ตอนที่แล้วบทที่ 204 นักพรตอวี้ไม่จำเป็นต้องสุภาพ ข้าจะนอนห้องท่าน!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 206 แผนการพิเศษของอวี้ชิงหลัน!

(ฟรี) บทที่ 205 ทักษะศักดิ์สิทธิ์ การโจมตีทางวิญญาณ!


“วันนี้ข้าเหนื่อยมากกับการเล่านิทานและสวดคาถา” หลี่หรานนอนอยู่บนเตียงดูหมดแรง

เหนื่อย?

อวี้ชิงหลันส่ายหัว

เลือดและพลังปราณของชายผู้นี้มีมากมาย พลังวิญญาณของเขาอุดมสมบูรณ์ และจิตวิญญาณของเขาก็แข็งแกร่งยิ่งกว่าขอบเขตเทวะแปรผัน คนแบบนี้จะเหนื่อยล้าได้ยังไง?

อย่างไรก็ตาม หลินหลางเยว่ยังคงรู้สึกกังวล

นางถามด้วยความเป็นห่วง “บุตรศักดิ์สิทธิ์หลี่ เจ้าเป็นยังไงบ้าง?”

หลี่หรานตอบว่า “ข้าสบายดี แต่จะดีกว่านี้ถ้ามีคนช่วยนวดไหล่ให้ข้า”

“อา…”

หลินหลางเยว่มองไปที่อวี้ชิงหลันอย่างระมัดระวังและพูดด้วยใบหน้าแดงก่ำ “นั่นไม่ดี ท่านอาจารย์ยังอยู่ที่นี่”

หลี่หรานเงยหน้าขึ้น “โอ้? นักพรตอวี้ยังไม่ไปอีกหรือ?”

อวี้ชิงหลันอยากจะอาเจียนเป็นเลือด

‘นี่มันห้องของข้า เจ้าสิต้องไป!’

และความหมายเบื้องหลังคำพูดเหล่านั้นราวกับว่านางเป็นก้างขวางคอพวกเขา?

อวี้ชิงหลันเต็มไปด้วยความเกลียดชังและหมดหนทาง

เพื่อตอบแทนความเมตตาของเขาต่อสถาบันเทียนซู นางคงไม่กล้าไล่เขาออกไป

อย่างไรก็ตาม นางยังกังวลเล็กน้อย

เขาอยู่ในนิกายเพียงไม่กี่วันแต่เขาเกือบจะล้างสมองกลุ่มผู้ดูแลไปแล้ว หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไปทั้งสถาบันเทียนซูจะถูกเขาชักนำให้หลงผิด

นอกจากนี้นางยังมีความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้

นับตั้งแต่ที่หลี่หรานเล่าเรื่องห้องรักหอตะวันตกและพูดคำแปลกๆกับนาง หัวใจเต๋าของนางก็ไม่สามารถสงบลงได้เลย

ในบางครั้งที่พวกเขาสบตากันนางจะรู้สึกกระวนกระวายเล็กน้อย

ความรู้สึกนี้เป็นสิ่งที่นางไม่เคยมีมาก่อน และนางก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกไม่สบายใจ

“ลืมมันซะ มันก็แค่ห้อง บุตรศักดิ์สิทธิ์หลี่สามารถอยู่ได้นานเท่าที่ต้องการ” อวี้ชิงหลันถอนหายใจ

พูดจบนางก็หันหลังกลับและจากไป

หลี่หรานยิ้มและพูดว่า “อันที่จริงนักพรตอวี้ก็สามารถนอนที่นี่ได้เช่นกัน ข้าไม่รังเกียจอยู่แล้ว”

อวี้ชิงหลันเกือบสะดุดขอบประตูเมื่อได้ยินสิ่งนี้

นางพูดด้วยความโกรธโดยไม่หันศีรษะกลับไป “ไม่มีทาง!”

จากนั้นนางก็ผลักประตูและทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า

รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหลี่หราน

“นักพรตอวี้คนนี้ค่อนข้างน่าสนใจ”

หลังจากติดต่อกันสองสามวันนี้ เขาก็ค้นพบว่าแม้บุคลิกของนางจะเย็นชาราวกับน้ำแข็ง แต่นางก็ไม่ได้เป็นคนอวดดีอย่างที่เขาจินตนาการไว้

และบางครั้งนางก็ค่อนข้างจะ... น่ารัก?

เขาส่ายหัวและไม่คิดถึงเรื่องนี้อีกต่อไป

จากนั้นก็หลับตาและเปิดแผงระบบ

ช่วงเวลาที่พลังวิญญาณของเขาถูกดูดซับอย่างสมบูรณ์ ภารกิจของระบบก็เสร็จสิ้น

【ภารกิจเสร็จสิ้น】

【ระดับความสำเร็จ: สมบูรณ์แบบ】

【รางวัล: หีบสมบัติระดับสุดยอด x1】

ในดินแดนอาสัญฆาต เขาขัดเกลาวิญญาณที่เหลืออยู่มากกว่าแปดสิบเปอร์เซ็นต์ แน่นอนว่าเขาย่อมเสร็จสิ้นภารกิจอย่างสมบูรณ์แบบ

“เปิดหีบสมบัติ”

【ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ที่ได้รับทักษะศักดิ์สิทธิ์ “สังสารวัฏต้องห้าม”!】

“สังสารวัฏต้องห้าม?”

หลี่หรานลูบริมฝีปากของเขา

เมื่อตรวจสอบอย่างใกล้ชิด เขาก็พบว่ามันคือทักษะศักดิ์สิทธิ์สำหรับการโจมตีทางวิญญาณ

ทักษะศักดิ์สิทธิ์นี้สามารถควบแน่นพลังวิญญาณทั้งหมดของเขาเพื่อแยกจิตวิญญาณออกจากร่างกายของศัตรู ตัดความสัมพันธ์ทั้งหมดกับโลกภายนอก

ถ้าพลังวิญญาณของเขาแข็งแกร่งพอ เขาอาจจะสามารถทำลายจิตวิญญาณของอีกฝ่ายได้และทำให้แน่ใจว่าคนผู้นั้นจะไม่มีวันกลับชาติมาเกิด

หลี่หรานแอบพยักหน้า “เยี่ยมเลย มันค่อนข้างเหมาะกับข้า”

จิตวิญญาณของเขาแข็งแกร่งมาก แต่การบ่มเพาะของเขาอยู่ที่ขอบเขตกำเนิดจิตวิญญาณ เท่านั้น เขาขาดวิธีการโจมตีทางวิญญาณอยู่พอดี

ทักษะศักดิ์สิทธิ์นี้ถือได้ว่าช่วยชดเชยข้อบกพร่องของเขา

พลังของมันไร้ที่เปรียบอย่างแท้จริง และหากไม่มีการเตือนล่วงหน้า มันสามารถเป็นการโจมตีถึงตายได้เลย

ข้อเสียเพียงอย่างเดียวคือใช้พลังวิญญาณมากเกินไป

ถ้ามันล้มเหลว เขาจะเข้าสู่ช่วงเวลาที่ร่างกายอ่อนแอลงอย่างมาก

“ถ้าไม่สามารถฆ่าได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว ข้าจะพยายามไม่ใช้มันออกมาส่งๆ”

ยังไงก็ตาม การมีไพ่ตายเพิ่มขึ้นอีกใบย่อมเป็นเรื่องดี

เมื่อเทียบกับรางวัลของภารกิจนี้ การขัดเกลาจิตวิญญาณเป็นประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่หลี่หรานได้รับ

เขาไม่แน่ใจว่าจิตวิญญาณของเขาแข็งแกร่งแค่ไหน แต่จากการเปรียบเทียบในความทรงจำ มันเหนือล้ำกว่าอวี้เย่ที่อยู่ขอบเขตเทวะแปรผันขั้นแรกอย่างแน่นอน

ต้องรู้ว่าหนทางเดียวสำหรับขอบเขตกำเนิดจิตวิญญาณที่จะทะลวงไปสู่ขอบเขตเทวะแปรผันคือขัดเกลาจิตวิญญาณ

ยิ่งจิตวิญญาณของเขาแข็งแกร่ง การบ่มเพาะของเขาจะยิ่งราบรื่น

ตราบใดที่เขาดูดซับพลังงานวิญญาณได้เพียงพอ มันก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะทะลวงระดับ

“ข้าแค่ต้องปล่อยให้เทคนิคพิชิตสวรรค์บ่มเพาะต่อไปเรื่อยๆ”

จิตใจของหลี่หรานจมลงสู่จุดตันเถียนเพื่อตรวจสอบสภาพของร่างอเมทิสต์

“เอ๊ะ?” ร่างเล็กๆนั้นต่างจากเมื่อก่อน

แม้ว่ามันจะยังคงนั่งไขว่ห้างอยู่บนพื้นทะเลสาบ แต่กลับมีแสงเจิดจ้าอยู่ข้างหลังมัน

แสงสีทอง หมอกดำ และแสงพุทธะประสานเข้าด้วยกันดูแปลกประหลาดอย่างยิ่ง

เขาส่งสัมผัสเข้าไปหามันอย่างระมัดระวังและตระหนักได้ในทันที

แสงทั้งสามประเภทเป็นตัวแทนของพลังเต๋า พลังพุทธะ และเต๋าปีศาจ พลังสามประเภทที่เทคนิคพิชิตสวรรค์สามารถขัดเกลาได้ตอนนี้ปรากฏขึ้นอย่างสมบูรณ์

มีเส้นสายสีแดงและสีขาวในทะเลสาบพลังวิญญาณ พวกมันว่องไวราวกับปลาในทะเลสาบ และจำนวนของพวกมันเพิ่มขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก

ดูเหมือนว่าพลังสายเลือดของเขาก็แข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน

หัวใจของหลี่หรานเต็มไปด้วยความพึงพอใจ “ข้าได้รับอะไรมากมายจากการมาที่เทือกเขาหยุนเฟิงในครั้งนี้!”

หลินหลางเยว่มองไปที่หลี่หราน

ดวงตาของเขาปิดแน่น สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปมา และบางครั้งเขาก็ขมวดคิ้ว

ดูเหมือนว่าเขาจะอาการไม่ดีจริงๆ

“จิตวิญญาณของเขาได้รับบาดเจ็บตั้งแต่แรก และเพื่อช่วยทำให้จิตใจของข้ามั่นคงเขายังใช้พลังวิญญาณไปมากมาย เขาคงเหนื่อยล้ามากเลยใช่ไหม?” หัวใจของหลินหลางเยว่เจ็บปวด

นางเดินไปที่ข้างเตียงแล้วนั่งลง หลังจากลังเลอยู่พักหนึ่ง นางก็รวบรวมความกล้าได้ในที่สุด

นางยกศีรษะของหลี่หรานมาวางไว้บนต้นขาของนางอย่างเบามือ

นางอดทนต่อความเขินอายในใจอย่างฝืนทนและใช้นิ้วขาวเรียวนวดศีรษะเขาเบาๆ

ร่องรอยของพลังวิญญาณไหลผ่านปลายนิ้วของนาง พยายามช่วยให้เขาคลายความเหนื่อยล้า

มองดูใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาในระยะใกล้ ใบหน้าสวยของนางก็เปลี่ยนเป็นสีแดง และความอ่อนโยนในดวงตาของนางก็แทบจะล้นออกมา

“ท่าน...”

อวี้ชิงหลันยืนอยู่บนยอดเขา

เสื้อคลุมนักพรตของนางขาวราวกับหิมะ เสื้อผ้าของนางปลิวไสว ท่วงท่าของนางไม่ธรรมดา ราวกับว่านางกำลังจะก้าวขึ้นสู่ความเป็นอมตะในวินาทีถัดไป อย่างไรก็ตาม ดวงตาของนางล่องลอยขณะที่นางจ้องมองไปไกลอย่างว่างเปล่าโดยไม่ได้โฟกัสสิ่งใดเลย

หัวใจนางเต็มไปด้วยอารมณ์มากมาย

‘คนที่ละทิ้งเจ็ดอารมณ์หกปรารถนาจะยังเป็นมนุษย์อยู่อีกหรือ?’

‘การละทิ้งอารมณ์และตามหาความลับแห่งสวรรค์นั้นเป็นเรื่องเหลวไหล!’

‘ท่านจะอยากนอนในอ้อมกอดของเขา อยากทำตัวเป็นเด็กเอาแต่ใจ อยากหลอมละลายไปกับเขา อยากมอบความอ่อนโยนทั้งหมดให้กับเขา’

คำพูดที่หลี่หรานพูดในระหว่างวันยังคงวนเวียนอยู่ในใจของนาง

ฉากนั้นหวนกลับมา และในที่สุดมันก็กลายเป็นใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาที่หัวเราะคิกคักและพูดกับนางว่า ‘นักพรตอวี้คิดเช่นนั้นเพราะท่านยังไม่เจอคนที่ใช่’

“คนที่ใช่?”

ร่องรอยของความสับสนฉายผ่านดวงตาของอวี้ชิงหลัน

“นักพรตเต๋าผู้ต่ำต้อยคนนี้บ่มเพาะมาตั้งแต่เด็กและไม่เคยตั้งคำถามกับเต๋าแห่งการลืมเลือน แม้ตอนนี้ข้าก็ยังคงเชื่อว่ามันคือเต๋าที่ยิ่งใหญ่”

“แต่อย่างที่เขาพูด ข้าไม่เคยมีความรัก แล้วข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าสิ่งนี้ผิดหรือถูก?”

นางยกแขนขึ้นและมองไปที่ด้ายสีแดงจางๆบนข้อมือ

“ถ้าข้าไร้หัวใจจริงๆ ด้ายสีแดงเส้นนี้จะผูกมัดกับข้าได้อย่างไร?”

/////