บทที่ 30: ผู้หญิงหลงตัวเอง!
ไม่นาน
สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าก็มาถึงทางเข้าบ้านไร่ชิงหลิน
“อ่าว นี่ไม่ใช่บ้านไร่ฟู่ไห่หรอกเหรอ? ทำไมเปลี่ยนชื่ออะ?” ฉินเหรินยังไม่รู้เรื่อง เขากับฉินหลินเคยมาเที่ยวที่นี้ด้วยกัน ตอนนั้นเป็นช่วงปิดเทอมฤดูร้อนที่ทั้งคู่ยังเรียนมหาลัยอยู่
เมื่อสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าไปจอกหน้าโถงต้อนรับ เกาเหยาเหยาวันนี้แต่งตัวสวย ๆ ตามคำสั่งก็เดินเข้ามาทักทาย “หวัดดีค่ะเถ้าแก่!”
“หลินจื่อเอ๊ยแม่สาวนี่ไม่เละ... หือ? เด๋วนะ... เถ้าแก่เหรอ?” ฉินเหรินที่มักจะให้ความสนใจกับสาวสวยเป็นประจำจู่ ๆ เป็นต้องสะดุด
“หลินจื่อเป็นเถ้าแก่ของบ้านไร่นี่เหรอ? มิน่าล่ะถึงชื่อบ้านไร่ชิงหลิน!”
“เออหน่ะต้าเหริน ไป ๆ ๆ ไปดูสถานที่ถ่ายทำกัน แล้วเธอคนนี้ชื่อเกาเหยาเหยานะฉันให้เธอมาทำหน้าที่เป็นนางแบบวันนี้” ฉินหลินเรียกพลางเดินนำฉินเหรินเข้าไปในทะเลเฟื่องฟ้า
“เชี่ยยยยยยยยย!” ฉินเหรินตกตะลึงเมื่อเห็นทะเลเฟื่องฟ้าตรงหน้า
“นี่นายทำไอ้นี่เหรอ...”
“อืม! พึ่งทำเสร็จใหม่ ๆ เลย” ฉินหลินพยักหน้า
“โคตร! หลินจื่อนายนี่มันโคตรของโคตรเลยเว่ย!” ฉินเหรินอุทานอย่างตื่นเต้น
เขารู้สถานะทางการเงินของครอบครัวฉินหลินดี ดังนั้นการที่จู่ ๆ ก็ได้มาเห็นอะไรตรงหน้านี้นี่เห็นได้ชัดว่าเขาตกตะลึงขนาดไหน
ทะเลเฟื่องฟ้านี่ราคาเท่าไหร่นิ?
กระนั้นเขาก็ไม่ได้ถาม เพราะถ้าถามล่ะก็มันจะเสียบรรยากาศดี ๆ เอา สุดท้ายแล้วทุก ๆ คนล้วนมีโอกาสและโชควาสนาของตัวเอง บางที่พี่น้องคนนี้อาจถูกลอตเตอรีหรือไม่ก็หาคนมาช่วยลงทุนให้ก็เป็นได้ใครจะรู้
ฉินหลินบอกด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มว่า “เอาล่ะต้าเหริน ฉันอยากจะจ้างให้สตูดิโอของนายมาถ่ายวิดีโอโฆษณาโปรโมททะเลเฟื่องฟ้านี่ให้”
“เอ่ออออออออ...” ฉินเหรินรู้สึกขมขื่นทันทีเมื่อได้ยินสิ่งนี้
“ฉันทำคนเดียวไม่ได้!”
“ก็ถึงบอกไงว่าจ้างสตูของนาย อย่าลืมส่วนลดด้วยล่ะ!” ฉินหลินย้ำอีกรอบ
“ส่วนลดน่ะจัดให้อยู่แล้ว! แต่เด๋วจะจัดออปชันเสริมที่ดีที่สุดให้ด้วยเลย เพราะงั้นอย่าลืมให้ห้าดาวด้วยนะ!” ฉินเหรินไม่เสียเวลาพูดมากแล้วหยิบมือถือออกมาโทรอย่างด่วน
งานนี่เขาทำคนเดียวไม่ได้ และเขาก็รู้ด้วยว่าฉินหลินกำลังช่วยเหลือธุรกิจของเขาด้วย ดังนั้นงานนี้จะต้องทำให้ดีที่สุดอย่างแน่นอน
“ฮุฮิ อะฮึ ๆ ๆ ๆ”
ฉินหลินเห็นเกาเหยาเหยายิ้มโง่ ๆ เซ่อ ๆ แล้วก็หัวเราะคิกคักอะไรไม่รู้กับหน้าจอมือถืออยู่ก็จึงรู้สึกสงสัยเลยถามว่า “ทำไมหัวเราะงั้นอะ?”
เมื่อเกาเหยาเหยาได้ยินก็กลับมาได้สติแล้วบอกว่า “เถ้าแก่ว่าถ้าฉันไปจดลิขสิทธิ์โร่วกวงปิ่ง (ขนมปังใส้เนื้อ) โหยวเฉิงแล้ว เวลาไปร้านไหนที่มีหนมปังใส้เนื้อโหยวเฉิงขายแล้วฉันจะได้กินฟรีมั้ยคะ? ก็พวกนั้นเค้าใช้ชื่อผลิตภัณฑ์ของฉันนี่นา”
“เฮ่ย! คิดบ้าอะไรของหล่อนเนี่ย? ไม่กลัวโดนซ้อมไง?” ฉินหลินตกใจกับความใจกล้าของแม่สาวน้อย
เกาเหยาเหยาก็หดหัวแล้วอธิบายว่า “ก็แหม ฉันเห็นในคลิปนี่นา มีคนไปจดลิขสิทธิ์โร่วเจียโหม่ว (ขนมปังแซนด์วิชเนื้อ) แล้วไปไล่ฟ้องร้านที่ขายโร่วเจียโหม่วตั้งหลายร้านแถมยังเรียกค่าลิขสิทธิ์ร้านละตั้งเกือบแสนแหน่ะค่ะ”
“หา?” ฉินหลินเหลือจะเชื่อ
‘ถ้าเกิดมันชนะจริง ๆ จะได้เงินขนาดไหนล่ะนั่นน่ะ? พริบตาเดียวกลายเป็นเศรษฐีหมื่นล้านเลยมั้ง ง่ายกว่าธรุกิจไร้ต้นทุนที่กรูทำอยู่ตอนนี้ซะอีก!’
สมัยนี้นักเลงหัวไม้ไม่ได้น่ากลัว แต่ที่น่ากลัวคือนักเลงหัวไม้ที่มีการศึกษา
ทำเอาเขาเกิดความคิดชั่ววูบขึ้นมาเลยว่าไปหาจดลิขสิทธิ์โร่วกวงปิ่นโหยวเฉิง บะหมี่ชุนเฉิง หัวหมูเนื้อล้วนแล้วเอาแบบไอ้คนนั้นบ้างดีมั้ยวะ!
แต่มันก็แค่ความคิดชั่ววูบ ขืนทำจริง ๆ ล่ะก็เขาจะได้โดนรุมสะกรัมจริง ๆ ด้วยเหมือนกันน่ะสิ เผลอ ๆ จะโดนเจ้าหน้าที่บ้านเมืองจับติดคุกเอาอีกต่างหาก เรื่องแบบนี้ถ้าเกิดมีคนยอมจ่ายจริง ๆ ล่ะก็คงมีพวกบ้า ๆ บอ ๆ เอาอย่างกันเป็นพรวนน่ะสิ แบบนั้นสังคมไม่วุ่นก็แปลกละ
..........................................................
หลังจากที่ฉินเหรินโทรเรียก หุ้นส่วนทั้งสามคนจากสตูดิโอก็มาถึงอย่างรวดเร็ว
เมื่อพวกเขาทั้งสามมาถึงบ้านไร่และเห็นทะเลเฟื่องฟ้าก็พากันตกใจอุทานหยาบออกมาไม่ต่างกัน
ตอนแรกพวกเขาคิดแค่ว่าฉินเหรินแค่มาช่วยพี่น้องเฉย ๆ เป็นเรื่องส่วนตัวไม่เกี่ยวกับสตูดิโอ แต่ไม่คิดว่าพี่น้องของเจ้าหมอนี่จะจัดงานใหญ่ที่โคตรใหญ่แบบนี้มาให้
ทำไมวะ? ทำไมเราไม่เห็นจะมีพี่น้องแบบนี้บ้างเลยวะหา!?
แค่นั้นยังไม่พอ ในตอนที่ฉินเหรินแอนด์เดอะแก็งก์เข้าไปถ่ายข้างในก็ยิ่งต้องตกใจกว่าเดิมอีก เพราะข้างนอกที่เป็นรั้วว่าสวยแล้ว ข้างในกลับสวบกว่าเยอะ และพอไปถึงโซนกลางพวกเขาทั้งหมดก็ถึงกับเหม่อไปพักหนึ่งเลย
ด้วยความร่วมมือของนางแบบบ้านไร่ที่แสดงออกมาได้ดีมากนั้นทำให้พวกเขารู้สึกว่าวิดีโอของตนอย่างกับภาพประกอบบทกวีไปแล้ว งดงามจนกลายเป็นงานศิลปะ
“เก่งนี่หว่าฉินเหริน ดูท่าฝีมือการถ่ายของนายจะพัฒนาขึ้นแล้วนา น่าจะเรียกว่ามาสเตอร์ฉินได้แล้วมั้งหนิ นึกว่าผู้เชี่ยวชาญมาถ่ายให้เลยอะ” หุ้นส่วนพูดด้วยความประหลาดใจ
“เป็นเพราะที่นี่งดงามเกินไปตะหากเล่า” ฉินเหรินเองก็ยิ้มออก เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาถ่ายวิดีโอกับภาพโฆษณาโปรโมตที่ออกมาอย่างสมบูรณ์แบบขนาดนี้
ยิ่งกับเฟื่องฟ้าต้นที่เด่นที่สุดนั่นน่ะ ภาพที่ได้ไม่ต่างจากผู้เชี่ยวชาญชั้นนำมาถ่ายเองเลยอย่างที่เพื่อนมันว่าจริง ๆ
แน่นอนว่าเขาไม่รู้อยู่แล้วว่าต้นเฟื่องฟ้ามีโบนัสคุณสมบัติจากเกม
เฟื่องฟ้าเลเวล 3 มีคุณสมบัติขึ้นกล้อง +3 เลยเชียวนา ไม่ใช่ธรรมดา!
“หลินจื่อ เด๋วคืนนี้เราจะทำโอกันทั้งคืนเลยเอาแค่ของนายงานเดียวนี่แหล่ะ แล้วเด๋วจะส่งให้พรุ่งนี้นะ” ฉินเหรินสัญญากับฉินหลินก่อนจะกลับไป
เมื่อกลับถึงสตูดิโอฉินเหรินก็บอกกับหุ้นส่วนทั้งหลายว่า “เอาล่ะทุกคน! คืนนี้ทำโอกันทั้งคืนไม่ต้องกลับบ้าน! อย่าให้ฉันต้องอับอายขายหน้าต่อหน้าพี่น้องเชียวล่ะ!”
คนอื่น ๆ ก็ยิ้มและพยักหน้าตอบรับ
พวกเขาไม่ได้โง่นี่เนอะ ตอนกำลังถ่ายงานอยู่นั้นพวกเขาก็รู้อยู่แล้วว่าทะเลเฟื่องฟ้านี่ต้องดังระเบิดชัวร์ ๆ และวิดีโอโฆษณาโปรโมตที่พวกเขาถ่ายก็จะกลายเป็นการประชาสัมพันธ์ให้ตัวเองไปในตัวด้วย เพราะงั้นงานนี้ต้องเอาให้สมบูรณ์แบบ!
...................................................
ตกตอนเย็น
เลี่ยวลี่พาฉู่น่าลูกพี่ลูกน้องของเธอมาที่สตูอีกครั้ง จากนั้นเธอก็ไปชะเง้อมองงานที่คู่หมั้นกำลังทำอยู่ และเมื่อได้เห็นวิดีโอที่เขากำลังตัดต่ออยู่นั้นก็ถึงกับอุทานออกมา “สามี! เธอไปเอาคลิปพวกนี้มาจากไหนอะ! สวยมากเลยนะเนี่ย!”
แม้แต่ฉู่น่าเองก็ถามอย่างอยากรู้อยากเห็นเหมือนกัน “อำเภอโหยวเฉิงเรามีที่สวย ๆ แบบนี้ด้วยงั้นเหรอ?”
ขนาดในคลิปยังสวยขนาดนี้ แล้วของจริงล่ะจะสวยขนาดไหน
เมื่อฉินเหรินเห็นคู่หมั้นตัวเองถามเขาพูดอย่างภาคภูมิใจว่า “จะบอกไรให้น้าเสี่ยวลี่ลี่ เจ้าฉินหลินน่ะมันเสือซ่อนเล็บแท้ ๆ เล่นสร้างบ้านไร่กับทะเลเฟื่องฟ้าซะยิ่งใหญ่เลยทีเดียวเชียวแหล่ะ เฟื่องฟ้าที่เธอเห็นอยู่นี่น่ะใหญ่ตั้งสามสิบหมู่เลยเชียวนา ราคาน่าจะสองสามล้านได้เลยมั้ง เจ้าเด็กนี่มันเจ๋งจริง ๆ เล้ย~”
ทางด้านเลี่ยวลี่ขนาดได้ยินคำพูดที่เต็มไปด้วยอารมณ์ชื่นชมยินดีมีความสุขกับพี่น้องตนเองของคู่หมั้นแล้วยังไม่คิดที่จะเชื่อเลย
นั่นเพราะเธอรู้สถานการณ์ของครอบครัวคู่หมั้นเธอดี
กลับกันคือฉู่น่ากำลังรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
‘เราพลาดเหรอ? เอาจริงดิ?’
เลี่ยวลี่ไม่รบกวนการทำงานของคู่หมั้นและดึงลูกพี่ลูกน้องไปหาอะไรเล่นกัน
“ลี่ลี่จ๋า เอาวีแชทฉินหลินมาหน่อยสิจ๊า~” ฉู่น่าออดอ้อน
“ตอนนั้นไหนว่าล้อเล่นล่ะฮึ?” เลี่ยวลี่หยอกล้อ
“ก็ตอนนั้นฉันยังไม่รู้นี่ว่าหมอนั่นมีออปชั่นดี ๆ แบบนี้ด้วย ผู้หญิงที่ไหนไม่อยากหาผู้ชายออปชันดี ๆ บ้างล่ะ” ฉู่น่าไม่สนใจ
เลี่ยวลี่เห็นท่าทีเอาจริงเอาจังแบบนั้นก็จำต้องมอบวีแชทของฉินหลินให้ไปอย่างช่วยไม่ได้
ฉู่น่าเพิ่มแอดวีแชทเขาทันที
ทางด้านฉินหลินที่ได้รับคำขอเป็นเพื่อนมาก็ตอบรับไปส่ง ๆ ซึ่งเสียงแจ้งเตือนก็ดังมาอย่างไว “ฉันเป็นลูกพี่ลูกน้องของเลี่ยวลี่นะ เราเป็นเพื่อนกันได้ป๊ะ?”
ฉินหลินอ่านแล้วก็ขมวดคิ้ว ‘ทำไมจู่ ๆ ลูกพี่ลูกน้องของเลี่ยวลี่ถึงแอดมาล่ะเนี่ย?’
เขาลองเปิดโปรไฟล์ของเธอดูและพบว่ารูปทุกรูปนี่น่าจะโดนแอพ P ไปอย่างหนักหน่วง (น่าจะโฟโต้ชอปนะ) แต่เขาก็จำได้ลาง ๆ ว่าเป็นคนที่นั่งอยู่กับเลี่ยวลี่ที่เจอทั้งสองรอบ
แต่ว่าหน้าปกกับหน้างานนี่มัน... ไม่ตรงอะ คือเบี้ยวไปไกลมาก
และฉินหลินเองก็ไม่ได้โง่ เขาพอจะเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้นอยู่บ้าง ไม่งั้นเจอหน้ากันตรง ๆ ตั้งสองครั้งทำไมไม่เห็นจะขอวีแชทซักครั้งเลยล่ะ?
หลังจากที่เขามีโม่ชิงแล้ว หากไม่มีอุบัติเหตุอะไรเหมือนแบบตอนนี้ล่ะก็เขาจะไม่เพิ่มผู้หญิงในวีแชทของตนเพื่อเป็นการแสดงความเคารพในตัวเธอ ดังนั้นโดยปกติแล้วเขาจะปฏิเสธอย่างห้วน ๆ ไปเลย ทว่าอีกฝ่ายเป็นลูกพี่ลูกน้องของเลี่ยวลี่ จะตอบห้วน ๆ เลยก็ไม่ได้มันเสียมารยาท ต้องปฏิเสธอย่างสุภาพชนและมีชั้นเชิงว่า “ขอโทษจริง ๆ ครับ คือภรรยาผมดุไม่อนุญาตให้แอดเพศตรงข้ามน่ะครับ”
อีกฝั่งหนึ่ง
ลูกพี่ลูกน้องของเลี่ยวลี่ได้อ่านก็ตะลึง “ลี่ลี่ ๆ ฉินหลินแต่งงานแล้วทำไมไม่บอก!”
“???” เลี่ยวลี่ตะลึงกว่า
‘ฉินหลินแต่งงาน? ขนาดฉินเหรินที่สนิทกับหมอนั่นที่สุดยังบอกเลยว่าหมอนั่นยังไม่แต่ง!’
แล้วเธอก็เดาออกว่าฉินหลินคงจะเดาแผนของลูกพี่ลูกน้องเธอออกเลยปฏิเสธอย่างมีชั้นเชิงล่ะสิ คิดได้ดังนั้นก็เลยตัดสินใจไม่เตือนลูกพี่ลูกน้องตัวเอง ก็นะ เห็น ๆ อยู่ว่าอีกฝ่ายไม่เล่นด้วยนี่นา
ลูกพี่ลูกน้องของเธอเป็นเพียงสาวบ้าน ๆ ธรรมดา ๆ ชอบใช้แอพ P แต่งภาพตัวเองให้สวย ๆ แล้วเอาลงโซเชียลเพื่อให้หนุ่ม ๆ ทั้งหลายที่ไม่เคยเห็นหน้าจริงของนางมาพูดจาชื่นชม ดังนั้นนางก็เลยหลงตัวเองไปว่าตัวเองน่ะดีจริง ๆ
แต่จริง ๆ แล้วนางกลับเป็นผู้หญิงเหลือ ๆ ที่ต้องการจับหนุ่ม ๆ หล่อ ๆ รวย ๆ นั่นแหล่ะ ทว่าพวกหนุ่ม ๆ หล่อ ๆ รวย ๆ ที่ว่านั่นกลับไม่ได้ชอบนางเลยเนี่ยซี้~