บทที่ 23: พนักงานบ้านไร่! ต้องการเฟื่องฟ้า 15,000 ต้น!
ฉินหลินรู้ดีถึงความดึงดูดใจของเฟื่องฟ้าเจ็ดสีที่ปลูกในแปลงปลูกเลเวล 3 นี้
สวยงาม +2, เตะตา +2, ต้องใจ +2, สบายตา +2 ได้ทำให้เขาถูกดึงดูดทันทีที่เข้ามาเห็น
ขึ้นกล้อง +2 คงจะเป็นคุณสมบัติเสริมตอนถ่ายรูปหรือวิดีโอ
นี่แหล่ะเป็นประโยชน์สุด ๆ สำหรับเขา
เพราะหากอยากดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาใช้บริการล่ะก็เขาจำเป็นต้องมีภาพมีคลิปวิดีโอโปรโมตทะเลเฟื่องฟ้าให้คนทั่วไปได้ดูก่อน
แถมคุณสมบัติของมันทำกำกับไว้ยังบอกอีกว่าต้นเฟื่องฟ้าเจ็ดสีนี้ปลูกง่ายมาก แถมยังมีอัตราอยู่รอด +2 ด้วย ดังนั้นการเอาออกไปปลูกนอกเกมจึงไม่ใช่ปัญหา
ฉินหลินออกจากเกมและวางแผนหาสถานที่เพื่อย้ายเฟื่องฟ้าเจ็ดสีออกมา แต่ทันทีที่เขาเดินออกมาจากห้องน้ำเขาก็เห็นหญิงสาวคนหนึ่งสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวกางเกงยีนส์หันมองมาที่เขาอย่างระแวดระวัง “คุณเป็นใคร? แล้วมาทำอะไรที่นี่?”
หญิงสาวยังคงดูเหมือนเด็กม.ปลาย ดู ๆ แล้วเธออาจจะยังเป็นผู้เยาว์อยู่ด้วยซ้ำ
ฉินหลินเองก็อึ้งไปและถามกลับว่า “ฉันเป็นเจ้าของที่นี่ทำไมจะมาไม่ได้ล่ะ ว่าแต่เธอเถอะเป็นใคร?”
“คุณเป็นเถ้าแก่คนใหม่เหรอคะ?” หญิงสาวดูประหลาดใจ
“แล้วเถ้าแก่จะไล่พนักงานเก่าออกมั้ยคะ?”
“เธอเป็นพนักงานที่นี่เหรอ?” ฉินหลินถามโดยไม่รู้ตัว
สาวน้อยนางนี้ดูเด็กเกินไปหน่อยจนไม่รู้เหมือนกันว่าเธอบรรลุนิติภาวะแล้วยัง
เมื่อเด็กสาวรู้ว่าเขาคือเจ้าของใหม่เลยดูจะลดความระวังตัวลงแล้วเข้ามาแนะนำตัวเอง “เถ้าแก่คะ ฉันชื่อเกาเหยาเหยารับผิดชอบการขายตั๋วผจญภัยในป่ากับสไลด์เดอร์หญ้าสีรุ้งค่ะ ว่าแต่เถ้าแก่จะจ้างพนักงานเดิมมั้ยคะ?”
เธอเป็นพนักงานของที่นี่จริง ๆ
ฉินหลินมองเกาเหยาเหยาอีกรอบอย่างละเอียดก่อนจะขมวดคิ้วถามโดยไม่รู้ตัวว่า “เอ่อ ตกลงเธอเป็นผู้ใหญ่แล้วยังล่ะเนี่ย?”
เกาเหยาเหยารีบตอบทันทีว่า “ฉันเรียนจบม.ปลายแล้ว! ปีนี้อายุสิบเก้า! จะดูบัตรประชาชนก็ได้ค่ะ!”
ฉินหลินรู้สึกโล่งใจที่เธอไม่ใช่เด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ จากนั้นก็เริ่มคิดเรื่องพนักงานแล้วถามเธอว่า “ก่อนหน้านี้ที่บ้านไร่นี่มีพนักงานกี่คน”
เขาต้องการพนักงานอยู่แล้ว และถ้าพนักงานเดิมไม่แย่เขาก็จะเก็บไว้ สาวน้อยตรงหน้านี่เหมาะเหม็งกับธุรกิจการท่องเที่ยวมาก ๆ ถ้าเธอมีพรสวรรค์ล่ะก็ไปทำงานที่จุดชมวิวสถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ รับรองรุ่งเรือง
เพราะงั้นการมาจมจ่อมอยู่กับตำแหน่งคนขายตั๋วต๊อกต๋อยนี่เสียเปล่าโดยแท้
แต่อาจเป็นเพราะเธอยังเด็กอยู่ก็เป็นได้เลยไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้มากนัก เธอยังไม่เคยได้เรียนในมหาวิทยาลัยโลกทัศน์เลยยังไม่กว้างพอ ไม่งั้นคงไม่มายอมทำงานแบบนี้อย่างแน่นอน
เกาเหยาเหยาอธิบายว่า “นอกจากฉันแล้วยังมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย นายทะเบียน แคชเชียร์ พ่อครัวสี่คน และ…!”
“เด๋วก่อน ๆ พ่อครัวสี่คน?” ฉินหลินตกตะลึง
‘ไอ้บ้านไร่เฮงกระบ๊วยนี่ต้องมีพ่อครัวตั้งสี่คนเลยเหรอ?’
‘คนส่วนใหญ่ที่มาที่นี่เขามาเพื่อเล่นทำอาหารเองโว่ยยยยยยย โอเค้?’
เกาเหยาเหยาพยักหน้าตอบ “จำได้ว่ามีแค่อาจารย์หลินนะคะที่เป็นคนทำอาหาร อีกสามคนมีคนหนึ่งเป็นเชฟส่วนอีกสองคนเป็นซูเชฟค่ะ!”
“เชรี่ย?!” ฉินหลินตกตะลึง
จากนั้นเขาก็พอจะเข้าใจแล้วว่ามันเรื่องบ้าอะไรกันแน่!
เดิมทีบ้านไร่แห่งนี้ก็เป็นที่จัดปาร์ตี้กินดื่มของพวกทุจริตโกงบ้านกินเมืองอยู่แล้ว เจ้าของเดิมกินเมือง เดาว่าไอ้เชฟกะซูเชฟพวกนั้นก็มาหาฟันเงินหลวงด้วยเหมือนกันล่ะสิ
“แล้วมีพนักงานเดิมคนไหนบ้านที่รู้เรื่องงานไม้” ฉินหลินถามอีก
“จารย์หลินค่ะ!” เกาเหยาเหยาตอบ
“นอกจากทำอาหารแล้วจารย์แกยังรู้งานไม้ด้วย โต๊ะเก้าอี้ชั้นวางที่พังก็ได้แกนี่แหล่ะที่ซ่อมให้!”
“แล้วมีใครที่รู้วิธีจัดสวนบ้าง? พวกคนที่มีประสบการณ์ในการปลูกและดูแลต้นไม้น่ะ ฉันเห็นว่ามีไม้กระถางอยู่เพียบเลยหนิ ต้องมีคนรับผิดชอบดูแลใช่มั้ย?” ฉินหลินถามอีกครั้ง
“จารย์หลินค่ะ” เกาเหยาเหยาตอบ
“ทั้งสวนผักทั้งไม้ประดับจารย์แกดูแลโม้ดเลยแหล่ะค่ะ พวกเราเองก็มีไปช่วยแกรดน้ำอยู่บ้างเหมือนกัน แต่ที่แกกังวลก็คือต้นแปะก๊วยสองต้นนั่นแหล่ะ จารย์แกอยากช่วยพวกมันมาโดยตลอดแต่ทำไงก็ไม่สำเร็จซักที”
ฉินหลินตกตะลึง
‘จะบ้าเหรอ! ถ้าคนเดียวทำได้ทุกอย่างแบบนั้นจะไปจ้างคนอื่นทำห่านอะไรล่ะ!’
‘อัญเชิญท่านนี้มาแค่คนเดียวก็คุ้มเกินคุ้มแล้วนะนั่น’
ฉินหลินจึงถามว่า “เธอมีเบอร์ติดต่อพนักงานเก่า ๆ บ้างมั้ย?”
“เรามีกลุ่มวีแชทค่ะ” เกาเหยาเหยาตอบ
“ตัดไอ้เชฟกะซูเชฟสองตัวออกไปแล้วถามคนที่เหลือทั้งหมดว่าอยากทำงานต่อมั้ย? โดยเฉพาะท่านอาจารย์หลินผู้นั้น” ฉินหลินสั่งการด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด
ยังไงก็ต้องจ้างลูกจ้าง แทนที่จะใช้คนใหม่สู้เอาคนที่คุ้นมือกับที่นี่อยู่แล้วยังจะดีซะกว่า ยังไงก็ลองดูก่อนว่าแต่ละคนเป็นยังไง ถ้าทำงานในที่คุ้นมือแล้วยังไม่ได้เรื่องก็แค่ไล่ออกแล้วหาคนใหม่มาแทนซะก็สิ้นเรื่อง
“เถ้าแก่คะ จารย์หลินแกต้องเต็มใจแน่นอนอยู่แล้วล่ะค่ะ แต่แกน่าจะมีข้อแม้นิดหน่อยตรงต้นแปะก๊วยสองต้นนั่น ส่วนคนอื่น ๆ เดี๋ยวฉันลองถามดูก่อน” เกาเหยาเหยาดูมีความสุขทันทีและรีบหยิบมือถือออกมาเปิดวีแชทอย่างด่วน
เหตุผลที่ฉินหลินถามไปแบบนั้นเพราะเขาต้องการสร้างทะเลเฟื่องฟ้า เมื่อย้ายมาปลูกแล้วเขายังต้องให้ทีมก่อสร้างสร้างรั้ว ทางเดินหิน ชิงช้า ศาลา ฯลฯ ซึ่งเรื่องนี้ต้องมีคนคอยคุม
หลังจากนั้นไม่นานเกาเหยาเหยาก็พูดว่า “ถามมาแล้วค่ะ นอกจากแคชเชียร์ที่ได้งานใหม่แล้วคนอื่น ๆ ที่เหลือต่างก็เต็มใจที่จะทำงานต่อและจะเข้ามาที่นี่พรุ่งนี้เช้า”
“โอเค งั้นเธอกลับบ้านไปได้ละ พรุ่งนี้มาเช้าล่ะ” ฉินหลินวางแผนว่าจะไล่เกาเหยาเหยากลับบ้านไปก่อนแล้วเขาก็จะอยู่คนเดียวซึ่งสามารถเอาต้นเฟื่องฟ้าออกจากเกมได้โดยไม่มีใครเห็น
“เอ่อ จริง ๆ แล้วฉันพักที่บ้านไร่นี่แหล่ะค่ะ ไม่มีที่พักในเมือง...” เกาเหยาเหยารีบบอก
“ถ้าเถ้าแก่อยากเดินสำรวจล่ะก็ฉันช่วยแนะนำให้ได้นะคะ”
ช่วยไม่ได้ เกาเหยาเหยาดันอาศัยอยู่ที่นี่ซะอย่างนั้น เขาเลยไม่มีทางเอาต้นเฟื่องฟ้าออกมาที่นี่ได้เลย
ฉินหลินเลยได้แต่ยอมแพ้และออกจากบ้านไร่ไป
ไม่ว่ายังไงความลับนี้เขาไม่ยอมให้ถูกเปิดเผยแน่นอน
หลังจากกลับถึงเมืองโหยวเฉิงแล้วที่แรกที่เขาไปคือหาสตูดิโอที่รับคราฟท์ป้ายแบบย้อนยุค โดยเขาต้องการเปลี่ยนป้ายชื่อบ้านไร่ฟู่ไห่ให้เป็นบ้านไร่ชิงหลิน
จากนั้นก็วางแผนว่าจะทำทะเลเฟื่องฟ้าที่ตำแหน่งไหน
ต้นเฟื่องฟ้ามีลักษณะเป็นพุ่มหนาและแผ่กว้าง ยิ่งระยะเวลาผ่านไปยอดของมันยิ่งแต่จะงอกยาว และดอกที่ดกมาก ๆ ของมันจะยิ่งสวยงาม
หากจะเอาให้อลังการล่ะก็คงต้องใช้พื้นที่อย่างน้อยซัก 20 หมู่ มีทางเดินหิน ชิงช้า ม้าหินอ่อน ศาลา จุดถ่ายรูปพิเศษ รวม ๆ กันแล้วต้องใช้ต้นเฟื่องฟ้าไม่ต่ำกว่า 10,000 ต้น
แน่นอนว่าจะให้ทั้งหมดเป็นเฟื่องฟ้าเจ็ดสีนั้นเป็นไปไม่ได้ เพราะขนาดเอาปลูกลงในแปลงเลเวล 3 ยังต้องใช้เวลาตั้งสามวันแถมยังได้ครั้งละไม่เกิน 30 ต้นอีก กว่าจะได้ถึง 5,000 ต้นก็ต้องทำงานอย่างหนักตลอด 600 วัน เป็นบ้ามั้ยล่ะทำงั้นอะ?
เฟื่องฟ้าเจ็ดสีมันเป็นของพิเศษเพราะงั้นก็เอาไว้เฉพาะโซนพิเศษก็พอแล้ว โซนอื่น ๆ ก็ใช้แบบอื่น ๆ เอาสิ
ถ้าเขาใช้เวลาหนึ่งเดือนจะสามารถผลิตเฟื่องฟ้าเจ็ดสีที่สูง 2.5 เมตรพุ่มแผ่กว้าง 2 เมตรได้ 250 ต้นซึ่งแค่นี้ก็พอแล้วที่จะเอามาทำเป็นโซนพิเศษ
ฉินหลินจำได้ว่าในเกมมีต้นเฟื่องฟ้าระดับล่าง ๆ ด้วย เพื่อความชัวร์เขาเลยเปิดจอเกมเช็คดูทันทีและเห็นว่ามีเฟื่องฟ้าที่ใช้ปลูกในแปลงเลเวล 2 ได้แถมยังมีหลากหลายสีให้เลือกสรรค์ด้วย
จากนั้นก็เปิดเน็ตดูก็พบว่าราคาของพวกมันไม่ใช้ย่อย ๆ เลย ต้นหนึ่งประมาณ 400 หยวน เป็นต้นกล้าสูงหลายสิบเซ็นติเมตรแล้ว
ราคาดีมากจริง ๆ
และยิ่งเป็นของจากเกมด้วยแล้วยิ่งโบนัสคุณสมบัติพ่วงมาด้วยอย่างแน่นอน ราคาของมันต้องเกิน 400 หยวนขึ้นไปอีก
ซึ่งปัญหาใหญ่คือการที่เขาจะซื้อต้นในเกมไม่ว่าจะเฟื่องฟ้าธรรมดาหรือเฟื่องฟ้าหลากสีเขาก็ต้องใช้เหรียญทองในเกมทั้งนั้น
เมื่อเป็นแบบนี้ฉินหลินจึงวางแผนว่าจะหยุดปลูกสตรอว์เบอร์รี่ในแปลปลูกเลเวล 2 และจะใช้มันปลูกเฟื่องฟ้าแทนแล้วบอกกับผู้จัดการเฉินว่าสตรอว์เบอร์รี่หมดแล้ว
กระเจี๊ยบเขียวที่ปลูกในแปลงใหม่ยังคงขายในเกมเพื่อหาเงินซื้อต้นกล้าเฟื่องฟ้า
ถ้าเป็นเฟื่องฟ้าธรรมดาที่ปลูกในแปลงเลเวล 2 นั้นจะโตเต็มที่ในวันเดียวและเซตหนึ่งจะได้ 25 ต้น รวม ๆ แล้วหนึ่งเดือนเขาจะได้ต้นเฟื่องฟ้าธรรมดา 4,500 ต้น
มันก็ยังไม่ถึง 10,000 ต้นอยู่ดี ยังขาดอีกตั้ง 5,000 กว่าต้นแหน่ะ
กระนั้นด้วยการเอาเฟื่องฟ้าจากเกมเป็นพื้นฐานก็น่าจะเอาเฟื่องฟ้าโลกจริงมาแซมได้ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรเพราะยังไงก็เป็นแค่ตัวเสริมอยู่แล้ว
ดังนั้นเขาเลยคิดจะสั่งซื้อเฟื่องฟ้าธรรมดามาซัก 5,000 ต้น เมื่อมีเฟื่องฟ้าจากโลกจริงส่งมาเขาก็จะได้เอาเฟื่องฟ้าจากในเกมแซมเข้าไปด้วย แบบนี้คนจะไม่สามารถจับพิรุธที่มาของเฟื่องฟ้าในเกมได้ด้วย
ฉินหลินเปิดเน็ตดูอีกรอบ เขาเห็นว่าแม้เฟื่องฟ้าเดิม ๆ จะด้อยกว่าเฟื่องฟ้าจากเกม แต่มันก็ยังมีสีสันที่สวยงามและมีให้เลือกหลากหลาย
เขาเลือกซื้อจากสวนเพาะพันธุ์ในเมืองเอา โดยมีราคาต้นละ 30 หยวน เอา 5,000 ต้นก็ 150,000 หยวนโดยจ่ายมัดจำก่อน 20%
แต่แล้วเขาเปลี่ยนแผนคือสั่งมา 10,000 ต้นมันไปเลย!
ในเมื่ออยากทำแล้วก็เอาให้มันสุด ๆ ตัดสินใจทำเพิ่มอีก 10 หมู่ซะ และจะได้ใช้เฟื่องฟ้าทั้ง 10,000 ต้นนี้เป็นตัวเสริมและอำพรางเฟื่องฟ้าจากเกมทั้ง 5,000 ต้นไปพร้อม ๆ กันเลยในทีเดียว
เดิมแล้วการจะสร้างทะเลเฟื่องฟ้าพื้นที่ขนาดนี้ได้เขาจำเป็นต้องลงทุนเป็นล้านนู่นแหล่ะ แต่ในความเป็นจริงแล้วแค่ 300,000 หยวนเท่านั้น
อีกทั้งคนอื่น ๆ จะหาเฟื่องฟ้าเจ็ดสีจำนวนมหาศาลอย่างเขายังยากเลย เรื่องคุณสมบัติจากเกมยิ่งไม่ต้องสืบ
ที่เหลือขอแค่ทำการโปรโมตดี ๆ ผลลัพธ์ที่ได้คือมันต้องกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมประจำอำเภอโหยวเฉิงและเมืองชาเฉิงอย่างแน่นอน
และเมื่อมีนักท่องเที่ยวมาเทียวมากพอ ผลผลิตจากในเกมชนิดอื่น ๆ ก็สามารถเอามาวางขายในบ้านไร่เองได้อย่างสะดวกดาย