ตอนที่ 878 เรือรบไร้เทียมทาน
ความสนใจของเนี่ยชิวไม่เคยหย่อนยาน เขาเกิดมาตาบอดแต่มีสัมผัสความรู้สึกที่คมชัด ความผันผวนและความเปลี่ยนแปลงของพลังเล็กน้อยเขาสามารถรับรู้ได้ สำหรับเขา โลกมืดไม่เคยหม่นหมอง เป็นที่อุดมสมบูรณ์และเต็มไปด้วยความลึกลับนับไม่ถ้วน
มันคือโลกของเขา
เมื่อเรือรบศัตรูแยกกันออกไปเหมือนนก เขาเข้าใจทันทีว่าขุนพลฝ่ายศัตรูพยายามจะทำอะไร
“ระวังให้ดี ศัตรูต้องการสู้ระยะประชิดกับเรา” เนี่ยชิวเตือน “หลังจากศัตรูแยกกำลังกันประจำที่แล้ว พวกเขาจะโจมตีเราจากทุกตำแหน่ง!”
“เข้าใจแล้ว” หานปิงหนิงตอบรับโดยตรง
อาโมรี่แค่นเสียง “พวกเขาดูถูกพลังรุกของเราจริงๆ”
คนอื่นๆ ก็แค่นเสียงว่าเช่นกัน ในช่วงเวลาที่พวกเขาใช้ในการฝึกฝน พวกเขาคุ้นเคยมากกับพลังรุกของเรือรบรังสีกัมปนาท ถ้าจะกล่าวกันว่าระบบป้องกันที่เซรีนและลั่วซือสร้างขึ้นมาไม่น่าเชื่อถือ อย่างนั้นระบบรุกที่พวกเขาทำย่อมคุ้มค่าอย่างแน่นอน และมันแข็งแกร่งมาก ทวีปซางโจวพัฒนาอาวุธเรือรบนั่นผ่านการทดสอบมาแล้ว นอกจากนี้โลหะพิเศษที่ปรับสร้างขึ้นโดยเมืองสามวิญญาณ และสมบัติดวงดาวที่ใช้กับอาวุธเรือรบเป็นระดับที่ไม่เคยปรากฏมีมาก่อน
แม้แต่ช่างฝีมือท้องถิ่นของดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ก็ยังรู้สึกกลัวไม่กล้าวิจารณ์อาวุธเรือรบที่ทรงพลัง
หลังจากผ่านการฝึกฝนขัดเกลาในแดนบาป หน่วยสุญญตามีประสบการณ์การสู้รบอย่างทหารบก แม้ว่าพวกเขาจะกังวลเนื่องจากวิถีการต่อสู้แบบใหม่ แต่ลูกไฟสองลูกที่ยิงทำลายเรือรบศัตรูสองลำทำให้พวกเขารู้สึกตัว นี่คือความแตกต่างระหว่างทหารผ่านศึกกับทหารเกณฑ์ใหม่ ทหารผ่านศึกแข็งแกร่งมีความสามารถประเมินตนเองได้เข้าใจคุณภาพของสภาพจิตใจในการสู้รบ
“ตอนนี้เราจะเริ่มแบ่งเป้าหมายกัน” เนี่ยชิวพูดอย่างรวดเร็ว
ทุกคนที่หยอกล้อและหัวเราะกันกระจายหายไปทันที เรือรบเงียบสงัด แม้แต่เข็มตกก็ยังได้ยิน เนี่ยชิวไม่พูดเสียงดัง แต่เสียงของเขาสามารถได้ยินชัดเจนในทุกมุม
ทุกคนสลายยิ้มและเพ่งมองอย่างจริงจัง เนื่องจากพวกเขาจำงานของตนเองได้
เนี่ยชิวลอยตัวอยู่ในกลางอากาศในท่านั่งขัดสมาธิ ตากลวงของเขาน่ากลัวดูเหมือนจะสามารถสังเกตการสมรภูมิจากที่ไกลได้ รังสีฆ่าฟันที่มองไม่เห็นเริ่มแผ่ขยายออกมาจากภายในเรือรบรังสีกัมปนาท ขณะที่อุณหภูมิเริ่มต่ำลง
หน้าของหานปิงหนิงเยือกเย็นเหมือนน้ำแข็งนางควบคุมเรือรบอย่างใจเย็น กระบี่แสงสีน้ำเงิน 36 สายลอยอยู่รอบตัวนาง เหมือนฝูงปลาสีน้ำเงิน นี่คืออาวุธเรือรบที่เซรีนออกแบบให้นางโดยเฉพาะกระบี่มังกรยะเยือก
อาโมรี่มีท่าทางกระตือรือร้น ร่างของเขาโน้มไปข้างหน้าแขนทั้งสองข้างปล่อยห้อยลง แม้ว่าจะไม่มีอะไรในมือ แต่เขาดูเหมือนกับว่าเขากำลังถือดาบเล่มใหญ่ บนหลังของเขาเป็นแสงผนึกสีแดงคล้ายกับกรงเล็บหมีที่กระพริบอยู่เรื่อย นี่คืออาวุธอีกชิ้นหนึ่งที่เซรีนสร้างให้เขาเป็นพิเศษ ดาบปีศาจหมีใหญ่
ทั้งสองคนเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดในหน่วยสุญญตาถึงขั้นที่พวกเขาสามารถอาศัยกำลังของพวกเขาเองควบคุมอาวุธเรือรบ เพราะเพื่อประโยชน์ในการปลดปล่อยความสามารถในการต่อสู้ของพวกเขาเซรีนจึงทุ่มเทความคิดและความสามารถกับอาวุธเรือรบทั้งสอง องค์ประกอบหลักกระบี่มังกรน้ำแข็งเป็นสมบัติระดับทองจากกลุ่มดาวมังกรกระบี่มังกร ขณะที่องค์ประกอบหลักของดาบปีศาจหมีใหญ่ก็เป็นสมบัติดวงดาวระดับทองจากกลุ่มดาวหมีใหญ่ซึ่งก็คือขวานเล็บหมี
อาวุธเรือรบทั้งสองไม่ใช่มีความหมายอย่างอาวุธเรือรบธรรมดาต่อไปไม่เพียงแต่เซรีนใช้องค์ประกอบหลักเป็นสมบัติชั้นทอง แต่ยังเพิ่มสมบัติวิญญาณปรับแต่งเข้าไปด้วย จึงทำให้น่ากลัวมาก ด้วยพลังที่เกินกว่าใครจะคาดคิดจุดอ่อนประการเดียวก็คือไม่สามารถลดพลังโจมตีได้ทำให้หานปิงหนิงและอาโมรี่กลัวการใช้เต็มกำลังในเวลาฝึก
ในที่สุดพวกเขาก็สามารถปลดปล่อยทุกอย่างในสมรภูมิได้ อาโมรี่รู้สึกเหมือนกับว่าเขาท่วมท้นไปด้วยพลัง ถ้าเป็นในอดีต เขาคงตื่นเต้นแหงนหน้าโห่ร้องอยากจะทะยานออกไปต่อสู้ใจจะขาด แต่หลังจากผ่านการฝึกฝนในกองทัพมายาวนาน เขาไม่ได้เอาแต่ใจหรือใจร้อนเหมือนในอดีต เขาสามารถควบคุมอารมณ์ตนเองได้ในที่สุด
เขากำลังรอคำสั่ง
ทุกๆ รายละเอียดเล็กน้อยในสนามรบสะท้อนอยู่ในใจของเนี่ยชิวเหมือนกับน้ำใสในทะเลสาบ เมื่อเรือรบลำแรกเข้ามาในวิถียิง เขาไม่ตอบสนองแม้แต่น้อย เพียงแต่หลังจากเรือรบลำที่สี่เข้ามาในแนวยิงของเรือรบรังสีกัมปนาท เขาเงยหน้าเสียงของเขาเยือกเย็นมากเต็มไปด้วยรังสีฆ่าฟันกึกก้องไปทั้งเรือ เหมือนกับสายฟ้าผ่าทั้งลำเรือ
“ฆ่า!”
สมาชิกหน่วยสุญญตาทั้งหมดผู้สะสมพลังรอลงมือโดยไม่ลังเล
คนแรกที่เคลื่อนไหวก็คืออาโมรี่ ผนึกแสงกรงเล็บหมีสีแดงข้างหลังเขาสว่างและแสงสีแดงนับไม่ถ้วนคลุมทั่วตัวของเขา แสงสีแดงเหมือนงูแดงตัวเล็กที่พลิกตัวร่วงจากตัวเขาลงบนฝ่ามือของเขา ฝ่ามือของอาโมรี่อยู่ในท่าเหมือนกับว่าเขากำลังถืออะไรบางอย่างที่เริ่มเรืองแสงตาของเขาจ้องมอง กล้ามเนื้อทั้งหมดในร่างของเขาเริ่มตึง ขณะที่เขาฟันมือลงทันทีด้วยฝ่ามือที่เรืองแสงสีแดง
ดาบมารพิฆาต!
ดาบแสงสีแดงยิงออกไปทันที
ก่อนที่ดาบแสงสีแดงจะบินออกจากเรือรบ รัศมีแสงระเบิดจากใต้เท้าของอาโมรี่เหมือนกับว่ามันพยายามจะกลืนเขา
แสงสีแดงฉานขยายเป็น 10 เท่าทันที ภายในรังสีแดง จะมีร่างเงาปีศาจร้ายร่างหนึ่งปีศาจร้ายย่างเท้าไปข้างหน้า ก่อนที่มันจะย่างเท้าครบก้าว มันหายไปในทันที
เรือรบลำหนึ่งห่างออกไปสิบลี้มีแสงแพรวพราวทันที ขณะที่รังสีแดงฉานระเบิดขึ้นข้างหน้าพวกเขาโดยไม่มีเค้าลาง
แสงสีแดงจำนวนมากไม่มีที่สุดทำให้พวกเขารู้สึกเหมือนกับว่าพวกเขาอยู่ในทะเลเลือด
‘นั่นมันพลังโจมตีอะไร?’
ทหารบนเรือรบทุกคนถูกความตกใจครอบงำ ก่อนที่พวกเขาจะทันตั้งตัวเรือรบใต้เท้าของเขาก็สั่นอย่างรุนแรง เหมือนกับว่าพวกเขาชนกับภูเขา พลังที่รุนแรงถูกส่งเข้ามาทำให้เรือพวกเขาสูญเสียการควบคุมลำเรือและปลิวออกไปร่วงลงพื้นและกลิ้งไปทั้งหมด
“หนักแน่นเข้าไว้!” ผู้บังคับการเรือรู้ว่าพวกเขาอยู่ในสถานการณ์อันตรายจึงคำรามเสียงดังลั่น เศษเรือแตกกระทบที่หน้าผากของเขา ทำให้เลือดไหลนองเต็มหน้าเขาทำให้เขามองดูน่ากลัว
ทหารที่แข็งแกร่งสองสามคนไม่สนใจความเจ็บปวดของตนเองและพยายามคลานกลับขึ้นมา
ผู้บังคับการเรือเช็ดเลือดที่หน้าและร้องตะโกน“ม่านพลังงาน! เปิดการทำงานของม่านพลังงานเดี๋ยวนี้!”
ทหารคนหนึ่งมีสีหน้าแตกตื่นขณะที่เขาตอบด้วยเสียงสั่นสะท้าน “ม่านพลังงาน.... ม่านพลังงานมีรอยแตก....”
“ซวยแล้ว!” ผู้บังคับการเรือสบถ หน้าของเขามีความหวาดผวา แค่โจมตีเพียงครั้งเดียวแต่ม่านพลังก็มีรอยแตกเสียแล้ว นี่เป็นครั้งแรกของเขาที่เผชิญกับสถานการณ์เช่นนั้น
‘เรือรบชั้นสูงสุด... นี่คือพลังของเรือรบชั้นสูงสุดหรือ?’
‘พลังโจมตีของมันน่ากลัวเกินไป...’
ผู้บังคับการเรือไม่รู้ว่าพวกเขาพวกเขาสามารถเดินหน้าได้ต่อไป แต่ขณะนั้นเองแม้แต่ความลังเลเล็กน้อยมีแต่จะเร่งให้พวกเขาตายเร็วขึ้น
“แล่นเข้าไป! เร่งความเร็ว! อย่าหยุด!”
ผู้บังคับการเรือคำรามลั่นทั้งลำเรือได้ยินกันทั่ว ทหารทั้งหมดหน้าซีดขาวและตัวสั่นตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า พวกเขาเข้าไปในรัศมียิงของศัตรูแล้ว และเป็นเหมือนกับแกะที่รอถูกเชือด แล้วพวกเขาจะมีพลังตอบโต้ได้ยังไง พวกเขาได้แต่ภาวนาในใจ ภาวนาว่าพวกเขาจะสามารถผ่านช่วงนี้ไปได้
เสียงระเบิดด้านนอกดังต่อเนื่องเข้มข้นหนาแน่นจนทำให้หัวใจทุกคนเต้นสะท้านเร็ว
ผู้บังคับการเรือผู้กล้าหาญมองดูด้านนอกหน้าต่างของเขาและสิ่งที่เขาเห็น เขาจะไม่ลืมไปชั่วชีวิต
ปัง!
เสียงที่เกิดจากการยิงสิบครั้งซึ่งเกิดขึ้นพร้อมกันเป็นเสียงที่ทุ้มต่ำแหวกอากาศเหมือนกับคนใช้ค้อนยักษ์หวดใส่หัวใจทุกคน หน้าของผู้บังคับการเรือตกตะลึง เขาสั่นและสีหน้าว่างเปล่า เขามองดูแสงสิบสายถูกยิงออกมาจากเรือรบของศัตรูอย่างมึนงง ประกายเพลิงแปลบปลาบสีแดงเหมือนกับดอกไม้แห่งความตาย เรือรบขนาดเล็กปะทะกับพลังยิงโดยตรง และก่อนที่ซากหักพังของเรือรบจะสามารถบินออกไปได้ พวกมันก็ถูกเปลวเพลิงกลืนทั้งลำ
ผู้บังคับการเรือไม่เคยเห็นฉากภาพที่น่ากลัวอย่างนั้นมาก่อน หน้าของเขาซีดขาวยิ่งกว่ากระดาษ
‘เรือรบชั้นสูงสุด...’ สายตาของเขาหันไปมองเรือรบรังสีกัมปนาท
แสงรังสีนับไม่ถ้วนยิงออกมาจากเรือรบรังสีกัมปนาท ดูเหมือนกับเม่นที่ปกคลุมด้วยหนามแสง
กั๊ตและเคิร์ทมีสีหน้าเหมือนกัน ถ้าจะบอกว่าเรือกลืนเมฆและเรือแสงเหนือที่ถูกทำลายเป็นการพิสูจน์ว่าเรือรบรังสีกัมนาทมีพลังโจมตีของเรือรบชั้นสูงสุดอย่างแท้จริง อย่างนั้นพวกเขาได้พบกับตัวเองว่ามันทำให้พวกเขารู้ว่าเข้าใจผิดไปมากมายเพียงไหน
‘พลังโจมตีของเรือรบชั้นสูงสุด? ไม่!’
แม้ว่าเคิร์ทและกั๊ตจะไม่เคยทำหน้าที่บนเรือรบชั้นสูงสุดมาก่อน แต่พวกเขายังมีความรู้เรื่องพลังโจมตีของมัน เนื่องจากพวกเขาเคยเห็นพลังโจมตีของเรือรบชั้นสูงสุดมาแล้ว แต่มันไม่อาจเทียบได้กับสิ่งที่พวกเขาเห็นประจักษ์อยู่ข้างหน้านี้เลย
ฝนแสง วลีนี้ถูกนำมาใช้อธิบายถึงความรุนแรงของการโจมตีถี่ แต่คนที่อยู่ในเหตุการณ์ได้เห็นเรือรบรังสีกัมปนาทจึงจะรับรู้ความหมายที่แท้จริงของฝนแสง
มันบ้ามาก
สมรภูมิคลุมเต็มไปด้วยฝนแสงถึงขั้นที่เขาไม่สามารถเห็นเรือรบฝ่ายเขาได้ เห็นได้แต่แสงที่ระดมยิงเป็นสายฝน ไม่จะเรียกว่าฝนแสงอีกต่อไปไม่ได้ นั่นทะเลแสง
สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกไม่สามารถจินตนาการได้ก็คือพลังโจมตีที่น่ากลัวอย่างแท้จริงมาจากเรือลำเดียว นั่นคือเหตุผลให้เขารู้สึกว่ามันไม่ใช่เรือรบที่มีพลังโจมตีระดับชั้นสูงสุดอีกต่อไป เพราะไม่มีเรือรบระดับสูงสุดลำไหนสามารถยิงพลังที่น่ากลัวเช่นนั้นออกมาได้
‘ไม่มีอย่างแน่นอน!’
‘นี่ขัดกับมาตรฐานทั่วไปจริงๆ!’
ไม่ใช่เรื่องยากที่จะเพิ่มจำนวนตำแหน่งประจำการรบและอาวุธเรือรบบนเรือ แต่ไม่เคยมีใครทำอย่างนั้นมาก่อน
เพราะทหารไม่สามารถทนรับพลังได้
อาวุธเรือรบนั้นแข็งแกร่ง ยิ่งสะสมพลังหนักเกินไปภาระหนักจะไปตกอยู่ที่ทหาร ไม่ใช่ว่าไม่มีอาวุธเรือรบที่แข็งแกร่ง แต่พลังงานที่สะสมทหารสามารถรับได้สูงจนถึงจุดที่มันสามารถทำร้ายทหารผู้ใช้อาวุธจนบาดเจ็บไม่อาจกอบกู้ได้
แต่เรือรบลำนี้พลิกคว่ำองค์ความรู้ของเคิร์ท
พลังโจมตีของศัตรูทรงพลังเกินไปจากเท่าที่ดูเขาคาดว่าพวกเขาต้องมีทหารนับไม่ถ้วนที่สามารถทำเช่นนั้นได้ อาวุธเรือรบระดับนั้นปกติจะสร้างจากอาวุธเรือรบใหญ่ แต่พลังโจมตีทั้งหมดที่มาจากเรือรบรังสีกัมปนาทนั้นทรงพลังจริงๆ
‘พวกเขาจะต้องใช้ทหารเท่าใดกันแน่! ต้องเป็นจำนวนที่น่าประหลาดแน่’
‘แต่ต่อให้เราใช้เรือรบชั้นสูงสุด เนื่องจากเป็นเรือรบมหึมา ไม่น่าจะพอดีกับคนขนาดนั้น’
และสิ่งที่ทำให้เคิร์ทรู้สึกสิ้นหวังยิ่งขึ้นก็คือความถี่ของการโจมตีเรือของศัตรูที่พวกเขาสร้างขึ้นมา
เหมือนกับว่าพวกเขาไม่มีการหยุด พลังโจมตีครั้งแล้วครั้งเล่าราวกับว่าไม่รู้จักเหนื่อยล้า
‘พวกเขาไม่รู้ว่าอาวุธเรือรบจะสร้างพลังงานที่สะท้อนใส่ทหารหรือ?
เคิร์ทรู้สึกงุนงงเหมือนอยู่ในดินแดนความฝัน เขาไม่เคยเห็นอาวุธเรือรบแบบนั้นมาก่อน เขาไม่เคยเห็นการโจมตีถี่ๆ แบบนั้นมาก่อนและไม่เคยเห็นทะเลแสงแบบนั้น
‘หวังว่านี่จะเป็นแค่ความฝัน’
“ไปไป ไป!” กั๊ตเหมือนสัตว์ป่าที่บ้าคลั่งน่ากลัว ที่ฝืนตัวเองอย่างสิ้นหวัง เขาคำรามลั่น “นั่นคือไม้ตายของศัตรู ไม้ตายของพวกเขา! พวกเขาต้องมีจุดอ่อน! เรือรบทุกลำมีจุดอ่อนทั้งนั้น! ลุยเข้าไป, ลุยจนกว่าเราชนะ!”
เรือรบทุกลำเดินหน้าอย่างบ้าคลั่งเหมือนแมงเม่าบินเข้ากองไฟ พวกเขาบุกเข้าไปในทะเลแสง