์หวนซีจะโจมตีเจ้าด้วยตัวเองหรือไม่?”

นั่นคือขอบเขตเหนือวิบัติขั้นปลาย เขาไม่ใช่คนที่น่าล้อเล่นด้วยอย่างแน่นอน

ฉินหรูเหยียนขมวดคิ้วเล็กน้อย “ข้าไม่คิดเช่นนั้น ผู้อาวุโสคนอื่นๆต่างก็จับจ้องไปที่เขา ถ้าเขาริเริ่มที่จะโจมตีมันจะเป็นการต่อต้านผู้นำนิกายทันที”

“นอกจากนี้ผู้นำนิกายกำลังจะออกจากการกักตน ไม่ว่ายังไงเขาก็น่าจะยับยั้งตัวเองอยู่บ้าง”

ขณะที่ทั้งสองคุยกัน พวกเขาก็เดินมาถึงทางเข้าโรงเตี๊ยม

เมื่อเจ้าของโรงเตี๊ยมเห็นว่าทั้งสองคนดูไม่ธรรมดา เขาก็รีบออกมาต้อนรับด้วยรอยยิ้มสดใส

“เชิญเข้ามาก่อนๆ ท่านกำลังหาที่พักหรือเปล่า?”

หลี่หรานโยนธนบัตรออกมา “สองห้องชั้นบน”

เจ้าของโรงเตี๊ยมส่ายหัวและพูดว่า “ข้าต้องขอโทษท่านด้วย โรงเตี๊ยมนี้เหลือเพียงห้องเดียวแล้ว”

“ห้องเดียว?”

“ไปที่อื่นกันเถอะ” หลี่หรานพูดอย่างช่วยไม่ได้

เจ้าของโรงเตี๊ยมยิ้มและพูดว่า “ขอโทษที่ต้องรบกวนท่าน แต่สองวันที่ผ่านมามีพ่อค้าเข้ามาในเมืองมากมายและโรงเตี๊ยมอื่นๆเต็มแล้วอย่างแน่นอน ที่นี่เป็นที่เดียวที่มีห้องว่าง”

หลี่หรานขมวดคิ้ว

ถนนเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย พวกเขาสามารถเห็นกองคาราวานได้ทุกฝีก้าว เจ้าของโรงเตี๊ยมไม่น่าจะโกหก

“ห้องเดียวของที่นี่สามารถอยู่ได้ถึงสองคนเลยนะท่าน”

อะแฮ่ม

เจ้าของโรงเตี๊ยมกระแอมและพูดด้วยรอยยิ้ม “แขกของข้า เตียงของเราใหญ่มาก แม้จะนอนพร้อมกับสองคนก็ยังเหลือที่ว่างมากมาย”

หลี่หรานพูดไม่ออก “……”

/////