ตอนที่ 881 อันตราย รุกรานโดยไม่รู้ตัว
ในฐานะเป็นสุดยอดฝีมือผู้แข็งแกร่ง ย่อมต้องเป็นที่พึ่งของเผ่าพันธุ์
แม้ว่าบุคลิกจะดูเหลวไหลและภาพลักษณ์จะประหลาดไปบ้างก็ตาม แต่ก็ยังมีผู้หนุนหลังเขาอย่างแข็งขัน
ขณะที่การปราศรัยยังดำเนินไปอยู่เขาขยับออกท่าทางในลักษณะหัวไก่ท้ายโค สิ่งที่เขาพูดเป็นความจริง เพียงแต่บุรุษหนุ่มไม่ได้หยิ่งยโสอย่างลึกซึ้ง เขาโดดเด่นโดยไม่ได้รับความช่วยเหลือ ถ้าท่านอยู่ในตระกูลใหญ่จะชินกับการใช้คนทั่วไปที่ไม่ได้รับความสนับสนุนจากตระกูล ไม่มีเครือข่ายความสัมพันธ์ ความคิดจะแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง ผู้เยาว์ในตระกูลเกือบทั้งหมดต้องการจะรวมตัวกันให้ได้ พวกเขาเห็นด้วยกับการเป็นบริวารของสุดยอดฝีมือซึ่งจะช่วยค้ำจุนสนับสนุนพวกเขาเหมือนต้นไม้ใหญ่ที่ให้ร่มเงา
โดยเฉพาะอย่างยิ่งประมุขตระกูล, เจ้าสำนักและขุนนางผู้ทรงปัญญา พวกเขาจะต้องพิจารณาถึงปัญหามากกว่าคนธรรมดา
ตามความเห็นของเจ้าอ้วนไห่ ท้ายโคคืออะไร ดูเหมือนจะไม่น่าฟังอยู่บ้าง
แต่ท้ายโคคืออะไร?
นั่นคือความหยิ่งทรนง!
แม้ว่าเจ้าอ้วนไห่จะพูดมีความหมายแฝง แต่ก็ยังเป็นความจริง
หลังจากเย่ว์หยางและจุนอู๋โหย่ว อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าและคนอื่นบ่นเรื่องนี้ พวกเขารู้ว่าพวกเขาคร้านจะจำ ในฐานะสุดยอดนักสู้ผู้แข็งแกร่ง มีภาระที่ตามมานับไม่ถ้วน นอกจากนี้ทรัพยากรที่ใช้พัฒนาทุกคนจะทำให้พวกเขาแข็งแกร่งมากกว่าสู้เพียงคนเดียว
กลุ่มที่สนับสนุนด้วยศรัทธาเชื่อมั่นจะมีมากกว่ากลุ่มที่มองดูด้วยความริษยา
ส่วนดีที่สุดถูกเลือกเอาไป เหลือแต่น้ำแกงให้พวกเขาได้กิน
ถ้าไม่เพียงพอ นั่นเป็นเพราะโง่เกินไป
ด้วยการร่วมมือกันของจุนอู๋โหย่วและอาจารย์จิ้งจองเฒ่า เขาได้พบกับเผ่าพันธุ์ต่างๆ จากหอทงเทียนอย่างเช่นเอลฟ์ทอง, ทอเรน, เผ่าคนแคระ, เผ่าคิวบัวร์, เผ่ามนุษย์กบ, เผ่าโยวหมิง(ใต้พิภพ) เผ่าภูตบูรพา เผ่าปีศาจและทูตพิเศษต่างๆ และภายใต้ประจักษ์พยานของสมาคมนักรบทั้งหลาย ผู้เฒ่าหนานกงตัวแทนผู้มีอำนาจตัดสินใจจากพันธมิตรปราณก่อกำเนิด ได้ลงนามข้อตกลงให้ความร่วมมือหลายชุดหลายฉบับ
ความจริงแล้วเป็นเอกสารสัญญาเป็นพันธมิตรกับเผ่าพันธุ์ต่างๆ ในหอทงเทียน
มองอย่างผิวเผิน ตระกูลต่างๆ ริเริ่มนำศิษย์หรือรุ่นผู้เยาว์ที่ดีที่สุดมาเข้าร่วมเป็นกองกำลังอัศวินมังกรเพื่อรับใช้และช่วยฉลองเป็นเกียรติกับงานแต่งงานของเย่ว์หยาง ความจริงเรื่องนี้นับเป็นเกียรติอย่างหนึ่ง และเป็นการมอบความไว้วางใจฝากลูกหลานที่มีศักยภาพดีที่สุดให้เย่ว์หยางซึ่งเป็นสุดยอดฝีมือช่วยดูแล จะได้ชื่อว่าเป็นอัศวินมังกรหรือไม่ นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ ตราบใดที่อยู่ภายใต้การปกครองดูแลของเย่ว์หยาง..หรือตราบเท่าที่อยู่ในสายตาของเย่ว์หยาง ทุกคนจะได้โอกาสแข่งขันที่เป็นธรรม อย่างนั้นก็นับว่ายังดี! สำหรับเด็กๆ ทุกชาติพันธุ์สามารถโดดเด่นขึ้นมาได้โดยไม่ถูกควบคุมกดขี่
“ข้าขอประกาศว่า กองกำลังอัศวินมังกรของเย่ว์หยางไตตัน เป็นอันก่อตั้งขึ้นนับแต่วันนี้เป็นต้นไป” หลังจากเย่ว์หยางลงนาม ผู้เฒ่าหนานกงประกาศเสียงดังพร้อมกับชูเอกสาร เขาเป็นตัวแทนของพันธมิตรปราณก่อกำเนิดและกลายเป็นประจักษ์พยานสำคัญในประวัติศาสตร์
ตามมาด้วยเสียงปรบมือดังขึ้น
ทูตและผู้แทนพิเศษจากกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ ตื่นเต้นและปรบมือพร้อมกัน
พิธีลงนามในวันนี้มีความหมายมากกว่าปกติ พวกเขาเชื่อว่าหลังจากผ่านไปหมื่นปี เรื่องนี้จะได้รับการกล่าวขาน คนรุ่นหลังจะต้องขอบคุณโอกาสที่คนรุ่นก่อนมอบให้
ก่อนที่เย่ว์หยางจะลงนาม ไม่เคยมีเผ่าพันธุ์ใดที่ริเริ่มทำสัญญาเป็นพันธมิตรกับต่างเผ่าพันธุ์ในหอทงเทียน แม้แต่นางพญาเฟ่ยเหวินหลี จักรพรรดิอวี้จ้านฟง หรือแม้แต่องค์หญิงเย่เมิ่งก็ต้องยอมรับกับผลที่มาพร้อมกับตระกูลครอบครัว นางพญาเฟ่ยเหวินหลียอมรับตรงจุดนี้น้อยที่สุด พวกที่เชื่อและยอมรับตรงจุดนี้เต็มร้อยก็มีแต่เผ่าปีศาจอสรพิษเท่านั้น องค์หญิงเย่เมิ่งก็มีลักษณะคล้ายกัน คือยอมรับแต่ทายาทบันไดสวรรค์ แทบจะไม่สนใจเผ่าพันธุ์อื่นเลย
ตราบใดที่จักรพรรดิอวี้จ้านฟงดีขึ้นมากว่านี้อีกเล็กน้อย ก็จะได้รับการยอมรับทั่วไป แต่เขามุ่งแต่จะยอมรับเฉพาะมนุษย์ โดยเฉพาะมนุษย์ชาวทวีปมังกรทะยานเท่านั้น
ส่วนเย่ว์หยางจะพิจารณาว่า ไม่ว่าจะเป็นเผ่าทะเลหรือเผ่าปีศาจ ทอเรนหรือมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นชาวทวีปโบราณหรือทวีปอ้าวเจี๋ย ไม่ว่าจะเป็นชาวทงเทียนชั้นแรกหรือชาวทงเทียนชั้นสิบ ก็ถูกบันทึกไว้ในสนธิสัญญาว่าควรได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นกลาง
นี่เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์!
แน่นอนว่าเผ่าพันธุ์ต่างๆ รู้ว่าทวีปมังกรทะยานจะรับดูแลอย่างดีที่สุด แต่พวกเขาก็สามารถเข้าใจได้
ความยุติธรรมจริงแท้แน่นอน เป็นไปไม่ได้ที่จะสร้างขึ้น แต่สามารถได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน เป็นเรื่องที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์เช่นกัน
เอลฟ์ทองกับเผ่ากบจะได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกันจริงๆ หรือ?
แม้แต่เจ้ากบจัดด์ที่มีสีสันมากที่สุดเป็นตัวแทนหอการค้าไตตันของเย่ว์หยาง เมื่อพบเห็นลีน แอนนาและเป่าเอ๋อซึ่งเป็นเอลฟ์ระดับสูงก็ยังอดประจบประแจงไม่ได้! ข้อได้เปรียบตามลักษณะของเผ่าพันธุ์มิใช่จะลบออกไปจากใจได้ง่ายๆ ก็เหมือนกับหนูที่เคยถูกใช้เป็นทาส ถ้ามันต้องการความยุติธรรมเสมอภาคกับมังกรฟ้า เรื่องอย่างนั้นจะเป็นไปได้หรือไม่?
“คำพูดที่ไม่จำเป็นต่างๆ นั้นข้าไม่อยากพูด ข้าไม่ชอบคำพูดสวยหรู แต่ว่างเปล่าไร้สาระ เรื่องที่ไม่สำคัญอย่างนั้น พูดไปก็เสียเวลา ในที่นี้ข้าต้องการพูดแค่อย่างเดียว ข้าเย่ว์หยางมีเวลาแค่วันหนึ่ง ตอนนี้ไม่ต้องคำนึงถึงเชื้อชาติเผ่าพันธุ์ใดๆ คนที่มีความสามารถโดดเด่นจะก้าวหน้าเติบโตได้ดีที่สุด ข้าไม่สนใจเลยว่าในหอทงเทียนเราจะมีอัจฉริยะอยู่มากเท่าใด วันนี้นักสู้ปราณฟ้ามีอยู่มาก เพราะหอทงเทียนเราอ่อนแอมากเมื่อเทียบกับแดนสวรรค์ อธิบายได้ด้วยคำว่าน้อยนิดเท่านั้น! โปรดกลับไปถ่ายทอด ท่านตัวแทนที่รักทั้งหลาย โปรดกลับไปถ่ายทอดคำพูดของข้าบอกเยาวชนหนุ่มสาวของเราที่มีความทะเยอทะยานและที่จะตามมาภายหลัง เราจะพิชิตแดนสวรรค์ด้วยกัน ไม่ว่าจะต้องใช้เวลานานเท่าใด หอทงเทียนของเราจะกลายเป็นที่ๆ ดีที่สุดของแดนสวรรค์! พวกท่านจะต้องรู้สึกไว้ว่าชีวิตที่ท้าทายจึงจะมีความหมาย เพราะฉะนั้น..มาร่วมกันเถิด!”
“เฮ้ เฮ............” เย่ว์หยางพูดอย่างนั้น ตัวแทนของเผ่าพันธุ์ต่างๆ โห่ร้องรับแทบบ้าคลั่ง
“ฮ่าฮ่า..” จุนอู๋โหย่วและอาจารย์จิ้งจอกเฒ่าต่างอมยิ้มด้วยกันทั้งคู่
จักรพรรดิอวี้รุ่นใหม่เกิดขึ้นแล้วในที่สุด
ไม่เพียงแต่ทวีปมังกรทะยานเท่านั้น แต่ทุกเผ่าพันธุ์ในหอทงเทียนไม่มีความเคลือบแคลงอีกต่อไป
ตอนแรกทีเดียวกลุ่มพันธมิตรยังต้องการรอดู แต่ไม่มีใครคิดเลยว่าระดับความก้าวหน้าของเย่ว์หยางจะไปได้ไวขนาดนั้น
พริบตาเดียว เขากลายเป็นนักสู้ปราณราชันย์ไปแล้ว
คนอื่นๆ หรือแม้แต่สุดยอดอัจฉริยะที่ดีที่สุดอย่างจักรพรรดอวี้ ที่ไม่เคยปรากฏมาในรอบหลายพันปี ยังต้องใช้เวลาหลายร้อยปี แต่เจ้าเด็กนี่ร้ายกาจ บรรลุระดับปราณก่อกำเนิดอย่างเงียบๆ และใช้เวลาราวสามปีก็ประสบความสำเร็จเป็นนักรบปราณราชันย์ที่น่าตื่นตะลึงได้ ตอนนี้ถ้าบอกว่าเขามุ่งเป้าไปที่ระดับเทพในตำนาน...ต่อให้ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อนในอดีต ก็คงไม่มีใครสงสัยในอัจฉริยภาพที่ผิดธรรมดาของเย่ว์หยางว่าจะสามารถบรรลุไปถึงขั้นระดับเทพได้หรือไม่ ถ้ารอจนเย่ว์หยางเลื่อนระดับไปถึงระดับเทพ จากนั้นพวกเขาจึงค่อยเข้ามาร่วมด้วยอย่างโง่เขลา นั่นจะมีประโยชน์อะไร?
ไม่ต้องพูดถึงหอทงเทียน แม้แต่ในแดนสวรรค์บางคนก็ยังต้องการร่วมมือกับเขา
ถ้าร่วมมือกับเขาเสียแต่ตอนนี้ หากเย่ว์บรรลุเป็นระดับเทพ อย่างนั้นเผ่าพันธุ์ทั้งหมดที่ขึ้นกับเขาก็พลอยกลายเป็นวีรบุรุษไปด้วย สถานะจะแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง
การพิชิตแดนสวรรค์เป็นการเดินทางที่ยาวไกล แต่โอกาสเช่นนี้ โอกาสเจริญรุ่งเรืองของตระกูลเผ่าพันธุ์ของหอทงเทียนมีอะไรต้องกังวล นั่นเป็นเรื่องของเวลา...
การส่งทูตพิเศษของชาติพันธุ์ต่างๆ นั้นทำให้เย่ว์หยางดูเหมือนกับเป็นเจ้าสำนักในทวีปมังกรทะยาน
ต่างจากในอดีตที่คนเหล่านี้เพิกเฉยต่อตระกูลเย่ว์
ไม่จำเป็นต้องพูดทุกอย่างเกี่ยวกับพวกเขา
นอกจากนี้ยังได้รับมอบมังกรบินคนละหนึ่งตัว!
จำกัดไว้ที่ตระกูลละหนึ่งคน
อย่างไรก็ตามมังกรบินที่ถูกเรียกมาด้วยพลังนกหวีดมังกร เป็นมังกรบินจากหุบเขามังกรบิน ไม่ได้เสียค่าใช้จ่ายอะไร มังกรบินเหล่านี้กระตือรือร้นจะติดตามนักสู้ ขอเพียงพวกมันไม่ต้องถูกขังอยู่ในหุบเขามังกรบินอีกต่อไป เมื่อเย่ว์หยางพาราชินีซิกกลับไปที่หุบเขามังกรบิน พวกเขาไม่จำเป็นต้องใช้นกหวีดมังกรเพื่อเรียกรวมตัวพวกมันแต่อย่างใด มีมังกรบินที่มีศักยภาพหลักร้อย เย่ว์หยางใช้ผลึกปีศาจของมังกรบินระดับราชาชั้นเตรียมปราณฟ้าและใช้เลือดช่วยพวกมันให้วิวัฒนาการเป็นจ้าวมังกรบินได้ และที่สำคัญที่สุดคือเย่ว์หยางใจกว้างให้เลือดมังกรแท้กับพวกมัน ช่วยให้พวกมันเลื่อนระดับเป็นมังกรบินระดับทองได้โดยตรง
เมื่อพวกมังกรบินได้ยินว่าถ้าพวกมันมีความก้าวหน้าได้มากพวกมันอาจได้รับเลือดมังกรบินโบราณ ทำให้พวกมันดีใจแทบคลั่ง
ด้วยเลือดมังกรบินโบราณ อาจช่วยให้พวกมันเลื่อนเป็นมังกรบินปราณฟ้าระดับจักรพรรดิก็เป็นได้
ด้วยของล่อใจและความหวัง มังกรบินย่อมมีความสุขเป็นธรรมดา
แม้ว่าจะไม่ได้ก็ตาม แต่พวกมันยินดีจะรับใช้เย่ว์หยาง และอยู่ภายใต้การควบคุมของมนุษย์มังกรแดนสวรรค์ โดยไม่ต้องพูดถึงสิ่งล่อใจชั้นสูงสุดอย่างเลือดของมังกรบินโบราณ
ในทำนองเดียวกันเย่ว์หยางหลอกล่อมังกรทองในแดนสวรรค์มาได้ ภายใต้การบังคับด้วยกำลังทั้งหลอกล่อด้วยเลือดมังกรโบราณ มังกรทองยักษ์ซึ่งปกติจะอยู่ในแดนสวรรค์ยอมเป็นพาหนะให้เขา มันแย่ตรงที่ไม่มีโอกาสได้เป็นพาหนะสำหรับคุณชายสามตระกูลเย่ว์โดยตรง!
เมื่อสามารถกลายเป็นพาหนะของเจ้านายที่แท้จริง อย่างนั้นก็เป็นเรื่องดี มังกรทองยักษ์คิดทำนองนี้
แต่มันรู้ว่านี่ไม่ใช่เรื่องง่าย
เพราะในกลุ่มอสูรของเย่ว์หยาง ล้วนแต่แข็งแกร่งกว่ามันมาก มันกล้าบอกได้ว่ามันยอมเป็นพาหนะให้เย่ว์หยางเพราะกลัวเป็นอาหารของฮุยไท่หลางและแมงป่องดาว ถ้าพวกมันไม่กินก็คงไม่แปลก
เย่ว์หยางไม่จำเป็นต้องแสดงออกอะไรมาก ในฐานะเจ้านายคนหนึ่ง เขาไม่ต้องทำอะไร มิฉะนั้นผู้ติดตามเขาจะได้ทำอะไรกันเล่า
หลังจากลงนามและยอมรับแล้ว เย่ว์หยางรีบออกจากหอประชุมทันที และปล่อยให้มังกรทองยักษ์อยู่เป็นต้นแบบตัวอย่าง ตนเองออกไปน้ำพุร้อนประจำวังพร้อมกับองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน บางทีเสวี่ยอู๋เสียรู้ว่าเย่ว์หยางคิดจะลงมือกับแม่เสือสาวตอนกลางคืน นางที่ปกติจะอ่านหนังสืออย่างเงียบสงบเอ่ยปากว่าต้องการไปด้วย นั่นทำให้วิมานกลางอากาศของเย่ว์หยางต้องสลายไป
“พี่ใหญ่, ข้ากำลังจะถูกกิน มันง่ายนักหรือที่กินสาวสักคน? อย่ามองข้าแบบนี้ได้ไหม? คืนต่อไปข้าก็คงยินดีแน่!” เมื่อแม่เสือสาวไปเปลี่ยนชุด พอเย่ว์หยางปรากฏตัวหน้าเสวี่ยอู๋เสีย เขาสรุปว่าแม่เสือสาวคงมีเวลายากลำบากที่บ่อน้ำพุร้อนเสียแล้ว เขาดีใจชูมือทั้งสองทำนองขอชีวิต
“ข้าไม่ขวางเจ้าหรอกน่า” นางแสดงความบริสุทธิ์ใจว่านางบังเอิญอยู่ตรงนั้นพอดี
“มีเจ้าอยู่ด้วย แม่เสือสาวก็คงไม่หลวมตัวแน่ ถ้าข้าต้องการฉวยโอกาสเอาเปรียบนั่นเป็นเรื่องยาก” เย่ว์หยางพูดความจริงนี้เฉพาะกับเสวี่ยอู๋เสียเท่านั้น ใจของทั้งสองเชื่อมโยงกัน ตราบเท่าที่พวกเขาต้องการรู้สึกถึงกัน พวกเขาจะรู้สึกอย่างเดียวกัน
“เกิดอะไรขึ้นกับสาวลูกครึ่งเอลฟ์?” เสวี่ยอู๋เสียยิ้มและถามคำถามที่ทุกคนเกือบลืมไปแล้ว
“นี่มันเรื่องยาว เล่ากันสามวันสามคืนก็ยังไม่จบ” เย่ว์หยางลูบหลังศีรษะตนเอง เขามีสัมพันธ์กับสาวใช้ลูกครึ่งเอลฟ์ และตามด้วยแพนดอรา
“ค่อยๆ เล่าก็ได้ ทูนหัว! สาวน้อยอยู่ข้างหลังเจ้าอยู่แล้ว นี่เป็นเรื่องสะดวกสบายอยู่แล้ว...” เสวี่ยอู๋เสียพยายามถ่วงเวลารอ องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเปลี่ยนชุดอาบน้ำเสร็จแล้วออกมา นางถอนหายใจ “โอว, คุณชายสามโชคดีจริงๆ มีแม่หญิงใหญ่ตระกูลเสวี่ยเข้ามาร่วมยินดีด้วย!” สีหน้าของนางสงบ แต่แฝงด้วยแววหึงทำให้บรรยากาศที่น้ำพุร้อนพลันระอุขึ้น
“แม่เสือสาว, อู๋เสีย, พวกเจ้าไม่ต้องห่วงเรื่องนี้ก็ได้ ความจริงเป็นเช่นนี้!” เย่ว์หยางเล่ารายละเอียดที่เกิดขึ้นในหุบเขาราคะ แน่นอนว่าเฉพาะส่วนที่มีสัมพันธ์กับสาวๆ เขาพูดแค่ย่อๆ
“กลับกลายเป็นว่ามีเบื้องหลังอย่างนี้เอง!” องค์หญิงเชียนเชียนรับรู้จากน้ำเสียงของเย่ว์หยาง นางรำพึงอย่างแง่งอน แต่ก็ยอมปล่อยเขาในที่สุด
“แพนดอราน่าสงสารมาก น่าจะปล่อยให้นางออกมาที่บ่อน้ำพุร้อนบ้าง เราจะได้สนทนากับนาง” เสวี่ยอู๋เสียถามคำถามสุดท้ายเกี่ยวกับเรื่องของตั๊กแตนมัจจุราช หลังออกมาจากหุบเขาอสูรแล้ว สาวน้อยตั๊กแตนมัจจุราชซึ่งได้ผ่านเข้าประตูหวนกำเนิด ตอนนี้นางมีความแข็งแกร่งมากกว่าเดิมหลายเท่าเกินระดับอสูรศักดิ์สิทธิ์และใกล้จะเป็นอสูรเทพแล้ว
อย่างไรก็ตามนางยังไม่ได้รับการตั้งชื่อ
ตอนอยู่ในหุบเขาอสูร มีเพียงนางกับเย่ว์หยางสองคนเท่านั้น ฉะนั้นเรื่องการตั้งชื่อจึงไม่สำคัญ
ตอนนี้ออกมาจากหุบเขาอสูร เสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนรู้สึกสึกว่าพวกเขาต้องตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติกับนาง
มีการเสนอชื่อให้เย่ว์หยางพิจารณาหลายครั้ง แต่ก็ถูกองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนคัดค้าน และในที่สุดเสวี่ยอู๋เสียเสนอขึ้นว่า “สาวน้อยตั๊กแตนมัจจุราชเป็นผู้ที่โชคดีที่สุดอยู่เสมอ เมื่อนางแรกเกิดก็พบกับเหตุร้าย พี่น้องนางตายหมด เหลือแต่นางเพียงผู้เดียวที่รอดมาพบกับเจ้าได้ นางได้ถือกำเนิดเปลี่ยนเส้นเอ็นผลัดกระดูกและเติบโตมาตลอดเส้นทาง และในที่สุดก็มีโอกาสเข้าประตูหวนกำเนิดใหม่ของหุบเขาอสูร ไม่เพียงแต่ได้ร่างมนุษย์เท่านั้น แต่ยังได้ผลปัญญาศักดิ์สิทธิ์ทำให้เลื่อนระดับเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ระดับพิเศษ สาวน้อยตั๊กแตนมัจจุราชมีโชคดียิ่งนัก...”
เมื่อองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนได้ยินเช่นนั้นก็ดีใจ “ชื่อซิงหวิน (โชค) ดีไหม?”
เสวี่ยอู๋เสียส่ายศีรษะ “แน่นอนว่าโชคดีอย่างนี้เนื่องมาจากเจ้านายของนาง! มีเย่ว์หยางนางจึงได้โชคเช่นนั้น เพราะฉะนั้นเราจะเรียกนางว่า ‘เว่ยหลาย’ นางคือผู้มีโชคและมีอนาคต”
“ขอบคุณท่านหญิงอู๋เสียที่ตั้งชื่อให้ข้า!” สาวน้อยตั๊กแตนมัจจุราชบินออกมาเกาะบนไหล่ของเสวี่ยอู๋เสียและจูบขอบคุณนาง
“แม่ตัวเล็กนี่ร้ายไม่เบา ช่างประจบเหมือนกับฮุยไท่หลาง!” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนหัวเราะ
“ฮุยไท่หลาง, เจ้าหมาป่าประหลาดนั่นน่ะหรือ? ดูเหมือนมันอาจจะมีอันตรายถึงชีวิต...” มีใครคนสิงร่างสาวใช้ลูกครึ่งเอลฟ์บอกผ่านเสวี่ยอู๋เสียและเย่ว์หยางทันที
แน่นอนว่านางไม่ใช่ใครอื่นที่มาบอก
แต่เป็นแพนดอรา
แม้ว่าพลังเทพวิบัติและประกายเทพของเทพธิดาแห่งโชคร้ายจะเปลี่ยนไป แต่ความสามารถบางอย่างของนางยังมีอยู่
เย่ว์หยางเมื่อได้ยินเช่นนั้นเขาอยู่นิ่งไม่ได้ทันที “เกิดอะไรขึ้น? นี่เป็นสถานที่ในทวีปมังกรทะยาน ยังมีอันตรายถึงชีวิตด้วยหรือ? ไม่, มันไปที่หุบเขาฝังดาบ หรือว่าที่หุบเขาฝังดาบจะมีเหตุเปลี่ยนแปลง?”
เสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนมองหน้ากันและพูดพร้อมกัน “หรือว่าเป็นจ้าวเพลิงปีศาจ?”
เย่ว์หยางรีบเร่ง เดิมเขาต้องการมีความสุขอยู่ที่บ่อน้ำพุร้อน
สองสาวรู้ว่าสถานการณ์วิกฤติ พวกนางช่วยเย่ว์หยางแต่งตัว แม้ว่าพวกนางกลัวว่าผ้าเช็ดตัวของนางจะหลุดลุ่ยเห็นร่างเปลือย เย่ว์หยางกางแขนกอดเสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนในอ้อมกอดรีบกล่าวขอโทษพวกนาง “เอาไว้ค่อยอาบน้ำร้อนด้วยกันทีหลัง วันนี้ข้าจะไปช่วยฮุยไท่หลางก่อน!” ทั้งสองสาว สาวใช้ลูกครึ่งเอลฟ์ สาวน้อยตั๊กแตนเว่ยหลายรีบเข้าไปในโลกคัมภีร์ของเย่ว์หยาง และรีบเดินทางไปเผชิญศัตรูพร้อมกับเย่ว์หยาง
เย่ว์หยางใช้เข็มทิศสามพิภพเทเลพอร์ตไปยังหุบเขาฝังดาบอย่างรวดเร็วที่สุด !-!