ตอนที่ 868 พยานประวัติศาสตร์ พยานในปาฏิหาริย์
ได้ความนุ่มนวลอ่อนโยนจากสาวงาม เย่ว์หยางจากอ่อนเพลียก็กลับมาสดชื่นพร้อมจะเดินทางเพื่อเอาชนะอุปสรรคในหุบเขาอสูรต่อไป
หุบเขาอสูร ทุ่งกระดานหิน
การทดสอบครั้งที่สามไม่เหมือนกับสองครั้งแรก เป็นการสอบที่ยากมาก แม้ว่าจะไม่เหมือนกับที่หอโถงวิญญาณอสูรและกระสุนอสูร แต่เป็นที่ซึ่งคุกคามชีวิตได้ง่ายๆ ที่นี่ไม่มีขีดจำกัดเวลา แต่ทุ่งกระดานหินที่นี่จะเป็นสถานที่ทดสอบของอสูรที่ยากที่สุด เพราะเป็นสถานที่ใช้ทดสอบสติปัญญาของอสูรโดยเฉพาะ ไม่ว่าอสูรจะมีพลังมากเพียงไหน ถ้าไม่มีปัญญาเพียงพอก็ไม่มีทางผ่านด่านนี้ไปได้เลย
สำหรับการทดสอบในทุ่งกระดานหินนี้ ความจริงมีหลายครั้งที่เจ้านายอสูรซึ่งอยู่ที่ด้านนอกช่วยคำนวณร่วมกันเพื่อหาคำตอบสุดท้าย
แม้ว่าอสูรบางตนโง่เง่า ต่อให้เจ้านายช่วยโกงให้ ก็ยังผ่านด่านไม่ได้
เหตุผลก็คือการดำเนินการโดยไม่มีปัญญา แม้แต่การดำเนินตามพื้นฐานที่ถูกต้อง ไม่สามารถทำได้
ในทุ่งกระดานหิน
หนึ่งในปัญหายากที่สุดเท่าที่จำได้ก็คือ การผลักเรียงหิน (เกมซูโดกุ-เรียงเลขปริศนา)
เพราะเหตุนี้การทดสอบในสามช่วงแรกของหุบเขาอสูร ให้ผู้ทดสอบเข้าทดสอบในหัวข้อว่า การผลักเรียงหิน
ถ้ามีคำถามว่าวันหนึ่งรวบรวมทองคำได้หนึ่งก้อนวันต่อไปรวบรวมได้สองเท่า ทบไปเรื่องจนถึงหนึ่งเดือนจะรวบรวมทองได้เท่าใด หัวข้อคำถามอย่างนั้นคนโง่ต้องใช้เวลาคำนวณอย่างหนักเป็นเวลานาน เช่นคำนวณดิน น้ำ ลม ไฟ บางหัวข้ออาจทำให้ผู้ท้าทายทดสอบและอสูรคำนวณไปมาจนตายด้วยกันก็มี หรือคำนวณไม่ออกและฆ่าตัวตายอย่างสิ้นหวัง... เพราะไม่รู้วิธี ไม่มีทักษะทำความเข้าใจ และมีสติปัญญาไม่เพียงพอ
เมื่อเผชิญกับหัวข้อเหล่านี้ ได้แต่ถอนหายใจอย่างไร้พลัง
แม้ว่าจะผ่านการทดสอบมาก่อนหน้านี้แล้ว แต่ก่อนหน้านี้ก็มีการทดสอบแปลกประหลาด ผู้ท้าทายอาจทำได้แค่กลับมือเปล่า
นอกจากนี้ยังมีการทดสอบที่ง่ายในทุ่งหิน เช่นการหาเลขสมการ แต่ในการทดสอบผ่านไปแล้ว เป็นการประเมินความรู้เบื้องต้นง่ายๆ ของหุบเขาอสูร ไม่มีรางวัลตอบแทนใดๆ
ต้องการได้รับรางวัล ต้องท้าทายสิบปัญหายาก
ในกลุ่มปัญหายากเหล่านั้น ปัญหาว่าด้วยลม ไฟ น้ำ ดินง่ายที่สุดในสิบปัญหายาก แต่ไม่เคยเปิดเผยต่อคนทั่วไปในหุบเขาอสูรมาเป็นพันๆ ปีแล้ว
ส่วนที่ยากที่สุดของสิบปัญหายากก็คือการผลักเรียงหิน
หัวข้อนี้มองดูผิวเผินเหมือนง่าย ให้อสูรมีหินกลมยี่สิบก้อนหมายเลข อสูรจะต้องกลิ้งหินกลมออกเป็นแถวทีละสี่ และอย่างน้อยจะเป็นแถวสิบหกแถวๆ ละยี่สิบก้อน สิบหกแถวเป็นข้อกำหนดพื้นฐาน หากเรียงเป็นสิบแปดแถว อย่างนั้นรางวัลจากกฎสวรรค์ประจำหุบเขาอสูรจะเพิ่มเป็นสองเท่า ถ้าเรียงยี่สิบแถว รางวัลของหุบเขาอสูรจะเป็นดวงปัญญารู้แจ้งที่ส่องสว่าง ถ้าได้มากกว่ายี่สิบแถว รางวัลจะเป็นการรู้แจ้งทางวิญญาณ ยังไม่มีใครสนองตอบต่อข้อกำหนดนั่นได้นับตั้งแต่มีการบันทึกในหุบเขาอสูร
เช่นเดียวกับการผ่านด่านที่สอง กระสุนอสูร การทดสอบผลักเรียงหินนี้กลายเป็นอุปสรรคยากจะผ่านได้มาหลายพันปีแล้ว
ทุกคนสามารถลองในเวลาใดก็ได้
ไม่มีการลงโทษที่ล้มเหลว ไม่มีการตาย แต่ยังไม่มีใครสอบผ่านได้สำเร็จ
“ก่อนอื่น ไม่ต้องไปท้าทายการทดสอบผลักเรียงหิน เพราะไม่มีการจำกัดอยู่แล้ว เราสามารถท้าทายการทดสอบอื่นได้ อย่างเช่นการได้รับเงินเป็นสองเท่าในหนึ่งเดือนก็ได้ ข้ารู้คำตอบ” หลงหม่าและวีเซลหางดาบทั้งสองเป็นพยานที่ตื่นเต้นที่สุด ความจริงไม่เพียงแต่พวกเขาเท่านั้น แต่ยังมีอสูรปีศาจที่ได้เห็นเย่ว์หยางผ่านด่านกระสุนอสูรที่ไม่มีใครทำได้มานานแล้ว พวกเขารุมล้อมมองดูทุ่งหินและหวังว่าจะได้ยินข่าวดีเป็นครั้งแรกต่อไป
“ให้นางลองด้วยตนเองก่อน!” เย่ว์หยางไม่รับความปรารถนาดีของหลงหม่า แต่ให้ตั๊กแตนมัจจุราชประเมินตัวเอง
“อือ”
ตั๊กแตนมัจจุราชรู้ว่าเจ้านายมีคำตอบจากเสือหน้ามนุษย์ แต่นางไม่ได้ไปดู
นางกลับใช้สติปัญญาของตนเองลองคิดคำนวณ
วันแรกได้รับทองหนึ่งก้อน วันต่อไปได้เป็นสองเท่าเรื่อยๆ ในหนึ่งเดือนจะรวบรวมทองได้เท่าใด? ตั๊กแตนมัจจุราชหยิบกิ่งไม้แห้งและค่อยขีดเขียนคำนวณบนพื้น
ตอนแรกการคำนวณของนางเร็วมาก จนทั้งมนุษย์อสูรและผู้พำนักเห็นแล้วละอายใจ
การคำนวณของนางค่อยๆ ช้าลง เพื่อให้เกิดความแม่นยำนางตรวจสอบผลอย่างระมัดระวังและไม่ยอมตอบคำตอบข้ามขั้นตอน แต่ยังรวมผลคำนวณต่อไป ก่อนนี้การตรวจสอบคำตอบนี้เย่ว์หยางใช้สอนเย่ว์ปิงกับเย่ว์ซวงมาก่อน บังเอิญนางเรียนรู้อยู่ข้างๆ แต่ตอนนั้นสติปัญญานางยังไม่ถูกเปิด ได้แต่จดจำคำพูดของเจ้านายไว้ รอจนกระทั่งบัดนี้
หลังจากผ่านไปประมาณสิบนาที นางได้คำตอบสุดท้ายในที่สุด
เพื่อให้แน่ใจในการผ่านด่าน ตั๊กแตนมัจจุราชทบทวนคำตอบอีกครั้ง
ในที่สุดนางมองเย่ว์หยางพร้อมกับยิ้มผ่านสายตาและบินเข้าไปในทุ่งหินและตอบโดย กลิ้งหินไปไว้เป็นรูปคำตอบ 536870912
ประกายแสงวาบขึ้นทันที สัญญาณจากแสงแสดงให้เห็นว่านั่นเป็นคำตอบที่ถูกต้อง และผู้ท้าทายสามารถผ่านด่านทดสอบได้ เสียงปรบมือดังลั่นของผู้ชมบางส่วนที่เป็นอสูรปีศาจที่อยู่ข้างนอก พวกเขาตื่นเต้นและกระวนกระวาย พวกเขาไม่สามารถเห็นคำตอบจากด้านนอกได้ ทั้งไม่เข้าใจวิธีการคำนวณของตั๊กแตนมัจจุราชที่ปรากฏอยู่บนพื้นจึงปรบมือให้อย่างจริงใจ ขณะเดียวกันพวกเขามองซ้ายมองขวาต้องการให้ผู้รู้ช่วยเฉลยวิธีการ เรื่องนี้คาใจอยู่ในก้นบึ้งหัวใจของผู้แพ้ที่ตอบผิด คนที่รู้คำตอบทำเสียงฮือฮาขึ้นจมูก คนที่รู้คำตอบจะต้องมีทักษะทางคณิตศาสตร์
การสอบผ่านหัวข้อแรกได้สำเร็จทำให้ตั๊กแตนมัจจุราชมีกำลังใจเพิ่มพูนขึ้นมาก
ถ้าไม่ใช่เพราะต้องระมัดระวัง นางประเมินว่านางสามารถคำนวณคำตอบได้โดยใช้เวลาไม่ถึงห้านาที อย่างไรก็ตามตอนนี้ก็นับว่าไม่เลว
ปัจจุบันนี้มีผู้ท้าทายมากมายอยู่ในสนาม ไม่ว่าจะเป็นผู้ประสบความสำเร็จหรือล้มเหลว ทุกคนรู้ปัญหานี้ ความจริงไม่ใช่เรื่องดีหากจะบอกว่ามีคนผู้หนึ่งใช้เวลาร้อยปีค่อยๆ คำนวณด้วยวิธีการที่โง่ที่สุดทีละนิดสะสมออกมาจนได้คำตอบ
ความเหลื่อมล้ำกันระหว่างร้อยปีกับสิบนาที นั่นคือช่องว่างระหว่างภูมิปัญญา
แม้ว่าจะไม่ใช่ทุกคนที่ต้องใช้เวลาร้อยปี แต่คนกลายเป็นอสูร ทั่วทั้งหุบเขาอสูร ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญ แค่อสูรอย่างเดียวก็สามารถค้นหาคำตอบของโจทย์ข้อนี้ได้ด้วยการนับนิ้วมือได้
“ลุยกันเลย!” สาวน้อยตั๊กแตนมัจจุราชประสบความเร็จในหัวข้อแรก นางกำหมัดด้วยความตื่นเต้น
เช้าวันต่อมาจะเป็นการแสดงบทบาทของนาง
ชาวหุบเขาอสูรคนแล้วคนเล่ารู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะคำนวณปัญหาเพื่อช่วยให้นางได้รับคำตอบสุดท้าย นางได้รับคำตอบสุดท้ายด้วยความสามารถในการคลี่คลายของนางเอง ผู้ชมดูทั้งที่เป็นมนุษย์อสูรและผู้พำนัก เมื่อเห็นความสำเร็จของอสูรน้อยนี้ ต่างปรบมือโห่ร้องอย่างบ้าคลั่งให้กำลังใจนาง
หัวข้อง่ายไม่ใช่เป้าหมายของเย่ว์หยางและสาวน้อยตั๊กแตนมัจจุราชอีกต่อไป นางต้องการผ่านด่านสิบปัญหาสุดยาก
นับตั้งแต่สมัยโบราณ ผู้ท้าทายย่อยยับไปนับไม่ถ้วน หลังจากผ่านไปสองชั่วโมง ตั๊กแตนมัจจุราชคำนวณปัญหาเรื่องลมก็ได้รับคำตอบสุดท้ายในที่สุด
นางบินไปที่แผ่นกระดานส่งคำตอบ และพอผู้คนเห็นแสงสีทองฉายลงมาจากท้องฟ้าและคงสภาพอยู่ไม่สลายไปเป็นเวลานาน นี่คือภาพฉายพิเศษที่แสดงว่าสิบปัญหาที่ยากจะคลี่คลายได้ และผู้ชมดูที่คิดว่าอสูรน้อยนี้อาจพ่ายแพ้เริ่มมีความมั่นใจขึ้น ปัญหาดินน้ำลมไฟในหัวข้อนี้ผู้พำนักในหุบเขาอสูรตั้งรางวัลไว้ถึงล้านเหรียญทอง แต่น่าเสียดายที่คนรู้วิธีตอบไม่ยินดีขายคำตอบ ใครจะคาดคิดได้โดยไม่มีเจ้านายแทรกแซง ด้วยความสามารถของอสูรเองจะสามารถแก้สิบปัญหายากที่แม้แต่ผู้ท้าทายซึ่งมีปัญญาสูงยังคลี่คลายไม่ได้? ต่อให้เป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ก็ตาม อสูรน้อยนี้ฉลาดเกินไปหรือเปล่า?
“อือ!” ตั๊กแตนมัจจุราชบินออกมาและโถมเข้าอ้อมอกของเย่ว์หยางร้องด้วยความดีใจ
ยิ่งคิดข้อทดสอบมากขึ้นก็ยิ่งทำให้ความสามารถทางสมองของนางเติบโตก้าวหน้ามากขึ้น
นี่คือการเติบโตที่มองไม่เห็น
เมื่อนางระลึกถึงคำสอนต่างๆ ที่เย่ว์หยางได้แนะนำไว้ก่อนนั้น และยังจำได้ถึงสิ่งที่ยากเย็นที่สุดจนถึงบัดนี้และนางคลี่คลายได้ น้ำตานางไหลออกมาอย่างมิอาจระงับได้... จะพูดให้ถูกยิ่งกว่าก็คือนี่คือสิ่งที่เจ้านายนางเคี่ยวเข็นให้เรียนรู้ คนภายนอกไม่เข้าใจ แต่นางรู้ถึงสิ่งที่เจ้านายมอบให้นาง!
เย่ว์หยางลูบศีรษะน้อยๆ ของนาง “นี่, อย่าร้องไห้เลยนะ เจ้าทำได้ดีมากจริงๆ ข้อสอบเหล่านี้ไม่มีอะไร ขอเพียงแต่มีเวลาพอข้าคิดว่า เจ้าเพียงลำพังก็ทำได้สำเร็จ”
ถ้าเย่ว์หยางไม่ได้ใช้นางเป็นกระสุนอสูร นางคงแสดงความสามารถที่ไม่ธรรมดาออกมาแล้ว
ตอนนี้ นางทำให้ผู้คนอึดอัดแทบตาย!
ปัญหายากทั้งสิบ ก็คลี่คลายได้ง่ายอย่างนั้นหรือ?
ถ้าข้อสอบเหล่านี้ง่าย อย่างนั้นโลกนี้ก็คงไม่มีอะไรยากแล้ว
อย่างไรก็ตามความสามารถที่คลี่คลายด่านกระสุนอสูรได้ทุกระดับ ก็ไม่มีใครสงสัยคำพูดของเขาอยู่แล้ว
เด็กหนุ่มผู้ร้ายกาจนี้อาจแก้ปัญหายากสิบข้อได้อย่างง่ายดาย แม้ว่าจะไม่มั่นใจสิ้นเชิง แต่อสูรปีศาจและผู้พำนักที่ชมดูไม่มีใครปฏิเสธเพราะเห็นกันทุกคน รวมทั้งหลงหม่าและวีเซลหางดาบ นางพญาผึ้งพิษก็มั่นใจในตัวเย่ว์หยางเต็มเปี่ยม ทั้งสามเชื่อว่าเย่ว์หยางคงไม่คุยโอ้อวดอย่างนั้นแน่นอน นอกจากมีความมั่นใจเต็มร้อย
“โจทย์ที่เจ้าจำได้ ค่อยๆ แก้กันทีหลัง ตอนนี้เวลายังคงหมดไปเรื่อยเราจะมาสู้กันในตอนบ่าย และจะมีแผนฝึกพิเศษคืนนี้!” เย่ว์หยางยืนขึ้นและผายมือ
เขาส่งรหัสลับสั่งตั๊กแตนมัจจุราช
ตั๊กแตนมัจจุราชสงสัย แต่นางบินเข้าไปในลานหินเพื่อสอบและวางเฉลยคำตอบที่ถูกต้องตามคำขอของเย่ว์หยาง ทันใดนั้นมีแสงสีทองฉายปรากฏขึ้นทันที
เมื่อนางบินกลับมา เย่ว์หยางออกคำสั่งภาษาลับครั้งที่สองโดยไม่ต้องคิดอะไร
แสงสีทองฉายขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
ทุกคนเบิกตาโพลงมองดูเย่ว์หยาง ไม่มีใครเคยเห็นคนที่ผิดธรรมดาอย่างนี้มาก่อน!
สิบปัญหายากสำหรับเขา ง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปาก พวกผู้ชมดูพบว่าถ้าไม่ใช่เพราะตั๊กแตนมัจจุราชต้องเสียเวลาบินเข้าบินออก เด็กหนุ่มคนนี้ก็คงตอบคำถามทั้งหมดได้รวดเดียว พร้อมกับลำแสงสีทองฉายขึ้นท้องฟ้า ถ้าเป็นเพราะว่าเขาคำนวณไว้ตั้งแต่เช้าก็คงไม่เท่าใด แต่นี่ไม่ใช่ เจ้าเด็กนี่หลับตลอดตอนเช้า และปัญหายากทั้งสิบก็เป็นหม่าหลงและวีเซลหางดาบมาบอกเขา
ต้องมีระดับสติปัญญาขนาดไหนถึงคิดได้ขนาดนี้
นั่นใช่มนุษย์หรือเปล่า?
นี่ต้องเป็นเทพเจ้าแน่!
ไม่, ดูแล้วยังร้ายกาจกว่าเทพเจ้าในตำนานเสียอีก!
ถ้าหากทำได้ พวกอสูรปีศาจอยากจะเปิดหัวเย่ว์หยางดูว่ามีอะไรอยู่ในโครงสร้างสมองภายใน ถึงได้มีปัญญาแตกต่างจากคนอื่นนัก
คงจะไม่เป็นไรถ้ามีความห่างชั้นของสติปัญญาอยู่บ้าง แต่ไม่ควรจะห่างชั้นมากขนาดนั้นไม่ใช่หรือ กับเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ คนเหล่านี้คิดว่าจะทำอย่างไรถึงจะฉลาดในอนาคต? การพ่ายแพ้เพราะไอคิวน้อยนี้ จะเป็นบาดแผลถาวร คาดว่าจะทำให้พวกเขาอยู่ในเงามืดตลอดไปโดยไม่อาจกำจัดออกไปได้!
“ข้า ข้าเข้าใจแล้ว...” พญาเหยี่ยวน้ำตาไหลพราก น่าคลั่งใจจริงๆ อสูรว่าฉลาดแล้ว เจ้านายยังฉลาดกว่า โลกนี้ช่างอยู่ยากจริงๆ?
“คุณชายจงเจริญ..” หลงหม่าและวีเซลหางดาบตื่นเต้นจนแทบสิ้นสติ การตัดสินใจร่วมผ่านอุปสรรคกับเด็กหนุ่มนี่เป็นเรื่องโชคดีในชีวิตจริงๆ
มีแต่นางพญาผึ้งพิษยังคงรักษาความสงบต่อไป
นางไม่เปิดเผยความสัมพันธ์ที่สนิทกับเย่ว์หยาง แต่แสร้งทำเป็นเย็นชามาตลอดเวลา
อสูรปีศาจและผู้พำนักอื่นเริ่มส่งเสียงให้กำลังใจอย่างบ้าคลั่ง วางหินต่อไปๆๆ เย่ว์หยางยิ้มมั่นใจ
ทั้งอสูรปีศาจทั้งผู้พำนักโห่ร้องดีใจ ขณะนั้นเองไม่มีใครเลยที่มองเย่ว์หยางเป็นศัตรู แต่พวกเขารู้สึกมีความอิ่มเอมปลาบปลื้มใจ เมื่อเห็นว่าเขาจะสร้างสถิติที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ ทุกคนตื่นเต้นจะพูดไม่ออก ตนเองทำลายสถิติไม่ได้ไม่เป็นไร แต่ขอให้ได้เห็นสถิติถูกทำลายด้วยตาตนเองก็เพียงพอแล้ว
เด็กหนุ่มผู้เตรียมจะสร้างสถิติใหม่ ยืนอยู่ต่อหน้าพวกเขาแล้ว
เย่ว์หยางยกมือขอให้ผู้ชมสงบ
ทุกคนกลั้นลมหายใจ
พวกเขากลัวว่าถ้าหายใจแรงเกินไปจะไปรบกวนสมาธิของอสูรที่กำลังผ่านด่าน
เมื่อได้รับคำสั่งรหัสลับจากเย่ว์หยางตั๊กแตนมัจจุราชใบหน้าเป็นประกายตื่นเต้น นางเทียวไปเทียวมาถึงสามรอบด้วยอารมณ์ดีใจ เมื่อนางบินลงอย่างสง่างามและจัดเรียงก้อนหินทั้งยี่สิบก้อนลากทั้งหมดทำเป็นเครื่องหมายลึกลับ ทันใดนั้นหินทั้งหมดเปล่งแสงสีทองทันที.... นี่ยังไม่จบ ตั๊กแตนมัจจุราชยังคงวางหินต่อไปตามคำสั่งของเย่ว์หยาง
หลังวางก้อนหินไปสิบหกแถว แนวเส้นแสงสีทองสิบแปดเส้นปรากฏในสนามหินทดสอบ และแสงสีทองสาดส่องทั่วสนามหินเป็นครั้งที่สอง
“ยี่สิบแถว ยี่สิบแถว!” ทุกคนส่งเสียงกระหึ่มหวังว่าเย่ว์หยางจะแก้ปริศนาต่อไปเพื่อทำลายสถิติ ทำแนวยี่สิบเส้นแสงได้สำเร็จจะได้รับแสงแห่งปัญญาเป็นรางวัล! เย่ว์หยางชูมือปรามผู้ชมทุกคน พวกเขาเงียบเสียงและระงับความตื่นเต้นทันที ทุกคนกำลังรอคอย พวกเขาจ้องมองดูมือของเย่ว์หยาง ภายใต้การแนะนำของเขา สถิติที่ว่ากันว่าไม่มีทางทำลายได้กลับถูกทำลายเหลืออยู่แต่ในประวัติศาสตร์!
ประจักษ์พยานทางประวัติศาตร์ ประจักษ์พยานผู้ได้พบเห็นปาฏิหาริย์ นอกจากนี้ ไม่ใช่เมื่อวานนี้และวันนี้เท่านั้น แต่อาจเป็นพรุ่งนี้ก็ได้ พวกเขายังคงเป็นประจักษ์พยานผู้เห็นเด็กหนุ่มนี้สร้างประวัติศาสตร์ และสร้างปาฏิหาริย์....!-!