ตอนที่ 877 กลัวและอ่อนแอ
ภายในเรือรบรังสีกัมปนาท
ทุกคนกลั้นลมหายใจดวงตาลุกโพลงราวกับว่าพวกเขากำลังมองเห็นศัตรูที่ทรงพลัง พวกเขามีประสบการณ์ในการสู้รบมามากมายทุกคน แต่ขณะนั้นเอง กลับมีอาการกระวนกระวายที่ยากจะเห็นได้ ในอดีตการสู้รบจะทำในลักษณะที่พวกเขาคุ้นเคยซึ่งแม้แต่ในแดนบาป กลยุทธที่ไม่คุ้นเคยหลายอย่างก็ยังอยู่ในความเข้าใจของพวกเขา แต่การรบแบบยุทธนาวีแตกต่างจากวิธีที่พวกเขาเคยสู้รบ เป็นการสู้รบในวิถีแบบใหม่
ทุกคนฝึกกันอย่างขมขื่นและละเอียดลออ แต่ก็ยังไม่สามารถลบรอยกังวลในหัวใจของทุกคนได้
ต้องทราบไว้ก่อนว่าเรือรบที่ใหญ่โตอย่างน่าทึ่งนี้เป็นชิ้นส่วนวัสดุที่รวมรวมมาจากกองขยะ แม้ว่าจะได้รับการตกแต่งสร้างใหม่ แต่มันจะทรงพลังได้ยังไง แม้แต่เซรีนก็ยังไม่กล้ารับรองอะไรทั้งนั้น
เนี่ยชิวรู้ว่าทุกกองทัพของพวกเขา ทุกชัยชนะของพวกเขาสามารถส่งผลต่อสถานการณ์โดยรวมอย่างมาก พวกเขาอยู่ในดินแดนศัตรู และถ้าพวกเขาประมาทไปแม้แต่น้อยอาจหมายถึงการถูกกำจัด แต่ถ้าพวกเขาสามารถเอาชนะศึกได้ กำลังคนของศัตรูจะลดลงต่อเนื่องอีก และความตึงเครียดของกองทัพที่มีอยู่แต่ก่อน ก็จะหนักมากขึ้นกว่าเดิม
เขาไม่รู้แผนเต็มของถังเทียน แต่เขาสามารถเห็นได้ว่าแผนการของเจ้านายสำคัญมาก เขาไม่หวังว่าแผนของเจ้านายจะล้มเหลวเพราะความล้มเหลวของหน่วยสุญญตา นั่นคือสิ่งที่เขาไม่มีทางยอมรับได้
เพราะเขาไม่มีโอกาสอะไร เนี่ยชิวจึงออกจากกลุ่มดาวราชสีห์เข้าร่วมใต้ร่มธงของถังเทียน ถังเทียนเองไม่ได้เลือกปฏิบัติต่อเขา แต่กลับเชื่อใจเขาอย่างมาก ซึ่งเขาก็รู้ว่าไม่ง่ายที่จะทำเช่นนั้น ทหารจะตายเพื่อผู้ยกย่องเขา นั่นไม่ใช่คำพูดที่ว่างเปล่า
เขารู้ว่าเขาไม่ใช่คนเดียวที่คิดเรื่องนั้น แต่หน่วยสุญญตาทุกคนก็คิดเหมือนกัน
กำลังหลักของหน่วยสุญญตามาจากเผ่าหมาป่าที่อุทิศตนและมีความพจงรักภักดีต่อถังเทียน พร้อมๆ กับอาโมรี่ หานปิงหนิง ฯลฯทุกคนเป็นสหายของถังเทียนตั้งแต่อายุน้อย พวกเขาทุกคนรู้ชัดเจนว่าศัตรูแข็งแกร่งทรงพลังเพียงไหน
นอกจากชนะ พวกเขาไม่มีทางอื่นให้เลือก
เป็นแรงกดดันที่มองไม่เห็น
ภายใต้การนำของจงหลีไป๋ กองทัพสัตว์ประหลาดสู้รบต่อเนื่องอย่างสวยงามทำให้หน่วยสุญญตามีแรงกดดันเช่นกัน ตอนแรกเมื่อหน่วยสุญญตาเฉิดฉายอยู่ในสมรภูมิกองทัพสัตว์ประหลาดยังคงเป็นกลุ่มโจร!
โดยไม่คำนึงถึงอะไร พวกเขาไม่อาจถูกครอบงำโดยผลงานของกองพลสัตว์ประหลาดได้
นี่คือพลังแห่งการแข่งขัน
ขณะนั้นสมาชิกหน่วยสุญญตาภายในเรือเต็มไปด้วยความกระวนกระวายใจ ตื่นเต้น กังวลเป็นอารมณ์ที่แตกต่างหลากหลาย แต่การฝึกฝนอย่างรุนแรงทำให้พวกเขายังคงรักษาความมั่นคงได้ พวกเขามองดูเรือรบของศัตรูใกล้เข้ามาทุกที ขณะที่ภายในเรือรบรังสีกัมปนาทไม่มีเสียงแม้แต่น้อย นับว่าเงียบมาก
เหมือนกับความสงบก่อนเกิดพายุ!
ภายในความเงียบงันตาของเนี่ยชิวเป็นประกายรัศมี ขณะที่เขาพูดเสียงดัง “เตรียมตัวรบ!”
วืด..สมาชิกหน่วยสุญญตาทุกคนยืดหลังตรงพร้อมกัน ตาของพวกเขาเป็นประกายแสงแวววาว เหมือนพยัคฆ์ร้ายกำลังจะออกจากถ้ำ รังสีฆ่าฟันทะลักออกมาจากตัวเรือทันที
“โจมตี!”
คำสั่งของเนี่ยชิวเป็นการเปิดฉากการสู้รบ
ทุกคนที่ประจำตำแหน่งรบเปล่งรัศมีสว่างเหมือนปลาวาฬยักษ์ที่ดำน้ำลึก ตัวเรือรบรังสีกัมปนาทสว่างเป็นจุดแสงหลายจุดทันที เรือโบราณนี้หลับใหลมาสองสามศตวรรษดูเหมือนจะตื่นขึ้นและอวดเขี้ยวเล็บต่อชาวโลกอีกครั้ง
โดยไม่มีคำเตือนกลุ่มแสงพร่างพรายข้างหน้ากองทัพของโอลิเวอร์สว่างวาบทันที
กลุ่มแสงครอบคลุมทุกซอกมุมสายตาของพวกเขา แสงสว่างเจิดจ้าทำให้ทุกคนถึงกับตาพร่า
รังสีฆ่าฟันแผ่กระจาย
ผู้บังคับการเรือกลืนเมฆคำรามลั่นเมื่อเขารู้สึกได้“ศัตรู...”
ก่อนที่เขาจะเปล่งคำว่า “..ลอบโจมตี” ออกมาเสียงของเขาก็ถูกแสงกลืนไปด้วย เหมือนกับว่าเรือรบกลืนเมฆกระทบกับยอดเขาทั่วทั้งตัวเรือสั่นสะเทือน พลังรุนแรงทำให้เขารู้สึกเหมือนกับว่าชนกับฝูงสัตว์ร้ายจนสูญเสียสมดุลและบินออกทันที
ปัง!
ความเจ็บปวดรุนแรงมาจากด้านหลังของเขา เขาไม่สามารถขยับเอวได้ เขาไม่รู้ว่าหน้าผากของเขากระแทกกับอะไร แต่บางอย่างดูเหมือนจะหยดไหลออกมา
‘น่าจะเป็นเลือด’
แต่ขณะนั้น เขาไม่อาจสนใจอาการบาดเจ็บของตัวเองได้ ความกลัวมากมายท่วมทะลักใจของเขา
‘เรือรบชั้นสูงสุด!’
ชื่อนั้นวาบขึ้นมาในใจของเขาเหมือนสายฟ้าทำให้เขาสั่นไปทั้งตัว ‘ใช่แล้ว เรือรบชั้นสูงสุด, เรือรบชั้นสูงสุดแน่นอน’ ในชีวิตสิบหกปีที่เป็นผู้บังคับการเรือ เขาไม่เคยเข้าใจผิด พลังทำลายล้างที่น่ากลัวมีแต่จะสร้างขึ้นมาจากเรือรบชั้นสูงสุดเท่านั้น
‘นี่คือเรือรบชั้นสูงสุดจริงๆ!’
เขารู้ว่าการตัดสินของเขาถูกต้อง แต่ไม่ได้ทำให้สถานการณ์ของเขาแตกต่างไปจากเดิม ในการเผชิญหน้ากับเรือรบชั้นสูงสุด เรือกลืนเมฆเป็นเรือรบขนาดกลางไม่มีความสามารถต้านทานได้ ทั้งสองฝ่ายมีระดับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงไม่ว่าจะเป็นพลังรับหรือรุก เขารู้สึกว่าเขาเป็นเหมือนแกะที่อยู่ต่อหน้าพยัคฆ์ เขาไม่รู้ว่าจะรับมือยังไง และไม่รู้ว่าเขาควรจะหนียังไง เหมือนกับว่าเขาเห็นฟันแหลมคมที่มีน้ำลายหกปนเลือดออกมา ความกลัวครอบงำเขาจนทำให้ร่างของเขาสั่นสะท้านยิ่งขึ้น
การเยาะเย้ยและการล้อเลียนทั้งหมดก่อนหน้านั้นเมื่อเผชิญกับพลังยิงที่น่ากลัวก็เท่ากับล้อเล่นกับพระยามัจจุราชชัดๆ
การระเบิดอย่างรุนแรงดังอึกทึกต่อเนื่องทั้งมีความเข้มข้น ทำให้รู้สึกเหมือนโดนกระแทกหนักหน่วงจากกระแสลมกระชากรุนแรง ตัวเรือเป็นเหมือนกระสอบทรายสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ไฟลุกโชติช่วงรุนแรงเหมือนกับดอกไม้แห่งความตาย
อย่างไรก็ตามระเบิดไม่สามารถเทียบได้จากการโจมตีของศัตรู ขณะที่ผู้บังคับการเรือของเรือกลืนเมฆเริ่มฟื้นทัศนวิสัยขึ้นมาบ้าง
เมื่อเขาเห็นภาพที่อยู่ต่อหน้า เขามีความรู้สึกเหมือนกับว่ากำลังตกนรกเขาตะลึงทันที
หัวเรือกลืนเมฆหายไปทั้งหมดไม่เหลือและพายุทำให้เกิดกระแสย้อนกลับ ทำให้เปลวเพลิงที่ด้านหลังของเขารุนแรงมากยิ่งขึ้นเสียงแตกหักดังขึ้นทุกทีเหมือนกับจะเร่งเพลิงให้แรงขึ้น ภายในเพลิงได้ยินเสียงแผดเสียงร้องโหยหวน และทหารจำนวนมากโดดลงจากเรือรบไม้กระดานที่มอดไหม้เต็มไปด้วยเลือด เรือที่มั่นคงมองเห็นแต่รอยแตกหักทำให้ทั่วทั้งเรือดูเป็นสภาพที่น่ากลัว ข้างหน้าเขาว่างเปล่าอย่างสิ้นเชิง เรือหักทำลายและเขาอยู่ในกลางอากาศ
แค่โจมตีครั้งเดียวแต่เรือกลืนเมฆถูกตัดเป็นสองท่อนทันทีและสูญเสียความสามารถในการต่อสู้
‘นี่คือพลังของเรือรบชั้นสูงสุดหรือ?’
เขาก้าวเดินไปได้สองสามก้าวมาถึงไม้กระดานและมองดูสมรภูมิจากรูโหว่
สิ่งที่เขาเห็นก็คือลำแสงหนายิงตรงใส่เรือแสงเหนือและทำลายได้ทันที สองวินาทีต่อมาเพลิงไม้รุนแรงจากภายในเรือรบ เพลิงน้ำเงินยิงออกมาจากหน้าต่างทั้งสองด้านและพวยพุ่งออกมาจากช่องเปิดที่ลำแสงยิงเข้าไป
ผู้บังคับการเรือกลืนเมฆชะงักค้างอยู่กับที่
เขารู้ว่าเพลิงน้ำเงินน่ากลัวมากเหมือนกับสร้างขึ้นจากระเบิดหินดวงดาวที่สะสมอยู่ในเรือรบ อุณหภูมิของมันสูงมากและไม่มีใครสามารถทนความร้อนสูงได้ เมื่อเพลิงน้ำเงินนั้นปรากฏ ก็หมายความว่าเรือรบจบสิ้นกัน และที่น่ากลัวยิ่งกว่า ไม่มีใครหลบหนีได้
‘ใช่แล้วเรือกลืนเมฆก็ไม่ต่างจากเรือรบแสงเหนือ’
‘ข้ายังหลบทันไหม?’ ผู้บังคับการเรือหัวเราะอย่างสุดฝืน หน้าของเขาที่มีเขม่าปกคลุมเต็มไปด้วยแววสิ้นหวัง
ด้านหลังเรือรบเคิร์ทและกั๊ตหน้าซีดขาวพวกเขาตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“เรือรบชั้นสูงสุด...” เคิร์ทพึมพำ เสียงของเขาสั่นเล็กน้อย
เรือรบสุดอัปลักษณ์คือเรือรบชั้นสูงสุดจริงๆ!
แต่กั๊ตที่อยู่ข้างเขาเอามือกุมศีรษะเขาแทบไม่อาจเชื่อสายตาตนเองได้ แต่ลูกเพลิงขนาดใหญ่ทั้งสองลูกเตือนพวกเขาให้รู้ว่าเพิ่งเกิดอะไรขึ้น
ก่อนหน้าความรุนแรงของพลังโจมตีที่เรือขยะเริ่มก่อนเป็นที่แน่นอนว่าคือเรือรบชั้นสูงสุด!
กั๊ตสูดหายใจหนาวเหน็บสั่นไปทั้งตัวขณะที่เขาข่มความกลัวในตัวเอง เขาสงบอารมณ์ตนเองและกล่าว “ดูเหมือนว่าเราพบกับความยุ่งยากเสียแล้ว”
มีความเงียบที่แปลกชั่วคราวอยู่ในเรือรบ
การเยาะเย้ยทั้งหมดที่ทำต่อเรือขยะทำให้เคิร์ทรู้สึกโง่และอับอาย เขาไม่เคยคิดว่าจะมีวันที่เขาต้องกลายเป็นคนโง่ ความรู้สึกกลัวอย่างรุนแรงทำให้เขายอมรับมันชัดเจนขึ้น
ทันใดนั้นกั๊ตตบไหล่ของเขา ทำให้เขาเงยหน้าขณะที่รู้สึกสูญเสีย
กั๊ตพูดเสียงดัง “อย่าลังเล! ไม่สำคัญว่าเรือรบชั้นสูงสุดจะทรงพลังขนาดไหน พวกเขามีเรืออยู่ลำเดียว! เรายังมีโอกาส!”
เสียงของกั๊ตดังมาก ทำให้ทั่วทั้งกองเรือรบได้ยินเขา
เคิร์ทสะท้าน เขาเรียกความรู้สึกกลับมาได้ทันที และตำหนิตนเอง ‘ข้าทำอะไรอยู่? ข้าจะสูญเสียกำลังใจที่ข้ามีได้ยังไง?’ เขามองดูกั๊ตด้วยความรู้สึกขอบคุณและพูดเสียงดังเช่นกัน “ถูกแล้วไม่ว่าพวกเขาจะทรงพลังเพียงไหน พวกเขาก็มีเรือเพียงลำเดียว เรามีเรืออยู่มากมายหลายลำ ตราบใดที่ทุกคนทุ่มเทกำลัง เราจะชนะแน่นอน!”
นี่ทำให้ดวงตาของทหารหลายคนเปลี่ยนเป็นสว่างสดใส
พวกเขาตกตะลึงกับพลังโจมตีที่น่ากลัวจากเรือรบชั้นสูงสุด แต่สองขุนพลกระตุ้นให้พวกเขากระหายชัยชนะ ‘ใช่แล้วแม้ว่าศัตรูจะแข็งแกร่ง แต่เรามีจำนวนมาก’
เมื่อขจัดสภาวะผิดหวังได้แล้วความคิดของเคิร์ทเริ่มทำงานอย่างรวดเร็ว “การโจมตีของศัตรูทรงพลังมาก เราควรจะแบ่งกำลังของเราและกระจายอำนาจในการยิงของศัตรู เรือรบศัตรูไม่มีม่านพลังงาน การป้องกันไม่ควรจะเข้มแข็งนักนั่นจะเป็นโอกาสของเรา”
ทหารอีกหลายคนพยักหน้า ม่านพลังงานไม่เหมือนอาวุธเรือรบที่สามารถติดตั้งได้ตามใจต้องการ สำหรับเรือรบลำหนึ่งวิทยาการป้องกันจะสูงมากกว่าพลังรบ ม่านพลังงานของเรือรบลำหนึ่งไม่ได้ถูกกระตุ้นโดยลูกเรือ แต่กระตุ้นโดยลำเรือ
ที่อยู่ต่อหน้าต่อตาพวกเขา เรือรบรังสีกัมปนาทเกินกว่าที่พวกเขาจะยอมรับได้ มันถูกเปลี่ยนจนดูยุ่งเหยิงไปหมด ลำเรือเสียหายอย่างมาก และม่านพลังงานก็ไม่สามารถใช้ได้ นี่คือเหตุผลที่หลังจากจอดนิ่งที่สุสานเรือรบมาเป็นเวลาหลายปีจึงไม่มีใครตั้งใจจะเอาเรือรบรังสีกัมปนาทมาใช้
เมื่อมันถูกตกแต่งสร้างใหม่ ม่านพลังงานดั้งเดิมก็ต้องถูกทำลาย และเพราะเรือรบรังสีกัมปนาทซึ่งตัวลำเรือไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ดังนั้นจึงไม่มีประโยชน์ที่จะนำมาตกแต่งสร้างใหม่
พวกเขามีเรือรบที่ไม่มีม่านพลังป้องกัน แม้ว่าพวกเขาจะมีหลายร้อยวิธีเพื่อสร้างรอบลำเรือ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถสร้างม่านพลังป้องกันได้สมบูรณ์แบบ
สำหรับเรือรบลำใดๆม่านพลังป้องกันสำคัญมากกว่าอาวุธเรือรบเสียอีก เรือรบที่ไม่มีม่านพลังป้องกัน โอกาสรอดเป็นศูนย์ และไม่มีประโยชน์ใดๆ ในทางปฏิบัติ
ถุงขยะที่ห้อยอยู่รอบลำเรือแกว่งไกวอยู่ในอากาศ แม้ว่าไม่มีใครรู้ว่ามีอะไรอยู่ภายใน แต่ไม่มีใครรู้สึกว่าของที่ห้อยอย่างนุ่มนวลนอกเรือนั้นจะมีความสามารถในการป้องกันเรือ
“เมื่อเราแยกกัน เราจะเดินหน้าทั้งหมดใช้ความเร็วเต็มที่เข้าหาศัตรูจากทิศทางของเรา ตราบใดที่หนึ่งในเรือรบสมารถเข้าไปในแนวยิงได้ พวกเขาจะจบสิ้นกัน!”
เมื่อเขาพูดประโยคสุดท้าย เคิร์ทใช้หมัดทุบสีหน้าของเขาน่ากลัว
ไม่ใช่เพียงแต่เขาเท่านั้น หน้าของทุกคนเต็มไปด้วยรังสีฆ่าฟัน กั๊ตรู้สึกเลือดลมเดือดพล่านความตั้งใจต่อสู้ลุกฮืออยู่ในใจ เขาชูแขนตะโกนลั่น “ฆ่าพวกมันให้หมด!”
ทุกคนตะโกนพร้อมกัน “ฆ่าพวกมันให้หมด!”
ตาของเคิร์ทเป็นประกายเยือกเย็น ‘การต่อสู้เพิ่งเริ่ม!’