ตอนที่ 879 กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ความกล้าหาญของกั๊ตและเคิร์ทไม่ได้สร้างปัญหาอะไรให้กับหน่วยสุญญตาเลย เนื่องจากพวกเขาเพ่งสมาธิอยู่กับเรื่องเดียว
โจมตี! โจมตีเต็มกำลัง!
พวกเขาไม่เคยได้รับพลังอย่างเข้มข้นแบบนั้นมาก่อน พลังงานที่ถ่ายเข้าไปในอาวุธเรือรบสร้างผลกระทบเล็กน้อยกับอสูรร้ายที่เหมือนคนเหล่านี้ แม้ว่าพวกเขาจะไม่แข็งแกร่งเท่ากับอาโมรี่และหานปิงหนิงจนถึงขั้นใช้อาวุธเรือรบเพียงคนเดียว แต่พวกเขาก็ยังเหนือกว่าทหารมาตรฐานชั้นสูงสุดยอดของดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์หลายเท่าตัว
กั๊ตและเคิร์ทไม่เคยคิดว่าจะมีทางเป็นไปได้ต่อให้เขาคิดจนศีรษะแตกก็ตามว่าจะมีสิ่งที่เรียกว่าร่างพลังกายเป็นศูนย์อยู่ในโลกนี้ ในแดนบาปพวกเขาได้ปรับตัวผ่านกฎธรรมชาติและฝึกดาบมารพิฆาตจนร่างกายแข็งแกร่งอยู่ในระดับที่น่ากลัว แม้แต่ในเรื่องการควบคุมอาวุธเรือรบหน่วยสุญญตายังด้อยอยู่เมื่อเทียบกับเคิร์ทและกั๊ตแต่ก็ไม่เป็นเรื่องสำคัญ
ร่างกายที่ไม่ธรรมดาของพวกเขาชดเชยจุดอ่อนทางด้านนี้ได้ ถ้าพวกเขายิงไม่ถูกเป้าหมาย ก็ไม่เป็นไรพวกเขาก็แค่ลองยิงใหม่สองสามครั้ง เพราะเวลาทำให้เคิร์ท กั๊ตและพวกที่เหลือพอจะเริ่มโจมตีหน่วยสุญญตาก็เริ่มโจมตีไปสองสามครั้งแล้ว
เนี่ยชิวยังคงสังเกตตรงจุดนี้ ดังนั้นในการฝึกเขาไม่เคยกดดันให้ถูกต้อง แต่สำหรับการประสานพลัง การใช้การประสานพลังก็เพื่อให้ได้จำนวนโจมตีที่เท่ากันสร้างห่าฝนพลังโจมตีป้องกันศัตรูหลบหนีไม่ได้ลดความสามารถในการสร้างความบาดเจ็บของพวกเขาให้ลดลง แต่จะทำให้แกร่งกล้าขึ้น จะถูกต้องหรือไม่ก็ไม่สำคัญ
ร่างกายที่ไม่เหมือนใครของพวกเขาไม่เพียงแต่ขับเคลื่อนกลยุทธมาถึงระดับนี้ได้เท่านั้น ถ้ากั๊ตและเคิร์ทได้ขึ้นเรือรังสีกัมปนาทแล้ว พวกเขาจะต้องตกใจเมื่อได้ทราบว่าอาวุธเรือรบที่ทรงพลังทั้งหมดควบคุมด้วยกำลังคนเต็มที่เพียง20 คนเท่านั้น!
เป็นไปไม่ได้เลยสำหรับเรือรบลำอื่น มาตรฐาน 20คนจะเอาไว้ใช้ควบคุมอาวุธเรือรบที่มีขนาดเล็กกว่าในดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ อาวุธเรือรบที่แข็งแกร่งกว่าและขนาดใหญ่กว่าทั้งหมดต้องการคนผลัดเปลี่ยนเป็นจำนวนหลายร้อยคน ไม่เพียงแต่ยากจะควบคุมเท่านั้นแต่ระดับพลังโจมตียังต่ำมาก และได้รับผลสะท้อนจากอาวุธเรือรบจำนวนมากที่สามารถติดตั้งในเรือรบ
จำนวนการรับผลสะท้อนพลังงานของทหารที่มีร่างพลังกายเป็นศูนย์สามารถทนได้เหนือกว่าทหารธรรมดา ดังนั้นไม่เพียงแต่เพิ่มพลังโจมตีถี่ๆ ได้เท่านั้น แต่ยังเพิ่มกำลังคนให้กับพลประจำอาวุธเรือรบ ทั้งหมดนี้หมายความว่าเรือรบมีการติดตั้งอาวุธประจำเรือรบได้มาก นี่ยังเป็นเหตุผลที่เมื่อเคิร์ทและพวกเขาเห็นจำนวนแสงที่ยิงออกมาจากเรือรบรังสีกัมปนาทมองดูเหมือนกับเม่นแสง พวกเขาเชื่อว่าจำนวนอาวุธบนเรือรบรังสีกัมปนาทำลายสถิติเรือรบในดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมด
อาวุธเรือรบยิ่งมีมาก พวกเขาก็สามารถโจมตีได้เร็วมากขึ้น สามารถระดมโจมตีได้ถี่เป็นสายฝนจนดูเหมือนกับทะเลแสง
สมาชิกหน่วยสุญญตาไม่ทราบถึงความตื่นตระหนกที่พวกเขาสร้างให้กับศัตรู พวกเขาไม่เคยคิดว่าการกระทำของเขาจะส่งผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาทุ่มเทให้ความสนใจกับการโจมตีของเขาเท่านั้น ทุกคนสนุกกับการสู้รบ
มีสมาชิกหน่วยสุญญตาสองสามคนที่เริ่มถอดเสื้อท่อนบนของพวกเขา หน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ปากของพวกเขาส่งเสียงคำราม ร่างที่แข็งแกร่งล่ำสันของพวกเขาเหมือนกับทำจากทองแดงมีเหงื่อไหลย้อยลงมา บางครั้งพวกเขาทุกคนปล่อยไอร้อนออกมา ร่างล่ำสันแข็งแกร่งจะมีหมอกขาวอยู่รอบๆตัวกันทุกคน ทำให้เกิดเป็นภาพทรงพลังและงดงาม
แต่ไม่มีใครสนใจ
เพลิงระเบิดเป็นออกเป็นระยะในทะเลแสง ฝนกระบี่และดาบแสงเป็นระลอกแหวกอากาศในท้องฟ้าเสียงหวีดหวิวรุนแรงของพลังโจมตีทำให้ทุกคนวิญญาณแทบกระเจิงจากร่าง เสียงระเบิดที่เกิดขึ้นได้ยินทั่วทั้งสถานที่เหมือนกลองศึกในสนามรบที่วุ่นวาย
ม่านพลังงานของเคิร์ทและกั๊ตที่ยังเหลือของเรือรบขนาดกลางไม่สามารถทนรับพลังโจมตีต่อไปได้และแตกกระจายเหมือนแก้ว
ม่านตาของเคิร์ทขยายตัว “ไม่...”
ก่อนที่รัศมีจะแตกกระจายหายไป เสียงรังสีดาบกระบี่กรีดฝ่าอากาศเหมือนฉลามได้กลิ่นเลือดมันกระโจนตรงเข้าไปในเรือรบ
เป๊าะ เป๊าะ ปัง!
พลังโจมตีที่เข้มข้นรุนแรงปะทะใส่ทำให้เศษซากกระจายไปทั่วในพริบตา เรือรบพรุนกลายเป็นรังผึ้งทั่วทั้งลำเสียงแผดร้องโหยหวนดังออกมาจากรูเหล่านี้ เป็นภาพที่น่าสยดสยอง
ปัง!
เปลวไฟลุกลามออกมาจากเรือรบ และก่อนที่เปลวไฟจะลามออกมา เสียงระเบิดดังต่อเนื่องอีกครั้ง
ราวกับว่าเรือรบกำลังปริแตกเหมือนกับดอกไม้หลายดอกบาน ความตายและความงามมักเกี่ยวพันกันเสมอ
เรือรบถึงขีดจำกัดของมัน และไม่สามารถทนเสียหายได้อีก พังถล่มทลายอย่างสิ้นเชิง ปังเปลวไฟลุกลามรุนแรงจนกลบเรือรบ ภายในเรือรบ ทหารยังไม่ทันได้ร้องทรมานก็กลายเป็นผุยผงเสียก่อน
ภายในทะเลแสง กลุ่มเปลวเพลิงปรากฏให้เห็นอยู่ทุกที่
เพียงแต่หลังจากกองเปลวเพลิงสุดท้ายวูบขึ้นความคลั่งระห่ำของสมาชิกหน่วยสุญญตาบนเรือรบรังสีกัมปนาทก็หยุดลงในที่สุด พวกเขาหอบหายใจ เหงื่อของเขาท่วมไปทั้งตัวขณะที่พวกเขามองดูรอบๆ สมรภูมิที่ว่างเปล่าและเงียบ
ทะเลแสงหายไปพร้อมกับกองเรือรอบๆ ตัวพวกเขา
ทุกคนสะดุ้งและเสียงหอบหายใจในเรืองรังสีกัมปนาทหายไปอย่างรวดเร็ว
‘เรา..ชนะด้วยหรือ?’
หน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ พวกเขาจ้องมองซากหักพังที่อยู่รอบตัวพวกเขา ในสมรภูมิ นอกจากพวกเขาแล้วไม่มีใครรอดชีวิต เศษซากชิ้นส่วนของเรือรบมองเห็นได้ เศษซากเรือรบทั้งหมดกลายเป็นส่วนที่ไฟไหม้ไม่มีเรือรบที่สมบูรณ์เหลืออยู่เลย
ต้องรู้ไว้ก่อนว่ากระดูกงูของเรือรบขนาดกลางนั้นมีความทนทานมาก และในสภาพแวดล้อมปกติยากจะทำลายได้ นั่นคือวิธีการที่อาเฮ่อใช้แนวซากเรือป้องกันต่อต้านกองทัพของโกวเฉิงเวิ่นเต้าได้นาน
แต่ที่อยู่ต่อหน้าต่อตาพวกเขา ทุกอย่างกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
กองทัพของโอลิเวอร์และกองเรือรบทั้งหมดถูกพวกเขาทำลาย
ทุกคนตกใจกับความสามารถในการทำลายล้างของเรือรบรังสีกัมปนาท รวมทั้งหน่วยสุญญตาก็ยังตะลึงกับพลังของพวกเขาเอง พวกเขาไม่มีความสงสัยว่าชัยชนะสูงสุดจะตกเป็นของพวกเขา แต่พวกเขากลับได้รับมาอย่างง่ายดาย นั่นทำให้พวกเขาประหลาดใจ
แม้แต่เนี่ยชิวที่มักสงบนิ่งอยู่เสมอก็ยังตกตะลึง
ไม่ว่าการฝึกฝนจะดำเนินได้ดีแค่ไหน เนี่ยชิวไม่เคยสนใจเรื่องนั้น เขารู้ว่าการฝึกก็คือการฝึก และการรบจริงๆ เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ไม่สำคัญว่าจะฝึกได้สมบูรณ์แบบเพียงไหน แต่พอรบจริงจะแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง ในการฝึกฝน เขาพอใจมากกับพลังโจมตีของเรือรบรังสีกัมปนาท แต่เขาไม่เคยคาดว่าจะมีประสิทธิภาพในการต่อสู้ที่แท้จริง
ความสามารถของร่างพลังกายเป็นศูนย์ที่แสดงอยู่บนเรือรบนั้นเกินกว่าเขาจะคาดคิด
พลังโจมตีของเรือรบรังสีกัมปนาทเกินไปกว่าที่เขาคาดหวัง
เนี่ยชิวใจเย็นและอดทนและพยายามข่มความดีใจและรู้สึกมีความคิดลึก ชัยชนะสร้างประโยชน์และความได้เปรียบมหาศาลต่อสถานการณ์ทั้งหมด แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าการสู้รบในทวีปรกร้างจะเป็นยังไง แต่พวกเขาได้รับชัยชนะแล้ว และตราบใดที่พวกเขาป้องกันประตูดวงดาวได้ พวกเขาจะตัดทางถอยของคอลลินได้
เราสามารถคาดคิดได้ว่าวิหารกวงหมิงจะตกใจมากขนาดไหน เนี่ยชิวตื่นเต้นมากที่รู้ว่าวิหารกวงหมิงจะตอบสนองอย่างไรเมื่อพบว่ามีเรือรบที่ทรงพลังขนาดนั้น
เขาจะต้องประเมินพลังของหน่วยสุญญตาใหม่อีกครั้ง เนื่องจากระดับพลังที่พวกเขาใช้อยู่นั้นทำได้ดีขึ้น
เขาไม่ได้มาดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์เพื่อเที่ยวเล่นๆ
*************
บนยอดเขาในทวีปแดนเถื่อน
อากาศเบาบางและหนาวเย็น แต่มู่จือเสียอยู่ห่าง เขาเหมือนกับรูปปั้นจ้องมองจากระยะไกลโดยไม่ขยับแม้แต่นิ้วเดียว
ในระยะไกลมีกองทัพใหญ่เคลื่อนกำลังพลอยู่ แม้ว่าพวกเขาจะแยกออกมาไกลแต่มู่จือเสียยังสามารถรู้สึกได้ถึงขนาดที่น่ากลัวของกองทัพใหญ่ กองกำลังที่หนาแน่นไม่มีที่สิ้นสุดไม่มีขีดจำกัด
มู่จือเสียยังคงรักษาตำแหน่งของเขาไว้เป็นเวลาครึ่งชั่วโมง
เขาเคยมีปฏิสัมพันธ์กับเผ่าต่างๆในทวีปแดนเถื่อนมาเป็นสิบๆ ปี แต่ไม่เคยเห็นทหารมากขนาดนั้นมาก่อน ดูแล้วไม่ใช่ชนเผ่า เนื่องจากไม่มีเผ่าไหนที่สามารถนำคนจำนวนเท่านั้นมาได้ กองทัพที่อยู่ต่อหน้าเขาอย่างน้อยจะต้องมีเกินสิบเผ่าจึงจะสามารถรวมกันได้กองทัพใหญ่ขนาดนั้น
ความเยียบเย็นทะลักเข้าไปในใจของมู่จื่อเสีย
ในทวีปคนเถื่อน ดินแดนแห่งความยุ่งเหยิงเรื่องแบบนั้นไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทวีปแดนเถื่อนมีมากมายหลายเผ่าพันธุ์ที่ต่อสู้รบกันเองเพื่อประโยชน์ของเผ่าตนเอง และเรื่องนี้คงอยู่มาอย่างยาวนานนับปีไม่ถ้วน แม้เรื่องที่สำคัญที่สุดที่อาจเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาให้เกิดสงครามระหว่างเผ่าพันธุ์มายาวนานเป็นทศวรรษระหว่างสองเผ่า ไม่มีใครเคยเห็นคนสามารถรวมกลุ่มคนในทวีปแดนเถื่อนมาเลยในอดีต
‘แต่ตอนนี้มีบางคนทำได้’
‘สตรีลึกลับผู้นั้น!’
มู่จือเสียแน่ใจเต็มร้อยว่ากองทัพที่อยู่ต่อหน้าเขาถูกนางสร้างขึ้นมา
สิ่งที่ทำให้เขาตกใจมากยิ่งขึ้นก็คือทิศทางที่กองทัพใหญ่กำลังมุ่งไป
‘พวกเขากำลังเดินทางไปทวีปเว่ยเย่กวน!’
เขารู้สึกได้ถึงอันตราย ‘ทวีปกวงหมิงต้องตกอยู่ในความยุ่งยาก!’ เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ภาพที่อยู่ต่อหน้าเขาแสดงให้เห็นว่าเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น‘นางไม่ได้รวบรวมทวีปแดนเถื่อน ทำไมจู่ๆ นางถึงรีบเกณฑ์ผู้คนไปโจมตีทวีปเว่ยเย่กวน?’
‘นั่นไม่สมเหตุผลเลย!’
เว่ยเย่กวนเป็นเมืองยุทธศาสตร์อยู่ภายใต้การปกครองของทวีปกวงหมิงซึ่งมู่จือเสียใช้เวลาหลายสิบปีสร้างขึ้นมา และกลายเป็นแนวป้องกันที่ผ่านเข้าไปไม่ได้
‘สตรีนางนั้นไม่ใช่คนโง่แต่นางเป็นคนที่ทรงพลังมาก นางต้องมีความตั้งใจอย่างอื่นถึงได้ทำเรื่องเช่นนั้น!’
น่าเสียดายที่นางไม่ปรากฏตัวในกองทัพ มิฉะนั้นเขาจะทำทุกอย่างเพื่อเอาศีรษะนางมาให้ได้
เขาต้องยอมรับว่านางทรงพลังมากเกินไป เพราะนางเขาต้องระดมพลของกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดจากทวีปเว่ยเย่กวน มู่จือเสียฝืนยิ้ม เนื่องจากภารกิจในการเคลื่อนกำลังเข้าทวีปแดนเถื่อนล้มเหลวสิ้นเชิง ไม่เพียงเขาล้มเหลวในการกำจัดราชินีเพอซูสเท่านั้น แต่เขายังปล่อยให้ทวีปเว่ยเย่กวนตกอยู่ในอันตราย
ตอนนี้การกระทำที่เร่งด่วนที่เขาควรกระทำก็คือรีบกลับไปทวีปเว่ยเย่กวน
แต่.....
“พวกเขากำลังมา!”
หน่วยสอดแนมรายงานเขา มู่จือเสียสูดหายใจลึกและทิ้งความคิดทั้งหมดออกไป สายตาของเขาเต็มไปรังสีฆ่าฟัน มือของเขาเลื่อนมาจับด้ามกระบี่ และพูดขึ้น “เตรียมตัวรบ!”
‘แท้จริงยังคงมีอิทธิพลและจิตวิญญาณคงล่องลอยอยู่’
ทั้งสองฝ่ายสู้กันมามากกว่าสิบครั้งแล้ว พวกเขาสู้กันได้อย่างคู่คี่ทั้งสองฝ่ายมีความสูญเสียมาก และในเวลาเดียวกันก็รู้สึกเหนื่อยล้า แต่ทั้งสองฝ่ายไม่มีความตั้งใจยอมแพ้ พวกเขาทั้งสองฝ่ายไม่ยินดีและยังคงรังควานกันและกันอย่างต่อเนื่อง
มู่จือเสียยังคงไม่เข้าใจเหตุผล พูดโดยทั่วไปแล้วสำหรับพวกเขากองทัพที่มีพลังที่เกือบจะเทียบเท่ากองทัพระดับสูงสุดเว้นแต่มีความเกลียดชังระหว่างกันอย่างลึกซึ้ง ทั้งสองฝ่ายจะแยกจากกันโดยกลยุทธหลังจากพิสูจน์ฝีมือสองสามครั้งผลที่เกิดจากการคุกคามและโจมตีอย่างต่อเนื่องทำให้ทั้งสองฝ่ายไม่พอใจกัน
แต่เมื่อเขาเห็นธงของศัตรู ในที่สุดเขาก็จำได้ว่าเขาเคยเห็นที่ไหนมาก่อน
กองทัพดาวกางเขนใต้ ในตำนานของสวรรค์วิถี หนึ่งในสามกองทัพใหญ่ที่เรืองอำนาจในยุคสามกองทัพ
เขาเคยเห็นรายงานของสวรรค์วิถีครั้งหนึ่งที่วิหารกวงหมิงให้ นั่นคือเหตุผลที่เขารู้สึกว่าคุ้นเคยมาก เมื่อเขารู้ว่าศัตรูมาจากไหน เขาไม่คิดต่อไปแล้วว่าทุกอย่างเป็นเรื่องบังเอิญ ‘กองทัพจักรกลไม่ใช่นักสู้ฝีมือดีจากทวีปทอง พวกเขาคือพันธมิตรของถังเทียน!’
เมื่อเขาเข้าใจแล้วว่าศัตรูมาจากไหน และเมื่อเขาเห็นกองทัพใหญ่แดนเถื่อนมุ่งหน้าสู่ทวีปเว่ยเย่กวนมู่จือเสียรู้ว่าไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
นี่ยังคงทำให้เขารู้ชัดว่าพวกเขาจะถอยต่อไปอีกไม่ได้
‘เราเหยียบย่ำซากศพกองทัพดาวกางเขนใต้กันก่อนและค่อยกลับไปเสริมกำลังที่ทวีปเว่ยเย่กวน’
‘หรือไม่เราก็ตาย’