ตอนที่ 866 ความสามารถที่ยิ่งใหญ่!
คราวนี้เย่ว์หยางได้รับการจับตาอย่างมากมาย
นั่นคือสี่เสาหลักหุบเขาอสูรอย่างพญาราชสีห์ พญาเหยี่ยว เสือหน้ามนุษย์และนางพญาผึ้งพิษรวมทั้งอสูรปีศาจและผู้พำนักอย่างวีเซลหางดาบ, หลงหม่า, อสูรกาและพี่น้องอสูรชีตาร์
เมื่อพวกเขามองลักษณะของเย่ว์หยาง มีทั้งความหยิ่ง ความริษยา ความละอายใจ ตกใจ เกลียด ดีใจและมีแม้กระทั่งเทิดทูนบูชา ไม่สำคัญว่าพวกผู้นำจะคิดยังไง ผู้นำทั้งสี่จะร่วมมือกับเด็กใหม่ผู้นี้ อย่างน้อยก็ขออยู่ร่วมกันอย่างสงบกับเขา คงไม่ใช่เรื่องฉลาดหากต้องไปตอแยคนที่มีอสูรศักดิ์สิทธิ์ที่ยังจะแข็งแกร่งได้อีกในอนาคต
ก็เหมือนอย่างจ้าวคางคกที่เคยออกมาโจมตีเย่ว์หยางเร็วเกินไปและตกอยู่ในสถานการณ์น่าอึดอัดทันที
ความแข็งแกร่งแตกต่างอย่างชัดเจนที่เย่ว์หยางสร้างขึ้น นั่นไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการร่วมมือกับพญาราชสีห์และพญาเหยี่ยวที่ก่อนนั้นก็เคยร่วมมือกับจ้าวคางคกมาแล้ว
สำหรับเสือหน้ามนุษย์ย่อมต้องการรักษาอำนาจและพลังไว้เป็นธรรมดา เขาลอบถอนหายใจให้กับความโชคดีของตน ไม่ว่าจะเป็นทั้งส่วนรวมหรือส่วนตัว ความสำเร็จและล้มเหลวของจ้าวคางคก ก็ยังน่ากังวลที่สุด
ความสำเร็จของจ้าวคางคกก็หมายความว่าเขามีพลังอำนาจเพิ่มมากขึ้น
ในทางตรงกันข้าม จ้าวคางคกอาจจะถอนตัวจากตำแหน่งเสาหลักอันดับสองของห้าจ้าวอสูร เผื่อว่าผู้นำที่แข็งแกร่งอันดับสามอย่างเสือหน้ามนุษย์จะเบียดขึ้นมาแทนที่
เรื่องที่เย่ว์หยางมีข้อตกลงลับกับนางพญาผึ้งพิษก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึง แค่พลังของเย่ว์หยางก็แข็งแกร่งพอจะตอบโต้จ้าวคางคกได้อย่างน่าเกรงขาม นั่นแสดงให้เห็นว่านางมีวิสัยทัศน์ที่แม่นยำมองออกว่าเย่ว์หยางมีศักยภาพมากพอจะออกไปจากหุบเขาอสูรได้สำเร็จ และทำให้นางมีโอกาสได้รับอิสรภาพ นางพญาผึ้งพิษมีความสุขมากที่สุด แน่นอนว่านางไม่แสดงออกมาให้ใครเห็น
ถ้ามองอย่างผิวเผินนางพญาผึ้งพิษและเสือหน้ามนุษย์รักษาความเป็นกลางไว้
“เจ้าเข้ารับการทดสอบยากเย็นขนาดนั้นได้ยังไง? แล้วยังรับมือสถานการณ์แบบนั้นได้อย่างไร?” วีเซลหางดาบคุยกับอสูรน้อยตั๊กแตนมัจจุราชด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ นางกำลังกินผลปัญญาศักดิ์สิทธิ์อย่างเอร็ดอร่อย
ตั้งแต่เริ่มต้นบันทึกสถิติ การทดสอบระดับยากมากไม่เคยมีใครผ่านด่านได้สำเร็จ
เขาผ่านไปได้ยังไง?
เหลือเชื่อเกินไป....
แม้จะมีพยานเห็นด้วย แต่เขาก็ยังไม่อยากเชื่อสายตาตนเอง
“โชคดีที่การท้าทายนี้ยังไม่ถึงกับยากที่สุด” เย่ว์หยางยิ้มเล็กน้อย แต่เป็นยิ้มที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ
ความจริงเนื้อหาของการท้าทายในระดับยากนี้ต้องการการคำนวณที่แม่นยำมาก เทียบกับเกมที่เย่ว์หยางเคยเล่นมาก่อน มีลักษณะความรู้สึกที่คล้ายคลึงกันในระดับหนึ่ง ความแตกต่างกันก็แทบไม่มี แต่เกมนั้นพอแพ้แล้วกลับมาเริ่มใหม่ได้ แต่การทดสอบนี้เมื่อล้มเหลว อสูรจะตาย และมีโอกาสเพียงครั้งเดียวในแต่ละระดับ
เหตุผลที่เย่ว์หยางมีความเชื่อมั่นในการท้าทายเป็นเพราะตอนนี้ความรู้ที่เขาได้รับตกทอดและการผสานภูมิปัญญาในดินแดนโลกพฤกษา ทำให้เขามีความแตกต่างจากครั้งก่อน
นอกจากนี้ยังมีพลังจักษุญาณทิพย์ที่สามารถมองความเป็นจริงได้
เย่ว์หยางเข้าถึงระดับปราณราชันย์ได้อย่างสมบูรณ์ สามารถรู้สึกได้ว่าจุดตายในการโจมตีแต่ละระดับอยู่ที่ใด
แม้ว่าในหกรอบแรกเป็นเพราะเย่ว์หยางผสานปัญญาเข้ากับความรู้ของนางพญาเฟ่ยเหวินหลี ต่อให้ไม่ใช้พลังตาทิพย์ของตนเอง และไม่นับรวมความรู้ที่ได้รับตกทอดจากพี่สาวแม่สี่ หรือไม่มีภูมิความรู้ที่ได้จากการหลอมรวมกับโลกพฤกษา เขาก็ยังผ่านการทดสอบนี้ได้อย่างง่ายดายอยู่ดี นางพญาเฟ่ยเหวินหลีผ่านถึงหกรอบแรกได้สำเร็จ สำหรับเขาผ่านได้โดยใช้วิธีลับ เป็นธรรมดาว่าสี่รอบที่เหลือเขาผ่านด้วยภูมิปัญญารู้ของตนเองและด้วยความร่วมมือจากตั๊กแตนมัจจุราช แม้ว่าหกรอบแรกเย่ว์หยางจะใช้ประสบการณ์ของนางพญาเฟ่ยเหวินหลี แต่ที่สมบูรณ์ยิ่งกว่าเขากับตั๊กแตนมัจจุราชได้สร้างสามกับดักพลังหยิน
เวลานั้นอสูรเหยี่ยวใช้ทักษะพิเศษบันทึกความเคลื่อนไหวของเขาไว้
เย่ว์หยางแม้ไม่รู้ว่าผู้ใดส่งมันมา
แต่มันไม่ได้ป้องกันเขาจากการคำนวณด้วยมือ
ตอนนี้เย่ว์หยางรวมทั้งพญาราชสีห์ พญาเหยี่ยวและเสือหน้ามนุษย์ ฯลฯ ยังคงไม่รู้ว่าจ้าวคางคกพลาดท่า!
มีเสียงฮือฮาดังขึ้น
จ้าวอสูรทั้งสี่และกลุ่มอสูรเมื่อเห็นเย่ว์หยางตอบอดรู้สึกอึดอัดใจไม่ได้
เด็กคนนี้ขวานผ่าซากจริงๆ แต่ท่าทางที่เขาพูดก็สมควรจะหยิ่งยโสได้ เพราะการทดสอบนั้นเป็นระดับยากที่ทุกคนไม่สามารถผ่านได้
“ข้าขอให้คำมั่นว่า ไม่ว่าจะเป็นเวลาใด คนของข้าและตัวข้าจะไม่ขัดขวางกีดกันเส้นทางการต่อสู้ของเจ้า พ่อหนุ่ม! แม้ว่าข้าจะไม่มีโอกาสออกไปจากหุบเขาอสูรอีกต่อไปก็ตาม ข้าขอขอบคุณเด็กหนุ่มรุ่นหลังอย่างเจ้า ไม่ว่าเจ้าจะไปที่ไหนหรือเมื่อไหร่ก็ตาม ขออวยพรให้เจ้าประสบความสำเร็จและขอให้เดินหน้าต่อไป!” พญาราชสีห์พูดแสดงความจริงใจ
“........” นางพญาผึ้งพิษลอบดูแคลน ถ้าไม่ใช่เพราะเย่ว์หยางและอสูรน้อยเคยถูกต่อต้านมาก่อน เขาจะยอมพูดอย่างนี้หรือ?
“ก็เหมือนกับพญาราชสีห์ เรามีความตั้งใจที่ดี” พญาเหยี่ยวไม่พูดถึงความขัดแย้งก่อนหน้านี้ และเขาให้ความสำคัญกับการเดินหน้าผ่านด่านของเย่ว์หยาง นอกจากนี้เขายังมีความชื่นชมเป็นพิเศษ เขาคิดว่าเด็กหนุ่มคนนี้เหลือเชื่อ ถ้าเป็นเขาท้าทาย เขาคงไม่ชนะอย่างแน่นอน
“พ่อหนุ่ม, เราไม่สงสัยเลยว่าเจ้ากับอสูรของเจ้าสามารถทำภารกิจเรียงเลขศิลาของด่านที่สามได้สำเร็จ แต่เจ้าต้องระมัดระวังจ้าวคางคกไว้บ้าง เจ้าตัวสกปรกนั้นชอบซุ่มอยู่ในที่ลับผลักไสผู้คนจนตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก เขาพยายามแทรกแซงขัดขวางการไขปริศนาและเอาเปรียบเจ้านายอสูรที่รออยู่ข้างนอก กันไม่ให้เขาเข้าไปช่วยอสูรของตนผ่านด่านได้ ข้ากับนางพญาผึ้งพิษยินดีจะช่วยต้านไม่ให้จ้าวคางคกแทรกแซงได้ แต่เรามีความเสียใจมากอยู่อย่างหนึ่ง บางทีเราไม่สามารถให้การช่วยเหลืออสูรของเจ้าได้มากนัก บางทีนางต้องพึ่งตัวเอง ตามธรรมดาแล้วด้วยปัญญาพิเศษของอสูรศักดิ์สิทธิ์ ก็น่าจะผ่านไปได้ ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้นเอง” เสือหน้ามนุษย์มอบแผ่นหนังให้วีเซลหางดาบให้เขานำไปมอบให้เย่ว์หยางอีกต่อหนึ่ง ในแผ่นหนังบันทึกข้อมูลต่างๆ ในพื้นที่ไว้
ข้อมูลนี้สำหรับคนอื่นแล้ว
มีค่ามากอย่างมิต้องสงสัย
แต่วีเซลหางดาบรู้ว่านางพญาผึ้งพิษเป็นพันธมิตรกับเย่ว์หยาง น่าจะให้ข้อมูลที่มากกว่าและมีความแม่นยำมากกว่า
เสือหน้าคนช้าไปหนึ่งก้าว ดูเหมือนว่าในหุบเขาอสูรเขาควรจะมีสายตาที่ดีกว่า มุ่งมั่นมากกว่า แต่แท้ที่จริงกลับเป็นนางพญาผึ้งพิษผู้ที่เย็นชา ไม่เชื่อถือใครง่ายๆ...
เย่ว์หยางแสดงสีหน้าขอบคุณ ทั้งเจ้าภาพและผู้มาเยือนพูดคุยแลกเปลี่ยนทัศนะและเห็นด้วยกับการตกลงด้วยวาจา
สี่จ้าวอสูรต้องการให้เย่ว์หยางควบคุมหมอปีศาจเว่ยจิงหลิวและราชาเนตรปีศาจและคนอื่นที่ยังอยู่ในทางผ่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าตำหนักอัคคีหลานฟง, เจ้าตำหนักมืดว่านหมอ รองเจ้าตำหนักเว่ยซู่รวมทั้งผู้อาวุโสตำหนักอีกสามคนที่รุกรานกองกำลังพญาราชสีห์ เกี่ยวกับกลุ่มที่ทรงพลังทั้งสองกลุ่มนี้ พญาราชสีห์ไม่กล้าโจมตีหรือคิดร้ายแต่อย่างใด แต่เขากลัวว่าคนเหล่านี้จะก่อการเข่นฆ่าในหุบเขาอสูรอย่างเต็มที่เพื่อฝึกอสูรของตน
โชคดีที่จีอู๋ลี่กับจงหัวออกไปไล่ล่ากัปตันคุก
มิฉะนั้นหุบเขาอสูรจะต้องลุกเป็นไฟ
“หมอปีศาจ ราชันย์เนตรปีศาจข้าพอรู้จัก แต่ราชาหกจักรา, ราชาวารีฟ้าและราชาทะเลคลั่งข้าแค่เคยได้ยินชื่อ ส่วนพวกตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์หลายคน ข้าไม่ต้องการอธิบายมากเกินไป พวกเขาคือเป้าหมายของข้าอยู่แล้ว” พอเย่ว์หยางพูด พญาราชสีห์รู้สึกโล่งใจ
พวกเขาเกรงว่าเย่ว์หยางจะเป็นคนของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์
แต่เมื่อพวกเขาเห็นว่าเย่ว์หยางมาอยู่มากกว่าครึ่งเดือน และไม่ได้ไปหาพวกหลานฟงและว่านหมอเพื่อออกไปจากหุบเขาอสูร พวกเขาลอบคาดว่าเย่ว์หยางอาจไม่ใช่พวกตำหนักศักดิ์สิทธิ์
พญาราชสีห์ขยิบตาให้กับอีกสามจ้าวอสูร
ถ้าไม่ใช่คนในตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ เด็กหนุ่มคนนี้อาจเป็นหัวหน้าของกัปตันคุ้กก็เป็นได้
อาจเป็นพวกของหมอปีศาจก็ได้ อย่างไรก็ตาม ไม่มีปัญหากับการร่วมมือ ถ้าเขาเป็นพวกตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ พวกเขากลัวว่าจะหันมาบังคับจับอสูรในหุบเขาอสูรไว้ในเงื้อมมือได้
“มันสายเกินไปแล้ว และคงจะดีกว่าในการทำภารกิจที่ทุ่งหินในวันพรุ่งนี้ให้สำเร็จ ท่านเสือ, ท่านผึ้งทั้งคู่คงช่วยสนับสนุนอสูรศักดิ์สิทธิ์น้อยในทุ่งหินได้ ส่วนข้ากับพญาเหยี่ยวจะคอยคุมเชิงอยู่รอบนอก ป้องกันเจ้าคางคกเหม็นนั่น” ขณะที่เขากระตุ้นให้เย่ว์หยางพักผ่อน เขามองหน้าพญาเหยี่ยว เสือหน้ามนุษย์ และนางพญาผึ้ง และต่างพูดคุยปรึกษาเรื่องนี้ลับๆ และบรรลุข้อตกลงในรายละเอียดอย่างเร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้
“ก็ได้ อย่างนั้นไว้เจอกันพรุ่งนี้!” เย่ว์หยางไม่ต้องเรียกคัมภีร์โลกออกมาก็พาตั๊กแตนมัจจุราชกลับเข้าไปในโลกคัมภีร์ได้
เพราะในหุบเขาอสูรมีกฎสวรรค์จำกัดเอาไว้ จะเรียกคัมภีร์อัญเชิญออกมาย่อมเป็นไปไม่ได้
อย่างไรก็ตามถ้าอสูรมีพลังมากพอก็สามารถนำเจ้านายกลับเข้าไปในโลกคัมภีร์ก็ได้ ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด ในทางตรงกันข้ามถ้าอสูรไม่มีพลังและปัญญาเพียงพอจะนำเจ้านายกลับเข้าไปได้ อย่างนั้นต่อให้ผู้เข้าทดสอบมีคัมภีร์อัญเชิญก็เท่ากับว่าไม่มี มีผู้พำนักสองสามคนที่มีคัมภีร์อัญเชิญ แต่ไม่สามารถใช้ได้...
เมื่อเห็นเย่ว์หยางกลับเข้าไปในโลกคัมภีร์ได้ทันที พญาราชสีห์มองดูพวกเขาด้วยความตกใจ
นี่แน่นอนว่าไม่ใช่อสูรศักดิ์สิทธิ์ธรรมดาแน่
พญาราชสีห์มองหน้าเสือหน้ามนุษย์
เสือหน้ามนุษย์แกล้งเป็นมองไม่เห็น เขาส่ายหน้าและถอนหายใจ “อย่างน้อยก็คัมภีร์ทอง อาจจะเป็นคัมภีร์แพลตตินัม นี่นับว่ามากที่สุดแล้วสำหรับมือใหม่!”
พญาเหยี่ยวรีบเข้ามาพูดอย่างตรงไปตรงมา “ข้ากล้ายืนยันด้วยเกียรติของพญาเหยี่ยวได้ นั่นคือคัมภีร์ชั้นเพชร ที่ใกล้เคียงระดับคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ รัศมีเจือจางที่รั่วออกมาก็เพียงพอสะท้านขวัญสั่นวิญญาณได้แล้ว”
ยังอายุเยาว์แต่มีคัมภีร์เพชรที่ใกล้จะเป็นคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์.... พญาราชสีห์มีความคิดหนึ่งผุดขึ้นและพยายามทำความเข้าใจเย่ว์หยางอีกครั้ง
รอจนเย่ว์หยางกลับเข้าไปในโลกคัมภีร์
สี่จ้าวอสูรแต่ละตนเป็นห่วงกังวล แต่พวกเขาทั้งหมดตกลงร่วมมือกับเย่ว์หยางอย่างจริงจังมากขึ้น
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง อสูรผมยาวเล่าซาน, อสูรแมวลิงซ์และอสูรที่เฝ้าดูการฝ่าด่านของจ้าวคางคกมาถึงและแจ้งข่าวดีกับสี่จ้าวอสูร
พญาราชสีห์ได้ทราบข่าวเช่นนั้นถึงกับตกใจ
เขาตกใจจนพูดอะไรไม่ออกเป็นเวลานาน
เสือหน้ามนุษย์มองดูพญาเหยี่ยวด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ
“ข้าไม่แน่ใจ แต่ก็มีความเป็นไปได้มาก!” พญาเหยี่ยวไตร่ตรองอยู่นาน “ในเวลานั้นมีอสูรเหยี่ยวที่แปลกแยกอยู่ตนหนึ่ง แต่ข้าไม่ได้ให้ความสนใจ เพราะมันไปมาหาสู่จ้าวคางคกเป็นเวลานาน มันเป็นคนที่ข้ารังเกียจอยู่เสมอ คาดไม่ถึงเลยว่ามันจะใช้ตาเหยี่ยวบันทึกการผ่านด่านเอาไว้ ถ้าเจ้าบอกว่าจ้าวคางคกล้มเหลวจริงๆ เขาน่าจะตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากน่ากลัวเสียแล้ว!”
“....” ทุกคนที่ได้ยินคำพูดของเขาอดอ้าปากค้างอย่างช่วยไม่ได้
นี่ช่างน่ากลัวจริงๆ!
จ้าวคางคกไม่ใช่คนโง่แน่นอน แต่จะเล่นงานฝ่ายตรงข้าม เขายังไม่สามารถเอาชนะตรงจุดได้
นางพญาผึ้งพิษตกใจและกลับดีใจอีกครั้ง แต่ภายนอกทำเป็นเย็นชา นางแค่นเสียงเย็นชา “ไม่เห็นมีอะไรแปลก ความสำเร็จที่แท้จริงต้องได้ความร่วมมือทั้งจากเจ้านายและตัวอสูร ถึงแม้ว่าจ้าวคางคกจะปกปิดสถานะผู้พำนักของตนเองไว้ แต่เขาเคยแยกขาดจากอสูรที่ดูแล้วก็ไม่ใช่ว่าจะโง่ แต่เขาจะเข้าใจถึงการร่วมมือที่แท้จริงได้อย่างไร? ความล้มเหลวของจ้าวคางคกถูกกำหนดไว้แล้ว นอกจากนี้ข้าคิดว่าจ้าวคางคกไม่มีแผนอะไร รู้แต่ว่าอสูรบางตนมีทักษะบันทึกภาพเหตุการณ์ได้ หมากนี้ถูกวางไว้เป็นกับดักในเวลาเดียวกัน จ้าวคางคกเป็นเพียงผู้เคราะห์ร้ายที่ใจร้อนเกินไป ถ้าเขาไม่กระโดดหนีไปก่อน บางทีโชคร้ายอาจตกไปอยู่ที่ผู้พำนักคนอื่น ทั้งยังอาจเป็นหัวหน้าของผู้พำนักทั้งสามก็ยังได้!”
พญาราชสีห์มีความสุขมาก “ไม่ว่ายังไงก็ตาม สถานะที่แท้จริงของจ้าวคางคกกระจ่างในที่สุด นอกจากนี้พลังอำนาจของเขาก็ได้รับความเสียหายใหญ่ โอกาสของเรามาถึงแล้ว เจ้าเหยี่ยว เจ้าเสือ นางพญาผึ้งเจ้าไม่คิดว่าห้าจ้าวอสูรมีมากไปบ้างหรือเปล่า? ข้าเป็นคนหัวเก่าเจ้ารู้ไหนว่าเจ้าคางคกนั่นเหม็นมาก แต่ถ้าเป็นจริง เขตแดนและบริวารก็จะต้องเอามาแบ่งกัน ถ้าข้าต้องการก็อาจตัดสินกันได้เลย!”
นางพญาผึ้งพิษร่ำร้องในใจ นางไม่กลัวอีกฝ่ายจะได้คนและอำนาจเพิ่ม หรือคุกคามสถานะปัจจุบันของนางได้
อิสรภาพคือเป้าหมายสูงสุด สิทธิ์ต่อสู้เพื่ออำนาจในหุบเขาอสูรเป็นเรื่องของคนอย่างพวกเขา
นางพญาผึ้งพิษคาดหวังถึงอิสรภาพ
ไม่มีการคัดค้านอย่างสิ้นเชิง
พญาเหยี่ยวและเสือหน้าคนพยักหน้าและตกลงแบ่งบริวารและอำนาจ
เย่ว์หยางกลับเข้าไปในโลกคัมภีร์ ในเวลานี้เขานอนแช่ในอ่างน้ำอย่างสบายอารมณ์มีสาวใช้ลูกครึ่งเอลฟ์คอยนวดเฟ้น จิตวิญญาณของแพนดอราส่งความคิดผ่านนาง นางตื่นขึ้นมาหลังจากเพิ่งหลับไปเพียงเล็กน้อย และเมื่อนางตื่นขึ้นนางคุยกับเขาทันที
“โลกนี้ไม่มีเทพธิดาแห่งโชคร้ายแล้ว ที่รักแห่งข้าแพนดอรา ต่อไปเจ้าเรียกข้าว่าแพนดอราได้” ตอนนี้นางมีความสุขมาก
นางได้รับการชำระจิตมารจากกระบี่ซวงหัว ซึ่งเป็นกระบี่ของเทพธิดากระบี่ฟ้า
การเป็นเทพธิดาที่แข็งแกร่งแต่ว่าโชคร้ายไม่ใช่ความปรารถนาของนาง
มีความสุขกับคนรัก
นี่คือความฝันอันสูงสุดที่นางค้นหามาแสนปี แต่ไม่สมหวัง... จนกระทั่งนางได้พบกับเย่ว์หยาง นางจึงเข้าใจถึงสิ่งที่นางต้องการ และความหมายของชีวิต