ตอนที่ 887 นิมิตหมาย
ภายในห่วงต้องห้ามถังเทียนไม่ได้แม้แต่จะดูการสู้รบข้างนอก เขาเพ่งความสนใจอยู่ที่ห่วงต้องห้าม
กระบวนความคิดที่น่าทึ่งเกี่ยวกับคลื่นพลังงานเฉพาะแบบทำให้ตาของเขาเป็นประกาย เขาไม่ใช่มือสมัครเล่นอีกต่อไป วิทยายุทธของสวรรค์วิถี, กฎธรรมชาติแดนบาปวิชาไม้ตายสังหารของดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดนี้ทำให้พลังของเขาก้าวหน้าแบบก้าวกระโดดและกว้างไกลช่วยเปิดหูเปิดตากับเขาให้ได้พัฒนาความรู้และทักษะของเขา
จำนวนเคล็ดวิชาที่สามารถทำให้เขาตาเป็นประกายอย่างเช่นห่วงต้องห้ามเช่นกัน ‘ในที่สุดข้าก็ได้พบกับความยากลำบากมากขึ้นเป็นธรรมดาที่ข้าต้องการเรียนรู้’
รูปแบบการต่อสู้ของจี๋เจ๋อและพวกดูเหมือนจะไร้ที่ติสำหรับคนธรรมดา แต่พวกเขากำลังจะเข้าสู่ทวีปเซียนที่ซึ่งส่วนใหญ่เป็นที่ตั้งของค่ายทหารที่ซึ่งมียอดฝีมืออยู่เต็มท้องฟ้า ถ้าพวกเขาไม่ระมัดระวัง เป็นไปได้ว่าพวกเขาจะโดนสาปแช่งตลอดนิรันดร์กาล เหมือนโซเฟียที่ถังเทียนเห็นครั้งล่าสุด นางมีพลังยากจะหยั่งถึงและเมื่อได้ยินคำพูดของเมลิซซาว่าคนที่แข็งแกร่งที่สุดในวิหารกวงหมิงดูเหมือนจะไม่ใช่โซเฟีย แต่เป็นประมุขผู้อาวุโส
โซเฟียทิ้งร่องรอยความน่ากลัวไว้ในใจถังเทียนได้ ดังนั้นประมุขผู้อาวุโสจะแข็งแกร่งมากเพียงไหน?
ไม่มีใครรู้ เมลิซซาบอกว่าไม่มีใครเคยเห็นประมุขผู้อาวุโสลงมือ แต่คนที่กล้าขัดขืนคำสั่งของประมุขผู้อาวุโส ต่อให้เป็นโอรสศักดิ์สิทธิ์ชาร์ลส์ก็ยังต้องถูกลงโทษ ประมุขผู้อาวุโสพูดไว้อย่างนั้นเอง ข้อมูลที่ได้รับการยืนยันเกี่ยวกับประมุขผู้อาวุโสก็คือเปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์สีทองทั่วทั้งวิหารกวงหมิงมีแต่ประมุขผู้อาวุโสที่มีเปลวเพลิงสีทอง
ถังเทียนเคยเห็นเพลิงศักดิ์สิทธิ์มาก่อนและมีความประทับใจลึกซึ้งต่อเปลวเพลิงที่น่ากลัวในบรรดาเปลวเพลิงที่เขารู้จึก เพลิงศักดิ์สิทธิ์เป็นเปลวเพลิงน่ากลัวที่สุด ยังน่ากลัวยิ่งกว่าเปลวเพลิงนรก
เพลิงศักดิ์สิทธิ์ทอง!
นั่นหมายความว่าเพลิงศักดิ์สิทธิ์ขาวผ่านการเปลี่ยนแปลงมาแล้ว แต่ก่อนที่พวกเขาจะได้สู้จริงๆ ถังเทียนไม่สามารถคิดและเดาได้ว่าจะมีพลังเปลี่ยนไปมากแค่ไหน
‘ข้าไม่ควรคิดเรื่องนั้นในตอนนี้ ข้าต้องคลี่คลายปัญหานี้ก่อน’
ตอนนี้เมื่อแฮงค์ได้ปล่อยห่วงต้องห้าม เขารู้สึกได้ถึงพลังของวิชานี้แล้ว ถังเทียนในตอนนี้วิธีการและเคล็ดลับที่ง่ายที่สุดไม่มีความหมายอะไรมาก เขาให้ความสนใจเกี่ยวกับกฎมาก กฎธรรมชาติและพื้นที่ซ่อนเร้นสร้างอยู่ภายในเคล็ดวิชานี้เอง นั่นไม่ง่ายจะตรวจสอบ ยอดฝีมืออย่างแฮงค์จะปล่อยให้คนอื่นเห็นไม้ตายสังหารของเขาได้ยังไง?
ไม่ว่าไม้ตายสังหารจะมีพลังแข็งแกร่งมากเพียงไหน เมื่อเคล็ดสำคัญของวิชาถูกมองออกก็เป็นเรื่องง่ายที่คู่ต่อสู้จะหาวิธีทำลายวิชาได้ ดังนั้นทุกไม้ตายสังหารปกติจะมีปัจจัยหลายอย่างสร้างความสับสนให้กับศัตรู
ถังเทียนต้องการเห็นความมหัศจรรย์ของมันมีแต่เผชิญพบด้วยตัวเองเท่านั้นจึงเป็นวิธีที่ได้ผลและตรงไปตรงมาที่สุด แน่นอนว่าสำหรับถังเทียนมีความมั่นใจขนาดนั้น เขามีบางอย่างต้องพึ่งพาซึ่งก็คือสภาพใจเหมือนกับกระจกที่ไม่ได้รับผลกระทบสะท้อนให้เห็นความลึกซึ้งในด้านต่างๆ ของห่วงต้องห้าม
แฮงค์ไม่มีทางคิดเลยว่าวิชาห่วงต้องห้ามที่เขาสร้างขึ้นมาจะถูกคนอื่นมองออกได้ง่าย
ถังเทียนแค่เพียงกระพริบตามองดูท้องฟ้าเขาเข้าใจทันทีว่าจี๋เจ๋อและพวกพยายามจะทำอะไรและสงบใจลงได้ สำหรับการปะทะกันตรงๆไม่ได้เกี่ยวข้องกับการใช้กลยุทธอะไรทั้งนั้น สิ่งที่พวกเขาแข่งกันก็คือความแข็งแรงทางกาย ‘นักสู้ของดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์จะเทียบความแข็งแรงทางร่างกายกับนักสู้แดนบาปได้ยังไง?’ ถังเทียนต้องการสะบัดศีรษะ ดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ตาบอดและไม่มีความรู้เรื่องแดนบาป หลังจากทุกคนคุ้นเคยกับแดนบาปด้วยตัวเอง พวกเขาจะไม่ร่วมการกระทำที่โง่เขลานี้อีกต่อไป
ถังเทียนให้ความสนใจเรือไร้เทียมทาน
เขามองเรือรบชั้นทองด้วยความอิจฉา‘มาคิดดูแล้วหนุ่มชาวฟ้ายังไม่มีเรือรบชั้นทองสักลำ แม้ว่าเรือรบรังสีกัมปนาทจะเป็นเรือรบทหารชั้นสูงสุดแต่ที่สำคัญมันฟื้นฟูขึ้นมาจากขยะ’ เขายังไม่มีเรือรบชั้นทองอย่างเรือรบไร้เทียมทาน
‘หรือว่าข้าควรจะชิงเรือรบไร้เทียมทานมาใช้งานเอง?’
หลังจากคิดดูแล้วเขาไม่อาจข่มความคิดนี้ได้ เป็นเรื่องสมบูรณ์แบบที่ถังเทียนรู้สึกหงุดหงิดไม่พอใจคลอเดียและด้วยจำนวนทหารประจำตัวที่อยู่บนเรือรบไร้เทียมทาน ใครๆก็สามารถบอกได้ว่าคลอเดียเป็นมีสถานะตำแหน่ง และเนื่องจากพวกเขาล่วงเกินนาง นางจึงไม่ปล่อยพวกเขาง่ายๆและจะกลายเป็นอนาคตที่ยุ่งเหยิง
ถังเทียนขมวดคิ้ว เขาไม่ต้องการให้พวกเขาเองมีส่วนพัวพันอีกต่อไป สถานการณ์ในทวีปเซียนซับซ้อนและมีกลุ่มทรงอิทธิพลมากมาย และถ้าพวกเขาปล่อยให้พวกเขาเองตกอยู่ในสถานะที่ลำบาก พวกเขาก็เสี่ยงต่อการเปิดเผยตนเองมากขึ้น ถ้าเป็นช่วงเวลาธรรมดา ถังเทียนคงไม่สนใจกับการเปิดเผยตนเอง อย่างมากพวกเขาก็สู้กันในใจกลางทวีปของพวกเขาและสร้างฉากภาพอลังการ แต่สำหรับถังเทียนต้องการเตรียมพบกับเชียนฮุ่ยและเพื่อวันเวลาที่สวยงามเหล่านั้น ถังเทียนไม่ต้องการเป็นเหตุให้สถานการณ์ยุ่งเหยิง
แม้ว่าหลังจากชิงเรือคลอเดียแล้ว พวกเขาก็ยังจะสร้างเรื่องอยู่ดี แต่ไม่มีเรือรบชั้นทองความหยิ่งผยองของคลอเดียจะถูกปราบลง
‘นอกจากนี้ ข้ากำลังจะไปพบเชียนฮุ่ย ข้าจะไปพบนางด้วยเรือสินค้าโกโรโสได้ยังไง ขายหน้าเป็นบ้า’ ถ้าถังเทียนไม่พบเจอเรือรบไร้เทียมทานที่งามหรู เขาก็คงไม่มีความคิดเช่นนั้น แต่หลังจากเห็นเรือรบไร้เทียมทาน ถังเทียนจึงเข้าใจความหมายว่า ของเก่าโยนทิ้งไปให้ของใหม่เข้ามา และรู้สึกขึ้นมาทันทีว่าการโดยสารเรือสินค้าไม่ค่อยน่าดูเท่าใดนัก
‘ข้าจะให้เชียนฮุ่ยนั่งเรืออัปลักษณ์อย่างนี้ได้ยังไง?’
ยิ่งถังเทียนคิดเรื่องนี้ก็ยิ่งมีความมั่นใจมาก การได้พบกับเชียนฮุ่ยเป็นเรื่องที่เขารอมานานแล้ว และไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอื่นมาก ถังเทียนไม่สนใจต่อให้วิหารปรากฏตัวขึ้น พอๆกับที่ไม่สนใจว่ากลุ่มการค้าอลิซาเบธจะโจมตีโต้ตอบเพื่อยึดเรือไร้เทียมทานคืน
ใจของเขามีพื้นที่ว่างให้สตรีงามที่เขาคิดถึงทั้งวันทั้งคืนเท่านั้น
หลังจากยืนยันการตัดสินใจ ความคิดของถังเทียนก็โบยบินไปอย่างรวดเร็ว สายตาของเขามองอยู่ที่คลอเดีย
‘นางคือกุญแจ!’
สถานะของคลอเดียพอจะทำให้พวกที่เหลือยับยั้งจากการลงมือ
ถังเทียนมองดูแฮงค์และพวก พวกเขาทั้งหมดลืมเรื่องการคงอยู่ของถังเทียนไปอย่างสิ้นเชิง พวกเขาให้ความสนใจการต่อสู้ในกลางอากาศพวกเขาทุกคนลอยตัวสูงไม่กี่เมตรเหนือถังเทียน ตาของพวกเขายังจับจ้องดูการต่อสู้
‘โอกาสมาแล้ว!’
ถังเทียนไม่ก่อเสียงยื่นขาข้างขวาออกมาทันทีเขาเคลื่อนไหวช้ามากและด้วยความตั้งใจ ระลอกพลังสร้างตามอยู่รอบตัวเขาเหมือนกับว่าเขากำลังเดินลุยหน้าอยู่ในสระ ระลอกคลื่นทั้งหมดเข้ามาใกล้ร่างของเขาเหมือนแม่เหล็กคอยป้องกันถังเทียนไม่ให้หายตัวไป
เพียงแต่ร่างของถังเทียนเคลื่อนไหวต่อเนื่อง แสงสีขาวของห่วงต้องห้ามไม่ขยับ
ถังเทียนยื่นมือออกมานอกลำแสง ครั้งนี้ไม่มีพลังผันผวนเกิดขึ้นหลังจากนั้นก็หน้าของถังเทียน จากนั้นตัวดิ้นรนออกมาจากลำแสง การดิ้นรนออกมาไม่ถึงกับเป็นการอธิบายครอบคลุมทั้งหมด เหมือนกับว่าถังเทียนลอยออกมาจากผิวน้ำ “ลอยตัว” ออกมาจากผนังแสง
กระบวนการทั้งหมดทำได้โดยไม่มีเสียง ลำแสงไม่มีการกระเพื่อมและแฮงค์กับพวกยังลอยตัวอยู่เหนือถังเทียน ก็ไม่รู้สึกอะไร
ถังเทียนถอนหายใจโล่งอกรู้สึกดีใจกับตนเองมาก จากมุมมองของบุคคลที่สาม ดูเหมือนง่ายมากสำหรับการดิ้นรนเป็นอิสระจากห่วงต้องห้าม แต่ในความเป็นจริงสภาพใจของถังเทียนต้องมีสมาธิสูงสุดตั้งแต่เริ่มกระบวนการกระทั่งจบ เขามีความเข้าใจต่อห่วงต้องห้ามบางส่วน แต่เขาไม่มีเวลาจะทดสอบว่าความเข้าใจของเขาถูกหรือผิด ถ้าเขาใจร้อนเกินไปแม้แต่น้อยและดึงดูดความสนใจของแฮงค์ แผนการของเขาเองก็จะใช้ไม่ได้
เนื่องจากเรือรบไร้เทียนทานจะต้องถูกปล่อยไปพบกับเชียนฮุ่ย สำหรับถังทียนไม่เรื่องอื่นที่จะพูด
ช่วงเวลาวิกฤติที่สุดก็คือช่วงที่ออกมาได้โดยไม่เป็นอะไร สำหรับสถังเทียนนั้นดีใจ ตรงกันข้าม นั่นเป็นการพิสูจน์การรู้แจ้งของเขาในเรื่องห่วงต้องห้ามนั้นไม่ผิดและอีกอย่างก็หมายความว่าบางทีแผนของเขาจะประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่
ตรงใจกลางมีเสียงปะทะกันอย่างต่อเนื่องในท้องฟ้าปัง ปัง ปัง ทุกๆ เสียงเปี่ยมไปด้วยพลัง เสียงทุ้มสั่นสะเทือนลึกลงไปสะท้านถึงใจทุกคน แต่ละคนยืดคอและจ้องมองบนท้องฟ้าสีหน้าปรากฏแววตกใจและเปล่งเสียงอุทานเป็นะระยะ
พวกเขาไวขึ้นไวขึ้นทุกที ไม่มีการหลบ ไม่มีการใช้กลยุทธแสงของร่างไวทั้งสองพุ่งผ่านฟ้าพร้อมกับม่านพลังและปะทะกันอย่างรุนแรง
ปังม่านพลังงานแตกกระจาย ร่างสองร่างพุ่งลงอย่างรวดเร็ว ทำให้บางคนอุทานด้วยความตกใจ
มันตรงเกินไปป่าเถื่อนเกินไป จริงจังเกินไป ขื่นขมเกินไป ที่แม้แต่แฮงค์ทหารผ่านศึกคนหนึ่งที่เห็นและประสบเรื่องราวมานับไม่ถ้วน ต้องยอมรับว่าแม้แต่เขาเองก็ไม่เคยเห็นการสู้แบบนั้นมาก่อน กองพลหน้ากากเหล็กได้เปรียบอย่างเห็นได้ชัด แต่สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกไม่มั่นใจก็คือเขาไม่เคยได้ยินเสียงครางดังออกมาจากพวกสวมหน้ากากเลย
‘พวกเขาสร้างขึ้นจากเหล็กกล้าหรือไง?’
แฮงค์รู้แน่นอนว่าไม่จริงและคำอธิบายนั้นก็คือกองพลหน้ากากเหล็กมีความมุ่งมั่นเหมือนเหล็กกล้า การสรุปอย่างนี้ทำให้เขารู้สึกตะลึงเล็กน้อยตอนแรกเมื่อจี๋เจ๋อออกมากล่าวหยอกล้อคลอเดีย เขายังแค่นเสียงไม่พอใจกองพลหน้ากากเหล็กเนื่องจากพวกเขามองดูเหมือนกลุ่มอันธพาลมากกว่า
แต่หลังจากผ่านการต่อสู้ การตัดสินของเขาที่มีต่อพวกนี้พังทลายสิ้นเชิงและเขามองขึ้นฟ้าด้วยความมึนงง
การสู้รบในท้องฟ้ากลายเป็นจุดปิดบังความสนใจที่ดีที่สุด เขาเป็นเหมือนวิญญาณที่ลอยมาใต้เรือรบไร้เทียมทานเงียบๆ การเคลื่อนไหวของเขาไวมาก แต่ไม่ก่อเสียงและแม้แต่อากาศรอบตัวเขาก็ไม่กระเพื่อมแม้แต่น้อย
ผิวของร่างกายของเขามีชั้นระลอกที่เบาบางมากและถ้าใครไม่ดูให้ดี ก็จะตรวจสอบไม่เจอง่ายๆ
จากห่วงต้องห้าม
นั่นคือวิธีที่เขาเข้าใจจากห่วงต้องห้ามและลองใช้มันจริงๆนี่คือชั้นระลอกพลังงานที่เบาบางมากจนแทบจะตรวจสอบด้วยตาเปล่าไม่ออก ไม่เพียงแต่ลบร่องรอยของถังเทียนเท่านั้น แต่ทำให้เขาเป็นเหมือนอากาศไม่เพิ่มพลังงานที่ผันผวนในอากาศ และจุดแข็งที่สุดก็คือไม่ดึงดูดพลังให้กระเพื่อมตาม นี่หมายความว่าวิธีการพิสูจน์และตรวจสอบทั้งหมดใช้ไม่ได้กับเขา
การใช้ประโยชน์ของห่วงต้องห้ามของถังเทียนเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงและต่อให้แฮงค์เห็นเขา เขาก็ไม่สามารถเชื่อมโยงเคล็ดนี้เข้ากับห่วงต้องห้ามของเขาได้
ความสามารถในการเรียนรู้ที่ยอดเยี่ยมทำให้ถังเทียนเรียนรู้และเข้าใจเคล็ดวิชาที่โดดเด่นจากคนอื่นได้ ด้วยจินตนาการที่ไม่ธรรมดาของเขาทำให้เขาเกิดแนวความคิดนับไม่ถ้วน จากที่เป็นชาวบ้านธรรมดาเขาพึ่งพาตนเองเติบโตก้าวหน้าซึ่งป้องกันเขาจากพลังเหลือเชื่อที่เหนือกว่า เมื่อไม่มีกรอบจำกัดเขาไว้ทำให้เขากล้าที่จะใช้เคล็ดวิชา และวิธีต่างๆ ทำให้เขาสร้างวิธีที่ดีกว่าอย่างต่อเนื่อง
นี่จึงกลายเป็นรูปแบบต่อสู้ที่ไม่เหมือนใครของถังเทียน
คนที่อยู่บนเรือรบไร้เทียมทานจมอยู่กับการดูการต่อสู้ในกลางอากาศ พวกเขาทุกคนอยู่บนข้างหนึ่งของเรือรบพร้อมกับชะโงกหน้าสายตามองบนท้องฟ้า แม้แต่คลอเดียก็ไม่เว้นนางมองขึ้นไปบนท้องฟ้า และไม่ใส่ใจที่พวกเขาได้เปรียบเรื่องจำนวนคนแต่ก็ยังแพ้
แต่ในเวลาอันรวดเร็วนางสงบใจได้ ต้องบอกว่าเรือคืออุปกรณ์ที่เต็มไปด้วยทหาร แม้ว่าจะไม่เป็นมาตรฐานระดับเดียวกับวิหารกวงหมิง แต่ก็ดีกว่าเป็นร้อยเท่าเมื่อเทียบกับกองพลหน้ากากเหล็ก
‘ชัยชนะสุดท้ายยังคงเป็นของข้า’
‘แค่เจ้าเด็กนั่นที่แฮงค์จับได้’คลอเดียหันไปมองที่ห่วงต้องห้าม
‘แม้จะดุร้ายเหมือนสัตว์ป่า แต่ก็ยังมีกรงขังมัน ...ดะ..เดี๋ยวก่อน!’
ม่านตาของคลอเดียขยายสีหน้านางแข็งค้าง
ไม่มีอะไรอยู่ในลำแสง