ตอนที่แล้วตอนที่ 878 การค้นคว้าที่ยิ่งใหญ่, ความคิดห่าม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 880 พญามังกรฟ้าผู้ยิ่งใหญ่

ตอนที่ 879 ไสหัวไปให้พ้น!


ยามราตรีที่เยือกเย็นเหมือนอยู่ในสายน้ำ พระจันทร์เสี้ยวลอยเด่นในท้องฟ้า

วังเทียนหลัวที่เงียบสงบจู่ๆ เกิดเสียงระเบิดดังสนั่น จนทหารประจำวังแตกตื่นตกใจ

มีศัตรูบุกโจมตีหรือ?  ทหารระดับขุนพลสองคน วิ่งเข้ามาถึงจุดที่ระเบิดเป็นชุดแรก พวกเขาพบว่ามีเงาดำร่างหนึ่ง แต่พวกเขาแค่ต้องการจับขโมย  ใครจะคิดกันว่าองครักษ์พิทักษ์ฟ้าปรากฏตัวขึ้นและแจ้งว่าไม่ใช่ศัตรู แต่เป็นคุณชายสามกำลังทำการทดลองและบอกให้ทั้งสองถอยกลับไป

คุณชายสามเป็นผู้เชี่ยวชาญอสูรหุ่นในระดับแค่เป็นรองภูตอัจฉริยะเย่ว์กงเท่านั้น เรื่องนี้เป็นที่รู้กันดีทั่วทั้งทวีปมังกรทะยาน

ค้นคว้าอะไรในเวลาแบบนี้?

“ระเบิดรุนแรงขนาดนั้น ดูเหมือนว่าจะเป็นการค้นคว้าที่พิเศษมาก ไม่รู้ว่าประสบความสำเร็จหรือล้มเหลวกันแน่” องครักษ์ทั้งสองไม่กล้าถาม พวกเขารีบออกไปตามคำสั่งทันที เรื่องของคนระดับสูงพวกเขาไม่สามารถสอบสวนได้  นอกจากนี้ยังมีกองทหารองครักษ์สองกองพันรอพวกเขาอยู่ข้างนอก

ด้านนอกตำหนักบรรทมของจักรพรรดิหัวซิ่วรี่ เย่ว์หยางอยู่ในสภาพชุดเสื้อผ้าขาดรุ่ย

นางกำนัลต้นห้องถึงกับตะลึง

นางไม่รู้ว่าจะขัดขวางดีหรือไม่

นางจ้องมองเย่ว์หยางที่เหินบินผ่านนางไป นางเห็นประตูที่แง้มอยู่ และพยายามปิดเพื่อหยุดเขาไว้

แต่พอนางเหลียวหลังกลับไปก็มองไม่เห็นเย่ว์หยางอยู่ในภายใน

“เจ้าจะทำอะไร?  ข้าจะพักอยู่แล้ว” จักรพรรดิกริ้ว เจ้าเด็กนี่วิ่งเข้ามาถึงแท่นบรรทมของเขาแล้ว นี่มากเกินไปหรือเปล่า!

“อย่าเพิ่งบรรทมพระเจ้าค่ะ, ลุกขึ้นก่อน ช่วยข้าดูสิ่งนี้ก่อน แม้ว่ายังไม่ถึงกับสำเร็จ  แต่แนวคิดนั้นบอกได้ว่า ใช่เลย  ข้าคิดว่ามีความหวังมากจึงรีบเอามาให้ท่านดูเพื่อออกความเห็น!” เย่ว์หยางมีความสุขมาก เขาโบกไม้เท้าดำในมือไปมาเหมือนนายบัญชี จักรพรรดิกริ้วจนควันออกหูพลางชี้นิ้ว

“เจ้าจงใจก่อกวนจริงๆ ใครอนุญาตให้เจ้าเข้ามาในห้องนอนข้า? ถ้าเป็นคนอื่นข้าจะลงโทษอย่างหนักไม่มีการให้อภัยเด็ดขาด”  จักรพรรดิกริ้วกับความไร้มารยาทของเย่ว์หยาง

“ถ้าข้าไม่ดีใจเกินไป แล้วจะลืมตัวไปชั่วขณะได้ยังไง?” แม้ว่าเย่ว์หยางจะอธิบาย แต่ก็ไม่มีสีหน้าสลดเสียใจแต่อย่างใด

“อย่างนั้นข้าก็มีความสุขชั่วขณะ ไม่ว่าจะทุบตีเจ้าหรือไม่ก็ได้ใช่ไหม?  เจ้ามันวิเศษจริงๆ!”  จักรพรรดิทำให้เขาหงุดหงิดและเจ็บปวด

อย่างไรก็ตาม เย่ว์หยางเป็นใคร จักรพรรดิเข้าใจชัดเจน  แม้ว่าเจ้าเด็กนี่จะมีชีวิตที่สับสนยุ่งเหยิง แต่เมื่อเขาทำเรื่องใหญ่ เขาจะจริงจังมาก  ถ้าเขามีความสุข จนถึงกับต้องมาปลุกพระองค์ในวังยามค่ำคืน นั่นก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกเกินไป  เพราะเจ้าเด็กผู้นี้เป็นอย่างนั้นเอง

“ฝ่าบาท, ครั้งนี้ยกโทษให้ข้าน้อยก่อนเถอะ!”  เย่ว์หยางทูลขออภัยและตบหน้าตัวเองแสดงความจริงใจ

เกิดการะเบิดเมื่อครู่นี้ เขาไม่มีเวลาล้างหน้าก็วิ่งเข้ามาในตำหนักแล้ว

เขาถูกแรงระเบิดจนหน้าดำ ไม่เพียงแต่ไม่นำพาปรารมภ์ แต่ยังกระตือรือร้นเข้ามารายงาน เขาชอบทำตามใจที่ตนเองต้องการ  ถ้าไม่ใช่เพราะเพื่อตนเอง  เกรงว่าเขาคงจะหลับอย่างสบายไปแล้ว  แต่นี่เขาถึงกับวิ่งมาเข้าเฝ้าด้วยตนเองกลางดึกอย่างนี้

สำหรับเจ้าเด็กผู้นี้ จักรพรรดิอยากกริ้ว แต่ก็กริ้วไม่ลง

ดูเหมือนว่าเขาทำจมูกฟุตฟิตราวกับว่าได้กลิ่นผิดปกติ  จักรพรรดิไอกระแอมทันที และเบี่ยงเบนความสนใจของเย่ว์หยางทันที  “ ข้าไม่ต้องการตรวจสอบยามราตรีในห้องนอนอย่างนี้  แต่ครั้งนี้ครั้งเดียว อย่าได้เป็นตัวอย่างครั้งต่อไป

“ขอบพระทัยฝ่าบาท”

เย่ว์หยางเมื่อเห็นว่าจักรพรรดิคลายอารมณ์โมโห  เขารีบแสดงผลของการค้นคว้าของเขาทันที “ถ้าข้าจะทำสมบัติอย่างคัมภีร์อัญเชิญ  ข้าก็ต้องใช้พลังของหอทงเทียนทั้งหมดและแดนสวรรค์ทั้งหมด มันเป็นไปไม่ได้ นั่นเป็นขอบเขตพลังระดับเทพเจ้า  เราไม่สามารถทำอย่างนั้นได้  ดังนั้นข้าคิดว่า ทำไมเราถึงต้องสร้างวิมานในอากาศตั้งแต่แรกเริ่มด้วยเล่า?  เรายังไม่มีเครื่องมือระดับนั้น  เราไม่สามารถสร้างวิมานในอากาศได้  อย่างนั้นเราก็สร้างวิมานบนดินเสียเลย.... นี่เป็นแค่คำอุปมา ข้าหมายถึงการใช้เครื่องมือและความสามารถที่เรามีอยู่ในตอนนี้สร้างของเทียมทดแทน นั่นคือทางเลือกที่เราสามารถทำให้สำเร็จได้”

จักรพรรดิให้ความสนใจคำพูดของเขา แน่นอนว่าเป็นเรื่องยากเกินกว่าจะทำได้  ทำไมถึงไม่เปลี่ยนใจลดเป้าหมายลงเล่า?

เย่ว์หยางเลื่อนเก้าอี้

แล้วนั่งอยู่หน้าแท่นบรรทมหน้าตาเฉย

เขาสาธยายประสบการณ์ความสำเร็จของตนเองไม่หยุดหย่อน

ในเวลาเดียวกันกับที่เขาพูด  นางกำนัลที่ทำหน้าที่ต้นห้องนำเครื่องดื่มเข้ามาถวาย

นางกำนัลต้นห้องได้ยินเสียงสนทนาของจักรพรรดิ  ขณะที่นำถาดน้ำชาเข้ามานางคุกเข่าและเห็นเย่ว์หยางปรากฏตัวเหมือนภูตพราย

เย่ว์หยางดื่มชาพลางบ่นไม่พอใจกับการรับใช้ของนาง แต่นางกำนัลต้นห้องก็ออกจากห้องไปตามปกติโดยไม่บ่นอะไร

เมื่อเห็นมารยาทเช่นนี้ของเขา จักรพรรรดิที่ดูอยู่ด้านข้างไม่ถือสา

เขาเป็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อใด?

เจ้าเด็กนี่ซื่อ แต่ว่าไม่สุภาพเลย!

อย่างไรก็ตามเวลานี้ เย่ว์หยางทำให้จักรพรรดิสนใจได้  และไม่ได้เอ่ยปากขับไล่คน  แต่ศึกษาสิ่งประดิษฐ์ในมือของเย่ว์หยางขณะที่เขารับฟัง

เย่ว์หยางทำท่าเหมือนผู้นำเผด็จการตอนปราศรัยเปิดประเทศซึ่งเขาเคยเห็นมาก่อน  เขาพูดด้วยความตื่นเต้นพลางชูกำปั้น  “ถ้าเราสร้างคัมภีร์อัญเชิญได้ หรือสิ่งประดิษฐ์ที่สามารถทำสัญญากับอสูรได้หลายตน นั่นเป็นความฝันชัดๆ แม้ว่าคัมภีร์อัญเชิญจะถูกเทพโบราณสร้างขึ้น แต่ทุกคนก็มีอสูรพิทักษ์ได้เพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น  ดังนั้นเราไม่ต้องพูดถึงเรื่องไกลเกินไป  ก่อนที่เราจะมีความสามารถที่ทรงพลังขนาดนั้นได้  แต่เราสามารถเอาตรงนี้มาพิจารณากันได้ เนื่องจากความดำรงคงอยู่ของอสูรพิทักษ์ประจำคัมภีร์อัญเชิญและยิ่งกว่านั้นคุณสมบัติของอสูรพิทักษ์ก็มีแตกต่างกัน นั่นหมายความว่าอะไร? นั่นหมายความว่าตามความเป็นจริงแล้วศักยภาพและบุคลิกลักษณะของทุกคนต่างกัน  อย่างน้อยก็ต่างกันในด้านจิตวิญญาณ  ส่วนทางด้านร่างกายต่อให้เรียนรู้สิ่งเดียวกันวันแล้ววันเล่า แต่ความจริงหลายอย่างในอนาคตก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้”

จักรพรรดิยิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกค่อยๆ หงุดหงิดขึ้นทุกที

เขาอดพูดขัดจังหวะเย่ว์หยางไม่ได้  “ความจริงอะไรของเจ้า?”

เย่ว์หยางโบกมือพัลวัล  “ข้าไม่กล้ายืนยันเต็มร้อย  แต่ว่ามีทางพิสูจน์ว่า มีโอกาสมากถึง 90%  ที่จะพิสูจน์ว่าวิญญาณของทุกคน มีศักยภาพในการทำสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญ หรืออย่างน้อยก็เป็นคนส่วนใหญ่ที่มีความเป็นไปได้เช่นนี้”

จักรพรรดิทึ่งกับข้อสังเกตของเย่ว์หยาง   แต่อดแย้งไม่ได้ว่า “ความเป็นไปไม่ได้นี้เจ้าจะใช้ข้อพิสูจน์อย่างไร?”

เย่ว์หยางยิ้มมั่นใจ

แม้ว่าใบหน้าของเขาจะดำเพราะเขม่าจากแรงระเบิดแต่ยังแฝงไปด้วยเสน่ห์ ดวงตาดุจดวงดาวมีประกายความมั่นใจ

เขาลุกขึ้นยืนและสะบัดแขนเพื่อให้คำพูดมีน้ำหนัก  “ก่อนอื่นเราต้องคิดกันก่อนว่าทำไมบางคนทำสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญได้  ทำไมบางคนทำไม่ได้ บางทีอาจมีนักรบหลายคนกล่าวอ้างว่าเป็นเพราะพวกเขามีสายเลือดที่เกี่ยวข้อง  นี่เป็นเพียงมุมมองด้านหนึ่ง  แต่มีผู้คนเป็นจำนวนมากตระหนักดีว่านี่เป็นศักยภาพความแข็งแกร่งส่วนบุคคล  ศักยภาพนี้เชื่อมโยงกันทุกด้าน  และความเกี่ยวพันทางสายเลือดก็เป็นเพียงความเชื่อมโยงด้านหนึ่ง  หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคนที่สามารถทำสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญได้จะต้องมีความเชื่อมโยงเกี่ยวพันที่โดดเด่น  เราจะก้าวข้ามขอบเขตนี้และมองดูปัญหาด้วยวิธีนี้  ถ้าจะให้ทุกคนทำสัญญาวิญญาณกับคัมภีร์อัญเชิญ ก็คงมีคนเพียงน้อยนิดที่มีศักยภาพทำได้สำเร็จ...” พอเขาพูดเช่นนี้ จักรพรรดิหัวซิ่วรี่เข้าใจทันที

ความสับสนหลงทางอย่างหนึ่งที่คิดไม่ถึงมาเป็นเวลานาน ในเวลานี้เขากลับเห็นเค้าลางได้ทันที

เหมือนกับเปิดบานหน้าต่าง จักรพรรดิหัวซิ่วรี่สามารถมองเห็นแสงสว่างได้ชัดเจน  บางทีการไล่ตามค้นหาบางอย่างไม่สามารถทำได้ จนกว่าจะมีความคิดความเข้าใจแจ่มแจ้ง

“เจ้าหมายถึงว่าเป็นเพราะร่างกายมนุษย์มีขีดจำกัดในการทำสัญญาระหว่างวิญญาณกับคัมภีร์อัญเชิญ  หรือ?  เป็นเพราะคนแยกการสื่อสารระหว่างวิญญาณกับคัมภีร์อัญเชิญใช่ไหม?  เป็นเพราะคนยังขาดศักยภาพ จึงเป็นผลให้คนส่วนใหญ่ไม่สามารถทำสัญญากับคัมภีร์ได้ใช่ไหม?”  น้ำเสียงของเขาตื่นเต้นและเริ่มค้นพบคำตอบได้ทีละเล็กน้อย  เมื่อจำแนกแจกแจงออกมาทีละส่วนหลายอย่างกลับกลายเป็นง่าย

“ถูกต้อง” เย่ว์หยางปรบมือตอบ  “มาถึงคำถามที่สอง ทำไมคนอายุต่ำกว่า 20 ปีเท่านั้นถึงทำสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญได้?  แน่นอนว่าในแดนสวรรค์หรือเผ่าพันธุ์อื่นกลับไม่มีข้อจำกัดนี้ อย่างเช่นเอลฟ์ทองบ่อยครั้งที่อายุหลายร้อยปีก็ยังทำสัญญากับคัมภีร์ได้เช่นกัน”

“นี่เป็นเพราะอิทธิพลของวันในอนาคต!”  จักรพรรดิหัวซิ่วรี่พยายามคิดถึงคำตอบที่ดีที่สุด

“ถูกต้อง”  เย่ว์หยางชมเชย “ตัวอย่างเช่นในวัยเด็ก แทบทุกคนมีศักยภาพในการทำสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญ จากนั้นพอเวลาผ่านไป พวกเด็กๆ เติบโตขึ้นทุกวัน  หากศักยภาพของพวกเขาไม่ถูกดึงออกมาใช้ ก็จะถูกใช้ไปกับเรื่องอื่นมากมายหรืออาจถูกกลบฝังลงไปทุกวันๆ รวมทั้งความรู้ความคิดที่จะตามมาภายหลัง  ทำไมลูกหลานของตระกูลใหญ่จึงมีโอกาสมากในการทำสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญได้  ประการแรกเนื่องจากการสืบสายเลือดที่ดีเยี่ยมและมีศักยภาพที่เพียงพอ  ประการที่สอง เพราะได้รับการปลูกฝังอย่างเหมาะสม  ประการที่สามเพราะความมั่นใจในตนเอง  ใช่แล้ว.....นั่นคือความมั่นใจนั่นเอง!  คนธรรมดาไม่มีความมั่นใจในการทำสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญเลย  ความเชื่อมั่นศรัทธาคือพื้นฐานแรกสุดของพลังปราณก่อกำเนิดและปราณราชันย์  ผู้ที่ไม่มีความเชื่อความมั่นใจมากพอจะไม่มีทางทำสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญได้แน่นอน  ปกติเมื่อไม่มีความมั่นใจ ศักยภาพก็ไม่มี หรือถูกความโลภความอยากมากเกินไปครอบงำวันแล้ววันเล่าจนกลบศักยภาพตามธรรมชาติ ทำให้การสื่อสารทางวิญญาณถูกแยกออกไปซึ่งเป็นส่วนสำคัญของการทำสัญญากับคัมภีร์ เหตุผลสุดท้ายคือเป็นเพราะภูมิปัญญา  ภูมิปัญญาแบ่งได้เป็นระดับที่แตกต่างกัน หนึ่ง..ความรู้  สอง..เชาว์ปัญญา  ในสองอย่างนี้  ถ้าขาดข้อแรกไปก็ยังสามารถชดเชยได้โดยการเรียนรู้ ก็เหมือนกับสัตว์อสูรที่เลื่อนเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ และอสูรเทพ  สำหรับเชาวน์ปัญญานั้นเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ เพราะถ้าขาดไปจะไม่มีทางสื่อสารกับวิญญาณได้   ตอนนี้ข้าเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมนักสู้อาวุโสรุ่นก่อน ถึงเข้าถึงพลังปราณก่อกำเนิดได้เหมือนกัน”  ทันใดนั้นจักรพรรดิหัวซิ่วรี่อุทานเสียงดัง “นักรบธรรมดาผู้รู้แจ้ง เราเรียกว่านักสู้ปราณก่อกำเนิดและระดับที่สูงมากกว่านั้นเรียกว่านักสู้ปราณราชันย์  เรามัวแต่มุ่งฝึกฝนเพื่อให้เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดเท่านั้น”

“เหตุผลที่เราได้ค้นพบ ในความเป็นจริงหลายคนสามารถทำสัญญากับคัมภีร์ได้  แต่เพราะเมื่อเวลาผ่านไป คนพวกนี้เติบโตขึ้น ศักยภาพเสื่อมโทรมกลายเป็นคนธรรมดาไปเลย”

เย่ว์หยางพูดอย่างมีความสุขขณะขยับเก้าอี้ขึ้นมาข้างหน้าอีกเล็กน้อย  “หากเราพบเจอปัญหา เราก็สามารถเริ่มการค้นคว้าวิจัยได้  แนวความคิดของข้ามีอย่างนี้   ทำสิ่งที่ท่านสามารถพูดได้ ท่านสามารถติดต่อสื่อสารทางวิญญาณและให้นักรบธรรมดาสามารถใช้ได้  เจ้าสิ่งนี้ถ้าพูดกันตรงๆ ก็ไม่ใช่คัมภีร์อัญเชิญ  แต่เป็นวัตถุสำหรับอัญเชิญ อย่างเช่นผลึกปีศาจสำหรับอัญเชิญ  อย่างไรก็ตามมีข้อดีที่ใหญ่ที่สุด นั่นก็คือการสื่อสารทางวิญญาณ  อสูรที่ทำสัญญาด้วยจะคล้ายกับอสูรพิทักษ์ และยังมีคุณสมบัติหลักของตนเอง มีความสอดคล้องกับร่างกายที่เติบโต”  “ลูกโลหะสีดำของเจ้าใช่วัตถุทดแทนหรือไม่?”  จักรพรรดิมองซ้ายมองขวา ก็ไม่เห็นว่ามีอะไรพิเศษ

“นั่นยังไม่สำเร็จ” เย่ว์หยางตะลึงตอนแรก จากนั้นอธิบายอย่างขัดเขิน “บทบาทของเจ้าสิ่งนี้ก็คือ ใช้เป็นเครื่องมือที่สวมอยู่บนข้อมือ นักรบผู้เยาว์ไม่สามารถสื่อสารกับวิญญาณได้  เราไม่ต้องการให้พวกเขาเป็นเช่นนั้น  กำไลข้อมือนี้ข้าได้ออกแบบเป็นพิเศษ  ในแง่ของการสื่อสารทางจิตวิญญาณ เราเหมือนกับเมล็ดพันธุ์ ให้เพ่งจิตสำนึกที่อุปกรณ์ที่ข้อมือ  เครื่องมือนี้จะปลุกเรียกอสูรหุ่นให้ตื่นขึ้น

“เจ้าหมายความว่ายังไง  สิ่งนี้คือเครื่องประดิษฐ์จักรกลหรือ?”  จักรพรรดิหัวซิ่วรี่ฉลาด สังเกตเห็นสิ่งนี้ออก

“แน่นอน”  เย่ว์หยางขยับเก้าอี้ขึ้นมาอีกเล็กน้อย “สิ่งนี้เทียบได้กับมือ อสูรอัญเชิญนั้นเหมือนกับเครื่องยิงธนู เพียงแค่เหนี่ยวไกก็ยิงลูกศรได้  เขาไม่จำเป็นต้องเข้าใจวิธีการผลิตธนูหน้าไม้ แค่มีหน้าที่เรียนรู้การเหนี่ยวไกหน้าไม้เท่านั้น”

“แนวคิดของเจ้านี้ มีทางเป็นไปได้จริงๆ... ปัญหานี้คลี่คลายก็เพราะเจ้าทุ่มเทให้”  จักรพรรดิปลาบปลื้มเล็กน้อย  ถ้าเป็นเช่นนี้ อย่างนั้นเย่ว์หยางก็ต้องทุ่มเทมากที่สุด  เพราะงานนี้จะต้องทุ่มเทเวลาและชีวิต

“ข้าคิดว่าท่านจะวิพากย์วิจารณ์ข้าเตรียมจัดการนักสู้ของทวีปมังกรทะยานในอนาคตเสียอีก”  เย่ว์หยางปาดเหงื่อ

“สมองของเจ้าเต็มไปด้วยความทะเยอทะยานทุกอย่างเลยหรือ?”  จักรพรรดิอดจริงจังไม่ได้

“เฮ้, ข้าเป็นสุภาพบุรุษที่แท้จริงนะ”  ความปรารถนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเย่ว์หยางก็คือมีสาวงามนั่งคลอเคลียอยู่ข้างๆ

“เจ้าน่ะหรือ?  เอาเถอะ ยังไงก็ตามเจ้าไม่ต้องการรางวัลจริงๆ หรือ?”  จักรพรรดิจู่ๆ ก็รู้สึกปวดหัว ถ้านวัตกรรมนี้สามารถเปลี่ยนได้ทั้งทวีปมังกรทะยาน  นั่นนับเป็นเรื่องสำเร็จจริงๆ  จะให้รางวัลใดกับเจ้าเด็กนี่ดี?  เขาไม่ใช่คนขาดแคลนสมบัติเสียด้วย

“สร้างอสูรหุ่นเป็นเรื่องง่ายมาก  อย่างไรก็ตามส่วนที่ยุ่งยากจริงๆ ก็คือการตรวจสอบศักยภาพและผนึกการสื่อสารวิญญาณ  ข้าคิดว่าท่านคงทำอย่างนี้เพื่อสาวๆ นางใน  ฝ่าบาท! ช่วงเวลาสาวงาม ถ้าท่านคิดว่าแข็งแกร่งงั้นก็รับไปหกนาง ข้าขอรับสี่นางพอ! ท่านคิดยังไง เอากองทัพหญิงงามมารายล้อมรอบตัว  ความรู้สึกอย่างนั้น...”  เย่ว์หยางอดพูดเรื่องสตรีไม่ได้

“เจ้าว่ายังไงนะ?”  จักรพรรดิกริ้ว  กองทัพสาวงาม?  เขารู้ทันทีว่าเจ้าเด็กนี่ไม่มีความคิดดีงาม

“ฝ่าบาท!  ท่านเอาแต่เก็บตัวอยู่ในฮาเร็มทุกวัน  อย่าบอกข้านะว่าท่านไม่ชอบสาวงาม  ช่างเถอะน่า เราๆ ก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน ข้าเข้าใจ ขออภัย  ข้าเห็นท่านไว้ใจได้เหมือนจุนอู๋โหย่ว  ข้าคร้านจะใส่ใจเขา อย่างไรก็ตามท่านอาจจะเป็นคนที่เบื่อง่าย แต่ท่านก็ควรจะติดต่อกับผู้คนให้มากไว้  มิฉะนั้นถ้าท่านเป็นอย่างนี้ต่อไปอีกนาน จิตใจของท่านคงจะไม่แข็งแกร่งแน่!”  เย่ว์หยางตบหน้าอกแสดงให้เห็นว่าเขาเป็นคนจริงกล้าพูดกล้ารักหญิงงาม ก็ต้องพูดออกมาดังๆ

“ไสหัวไป!”  จักรพรรดิกริ้ว เขาใช้เท้าข้างหนึ่งยันใส่เก้าอี้ที่เจ้าเด็กนี่นั่งปลิวลอยออกไปนอกห้อง  เจ้าเด็กนี่กล้าพูดว่าเขาเป็นคนอย่างนั้นหรือ? วอนหาที่ตายเสียแล้ว!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด