ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 181 ไม่ต่างกัน
ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 181 ไม่ต่างกัน
แปลโดย iPAT
ห่าวปิงหยางตะโกน “เรามาถึงทางออกแล้ว!” ใบหน้าของทุกคนสว่างขึ้นทันที
แสงสว่างขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดมันก็กลืนเรือเข้าไปทั้งหมด
ทันใดนั้นพวกเขาก็มองเห็นพื้นที่เปิดโล่ง เมฆสีแดงลอยอยู่ที่ขอบฟ้า พวกเขาเข้าไปในถ้ำไม่ถึงครึ่งวันแต่พวกเขากลับรู้สึกยาวนานนับเดือนนับปี
ภาพนี้ทำให้พวกเขารู้สึกมีความสุขมาก
ทันใดนั้นเหล่าซีซานก็โผล่ออกมาจากมุมหนึ่งและกวาดตามองทุกคนก่อนจะหยุดสายตาที่หลี่ฉิงซาน “เจ้าคือหลี่ฉิงซานใช่หรือไม่?” นี่เป็นครั้งแรกที่เขาพบกับบุคคลที่ทำให้หน่วยผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์แห่งเมืองเจียเผิงสั่นสะเทือน เมื่อตระหนักว่าหลี่ฉิงซานเป็นเพียงจอมยุทธ์ขั้นสอง เขาก็เริ่มดูแคลน เด็กคนนี้กล้าต่อต้านจ้าวจื่อป๋อด้วยความสามารถอันต่ำต้อย มันอาจเป็นความบังเอิญที่เขาสามารถฆ่าเฉียนเยี่ยนเหนิงและมันก็เป็นเพราะความโชคดีที่เขายังสามารถยืนอยู่ที่นี่อย่างมีชีวิต
หลี่ฉิงซานกล่าวอย่างสุภาพ “ข้า หลี่ฉิงซาน คารวะผู้บัญชาการ ข้าขอทราบชื่ออันทรงเกียรติของท่านได้หรือไม่?”
“ข้าคือเหล่าซีซาน เจ้าสามารถเรียกข้าว่าผู้บัญชาการเหล่า” เหล่าซีซานพยักหน้าก่อนจะขมวดคิ้ว “เจ้าเห็นจ้าวจื่อ...ผู้บัญชาการจ้าวหรือไม่?”
หลี่ฉิงซานกล่าว “ข้าพบเขาเพียงครั้งเดียวในห้องเก็บศพนอกเมือง ข้าไม่ได้เข้าไปในถ้ำกับเขา ข้าเข้าไปพร้อมกับสหายนิกายม่อจื้อ หลังจากนั้นข้าก็ไม่พบเขาอีกเลย”
เหล่าซีซานจมลงสู่ห้วงแห่งความคิด เขารู้ว่าจ้าวจื่อป๋อมาหาหลี่ฉิงซาน แต่เขาไม่สงสัยว่าหลี่ฉิงซานฆ่าจ้าวจื่อป๋อ แม้ศิษย์นิกายม่อจื้อจะช่วยเขาแต่มันก็เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะสามารถกวาดล้างกลุ่มของจ้าวจื่อป๋อ ในฐานะคนที่อดทนกับจ้าวจื่อป๋อมานานหลายปี เขาเข้าใจความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายดีที่สุด
เขาทำได้เพียงกล่าวโทษปีศาจเท่านั้น เขาเคยได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับปีศาจที่ทรงพลังซ่อนอยู่ตัวใต้ดินมามาก จ้าวจื่อป๋ออาจโชคร้ายที่บังเอิญเจอหนึ่งในนั้น
หลี่ฉิงซานกล่าว “ผู้บัญชาการเหล่า เหตุใดท่านจึงมาที่นี่?”
“แน่นอนว่าข้ามาหานักพรตผีดิบ ข้ากำลังเตรียมที่จะเข้าไปในถ้ำเพื่อค้นหาเขา” เหล่าซีซานพยายามหลีกเลี่ยงข้อสงสัยเกี่ยวกับการตายของจ้าวจื่อป๋อ
หลี่ฉิงซานกล่าว “เช่นนั้น ท่านก็ไม่จำเป็นต้องเข้าไปแล้ว ผู้บัญชาการ เราฆ่านักพรตผีดิบไปแล้ว ศพของเขาอยู่ในกระเป๋าร้อยสมบัติของข้า ข้ากำลังจะกลับไปรายงานความสำเร็จของภารกิจ”
เหล่าซีซานสงสัย “อันใด!? เจ้าสามารถสังหารนักพรตผีดิบด้วยตัวเจ้าเองจริงๆงั้นหรือ?”
ห่าวปิงหยางกำลังอารมณ์ไม่ดีและถ้อยคำของเหล่าซีซานก็ยิ่งทำให้ทุกอย่างแย่ลง เขาป้องหมัดขึ้น “ฉิงซาน เราจะรีบกลับไปรายงานผล เราคงต้องจากกันตรงนี้!”
หลี่ฉิงซานเพิกเฉยต่อเหล่าซีซานและป้องหมัดขึ้น “ตกลง พี่ห่าว ขอให้เดินทางกลับโดยสวัสดิภาพ เราจะพบกันอีกในอนาคต เมื่อเวลานั้นมาถึง ข้าจะดื่มกับท่านอย่างเต็มที่!”
ห่าวปิงหยางยิ้ม “แน่นอน เมื่อเวลานั้นมาถึง ข้าจะเชิญเจ้าไปดื่มสุราที่ดีที่สุดของสำนัก!”
จางหลานฉิงกล่าว “นับข้าด้วย เราจะพบกันอีกอย่างแน่นอน สำนักศึกษาร้อยจอมยุทธ์จะรับสมัครศิษย์ใหม่ในช่วงเดือนสามของปีหน้า เจ้าไม่ควรพลาด ฉิงซาน!”
ห่าวปิงหยางกล่าว “หากจอมยุทธ์ไม่เข้าร่วมนิกายหรือสำนัก พวกเขาต้องเรียนรู้ด้วยตนเอง มันแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะประสบความสำเร็จ เจ้าอายุยังน้อยและมีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยม มันเป็นเวลาที่เหมาะสมสำหรับการเข้าร่วมสำนัก บางทีเราอาจกลายเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องกัน” เขาชำเลืองมองเหล่าซีซานก่อนกล่าวต่อ “หากเจ้ารู้สึกว่ามันไม่น่าพอใจ เพียงลาออกจากผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์และมาที่เมืองชิงเหอให้เร็วขึ้นเพื่อเตรียมตัวสำหรับการสอบ”
หลี่ฉิงซานรู้สึกประทับใจมาก “หากข้าสามารถเป็นศิษย์น้องของพี่ห่าว มันจะเป็นเกียรติของข้า ข้าจะไปที่นั่นในปีหน้าอย่างแน่นอน!”
เหล่าซีซานรู้สึกว่าไม่มีผู้ใดสนใจเขาแม้เขาจะเป็นจอมยุทธ์ขั้นหกและเป็นผู้บัญชาการหมาป่าทมิฬ ดังนั้นการแสดงออกของเขาจึงเริ่มเย็นชา “ผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์ไม่ใช่ตำแหน่งทั่วไป มันไม่ใช่สถานที่ที่เจ้าต้องการไปก็ไปต้องการมาก็มา แม้เจ้าจะเข้าสำนักศึกษาร้อยจอมยุทธ์ แต่เจ้าก็ไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกับนิกายม่อจื้อ”
หลี่ฉิงซานและห่าวปิงหยางชำเลืองมองเหล่าซีซานแต่ไม่มีผู้ใดสนใจเขา ทั้งคู่เพียงบอกให้อีกฝ่ายดูแลตัวเองให้ดี
จางหลานฉิงจับมือหลี่ฉิงซาน “ฉิงซาน เจ้าต้องมาให้ได้!” ในทางกลับกัน เหออี้ซื่อก้มหน้าลงตลอดเวลาโดยไม่กล่าวสิ่งใดแม้แต่คำเดียว
เมื่อคนทั้งสามจากไป เหล่าซีซานก็ออกคำสั่ง “หลี่ฉิงซาน บอกข้าว่าเกิดสิ่งใดขึ้น? เจ้าฆ่านักพรตผีดิบจริงๆงั้นหรือ? เจ้าไม่ได้ถูกร่างปลอมของเขาหลอกใช่หรือไม่? ศพอยู่ที่ใด? ให้ข้าตรวจสอบเร็วเข้า!”
หากมันเป็นเรื่องจริงทั้งหมด เขาอาจได้รับส่วนแบ่งผลประโยชน์จากแต้มผลงาน ภารกิจสังหารนักพรตผีดิบมีแต้มผลงานหนึ่งหมื่นสองพันแต้ม มันจะดีที่สุดหากหลี่ฉิงซานเสนอแต้มผลงานทั้งหมดให้เขา หลังจากนั้นเขาจะยอมรับหลี่ฉิงซานเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาคนสนิท
หลี่ฉิงซานเข้าใจอย่างชัดเจนว่าเหล่าซีซานต้องการสิ่งใด เขากล่าวอย่างเฉยชาว่า “ท่านจะเห็นมันเมื่อเรากลับไปถึงเมืองเจียเผิง”
“เจ้ากล้าขัดคำสั่งข้างั้นหรือ? ช่างหยาบคายนัก!” เหล่าซีซานกล่าวด้วยความโกรธ ตอนนี้ทุกอย่างเป็นไปตามความต้องการของเขา ไม่เพียงเขาจะสามารถก้าวเข้าสู่ขั้นหก แต่กระทั่งจ้าวจื่อป๋อก็ตายไปแล้ว
หากไม่มีสิ่งใดผิดพลาด เขาจะเข้ารับตำแหน่งผู้บัญชาการหมาป่าทมิฬแห่งเมืองเจียเผิงเร็วๆนี้ แน่นอนว่าเขาจะไม่มีวันปล่อยให้ผู้ใต้บังคับบัญชาทำตัวเย่อหยิ่งกับเขา
“นั่นเป็นวิธีเดียวกับที่ผู้บัญชาการจ้าวปฏิบัติต่อข้า ข้าขอแนะนำท่านเล็กน้อย อย่าเย่อหยิ่งเพียงเพราะความสำเร็จบางอย่างของท่าน มิฉะนั้นมันอาจนำท่านไปสู่ความทุกข์ทรมาน” หลี่ฉิงซานขมวดคิ้ว คนผู้นี้กลายเป็นคนตาบอดและทำตัวแย่ๆไม่ต่างจากจ้าวจื่อป๋อเพียงเพราะเขาพึ่งทะลวงขอบเขต
“กล้าดีอย่างไรมาสั่งสอนข้า!” เหล่าซีซานโกรธมาก เจตนาสังหารของเขาปะทุขึ้นทันที อย่างไรก็ตามก่อนที่เขาจะทันได้ชักดาบ ร่างสูงใหญ่ในชุดฟางก็ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าเขา ภายใต้ร่มเงาของหมวกไม้ไผ่มีใบหน้าอันน่าสะพรึงกลัวซ่อนอยู่ นั่นทำให้เหล่าซีซานกรีดร้อง “ผีดิบ!”
หลี่ฉิงซานกล่าว “นั่นคือผีดิบเหล็กไหลที่ข้าได้รับมาจากนักพรตผีดิบ มันทรงพลังมาก ท่านอยากลองดูหรือไม่ ผู้บัญชาการเหล่า?”
เหล่าซีซานมีความเข้าใจเกี่ยวกับการปรับแต่งซากศพอยู่บ้าง เขาตระหนักถึงความแข็งแกร่งของผีดิบเหล็กไหล ดังนั้นเขาจึงต้องลดมือลงอย่างไม่เต็มใจและตัดสินใจทำข้อตกลงกับหลี่ฉิงซาน
“หลี่ฉิงซาน ดูเหมือนเจ้าจะมีความเกี่ยวข้องใกล้ชิดกับการหายตัวไปของผู้บัญชาการจ้าวและผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์คนอื่นๆ หากเจ้ามีสติปัญญาอยู่บ้าง เจ้าก็ควรรู้ว่าต้องทำอย่างไร มันจะดีที่สุดหากการเสียชีวิตของนักพรตผีดิบเป็นความร่วมมือของเราสองคน เมื่อเรากลับเมืองเจียเผิง เราจะดูแลกันและกัน มิฉะนั้นแต้มผลงานของเจ้าจะเป็นเพียงตัวเลขที่ไร้ประโยชน์”
หลี่ฉิงซานกล่าว “ท่านต้องการส่วนแบ่งครึ่งหนึ่งงั้นหรือ? เหตุใดจึงหิวโหยนัก?”
เหล่าซีซานกล่าว “ยิ่งไปกว่านั้น ผีดิบเหล็กไหลของเจ้าก็เป็นสิ่งชั่วร้าย ผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์จะจัดการมัน เจ้าต้องส่งมอบวิธีการควบคุมให้กับพวกเรา!”
หลี่ฉิงซานถาม “ไม่มีพื้นที่ให้ต่อรองเลยงั้นหรือ?”
เหล่าซีซานกล่าว “ไม่มีพื้นที่ให้ต่อรอง! ตั้งแต่เจ้าเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของข้า เจ้าก็ต้องทำตามคำสั่งของข้า มิฉะนั้นข้าจะทำให้เจ้าตกนรก อย่าแม้แต่จะคิดที่จะวิ่งไปที่สำนักศึกษาร้อยจอมยุทธ์ ข้ามีสหายมากมายอยู่ที่นั่น!”
หลี่ฉิงซานเงียบราวกับเขากำลังครุ่นคิด หลังจากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้น “งั้นก็ไปตายซะ!”
“เจ้ากล่าวสิ่งใด!?” เหล่าซีซานยกมือขึ้นป้องกันแต่หลี่ฉิงซานกลับไม่ขยับเขยื้อน เขาไม่ได้แสดงเจตนาสังหารใดๆออกมา สิ่งที่เขาทำคือมองไปที่เหล่าซีซานราวกับมองสหายที่ตายไปแล้ว
อย่างไรก็ตามลูกประคำสีขาวกลับลอยขึ้นมาจากมือของเด็กตัวเล็กที่อยู่ข้างกายหลี่ฉิงซาน
เด็กคนนี้เป็นจอมยุทธ์ขั้นหก!
ตอนนี้เหล่าซีซานเข้าใจแล้วว่าไม่เพียงหลี่ฉิงซานจะต้องการฆ่าเขาแต่เด็กหนุ่มมีอำนาจที่จะทำเช่นนั้นจริงๆ
“หลี่ฉิงซาน เจ้ากำลังโจมตีเจ้าหน้าที่ระดับสูง! เจ้าไม่กลัวถูกลงโทษงั้นหรือ?” ดาบบินแบบเดียวกับจ้าวจื่อป๋อบินออกไป ดูเหมือนมันจะเป็นอาวุธมาตรฐานสำหรับผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์
หลี่ฉิงซานกล่าว “ข้าฆ่าจ้าวจื่อป๋ออย่างยากลำบาก แต่เจ้ากลับไม่พอใจกับสิ่งที่ตกลงบนหน้าตักของเจ้า ตอนนี้เจ้าต้องการใส่ร้ายข้า คิดว่าข้าเป็นคนที่เจ้าสามารถเดินข้ามได้ง่ายถึงเพียงนั้นเลยงั้นหรือ? ช่างหัวตำแหน่งงี่เง่านั่น พวกเจ้าสองคนก็ไม่ต่างกัน ตายไปด้วยกันซะ!”
ดาบบินถูกลูกประคำหัวกะโหลกชนกลางอากาศและกระเด็นออกไป ความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเสี่ยวอันเหนือกว่าจอมยุทธ์ขั้นหก ด้วยความสามารถของเหล่าซีซานที่พึ่งทะลวงเข้าสู่ขั้นหก แน่นอนว่าเขาไม่มีโอกาสชนะ
“เจ้าฆ่าจ้าวจื่อป๋อ?” ดวงตาของเหล่าซีซานเบิกกว้างด้วยความไม่อยากจะเชื่อ ยิ่งไปกว่านั้นหลี่ฉิงซานก็พร้อมที่จะฆ่าเขาเช่นกัน
หลี่ฉิงซานกล่าว “เหตุใดเมื่อใดก็ตามที่ข้าพยายามไว้ชีวิตบางคน ในที่สุดพวกเขาก็จะกลายเป็นคนที่น่ารำคาญ?”
เหล่าซีซานยกมือขึ้นบังคับดาบบินและส่งมันเข้าปะทะลูกประคำหัวกะโหลก อย่างไรก็ตามลูกประคำหัวกะโหลกอีกลูกกลับบินเข้ามาหาเขา
เด็กคนนี้สามารถควบคุมสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณสองชิ้น!
เหล่าซีซานประหลาดใจแต่เขายังไม่สะทกสะท้าน เขารู้ว่าตนเองไม่สามารถเอาชนะนาง ดังนั้นเขาจึงริเริ่มความคิดที่จะหลบหนี ตราบเท่าที่เขาสามารถหลับเมืองเจียเผิงและรายงานเรื่องนี้ หลี่ฉิงซานจะถูกไล่ล่า
อย่าแม้แต่จะคิดฆ่าข้าหากเจ้ามีสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณเพียงสองชิ้น! เขาหยิบยันต์ออกมาและส่งพลังปราณเข้าไปแต่มันกลับไม่ตอบสนอง นอกจากนั้นเขายังสูญเสียความรู้สึกทั้งหมดของมือ
เขาก้มหน้าลงและพบว่ามือข้างที่ถือยันต์ของเขาหายไปแล้ว!
แขนของเขาเหลืออยู่เพียงครึ่งเดียว!
เสี่ยวอันถือดาบไว้ในมือข้างหนึ่งและถือมือที่ลุกไหม้ของเหล่าซีซานไว้ในมืออีกข้าง
หลี่ฉิงซานรู้สึกประหลาดใจเช่นกัน การเคลื่อนไหวของเสี่ยวอันรวดเร็วกว่าลูกประคำหัวกะโหลกและยังไม่ปลดปล่อยกลิ่นอายหรือเจตนาฆ่าฟันใดๆออกมา
มันนานมาแล้วตั้งแต่เสี่ยวอันต่อสู้ระยะประชิดกับบางคนเป็นครั้งสุดท้าย หลี่ฉิงซานไม่เคยคิดมาก่อนว่านางจะรวดเร็วถึงเพียงนี้ เขาไม่สามารถติดตามการเคลื่อนไหวของนางได้อีกต่อไป เว้นเพียงเขาจะกลายร่างเป็นปีศาจ
หลังจากไตร่ตรอง เขาก็ตระหนักว่าเสี่ยวอันกลืนกินผู้คนไปหลายพันคนตั้งแต่ช่วงเวลาที่พวกเขาไปยังตระกูลเฉียน นางใช้โครงกระดูกของคนจำนวนมากหลอมสร้างร่างกายของนาง นั่นอาจทำให้ความแข็งแกร่งและความเร็วของนางเพิ่มขึ้นอย่างมากโดยไม่รู้ตัว
ลูกประคำหัวกะโหลกถูกหลอมขึ้นจากเคล็ดวิชากระดูกขาวและความงามอันเป็นนิรันดร์ แต่มันก็เป็นเพียงสิ่งประดิษฐ์ รากฐานสำคัญของนางยังเป็นตัวของนางเอง
เด็กผู้หญิงผู้นี้นิ่งเงียบและไม่ค่อยแสดงอารมณ์ใดๆ แต่นางกลับร้ายกาจเมื่อนางเคลื่อนไหว กล่าวได้ว่านางรับสืบทอดนิสัยของหลี่ฉิงซานมาอย่างเต็มที่