ตอนที่แล้วตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 182 เปิดกระเป๋าร้อยสมบัติ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 184 ความทะเยอทะยานสูงล้ำ

ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที 183 ข่าวจากนิกายเมฆาพิรุณ


ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที 183 ข่าวจากนิกายเมฆาพิรุณ

แปลโดย iPAT  

หลี่ฉิงซานขมวดคิ้ว เขารู้สึกเหมือนตนเองยังประเมินหญิงผู้นี้ต่ำเกินไป นางไม่ใช่หญิงที่ใช้เพียงร่างกายไต่เต้าขึ้นไปและหัวใจนางก็ไม่ได้บิดเบี้ยว กระทั่งจ้าวจื่อป๋อที่คิดว่าตัวเองฉลาดยังไม่สามารถเปรียบเทียบกับนาง

“เจ้าต้องการสิ่งใด? นั่นคือทั้งหมดที่เจ้าต้องการพูดกับข้าหลังจากรออยู่ที่นี่? หรือเจ้าต้องการบางอย่างจากข้า?” เขาหรี่ตามอง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เฉียนหรงจื่อกระตุ้นเจตนาสังหารของเขาแต่นางมักหลีกเลี่ยงการข้ามเส้นเสมอ นั่นทำให้เขาไม่มีเหตุผลที่จะฆ่านาง แต่ครั้งนี้จะเป็นข้อยกเว้นหรือไม่

เฉียนหรงจื่อยิ้มหวานก่อนตอบคำถามของหลี่ฉิงซาน “เจ้ารู้หรือไม่ว่านิกายเมฆาพิรุณให้ความสำคัญกับเด็กที่อยู่ข้างกายเจ้ามากเพียงใด? เจ้าไม่รู้หรอกว่ากลิ่นหอมจากสวรรค์มีค่าต่อนิกายเมฆาพิรุณอย่างไร ผู้นำนิกายออกคำสั่งด้วยตนเองว่าพวกเขาต้องได้เด็กคนนั้นแม้ต้องตกลงกับผู้บัญชาการหมาป่าทองแดงฮัวเฉิงซานก็ตาม”

“แล้ว?” ดวงตาของหลี่ฉิงซานส่องประกายเย็นชา นิกายเมฆาพิรุณจะทำทุกสิ่งเพื่อให้ได้ตัวเสี่ยวอัน

“แล้วก็เป็นไปไม่ได้ที่เจ้าจะมอบเด็กคนนั้นให้พวกเขาใช่หรือไม่? เหตุผลที่ข้าถูกส่งกลับมาก็เพื่อเฝ้าดูสิ่งนี้ หากจ้าวจื่อป๋อไม่สามารถส่งมอบเด็กให้นิกายเมฆาพิรุณ คนที่มีอำนาจมากกว่าจะเคลื่อนไหวทันที หากล้มเหลว สี่ยายแห่งนิกายเมฆาพิรุณหรือกระทั่งผู้นำของพวกเขาก็จะมาที่เมืองเจียเผิงด้วยตนเอง! ข้าไม่รู้ว่าข้อมูลนี้มีประโยชน์ต่อเจ้าบ้างหรือไม่?”

หลี่ฉิงซานไม่ปฏิเสธเรื่องนั้น หากเขาถูกโจมตีในเมืองเจียเผิงโดยไม่ได้เตรียมตัว มันจะกลายเป็นเรื่องที่ยากลำบาก ข้อมูลของเฉียนหรงจื่อมีความสำคัญต่อเขาจริงๆ

“เหตุใดเจ้าต้องบอกเรื่องนี้กับข้า? ไม่ใช่ว่าเจ้าเข้าร่วมนิกายเมฆาพิรุณแล้วงั้นหรือ?”

“นิกายเมฆาพิรุณ?” เฉียนหรงจื่อเย้ยหยัน นางเดินสะบัดสะโพกอย่างเย้ายวนและใช้แขนโอบรอบคอของหลี่ฉิงซานและกดร่างกายของนางแนบร่างของเขา หน้าอกที่อ่อนนุ่มของนางนวดร่างของหลี่ฉิงซานอย่างแผ่วเบา “นั่นเป็นเพราะข้าชอบเจ้ามากกว่า!”

อย่างไรก็ตามหลี่ฉิงซานกลับยิ่งระวังตัวราวกับเขากำลังเดินอยู่บนชั้นน้ำแข็งบางๆ การดูแคลนนิกายเมฆาพิรุณไม่ได้เกิดจากความโง่เขลาแต่เป็นเพราะเป้าหมายของนางสูงกว่านั้นมาตั้งแต่แรก สิ่งนี้เหมือนกับหลี่ฉิงซาน

การกระทำของเฉียนหรงจื่อไม่ส่งผลกระทบต่อหลี่ฉิงซาน นี่ทำให้นางรู้สึกถึงอันตรายที่อยู่นอกเหนือการควบคุม

หลี่ฉิงซานกล่าวอย่างเย็นชา “ออกไป”

เฉียนหรงจื่อถอยหลังหนึ่งก้าวและจัดทรงผมของนาง “ลืมมันไปซะ ช่างไร้เดียงสาเสียจริง”

“นี่คือค่าตอบแทน” หลี่ฉิงซานหยิบหลายสิ่งจากกระเป๋าร้อยสมบัติเช่นเม็ดยาต่างๆรวมถึงดาบบินที่เป็นสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณระดับกลางให้นาง

เฉียนหรงจื่อยิ้ม “ข้าชอบผู้ชายใจดี” นางรับสมบัติทั้งหมดเอาไว้ แต่เมื่อนางเดินไปถึงประตู นางกลับโยนดาบบินกลับไปให้หลี่ฉิงซาน “แต่ข้าก็ไม่ตระหนี่เช่นกัน สิ่งนี้ไม่มีประโยชน์สำหรับข้า แต่สิ่งอื่นข้าจะรับเอาไว้”

สิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณระดับกลางที่ผู้ฝึกตนใฝ่ฝันที่จะได้ครอบครองกลับถูกจอมยุทธ์ที่อ่อนแอสองคนโยนไปมาอย่างไม่ใส่ใจ

หลี่ฉิงซานกล่าว “ลาก่อน” ตั้งแต่เขาได้รับข่าวนี้ เขาก็ไม่สามารถอยู่ในเมืองเจียเผิงได้อีกต่อไป นิกายเมฆาพิรุณจะระดมทุกคนที่พวกเขามีออกมาโดยไม่สนค่าใช้จ่าย เขาไม่มั่นใจว่าตนเองจะสามารถรับมือคนเหล่านั้นได้หรือไม่และเขาก็ไม่จำเป็นต้องอยู่รับมือพวกเขา ด้วยทรัพยากรที่เขาครอบครองในเวลานี้ การหาสถานที่เงียบสงบเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งเป็นทางเลือกที่ถูกต้อง

ตราบเท่าที่เขามีพลังมากพอ นิกายเมฆาพิรุณก็จะหยุดสร้างปัญหาให้เขา

เฉียนหรงจื่อกล่าว “เดี๋ยว! เจ้าต้องการกระเป๋าร้อยสมบัติของจอมยุทธ์ขั้นหกหรือไม่?”

หลี่ฉิงซานถาม “ที่ใด?”

เฉียนหรงจื่อตอบ “ในเมืองเจียเผิง ผู้ดูแลหอเมฆาพิรุณคนใหม่ เขาเป็นศิษย์พี่ของข้า แผนเดิมของนิกายคือให้เขามาหาเจ้าหากจ้าวจื่อป๋อไม่สามารถจับเด็ก” ในที่สุดนางก็เผยความตั้งใจที่แท้จริงออกมา

“เขาเป็นบุตรชายคนรองของผู้นำนิกาย เขาชอบข่มขืนหญิงบริสุทธ์ หากเขาเห็นผู้หญิงที่น่ารักบนท้องถนน เขาจะไปเยี่ยมบ้านของพวกนางในยามค่ำคืนและใช้ความสามารถในฐานะจอมยุทธ์ตอบสนองความต้องการของตนเอง”

หลี่ฉิงซานตั้งคำถาม “แล้วผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์ของเมืองชิงเหอไม่ทำสิ่งใดเลยงั้นหรือ?”

“เป็นเรื่องยากสำหรับผู้หญิงทั่วไปที่จะต่อต้านกลอุบายของนิกายเมฆาพิรุณ หญิงส่วนใหญ่จบลงด้วยการหลงมนต์เสน่ห์ของเขา หญิงบางคนก็ต้องการรักษาชื่อเสียงของตน มันไม่ใช่สิ่งที่สามารถแก้ไขได้ด้วยคำขู่หรือสินบน เมื่อไม่มีผู้ใดรายงานก็ไม่มีผู้ใดตรวจสอบและไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น”

หลี่ฉิงซานถามต่อ “เจ้าต้องการให้ข้าฆ่าเขาใช่หรือไม่?”

“ไม่ ข้าต้องการให้เจ้าจับเขาทั้งเป็น มีของดีมากมายอยู่ในกระเป๋าร้อยสมบัติของเขา ทั้งหมดนั้นจะเป็นของเจ้า ข้าเพียงต้องการวิธีการบ่มเพาะและเม็ดยาเมฆาพิรุณที่เจ้าใช้ไม่ได้ ตกลงหรือไม่?” เฉียนหรงจื่อร้องขออย่างตรงไปตรงมา

หลี่ฉิงซานครุ่นคิด ดังคาด หญิงผู้นี้ต้องการบางสิ่งจากความเอื้อเฟื้อของนาง นางต้องการยืมมือเขาจัดการคนชั้นสูงของนิกาย อย่างไรก็ตามนิกายเมฆาพิรุณตั้งตัวเป็นศัตรูกับเขามาตลอด เขาตัดสินใจแล้วว่าจะฆ่ายายประจิมด้วยตนเองและเนื่องจากเขากำลังจะหลบหนี เขาก็ควรทำสิ่งนี้ก่อน นี่ถือเป็นคำขอที่เขาไม่สามารถปฏิเสธ

เฉียนหรงจื่อกล่าว “ระหว่างทางมาที่นี่ เขาบอกข้าตลอดเวลาว่าเขาต้องการลิ้มลองหญิงที่มีกลิ่นหอมจากสวรรค์ แม้มันจะเป็นส่วนเล็กๆของนางก็ตาม”

หลี่ฉิงซานเงยหน้าขึ้นพร้อมกับดวงตาที่เปลี่ยนเป็นสีแดง “โอ้ งั้นก็ลองดู!”

โคมไฟดับลง เฉียนหรงจื่อออกจากบ้าน นางเห็นเสี่ยวอันที่อยู่ในความมืดและตกตะลึงทันที ‘เด็กคนนี้...บริสุทธิ์มาก!’ สิ่งที่นางมองเห็นไม่ใช่รูปลักษณ์ที่งดงามแต่เป็นความบริสุทธิ์อันน่าพิศวงของเสี่ยวอัน บางทีอาจมีเพียงคนเช่นนางที่ผ่านสิ่งโสมมต่างๆมามากเท่านั้นที่จะสัมผัสได้ถึงสิ่งนี้ นางอดไม่ได้ที่จะยื่นมือออกไป นางอยากสัมผัสใบหน้าของเสี่ยวอันแต่นางก็หยุดตัวเองเอาไว้ราวกับนางกลัวว่าความสกปรกของนางจะแปดเปื้อนความบริสุทธิ์นั้น

เสี่ยวอันยื่นมือไปแตะหลังมือของเฉียนหรงจื่อ หญิงผู้นี้ทำให้นางเข้าใจเส้นทางแห่งกระดูกขาวและความงามอันเป็นนิรันดร์ นางไม่มีเจตนาร้ายต่อเฉียนหรงจื่อ

มือของเฉียนหรงจื่อหดกลับไปเล็กน้อยราวกับนางรู้สึกปลื้มปิติเป็นอย่างมาก หลังจากนั้นนางก็เผยรอยยิ้ม “ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าปฏิเสธที่จะส่งนางไป แม้แต่ข้าก็ยังเต็มใจที่จะทำทุกสิ่งเพื่อนาง”

หลี่ฉิงซานกล่าว “เจ้าเต็มใจที่จะทำทุกสิ่งเพื่อตัวเองตั้งแต่แรก”

เฉียนหรงจื่อถาม “แล้วมันผิดงั้นหรือ?”

หลี่ฉิงซานไม่ตอบ

…..

ขณะที่พวกเขาเดินผ่านถนนและตรอกที่มืดมืด หลี่ฉิงซานระวังเฉียนหรงจื่อมาก หลี่ฉิงซานไม่เชื่อคำพูดของหญิงผู้นี้ทั้งหมด เขายังกังวลว่ายายประจิมอาจกำลังซุ่มโจมตีเขาอยู่

เสี่ยวอันและผีดิบเหล็กไหลติดตามอยู่ห่างๆและพร้อมเป็นกำลังเสริมให้หลี่ฉิงซานทุกเมื่อ

หอเมฆาพิรุณส่องแสงสว่างไสวมาจากระยะไกล มันถูกซื้อคืนไปแล้วโดยนิกายเมฆาพิรุณและกำลังถูกจัดระเบียบใหม่ มันจะเปิดอีกครั้งในไม่ช้า หลี่ฉิงซานตั้งใจฟังเฉียนหรงจื่อกล่าวและตลอดช่วงเวลานั้นหัวใจของเฉียนหรงจื่อก็สงบมาก

“เจ้าไม่จำเป็นต้องระวังข้ามากถึงเพียงนั้น หากนิกายเมฆาพิรุณฆ่าเจ้า ข้าจะไม่ได้รับสิ่งใด เมื่อเจ้ารับใช้บางคนเยี่ยงสุนัข สิ่งที่เจ้าได้รับจะมีเพียงเศษเนื้อที่พวกเขาโยนทิ้ง แต่ข้าชอบเนื้อชิ้นใหญ่ที่สดใหม่!” เฉียนหรงจื่อเลียริมฝีปากของนาง

หลี่ฉิงซานยอมรับอย่างลับๆว่าเขาไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับความทะเยอทะยานและความกล้าหาญของนาง นางยินดีเสี่ยงชีวิตและใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อเพื่อผลประโยชน์ของตัวนางเอง

เฉียนหรงจื่อกล่าว “แท้จริงแล้วหากเฉียนเยี่ยนเหนิงเต็มใจให้ข้าเป็นผู้นำตระกูล ข้าคงไม่ทำลายตระกูลเฉียน” เพื่อผลประโยชน์ของตนเอง แม้แต่การแก้แค้นหรือความเกลียดชัดก็ไร้ความหมายสำหรับนาง “อย่างไรก็ตามข้าจะรีดเค้นตระกูลเฉียนจนหมดคุณค่าจากนั้นข้าจะตามหาคนเหล่านั้นทีละคนและทรมานพวกเขาให้ตายอย่างช้าๆ” ตั้งแต่หลี่ฉิงซานมองเห็นตัวตนของนาง นางก็ไม่พยายามซ่อนมันอีกต่อไป

พวกเขามาถึงหอเมฆาพิรุณาในที่สุด

หลี่ฉิงซานลบกลิ่นอายของเขา เขายืนอยู่ด้านข้างนางแต่นางกลับไม่รู้สึกตัวเว้นเพียงนางจะหันไปมองเขา เพียงความสามารถในการปกปิดกลิ่นอายของเขาก็เพียงพอที่จะตัดสินผลแพ้ชนะแล้ว มันเหมาะกับงานลอบสังหารมาก

เมื่อพวกเขาขึ้นไปชั้นบนสุดของหอเมฆาพิรุณ หลี่ฉิงซานก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายทรงพลังที่ไม่ด้อยไปกว่าจ้าวจื่อป๋อ นั่นทำให้เขาระวังตัวมากขึ้น

เฉียนหรงจื่อชำเลืองมองหลี่ฉิงซานก่อนจะผลักประตูเข้าไป

หลี่ฉิงซานได้ยินเสียงชั่วร้ายของชายหนุ่ม “ศิษย์น้อง เจ้ามาที่นี่เพราะคิดถึงศิษย์พี่ใช่หรือไม่?”

เสียงของเฉียนหรงจื่อค่อนข้างเย็นชา “ศิษย์พี่ อย่าให้มันมากเกินไป” อย่างไรก็ตามเสียงของนางกลับกระตุ้นความปรารถนาของเขา

ชายหนุ่มกล่าว “ข้าจะแสดงให้เจ้าเห็นว่าข้าไปได้ไกลเพียงใด!” เสื้อผ้าหลุดลุ่ยตามมาด้วยเสียงกอดจูบ

“ศิษย์พี่ ปล่อยข้า!” เฉียนหรงจื่อต่อต้านแบบปลอมๆ นางกอดชายผู้นั้น หมุนตัว และหันไปทางประตูที่เปิดอยู่ด้วยความตื่นเต้นที่ฉายผ่านดวงตา

หลี่ฉิงซานก้าวขึ้นไปบนพื้นพรมอย่างเงียบๆ แต่ไม่ว่าพรมจะหนาเพียงใด มันก็ไม่สามารถหลอกหูของจอมยุทธ์ขั้นหก

เมื่อชายหนุ่มกำลังจะหันไป ริมฝีปากของเฉียนหรงจื่อก็โจมตีไปที่ริมฝีปากของเขา จิตใจของเขาสั่นไหวเล็กน้อยขณะที่เขาชะงักไปชั่วครู่ เมื่อเขาได้ยินเสียงลมด้านหลัง มันก็สายไปแล้ว

หลี่ฉิงซานข้ามผ่านระยะทางหลายเมตรในก้าวเดียวและติดยันต์ไว้ที่แผ่นหลังของชายหนุ่ม นี่เป็นยันต์ที่จ้าวจื่อป๋อเตรียมไว้สำหรับจับกุมเป้าหมายและนำกลับไปสอบปากคำ

ร่างของชายหนุ่มแข็งค้างราวกับถูกผนึกไว้ในชั้นน้ำแข็ง แรกเริ่มเขาประหลาดใจก่อนจะกลายเป็นโกรธ เขาพยายามรวบรวมพลังปราณทั้งหมดเพื่อทำลายปราการน้ำแข็งที่มองไม่เห็น แน่นอนว่ายันต์ระดับต่ำสามารถหยุดจอมยุทธ์ขั้นหกได้เพียงชั่วพริบตา แต่นั่นก็เพียงพอแล้ว

หลี่ฉิงซานโจมตีอย่างรวดเร็วราว เขาจับข้อศอกของชายหนุ่มและป้องกันไม่ให้ฝ่ายหลังปล่อยพลังปราณออกมา