ตอนที่ 64 กับดักและเนื้อย่าง(อ่านฟรี17/02/2566)
ตอนที่ 64 กับดักและเนื้อย่าง
เรนเดินเข้าไปในโรงเลื่อยไม้ก็ได้กลิ่นคาวเลือด เขาเห็นว่าไอรากำลังถือเนื้อก้อนหนึ่งใส่เข้าในถังไม้ที่วางอยู่ไม่ไกล
“เป็นยังไงบ้าง” เรนถาม
“หมออลันบอกว่าเนื้อพวกนี้กินได้” ไอราตอบ
“นายมาแล้ว ฉันเจอเนื้อที่กินได้แล้ว” หมออลันพูดขึ้นมา ก่อนจะเดินเข้ามาหาเรนและพูดต่อว่า “เนื้อในถังพวกนี้กินได้”
“คุณรู้ได้ยังไง” เรนมองดูเนื้อในถัง มันมีอยู่ประมาณ 20 กว่าเห็นจะได้
“จากสีของเนื้อสัตว์ ปกติแล้วสีของเนื้อที่ติดเชื้อจะเป็นสีดำใช่ไหม พวกผู้ติดเชื้อจะมีเลือดเป็นสีดำทั้งหมด เพราะพวกมันมีเชื้ออยู่ร่างกาย สัตว์เองก็มี แต่ว่าไม่ใช่ทั้งหมด บางส่วนในร่างกายของมันยังมีส่วนที่เป็นสีแดง ซึ่งเป็นส่วนที่มีการปนเปื้อนน้อยที่สุดจนถึงไม่มีเลย ถ้าเราตัดส่วนแดง ๆ นี้ออกมาได้ก็สามารถกินได้แน่นอน” หมออลันกล่าว
เรนยังไม่เชื่อทั้งหมด เขายกแหวนพลังขึ้นมาตรวจสอบ ซึ่งแหวนก็บอกว่าเนื้อด้านหน้านั้นไม่ปนเปื้อนเชื้อ
“เป็นอย่างที่คุณบอก เนื้อนี่กินได้” เรนกล่าว
“เราจะทำยังไงกับเนื้อพวกนี้ดี” ลีถามและกลืนน้ำลาย พอคิดว่าจะได้กินเนื้อด้านหน้านี้
ไม่มีใครให้คำตอบได้ เพราะคนที่ตัดสินใจนั้นคือเรน พวกเขาหันไปมองเรนเป็นสายตาเดียวกัน
เรนเห็นท่าทีของทุกคนและรู้ว่าพวกเขานั้นไม่ได้กินอาหารดี ๆ มาสักพักแล้ว โดยเฉพาะเนื้อจริง ๆ “เอามาย่างกินสัก 10 กิโลกรัมก็ได้ที่เหลือเก็บไว้กินกันวันหลังกัน”
“เยี่ยม” ลีพูดด้วยความยินดี
“ไปหาไม้กันเถอะ” ลุงบุญพาลีออกไปหาไม้ก่อไฟในทันที
“ฉันจะไปดูว่ามีอะไรเหลือพอหมักเนื้อหมูได้บ้าง” หลินกล่าวขึ้นมา พร้อมกับหิ้วเนื้อออกไปกับไอรา
ด้านในนี่จึงเหลือแค่เรน ผู้กองเชนและหมออลันสามคนเท่านั้น
“แล้วชิ้นส่วนอื่น ๆ ละ เนื้อพวกนี้กินไม่ได้” ผู้กองเชนถามขึ้นมา ขณะที่เดินไปดูซากหมูป่า
“หมอจะเอาอะไรไว้ศึกษาไหม” เรนถาม
“เอาแค่สมองของมัน ส่วนอื่น ๆ คงไม่เอา” หมออลันกล่าว เขาสนใจสมองของหมูป่า เพราะมันคือส่วนที่มีการวิวัฒนาการชัดเจน จึงอยากจะใช้ทดลองอะไรหลาย ๆ อย่าง
“ผมมีความคิดดี ๆ อยู่ เราควรเอาซากพวกนี้ไปทำกับดักล่อพวกผู้ติดเชื้อหรือสัตว์กลายพันธุ์ที่อาจจะหลงมาแถว ๆ นี้ได้ เราฆ่าพวกมันยังจะได้ของจากระบบอีกด้วย”
“ก็เป็นความคิดที่ดี พวกที่อาจจะผ่านแนวป่ามาได้จะได้ไม่มาที่พวกเราอยู่ แต่ตรงไปยังกับดังของเราแทน” ผู้กองเชนพูดอย่างเห็นด้วย
“ระหว่างที่หมอแยกสมองของมัน ผมจะไปหาที่ทำกับดักก่อน” เรนกล่าว
“ฉันจะไปด้วยก็แล้วกัน”
ผู้กองเชนตามเรนออกไป
แต่ก่อนออกไปเรนก็หันกลับไปพูดกับหมออลันว่า “ช่วยแยกเอาเขี้ยวสองข้างของมันออกมาไว้ให้ผมด้วย”
“ไม่มีปัญหา” หมออลันพยักหน้ารับปาก
พวกเขาทั้งสองไม่ได้ออกไปจากที่พักในทันที แต่ว่าไปปรึกษากับลุงบุญก่อน เพราะว่าลุงบุญนั้นคือคนที่คุ้นเคยกับสถานที่รอบ ๆ นี้มากที่สุด
“สถานที่พอทำเป็นหลุมกับดักเหรอ มีอยู่ที่นี่หนึ่ง มันเป็นบ่อดินเก่า แต่ว่าทิ้งไว้นานแล้ว ถ้าที่นั่นก็น่าจะใช้ได้ มาเดียวฉันพาไปดู” ลุงบุญอาสาพาพวกเขาไปดู
ขับออกมาไม่นานพวกเขาก็พบกับจุดที่เป็นบ่อดินเก่า มันห่างจากเส้นทางเข้าออกของที่พักพวกเขาราว ๆ 2 กิโลเมตร ซึ่งนับว่าเป็นระยะห่างที่กำลังดี
เรน ผู้กองเชนและลุงบุญพากันลงไปในดูในทันที
“เมื่อก่อนพวกบริษัทมาขุดดินแถวนี้ไปถมพื้นที่สร้างโรงงานที่เมืองหินเหล็ก ทางลงน่าจะอยู่ทางั้น แต่ว่าเวลาผ่านมานานแล้วดินคงถล่มลงมาปิดทางขึ้นลงไว้” ลุงบุญอธิบาย
“ผู้กองว่ายังไง” เรนหันไปถาม
“มันกว้าง ขอบชัน พวกผู้ติดเชื้อคงไม่สามารถขึ้นมาได้”
“อืม งั้นเอาเป็นที่นี่แหละไปขนซากนั้นมาทิ้งกัน” เรนตกลงจากนั้นพวกเขาก็กลับไปที่พักขนซากของหมูป่าที่ใช้ไม่ได้มาทิ้งที่นี่ในทันที
พอไปถึงก็เป็นจังหวะที่หมออลันกำลังเอาเขี้ยวของหมูป่าออกมาพอดี เรนจึงเข้าไปช่วยหมออลันเอามันออกมา เขี้ยวของหมูป่านั้นโค้งยาวและแหลมคม
มันสามารถแทงต้นไม้จนทะลุได้โดยไม่หัก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความทนทานของมันแล้ว
หลังจากเอาเขี้ยวออกมาแล้วเรนและพวกก็ช่วยกันขนซากหมูป่ามาที่ทิ้งที่บ่อดิน พวกเขายังเอาเลือดเทไปรอบ ๆ เพื่อให้มันมีกลิ่นหวังล่อผู้ติดเชื้อมาตกลงในบ่อดินนี้
หลังจากเตรียมกับดักจนเสร็จแล้วพวกเขาก็กลับไปยังที่พัก กับดักมันจะทำงานของมันเองพวกเขาเพียงแค่รอให้ตัวอะไรมาตกลงไป
หลังจากกลับไปเรนก็เอาเขี้ยวของหมูป่าออกมาทำอาวุธ เขาหาผ้ามาพันเป็นเหมือนกับเชือกเส้นเล็ก ๆ และพันปลายด้ามของเขี้ยวเป็นเหมือนด้ามจับ เท่านี้เรนก็ได้อาวุธเขี้ยวหมูป่าที่ยาว 1 เมตรปลายแหลมคม ซึ่งสามารถแทงทะลุหัวของผู้ติดเชื้อติด ๆ กันได้ทีละ 3-4 ตัวเลยทีเดียว
“น่าจะใช้ได้” เรนกล่าวพร้อมกับทดลองแทงมันใส่เสาไม้ไกล ๆ เขี้ยวหมูป่าแทงเข้าไปในเสาไม้เกือบ 10 นิ้ว เรนต้องออกแรงดึงมันออกมาถึงจะหลุด
“เรนพร้อมแล้ว” หลินมาเรียกเรน ในตอนนี้งานเลี้ยงเนื้อย่างของพวกเขาเริ่มขึ้นแล้ว
พวกเขาจัดขึ้นที่ลานด้านหน้า โดยใช้ถังเหล็กเป็นเตาและถอดตะแกรงส่วนหนึ่งจากรถหุ้มเกราะเอามาเป็นตะแกรงย่าง จากนั้นทุกคนก็หาท่อนไม้มานั่งล้อมกัน
บรรยากาศยามเย็นค่อนข้างเย็น แต่พอมานั่งรอบกองไฟก็อุ่นขึ้นมา
เรนมองดูกลุ่มของเขา ตอนนี้มีเขา หลิน ไอรา รินดา สี่คนที่หนีมาจากเมือง ที่มาจากสถานีตำรวจมีผู้กองเชนและลี ส่วนเจอกันหลังสุดก็เป็นลุงบุญกับเด็กสาวอย่างมินนา
รวมแล้วมีผู้รอดชีวิตกันอยู่ 8 คน ซึ่งเรนก็ไม่รู้ว่าโลกภายนอกนั้นมีคนรอดอยู่มากแค่ไหนเหมือนกัน
“ลงมือกันเถอะ” เรนกล่าวเปิด ทุกคนก็เริ่มกินกันทันที
เนื้อถูกเอาขึ้นมาย่างด้วยไฟอ่อน ๆ มันสุกอย่างช้า ๆ พร้อมกับส่งกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ออกมา มีส่วนที่มีไขมันค่อนข้างเยอะ พอมันหยดลงไปไฟก็พุ่งขึ้นมายิ่งทำให้มีกลิ่นหอมและน่ากินเข้าไปอีก
ทุกคนต่างพากันกลืนน้ำลายแทบจะรอหมูสุกไม่ไหว
“ของฉันขอแบบไม่ต้องสุกมากก็ได้” ผู้กองเชนกล่าวจบก็คีบหมูขึ้นมากินในทันที
คนอื่น ๆ เห็นแบบนั้นก็เริ่มกินกันทัน เพราะไม่อาจจะทนรอไหว
“เครื่องปรุงที่มีเหลือแค่เกลือกับน้ำน้ำตาลแล้วก็ซอสในซองรสชาติมันอาจจะไม่ดีนัก” หลินบอกกับเรน ขณะที่เขากำลังเอาเนื้อย่างเข้าปาก
“อืมอร่อยมาก” เรนกล่าว
“จริงเหรอ” หลินถามด้วยความไม่ค่อยจะเชื่อฝีมือการหมักของตัวเองสักเท่าไหร่
“ใช่ ลองกินดูสิ” เรนกล่าว
“อาจารย์ลองดูอร่อยมาก” ไอราหยิบหมูใส่จากของหลิน
“อืม” หลินกินเนื้อเข้าไปคำหนึ่งเธอก็รู้สึกอร่อยมากจริง ๆ เธอค่อย ๆ เคี้ยวและกลืนลงไป
“เนื้อนี่น่าจะมีความพิเศษอยู่มันถึงอร่อยกว่าเนื้อของสัตว์ปกติทั่วไป” หมออลันกล่าวก่อนจะจิ้มเนื้อย่างใส่ปาก
พวกเขากินเนื้อกันโดยที่แทบไม่พูดอะไรออกมา หลายคนกินไปก็รู้สึกทั้งสุขและเศร้า พวกเขาเศร้าใจที่โลกนั้นได้กลายเป็นแบบนี้ เมื่อก่อนแค่เนื้อย่างอยากจะกินตอนไหนก็ได้ แต่ตอนนี้การได้กินของแบบนี้มันช่างเป็นโอกาสที่หายากมาก ถ้าไม่ใช้เพราะเรนไปล่ามาพวกเขาคงไม่ได้กินเนื้อย่างหอม ๆ แน่นอน
และพวกเขาก็รู้สึกยินดีที่ตัวเองยังมีชีวิตรอดมาได้นั่งกินเนื้อพวกนี้ ต่างจากหลายคนรอบตัวต้องตายกลายเป็นผู้ติดเชื้อบางคนก็โดนกินจนไม่เหลือซากมัน ดังนั้นพวกเขาจึงรู้สึกขอบคุณจริง ๆ ที่ยังรอดมาได้จนถึงตอนนี้
“น้ารินดานี่ค่ะ” มินนายิบเนื้อที่ย่างอยู่ให้กับรินดา เธอรู้ว่าที่รินดาเป็นแบบนี้เพราะไปช่วยเธอ ดังนั้นที่ผ่านมาเด็กสาวพยายามทำทุกอย่างเพื่อชดเชยให้กับรินดา
“มินนาก็กินด้วยนะ” รินดากล่าวด้วยน้ำเสียงเบา ๆ สีหน้าของเธอดีกว่าก่อนหน้านั้นมาก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงสัญญาณการฟื้นตัวที่ดี
“ผมมีเรื่องจะพูดสักหน่อย” เรนที่กินอยู่ก็กล่าวขึ้นมา
ทุกคนหยุดกินในทันทีและเงยหน้ามองเรน
“อาหารและน้ำของเรามีน้อย ถ้าเราจะอยู่ที่นี่ก็ควรเก็บของมาตุนไว้ รวมทั้งต้องหาของใช้อื่น ๆ มาด้วย ดังนั้นผมคิดว่าพรุ่งนี้เราควรเริ่มวางแผนกวาดเอาของในรัศมี 10 กิโลเมตรมาเก็บไว้” เรนเปิดประเด็นขึ้นมา
“อาหารพอมีให้กินอีกประมาณ 7 วัน แต่น้ำคงแค่สองสามวัน น้ำธรรมดานั้นปนเปื้อนพวกเรากินไม่ได้ ดังนั้นน้ำจึงต้องมาเป็นอันดับต้น ๆ ก่อนเลย” หลินกล่าวเสริม
หลังจากนั้นทุกคนก็เริ่มปรึกษากันในเรื่องการเก็บกวาดของ โดยพวกเขายังแบ่งทีมต่อสู้และทีมเก็บของ นอกจากนั้นที่พักก็ยังต้องมีคนคอยเฝ้า
ลุงบุญเป็นคนที่รู้สถานที่ต่าง ๆ แถวนี้ดีที่สุด เขาจึงเริ่มออกความเห็นและสถานที่ควรไปเอาของก่อน ซึ่งลุงบุญบอกว่ามีหมู่บ้านเล็ก ๆ อยู่สองสามแห่ง ส่วนใหญ่คนในหมู่บ้านจะเก็บอาหารไว้ที่บ้าน เพราะว่าตัวเมืองนั้นอยู่ไกลและในหมู่บ้านยังมีร้านสะดวกซื้ออยู่ด้วย
ที่นั่นจึงกลายเป็นเป้าหมายของเรนและพวกในอันดับแรก ๆ ทันที