ตอนที่ 874 ภารกิจของฮุยไท่หลาง
“ท่านแน่ใจนะว่าจะไม่ออกไปด้วย?” ก่อนเย่ว์หยางจะออกจากหุบเขาอสูร เขาถามเสือหน้ามนุษย์และพญาเหยี่ยวที่ได้รับบาดเจ็บอีกครั้ง
“เราไม่มีใครรู้จักที่ข้างนอก ระหว่างออกไปข้างนอกหรืออยู่ต่อที่นี่ไม่มีความต่างกัน สิ่งที่สำคัญที่สุดคือหลังจากประสบกับเรื่องมากมายเหล่านี้และถูกจองจำอยู่หุบเขาอสูรมาเป็นเวลานานปี เราค่อนข้างจะอึดอัดกับการเปลี่ยนแปลงของโลกภายนอก อยู่ที่นี่ยังมีอะไรให้ทำอีกมากมาย”
“ดาริอุสและพญาราชสีห์ยินดีจะให้ความร่วมมือสามฝ่าย ข้าและเจ้าเหยี่ยวร่วมมือกันเป็นฝ่ายหนึ่ง แม้ว่าพลังจะน้อยกว่า แต่ก็สามารถปกป้องตนเองได้ในบางด้าน และข้ายังมีผู้พำนักและอสูรปีศาจเป็นผู้ติดตาม ถ้าเราออกไป คิดว่าพวกเขาคงใช้ชีวิตอย่างหวาดระแวง” เสือหน้ามนุษย์ยิ้มพลางส่ายศีรษะและปฏิเสธความตั้งใจดีของเย่ว์หยาง “ออกไปก็เป็นคนไม่สำคัญ ไม่ควรเอ่ยอ้างถึง อยู่ในหุบเขาอสูรที่คุ้นเคยเป็นผู้นำกลุ่มเล็กๆ คงจะดีกว่า ข้าคุ้นเคยกับการอยู่ในนี้มาหลายปีแล้ว ที่นี่เป็นเหมือนบ้านของข้า ถ้าพูดว่าจะให้ข้าออกไปจริงๆ ข้ารู้สึกลังเลอยู่บ้าง”
“บางทีข้าอาจจะออกไปทีหลังก็ได้ แต่ยังไม่ใช่ในตอนนี้” พญาเหยี่ยวแสดงความขอบคุณต่อเย่ว์หยาง
“ก็ดี เลือกตามที่ท่านชอบใจก็แล้วกัน” เย่ว์หยางพยักหน้าและหมุนตัวเดินออกมา
นางพญาผึ้งพิษ หลงหม่าและวีเซลหางดาบทำสัญญาชั่วคราวเป็นบริวารของตั๊กแตนมัจจุราชโบกมืออำลาอสูรปีศาจ
ในการทำสัญญาสำหรับวีเซลหางดาบ เป็นไปได้ที่เขาจะทำสัญญาได้ และยังพาอสูรปีศาจสิบตนไปจากหุบเขา อย่างเช่นอสูรชีตาร์สองพี่น้อง อสูรแมวลิงซ์ อสูรแรด อสูรช้าง ฯลฯ มีการต่อสู้เพื่อชิงที่นั่งสุดท้าย
อสูรบางส่วนอย่างเสือหน้ามนุษย์และพญาเหยี่ยวถือหุบเขาอสูรเสมือนว่าเป็นบ้านไปแล้ว จึงไม่เต็มใจจะจากไป
ตัวอย่างอีกคนหนึ่งก็คือปีศาจเฒ่าผมยาว
บางคนที่เป็นผู้พำนัก พวกเขาต้องปล่อยให้อสูรตายครั้งหนึ่งหรือสองครั้งก็จะกลายเป็นอสูรปีศาจ
นี่เองทำให้ผู้พำนักหลายคนท้อแท้ มีผู้พำนักคนหนึ่งชื่อฟงหู ฆ่าตัวตายถึงสองครั้ง เพื่อให้ได้ตำแหน่งหนึ่งในสิบที่มีค่า ตำแหน่งสุดท้ายเดิมทีเป็นของนักยุทธศาสตร์ของพญาราชสีห์ อสูรกา เมื่อวันที่จ้าวคางคกถูกกำจัดในวันนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะวีเซลหางดาบ แมวลิงซ์และอสูรแรดช่วยไว้ ก็คงตายไปแล้ว
เมื่ออสูรกาหาเย่ว์หยางพบ โควตาคนที่สิบจึงไม่ถูกปฏิเสธ
“พี่น้องทั้งหลาย ลาก่อน!” หลงหม่าโบกมือให้กับสหายเก่า เขาต้องการได้รับอิสรภาพโดยเร็ว เขาคิดถึงเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในหุบเขาอสูรก็อดหลั่งน้ำตาไม่ได้
“ลาก่อน” อสูรปีศาจและผู้พำนักทั้งหมด ออกมาส่ง
ครั้งนี้ แม้ว่าจะมีเพียงสิบคน แต่ก็ยังเป็นประกายแห่งความหวังในการนำผู้พำนักและอสูรปีศาจออกมาด้วย
ถ้ามีผู้ท้าทายผ่านด่านอย่างเย่ว์หยางสามารถฝึกอสูรศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาได้ อย่างนั้นก็มีทางที่จะจากไปได้
คนผู้อยู่ในหุบเขาอสูรรู้เป็นอย่างดี ความเป็นไปได้นี้น่าละอายนัก แต่ไม่ถึงกับสิ้นหวัง ผู้ท้าทายผ่านด่านอย่างเย่ว์หยางอาจไม่มีทางเกิดได้อีก แต่แม้ว่าจะไม่สามารถสร้างอสูรศักดิ์สิทธิ์ได้ แต่ถ้าเป็นอสูรที่ฉลาดมาก ก็มีโอกาสพาคนออกไปได้ เทียบกับอสูรศักดิ์สิทธิ์ แค่พาคนออกไปได้สิบคนนับว่าแตกต่าง แต่ถ้าสามารถพาไปได้สักคน ก็นับว่ายังมีความหวังใช่หรือไม่
เมื่อออกจากหุบเขาอสูร เย่ว์หยางและตั๊กแตนมัจจุราชกลับไปยังแดนสวรรค์
นางพญาผึ้งพิษ หลงหม่า วีเซลหางดาบเปล่งรัศมีสีทอง พวกเขาทั้งหมดกลายร่างกลับเป็นมนุษย์ดังเดิมอีกครั้ง
อสูรดั้งเดิมซึ่งถูกฝึกฝนอยู่ในหุบเขาอสูรค่อยๆ สลายหายไป เหลือแต่เพียงผลึกปีศาจในมือหลงหม่าและวีเซลหางดาบ พวกเขามีความคิดประหลาดขึ้นมาทันที นี่พวกเขายังอยู่ในหุบเขาอสูรที่น่ากลัวหรือเปล่า?
ทั้งหมดนั้นเป็นความจริงหรือ?
ทั้งหมดนี้ไม่ใช่ความฝันใช่ไหม?
ไม่ว่ายังไงก็ตามการกลับคืนร่างเป็นมนุษย์ของพวกเขาทำให้พวกเขาดีใจแทบคลั่งอดสวมกอดกันเองไม่ได้ พวกเขาร้องไห้ระบายอารมณ์อย่างตื่นเต้นที่ได้คืนสภาพเป็นมนุษย์
“ข้าถามหน่อย เจ้าวีเซลหางดาบ เจ้ามีครอบครัวตระกูลอยู่หรือเปล่า? หรือว่าเจ้ากำลังจะไปไหน! โอว ไม่ เจ้าเป็นคนเผ่าเทียนหัวหรือ? เจ้าไม่ใช่คนตระกูลเย่ฟงหรือ?” หลงหม่าตวาดทันทีที่เห็นร่างที่แท้จริงของวีเซลหางดาบ
“เจ้าก็โกหกข้าเหมือนกัน เจ้าบอกว่าเจ้าบอกว่าเป็นคนเผ่าหลี ใครจะรู้ว่าเจ้าเป็นคนเผ่าหลินเป้า” วีเซลหางดาบก็รู้สึกเหมือนถูกหลอก
“เกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา?” เย่ว์หยางประหลาดใจ
“ไม่มีอะไรมาก ทั้งสองเผ่าเป็นศัตรูกันมาตั้งแต่แรก เผ่าเทียนหัวไม่ถูกกับเผ่าหลินเป้า ข้าคิดว่าควรรอให้พวกเขาตีกันให้เสร็จก่อน” นางพญาผึ้งพิษไม่เปลี่ยนไปเท่าใดนัก นางยังเป็นเหมือน นางพญาผึ้งพิษพูดยังไม่ขาดคำ หลงหม่าและวีเซลถลึงตามองกันพร้อมจะเริ่มต่อสู้กัน
“พวกเจ้าค่อยๆ ตีกันไปก่อน!” เย่ว์หยางหาวพลางโบกมือ “ข้าจะกลับไปนอน พวกเจ้ากลับไปจัดการเรื่องของพวกเจ้าได้แล้ว!”
“ต่อไปเราจะหาท่านเจอได้ยังไง?” นางพญาผึ้งพิษถามแทนทุกคน
“ท่านจะบอกสถานที่ให้เราบ้างได้ไหม? เรื่องขัดแย้งของเผ่าโยนทิ้งไปก่อน” ทั้งหลงหม่าและวีเซลรู้สึกว่าพวกเขาร่วมกับเย่ว์หยางเป็นคำสัญญาในอนาคตที่สำคัญที่สุด
“ใครจะสนใจเรื่องแตกคอกันของพวกเจ้าเล่า? ออกจากหุบเขาแล้วยังต้องการติดตามเราคุณชาย พวกเจ้าไม่มีอะไรทำแล้วหรือไง” เย่ว์หยางโกรธ เขาไม่ได้ทำเช่นนี้ในฐานะพี่เลี้ยงเด็ก นอกจากนี้ก็ยังไม่มีค่าแรงให้ ทำงานหนักเหนื่อยโดยไม่ได้รับผลตอบแทนงั้นหรือ? ทุกวันนี้คนที่มีฐานะเป็นพี่ใหญ่ก็คือเจ้าอ้วนไห่ไม่ใช่หรือ
เย่ว์หยางตำหนิ
กลับกลายเป็นว่าบรรกาศอำลาที่ควรเป็นไปด้วยน้ำตาหายวับไปทันที
ทุกคนตกใจกลัวหลบหนี ไม่มีใครกล้าตอแยคุณชายสามตระกูลเย่ว์ ก็รู้อยู่ว่าเขาไม่พอใจมังกรดำสองหัว ตอนนี้ใครตอแยเขาก็คงโชคร้าย
รอจนเย่ว์หยางจากไป นางพญาผึ้งพิษให้ทุกคนมารวมตัวอีกครั้งและกระซิบที่หูบอกกัน “เมืองเจิ้งฝู เขาเปิดเผยออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ สหายของเขาหลายคนฝึกฝนอยู่ในเมืองเจิ้งฝู เป็นไปไม่ได้ที่จะติดตามเขา ถ้าพวกเจ้าคิดว่าด้วยฝีมืออย่างพวกเจ้า ถ้ามีไม่เพียงพอก็จะพาคนอื่นล้มเหลวไปด้วย ถ้าพวกเจ้ารั้งอยู่กับครอบครัว ก็ยังพอมีหวังบ้าง เอาล่ะ ข้าจะไปบ้าง พวกเจ้าทะเลาะกันต่อไปเถอะ!”
นางพญาผึ้งพิษแค่นเสียงและหายลับไปในขอบฟ้า
ทุกคนได้แต่มองหน้ากันเอง
ในที่สุดพวกเขาทุกคนก็ทำเหมือนกันโดยไม่ต้องปรึกษาล่วงหน้า
คงโง่อย่างแน่นอนถ้าไม่ร่วมกับคุณชายสาม แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้คาดหวังจากวงศ์ตระกูล แต่กับสุดยอดนักสู้ อย่างน้อยก็เป็นโล่ช่วยกำบังตนไว้ได้
“ไม่ต้องสู้ก็ได้ แต่ว่าเด็กน้อย เจ้ายังอ่อนแอเกินไป ข้าเกรงว่าโดนไม่กี่หมัดก็ล้มลงแล้ว มันน่าเบื่อ” หลงหม่าแค่นเสียงใส่วีเซล
“ข้ากลัวว่าสองสามหมัดก็เลาะฟันเจ้าออกมาได้แล้วน่ะสิ มีความสามารถก็มาสู้กับข้าได้เลย ใครแพ้เป็นลูกเต่า” ความจริงพลังของวีเซลกับหลงหม่าจะแตกต่างกันมาก และพวกเขาก็ตายในหุบเขาอสูรมาแล้ว ไม่มีอะไรที่เกลียดกัน เพียงแต่ปากพล่อยกันทั้งคู่ บุรุษทั้งสองต่างผลักอกกันไปมา และแหกปากหัวเราะอีกครั้ง
จากนั้นกอดไหล่ฝ่ายตรงข้ามแน่นเหมือนกับเป็นสหายสนิท เดินยิ้มหัวเราะตลอดทาง
เจ้าแรดและพวกที่เหลือมองดูอย่างตกใจ “พวกเขาไม่ได้ทะเลาะกัน เราจะทำยังไงต่อไป?”
อดีตอสูรกาตามไปเป็นคนแรก “ใครจะรู้ว่าต่อไปจะทำอะไร ข้าเองก็มีเรื่องทำมากมาย แต่ก่อนอื่น ไปหาอะไรดื่มกันก่อน”
“เดี๋ยวก่อน”
สองสามคนที่เหลือรีบตามมาทัน
อย่างไรก็ตามพวกเขาออกจากหุบเขาอสูรมาแล้ว ตระกูลพวกเขาจะเป็นยังไง นั่นไม่ต้องสนใจแล้ว เวลาผ่านมาหลายพันปี ฉลองกันสองสามวันจะเป็นอะไรไป!
เมืองเจิ้งฝู
เย่ว์หยางมาพบกับเจ้าอ้วนและคนอื่นๆ พวกเขาถูกทหารผ่านศึกของนางพญาเฟ่ยเหวินหลีฝึกหนักจนดูราวกับสุนัขตาย
เขาอดสงสารอย่างช่วยไม่ได้ “ฝึกมาเป็นเวลานานมาก แต่มีความก้าวหน้าน้อยมาก เจ้าจะทำให้ชาวทงเทียนเสียหน้าไม่ได้ เพราะหน้าของของคุณชายผู้นี้ ไม่มีทางทำอะไรได้... ไม่ต้องใช้เลือดมังกรยักษ์โบราณเพื่อยกระดับพลังเจ้า มิฉะนั้นข้าไม่กล้าบอกคนอื่นว่ารู้จักเจ้า”
เจ้าอ้วนไห่โกรธ “เฮ่ย, ข้ากำลังก้าวหน้าครั้งใหญ่เชียวนะ ในฐานะลูกพี่ ข้าจะยกตัวอย่างให้ก็ได้ อย่างเช่นลิงของเย่คงนั่นเลวร้าย ต่อให้เขาเป็นน้องชายคนหนึ่ง เขาก็จะทำให้หอทงเทียนขายหน้า ข้าย่อมดีที่สุดแน่นอน ดูสิ ยาหยีของข้ากลายเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ไปแล้ว”
นางนวลสายลมประสบผลสำเร็จ และวิวัฒนาการได้สำเร็จ
งดงามแปลกประหลาดมาก
ลักษณะทั้งหมดแปลกตาอยู่บ้าง ใบหน้าดูเหมือนกินรีหน้าเป็นคนตัวยังคงเป็นเหมือนเหยี่ยว ดูไม่มีความชั่วร้าย คิดว่าเป็นลักษณะของอสูรศักดิ์สิทธิ์ชนิดหนึ่ง
อย่างไรก็ตามความก้าวหน้าของนางนับว่ายังเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเจ้าอ้วนไห่ ความจริงเจ้าอ้วนไห่มีความก้าวหน้าอย่างมาก แต่ยังไม่อาจเทียบได้กับเสวี่ยทันหลาง
ในขณะที่เจ้าอ้วนไห่กำลังโม้โอ้อวดอนาคตของอสูรศักดิ์สิทธิ์ผู้งดงามนี้ สาวน้อยตั๊กแตนมัจจุราชก็ออกมาบ้าง รูปลักษณ์ของนางทำให้เจ้าอ้วนไห่ทำอะไรไม่ถูก จากนั้นเขาสั่นและถามเหมือนไม่อยากจะเชื่อ “นี่คือตั๊กแตนมัจจุราชที่เชี่ยวชาญในการแทะหัวมังกรบินใช่หรือเปล่า? เป็นไปได้ยังไง? เจ้าไปผจญภัยกันแบบไหน? กลับกลายเป็นตัวเล็กขนาดนั้นได้ยังไง ทั้งยังวิวัฒนาการถึงระดับเตรียมเป็นอสูรเทพแล้ว... ข้าไม่อยากมีชีวิตอีกต่อไปแล้ว เจ้ารังแกกันเกินไป ทำไมข้าฝึกอสูรศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้ง่ายๆ อย่างนี้บ้าง? เจ้าทำร้ายความรู้สึกของข้าอย่างคาดไม่ถึง นี่จะปล่อยให้ข้าได้ภูมิใจสักวันหรือสองวันบ้างไม่ได้หรือ? เจ้านะเจ้า.. ปล่อยให้ข้าได้มีหน้ามีตาต่อหน้าชาวแดนสวรรค์ให้พวกเขาจดจำข้าว่าเป็นเด็กหนุ่มอัจฉริยะจากหอทงเทียนบ้างไม่ได้หรือไง?”
“....” เย่ว์หยางพูดไม่ออก
“เจ้าอ้วน! เจ้ากำลังคันเนื้อคันตัวอยู่ใช่ไหม?” เย่คงอดสบถด่าไม่ได้ ฮุยไท่หลางวิ่งมาสมทบ
แม้แต่เสวี่ยทันหลางและองค์ชายเทียนหลัวยังอดชูนิ้วกลางให้เจ้าอ้วนไห่มิได้ ตอนเป็นหนี้ไม่เคยโผล่ให้เห็น ไม่มีใครหน้าด้านเท่าเจ้าอ้วนไห่อีกแล้ว
หอทงเทียนมีคนอย่างนี้อยู่นับเป็นเรื่องน่าขายหน้าจริงๆ
พวกทหารผ่านศึกก็ตะลึงด้วยเช่นกัน แต่ไม่ใช่เพราะพวกเขาเห็นตั๊กแตนมัจจุราช
พวกเขาได้ยินเย่ว์หยางพูดว่าเลือดพญามังกรโบราณถูกเอามาใช้เลื่อนระดับเจ้าอ้วนไห่ได้ ตามที่พวกเขาสังเกตและตัดสินดู ศักยภาพของเจ้าอ้วนไห่และคนอื่นๆ ได้รับการแก้ไขในระดับหนึ่ง แม้ว่าจะส่งเสริมได้ แต่ก็ยังมีข้อจำกัด และรากฐานสายเลือดเขาแข็งแกร่งมาก ดังนั้นจำเป็นต้องเปลี่ยนด้วยวัตถุภายนอก เป็นเรื่องยากลำบาก พวกเขายังคงเสียใจมาก ตอนนี้เมื่อพวกเขาได้ยินว่าเย่ว์หยางมีวิธีพัฒนาต่อไป พวกเขาจะไม่ตกใจต่อความลับนี้ได้ยังไง
เมื่อพวกเขามองดูเย่ว์หยางใกล้ๆ ก็พบว่าเจ้าเด็กนี่แตกต่างจากเมื่อตอนที่เขามายังเมืองเจิ้งฝูครั้งแรก
ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาเข้าใกล้ระดับเทพไปแล้วหรือ?
เด็กหนุ่มก้าวหน้าได้รวดเร็ว แต่ไม่น่าเป็นไปได้ที่จะมาถึงระดับนี้
เขาอยากจะถาม แต่เย่ว์หยางไม่ให้โอกาสพวกเขา เขายิ้มลึกลับและใช้เข็มทิศสามพิภพจากนั้นกลับไปยังหอทงเทียนทันที
มาถึงตอนนี้เมื่อเห็นตั๊กแตนมัจจุราชใช้กำปั้นน้อยๆ นวดทุบไหล่ให้เย่ว์หยาง ฮุยไท่หลางรู้สึกว่ามันตกเป็นรองเสียแล้ว มันรีบตามกลับไปยังหอทงเทียนพร้อมกับเขา ไม่ว่ายังไงงานประจบเจ้านายของมันจะปล่อยให้อสูรเด็กน้อยชิงไปจากมันไม่ได้ ในฐานะอสูรผู้ซื่อสัตย์ภักดีต่อเจ้านายที่สุด ฮุยไท่หลางจะไม่ปล่อยให้คนอื่นท้าทายงานของมัน
ต้องบอกว่าในแง่ประสิทธิภาพ ฮุยไท่หลางนับเป็นเบอร์หนึ่งได้
“ที่หุบเขาฝังดาบ ข้ามอบหมายงานนั้นให้เจ้า ถ้าเจ้าพบอักขระรูนที่เหมาะสม นั่นจะเป็นของเจ้า” เย่ว์หยางคิดว่าถึงเวลามอบหมายภารกิจให้ฮุยไท่หลางแล้ว นั่นจะช่วยได้มาก
“โฮ่ง!” ฮุยไท่หลางเมื่อได้ยินแล้ว มันตื่นเต้นอย่างที่สุด เจ้านายมักจะมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้มันเสมอ มันใช้อุ้งเท้าแตะหน้าอกเป็นการสื่อความว่ามันจะปฏิบัติหน้าที่ให้ดี
มันไม่ได้ตามไปวังเทียนหลัวด้วย
มันแยกกับเย่ว์หยางกลางทางและมุ่งหน้าสู่วังต้าเซี่ย
ไม่ต้องพูดอะไรต่อ มันไปหาอาจารย์จิ้งจอกเฒ่าสุ่ยตงหลิวที่หุบเขาฝังดาบ และเฝ้าวนเวียนอยู่ที่บริเวณนั้น!-!