ตอนที่ 883 พัฒนาการภูตฟ้าปั่นป่วน
เย่ว์หยางตัดผ่านมิติแปรปรวน เสี่ยวเหวินหลีออกมาช่วยทันที
สีหน้าเธอดูจริงจัง
ขณะจ้องดูข้างหน้าอย่างใจจดจ่อ
เย่ว์หยางไม่ได้เห็นสีหน้าแบบนี้ของเธอมานานเท่าใดแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากได้รับตกทอดความรู้และความทรงจำในภพชาติก่อนที่เมืองเจิ้งฝู พลังจิตตานุภาพของเธอไม่มีอะไรโยกคลอนได้ แต่สถานการณ์ตอนนี้ทำให้เธอกังวล เย่ว์หยางก็สังเกตดูรอบๆ ก็รู้สึกว่าไม่ค่อยดี มิติทั้งหมดคล้ายกับเป็นสนามพลังของคนอื่น พลังงานผันผวนที่นี่กลายเป็นโลกแห่งเพลิง
แปลกตรงที่ แม้แต่เทพก็ไม่น่าจะมีสนามพลังใหญ่ขนาดนี้ได้มิใช่หรือ
เย่ว์หยางใช้พลังจักษุทิพย์มองดู ก็ยังไม่เห็นขอบเขตจุดสิ้นสุดของทะเลเพลิงนี้
ภายใต้เป็นทะเลเพลิง
ไม่มีจุดสิ้นสุด
มีภูเขาไฟนับไม่ถ้วนซ่อนอยู่ภายใต้ทะเลเพลิง และในบางครั้งก็ฉีดพ่นสายลาวาไฟพุ่งขึ้นมาในท้องฟ้า ควันและเถ้าภูเขาไฟม้วนตัวหนาแน่นบดบังพื้นฟ้าและพื้นดิน แม้ว่าเย่ว์หยางจะไม่สามารถเห็นได้ว่ามีอะไรอยู่เหนือเมฆดำครึ้ม เขารู้สึกแต่เพียงว่ามีพลังงานที่แตกต่างไปจากธรรมดาอย่างสิ้นเชิง
อากาศที่มีอุณหภูมิสูงเหมือนกับมีดร้อน กลิ่นกำมะถันจากไฟที่เผาไหม้คละคลุ้งคงอยู่เป็นเวลานาน
“ที่นี่ดูคล้ายกับพื้นที่สนามพลังของคนอื่นอยู่บ้าง แต่สนามพลังไม่น่าจะใหญ่โตขนาดนั้น และถ้านี่เป็นศูนย์รวมของสนามพลัง เราก็ควรจะรู้ได้ถึงขีดจำกัด” โลกเบื้องหน้าดูแปลกประหลาด เย่ว์หยางไม่เข้าใจแม้แต่น้อย เพื่อความไม่ประมาท เขาเรียกองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเสวี่ยอู๋เสียออกมาปรึกษา
“ข้ารู้สึกอึดอัด พลังทำลายล้างแข็งแกร่งมาก และนี่เป็นพลังที่กลืนกินโลกได้” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนขมวดคิ้ว
“คัมภีร์แห่งสัจจะ ไม่มีการแสดงผลที่ชัดเจน” เสวี่ยอู๋เสียมองดูคัมภีร์แห่งสัจจะและส่ายศีรษะ
“พวกเจ้ากลับเข้าไปก่อน ถ้าไม่สามารถสู้ได้ ข้าหนีได้เร็วกว่า” เย่ว์หยางไม่ใช่คนโง่ผู้ยอมตายถ้าเอาชนะไม่ได้ เขาเป็นคนฉลาดที่ค่อยๆ ผ่อนสายป่านเพื่อชนะคนอื่น
ชั้นเชิงแบบนี้ ถ้าจะว่าไปก็ถือว่าดีต้องมีความอดทนผ่อนสั้นผ่อนยาวจนกว่าจะชนะ
จะว่าไม่ดีก็ได้เพราะเป็นรูปแบบที่น่าอดสู
อย่างไรก็ตามในระยะเวลาสั้นๆ เป็นไปไม่ได้ที่เย่ว์หยางจะสู้กับศัตรูทั้งที่พลังยังไม่เพียงพอ เขาไม่ใช่เด็กโง่ไอคิวต่ำ ต่อให้มีพลังพอจะเหยียบย่ำฝ่ายตรงข้ามให้ราบคาบ เขาก็จะแกล้งทำเป็นอ่อนแอได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างหน้าตาเฉย เขาหยันการต่อสู้แบบวีรบุรุษผู้ทรงเกียรติ ต้องทำท่าสง่างามและลงมือฆ่าศัตรูอย่างหมดจดจากนั้นจึงค่อยยิ้ม นั่นคือรูปแบบของเย่ว์หยาง
ก่อนหน้านี้องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนยังเคยดูแคลนพฤติกรรมที่ไร้ยางอายของเขา อย่างไรก็ตามเพราะนางประสบพบเจอหลายอย่างหลายเหตุการณ์ นางจึงพบว่าศัตรูแข็งแกร่งกว่าเขา ถ้าเขาทำตัวเป็นเด็กซื่อยืนหยัดท้าโลก ต่อให้เย่ว์หยางมีร้อยชีวิตก็คงไม่เพียงพอ อย่างช้าๆ นางค่อยเห็นด้วยกับแผนการสู้ของเขา และในที่สุดนางพบว่าแผนการต่อสู้เช่นนี้เป็นเรื่องที่จำเป็น
ส่วนแนวคิดกลยุทธ์ของเสวี่ยอู๋เสียก็คือ ชัยชนะสุดท้ายคือวิถีของราชา
แนวคิดของนางกับเย่ว์หยางจะคล้ายกัน
ก่อนจะกลับเข้าไปในโลกคัมภีร์ เสวี่ยอู๋เสียบอกความเป็นไปได้ทันที “เจ้าบอกว่านี่คือสนามพลัง ข้าคิดว่าเป็นไปได้จริงๆ”
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนตกใจจนสะดุ้ง “ถ้านี่คือสนามพลัง ใครคือเจ้าของสนามพลังนี้? ต่อให้เป็นเทพก็ไม่น่าจะมีสนามพลังใหญ่โตมหึมาขนาดนั้นมิใช่หรือ?”
เสวี่ยอู๋เสียพยักหน้า “สนามพลังของเทพ เราเองก็ไม่เคยพบเห็น ฉะนั้นไม่ต้องพูดถึงเรื่องเวลาเลย แต่ถ้าทะเลเพลิงนี้คือสนามพลัง ข้าคิดว่าเป็นไปได้จริงๆ อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่สนามพลังจิตวิญญาณ แต่เป็นการสำแดงลักษณะของพลังงานบางอย่าง ถ้าทะเลเพลิงนี้แสดงออกมาได้ว่ามีการควบคุมไว้อย่างสมบูรณ์ อย่างนั้นก็จะอธิบายได้ทันที ในตอนแรกเริ่ม ทะเลเพลิงนี้ธรรมดา บางทีอาจใหญ่กว่าสนามพลังของเราเล็กน้อย แต่คงไม่เกินความเป็นจริงไปมาก แต่ถ้าคนที่ควบคุมเพลิงนี้ได้ใช้พลังขยายสนามพลังออกไปเดือนแล้วเดือนเล่า ปีแล้วปีเล่า พอไม่มีใครขัดขวางทะเลเพลิงจึงค่อยๆ ขยายตัวจนกลายเป็นอย่างทุกวันนี้”
หลังจากได้ยินแล้ว เย่ว์หยางทำสมาธิทันที
ผ่านไปนานเขาจึงพยักหน้าและเห็นด้วย “ถูกแล้ว นี่บางทีอาจเป็นพลังของจ้าวอัคคีปีศาจ เพราะนี่คือสนามพลังจริง แต่เป็นการขยายทะเลเพลิงออกไป ไม่ได้ถูกข่มปรามจากสนามพลังคนอื่น”
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนคิดและตอบทันที “ถ้าเป็นอย่างนั้น เจ้าก็ต้องระวังตัวด้วย ทะเลเพลิงนี้อันตรายมาก”
เสวี่ยอู๋เสียตอบ “ถูกแล้ว, ทะเลเพลิงนี้ไม่มีปณิธานข่มบังคับไว้ แต่เกี่ยวกับเจ้าของๆ มัน ต้องมีทางเพิ่มขยายแน่นอน เพราะคนผู้นี้อาจเป็นสุดยอดฝีมือผู้ควบคุมไฟ และมีทางเป็นไปได้ว่าอาจเป็นจ้าวอัคคีปีศาจ ดังนั้นข้าไม่แนะนำให้ใช้เพลิงอมฤตก่อน ผลของการใช้เพลิงอมฤตยังไม่ต้องพูดถึงในตอนนี้ เพราะยอดฝีมือผู้ควบคุมไฟเมื่อเห็นเพลิงอมฤตคงต้องพยายามทุกทางเพื่อต่อสู้เพื่อจับให้ได้ ถ้ามันเขาไม่สามารถเอาชนะได้ เขาคงจะใช้ทุกวิถีทางเพื่อทำลายเจ้าของเพลิงอมฤต เพื่อหลีกเลี่ยงเรื่องนี้ ข้าคิดว่าจะดีที่สุดอย่าเพิ่งใช้เพลิงฟ้าบัวแดง ควรจะใช้พลังน้ำแข็งและพลังสายฟ้าม่วงเป็นดีที่สุด”
เย่ว์หยางยอมฟังข้อเสนอที่มองการณ์ไกลนี้ไว้
และเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ และหลบหนีได้ง่าย เขาแนะนำให้เสี่ยวเหวินหลีกลับเข้าไป
ถ้าฮุยไท่หลางไม่อยู่ที่นั่น เย่ว์หยางไม่ต้องการสู้กับจ้าวอัคคีปีศาจแม้แต่น้อย และจะหันหลังหนีทันทีที่พบเจอ
แต่ถ้าพบ อย่างนั้นเย่ว์หยางตั้งใจจะช่วยมันและใช้เข็มทิศสามพิภพหลบหนีไปจากโลกทะเลเพลิงทันที ในที่อย่างนี้การสู้กับจ้าวอัคคีปีศาจหรือผู้อาวุโสรุ่นก่อนเป็นเรื่องไม่คุ้ม
“เจ้าฮุยไท่หลางไม่ควรจะโง่เข้ามาในโลกทะเลเพลิงนี้ แต่มันเข้ามาท้าทายจ้าวอัคคีปีศาจด้วยตัวเองอย่างนั้นหรือ? มันมักจะขี้ขลาดอยู่เสมอ ไม่ควรจะอยู่ที่นี่เลย!” เย่ว์หยางบ่นกับตัวเอง ยิ่งเขาสำรวจเข้าไปในทะเลเพลิง เขาก็ยิ่งรู้สึกกลัว ทะเลเพลิงนี่ไม่ใช่มีระยะแค่ไม่กี่สิบกิโลเมตร มันคือโลกหนึ่งจริงๆ เย่ว์หยางเทเลพอร์ตหลายสิบครั้ง ระยะบินเกือบพันกิโลเมตร และทะเลเพลิงก็เริ่มเห็นขอบ
“ฮุยไท่หลาง...”
ขณะที่เย่ว์หยางเตรียมจะเรียกเสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนออกมาพูดคุยปรึกษา ภูตเพลิงฟ้าผู้ได้รับพลังปั่นป่วนจากหุบเขาราคะทั้งยังได้รับพลังเทพวิบัติจากหุบเขาราคะ นางออกมาทันที
เดิมทีเย่ว์หยางต้องการใช้นางในหุบเขาอสูร แต่นางเพิ่งมาตื่นเอาในตอนนี้
นางหลอมรวมกับเพลิงอมฤตบริสุทธิ์ได้ และได้รับพลังงานปั่นป่วนของกฎสวรรค์พลังทำลายล้างของเทพวิบัติทั้งหมด ตอนนี้นางวิวัฒนาการเป็นสุดยอดอสูรสายธาตุ ภูตฟ้าปั่นป่วน
บางทีนางรู้สึกได้ถึงพลังไฟมหาศาลซึ่งทำให้นางหิวตามสัญชาตญาณ
นางชูมือขึ้น และทะเลเพลิงในระยะสิบกิโลเมตรรวมกันเป็นเสาเพลิง
นั่นคือสถานการณ์ที่งดงาม
อย่าว่าแต่คนนอกเลย แม้แต่เย่ว์หยางก็ยังไม่เคยเห็น
เปลวเพลิงที่รุนแรงพุ่งขึ้นฟ้าเหมือนสายน้ำตกที่ไหลกลับขึ้นไปในท้องฟ้า และในที่สุดก็ไหลเข้าไปในตัวภูตฟ้าปั่นป่วน
เพราะนางมีพลังงานปั่นป่วนซึ่งสามารถดูดซับความร้อนในโลกแบบเดียวกันได้ นางผ่านการวิวัฒนาการจากภูตเพลิงฟ้า กลายเป็นภูตฟ้าปั่นป่วน เหมือนกับว่านางมีท้องที่ไร้ขีดจำกัดกลืนกินเปลวเพลิงได้ทั้งโลก ยิ่งเพลิงไหลเข้ามานางก็ไม่ปฏิเสธการยอมรับ ไม่ต่อต้านการดูดซับอย่างบ้าคลั่ง นางไม่รู้ว่ามีความร้อนมากขนาดไหน ภายใต้พื้นเท้าของทะเลเพลิง ไม่รู้ว่ามีความร้อนขนาดไหน ภูตฟ้าปั่นป่วนสูบเพลิงสูงสิบเมตรเข้ามาเหมือนกับน้ำตกไฟ แต่สำหรับทั่วทั้งทะเลเพลิง นี่เป็นเหมือนน้ำหยดหนึ่งในทะเลสีเขียวเข้ม และส่วนที่หายไปเป็นเพียงส่วนน้อย แล้วก็หายไป
“ดีแล้ว รอจนกว่าจะหาฮุยไท่หลางเจอ จากนั้นเจ้าค่อยๆ กินไฟนี่ก็ได้ ถ้าเจ้าจะช่วย ก็รีบกลับไปนอนเลย เจ้าไม่ต้องมาช่วย เจ้าช่วยกลับไปก่อน!” เย่ว์หยางพยายามฝึกภูตฟ้าปั่นป่วน
“อืออออ” ภูตฟ้าปั่นป่วนนั้นควบคุมนางได้ยากมาก แต่ถ้าจะมีคนหนึ่งในโลกที่สามารถสั่งนางได้ คนนั้นก็คือเย่ว์หยาง
เมื่อเห็นทะเลเพลิง นางมีสีหน้าเหมือนคนไม่ได้กินอาหารมาสามวันสามคืน
แม้ว่าเย่ว์หยางจะต่อว่า แต่นางก็ยังดูดความร้อนบริสุทธิ์ไปอีกหลายสิบคำ และหยุดอย่างไม่ค่อยเต็มใจ
เย่ว์หยางขอให้นางกลับเข้าไปในโลกคัมภีร์ก่อน ภูตฟ้าปั่นป่วนกำลังวิวัฒนาการก้าวหน้า แม้ว่าพลังของนางจะเพิ่มขึ้นราวกับจรวด แต่การควบคุมตนเองของนางยังไม่ก้าวหน้า นางส่ายศีรษะปฏิเสธคำขอของเย่ว์หยาง นางอาจกังวลว่าเย่ว์หยางจะไม่เรียกนาออกมาอีก แม้ว่านางไม่สามารถห้ามเย่ว์หยางไม่ให้ตามหาฮุยไท่หลางไม่ได้ แต่นางทนกลับเข้าไปไม่ได้ เหมือนกับคนหิว นางไม่กล้าขโมยอาหาร แต่ทนไม่ได้ที่จะกลับเข้าไป
นี่ไม่ใช่แนวทางของนาง เย่ว์หยางส่ายศีรษะและพานางไปด้วยในที่สุด
ในบรรดาอสูรหลายตน นางน่าห่วงน้อยที่สุด
ด้วยความสามารถควบคุมตัวเองที่ต่ำ เมื่อเผชิญหน้ากับทะเลเพลิงโดยไม่ยอมกินพลังงานก็นับว่ายอดเยี่ยมแล้ว
“ฮื่อ!” ภูตฟ้าปั่นป่วนกับเย่ว์หยางเทเลพอร์ตอยู่หลายครั้ง ทันใดนั้นนางใช้นิ้วเปลวไฟชี้ไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ตำแหน่งของฮุยไท่หลาง
“หือ?” เย่ว์หยางทึ่ง เขายังไม่รู้สึกถึงฮุยไท่หลาง แต่นางรู้สึกได้อย่างไร? เขาเป็นนักสู้ปราณราชันย์และยังมีพลังตาทิพย์ที่สุดยอด แต่กลับแพ้การนำทางของนางที่เพิ่งวิวัฒนาการระดับใหม่อย่างนั้นหรือ? เขารู้ดีว่าก่อนนั้นพลังของนางอ่อนแอที่สุดในบรรดาอสูรทั้งหลาย!
ภูตฟ้าปั่นป่วนค่อยๆ ควบแน่นเปลวเพลิงให้เป็นหน้าคนและเปลวเพลิงนั้นแสดงถึงอาการที่โกรธ
ภายใต้สายตาเย่ว์หยาง นางสร้างคลื่นพลังด้วยพลังเทพวิบัติในทะเลเพลิง
ในทันใดนั้นทะเลเพลิงทั้งหมดม้วนตัวหมุนเร็วขึ้นกลายเป็นพายุหมุนสูงเป็นกิโลเมตรและมุ่งไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ทันที
เย่ว์หยางเข้าใจว่าในโลกทะเลเพลิงนี้ภูตฟ้าปั่นป่วนก็ได้รับประโยชน์จากพลังไฟด้วยเช่นกัน นางรู้สึกได้ถึงความคงอยู่ของฮุยไท่หลางผ่านทะเลเพลิง แม้ว่าภูตฟ้าปั่นป่วนจะพุ่งไปข้างหน้าได้เร็ว แต่เย่ว์หยางจับสัญญาณได้ว่ามีศัตรู ฮุยไท่หลางกำลังต่อสู้ และศัตรูแข็งแกร่งมาก ฮุยไท่หลางกำลังสู้อย่างยากลำบาก มิฉะนั้นภูตฟ้าปั่นป่วนคงจะไม่กระตือร้นรีบไปช่วยอย่างรีบร้อนแบบนี้
ฮุยไท่หลางสู้กับจ้าวอัคคีปีศาจจริงๆ หรือ?
เจ้าหมาบ้านี่ มันรู้ว่าตาแก่นั่นยังไม่ตาย ทำไมถึงไม่หนี?
เย่ว์หยางไม่ตั้งใจจะสู้หรือตอแยกับจ้าวอัคคีปีศาจ ถ้าไม่ใช่เพราะพลังทำนายของแพนดอรา เขาเองคงไม่ทราบสถานการณ์ เมื่อเขามาพบโลกทะเลเพลิง มันก็คงไม่ต้องตายที่นี่
“ฮึ่ม, เจ้าต้องรับผิดชอบขัดขวางศัตรูไว้ รอให้ช่วยฮุยไท่หลางก่อน เราค่อยชำระโทษฮุยไท่หลาง เจ้าหมาบ้านี่ พอไม่ได้ออกกำลังนาน ก็ชักคันเนื้อคันตัว!” เย่ว์หยางทั้งดีใจทั้งโกรธ เขาติดตามภูตฟ้าปั่นป่วนไปอย่างกระชั้น เขาไล่ตามร่างพายุหมุนเพลิงที่ใหญ่ขึ้นและเร็วขึ้น พลังเพลิงนั้นมีพลังเทพวิบัติแฝงอยู่และในช่วงเวลาสั้นๆ นี้พลังถูกเร่งเร้าจนถึงขีดสุด
แม้ว่าเขาไม่รู้ว่าจ้าวอัคคีปีศาจจะมีพลังระดับไหน แต่เมื่อเห็นว่าเขาสามารถสร้างทะเลเพลิงได้ เย่ว์หยางรู้สึกว่าการต่อสู้ครั้งนี้คงยากที่สุดในชีวิตของเขา !-!