ตอนที่ 866 งานสุดขมขื่น
เพื่อประโยชน์ในการสร้างเมืองวายุน้ำเงินกลุ่มการค้าตะวันตกเตรียมสินค้าไว้มากมายมหาศาล พวกเขาสร้างเมือง นอกจากนี้พวกเขาต้องการสร้างให้เป็นเมืองใหญ่สง่างามดังนั้นสินค้าและวัสดุที่พวกเขาต้องใช้จึงมีราคาแพงเป็นธรรมดา ใครจะรู้กันว่าถังเทียนจะเป็นคนได้รับประโยชน์
ตาของถังเทียนเป็นประกายเหมือนหมาป่าหิวโหย เขาจ้องมองกองวัสดุและสินค้าชั้นดี
“เราไม่มีเวลามากนัก”ซือหม่าเซี่ยวเตือน
ในบรรดาพวกเขาทุกคนผู้ที่ยังคงสงบอยู่ได้กับกองภูเขาสมบัติก็คือราชาแมงป่องครั้งสุดท้ายถังเทียนขนคลังสินค้าจนว่างเปล่า เขาใช้เวลาทั้งคืน แต่คลังสินค้าในคืนนั้นดูอนาถาไปเลยเมื่อเทียบกับคลังสินค้าที่อยู่ต่อหน้าพวกเขา กลุ่มการค้าตะวันตกขนวัสดุและสินค้าดีๆมาทั้งหมด และถ้าพวกเขาต้องนำออกไปก็คงต้องใช้กำลังคนมากมายและเป็นกระบวนการใหญ่อย่างมิต้องสงสัย
เขาค่อนข้างกังวลถังเทียนจะเสียเวลาเพราะสมบัติที่อยู่ต่อหน้าพวกเขา
มีสมบัติมากเกินไปและมีคนน้อยมากที่สามารถรักษาความเยือกเย็นของเขาต่อหน้าสมบัติเช่นนั้นได้ มีหีบสมบัติเจ็ดหีบที่แตกและเต็มไปด้วยอัญมณี ราคาของมันเหนือกว่าคลังสินค้าที่เขาเคยปล้นมาทั้งหมดรวมกัน ส่วนใหญ่ของวัสดุจะมีผลึกเซียนอยู่ในนั้นและทั้งหมดกองเป็นเนินเขา
สิ่งที่ถังเทียนและคนที่เหลือไม่รู้ก็คือว่าแม้แต่คนของดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ก็ยังไม่สามารถสกัดผลึกเซียนออกมาได้ แต่พวกเขารู้ว่ามันมีอยู่ วัสดุที่ร่ำรวยด้วยผลึกเซียนปกติจะมีลักษณะที่โดดเด่น และส่วนใหญ่จะเป็นวัสดุที่มีคุณภาพสูง ส่วนใหญ่ของวัสดุนี้จะถูกใช้ประโยชน์ในภูมิภาคเมืองใหญ่ สร้างกระดูกงูของเรือหรือสถานที่สำคัญอื่น
กลุ่มการค้าตะวันตกต้องการสร้างเมืองวายุน้ำเงินให้สง่างามยิ่งใหญ่ ดังนั้นพวกเขาจำเป็นต้องใช้วัสดุคุณภาพสูง
ซือหม่าเซี่ยวรู้คุณค่าของผลึกเซียน และวัสดุคุณภาพสูงนั้น ผลึกเซียนสามารถสะสมได้เยอะมาก แต่ตามแผนการเดิม พวกเขาไม่มีเวลามากนัก
ขั้นตอนต่อไปมีความสำคัญมาก และถ้าพวกเขาพลาด ก็เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะได้รับโอกาสอื่น
‘ควบคุม,เจ้าต้องควบคุมอารมณ์ไว้’ ซือหม่าเซี่ยพึมพำในใจ จากที่เห็นสมบัติที่อยู่ต่อหน้าทุกคนมีความดึงดูดใจมาก แต่การยึดความได้เปรียบจากการเคลื่อนไหวก่อนเป็นเรื่องมีค่ายิ่งกว่า ‘หนุ่มชาวฟ้า, เจ้าสร้างปาฏิหาริย์มามากมาย เจ้าต้องชั่งน้ำหนักความสำคัญของเรื่องราว’
ถังเทียนที่จับตามองดูวัสดุกลับจ้องมองของเหล่านั้นอย่างว่างเปล่าเหมือนตุ๊กตา
ถังเทียนไม่เคยคิดปล่อยให้สิ่งของดีๆเหล่านี้หลุดมือไป แม้ว่ามีบางครั้งที่ต้องทำตัวเหมือนกับผู้ทรงอิทธิพลที่ร่ำรวย แต่จะปล่อยสมบัติเช่นนั้นไปก็ไม่ใช่นิสัยของเขา เขายังคงรู้ความสำคัญของแผนการ เขาก็รู้ชัดว่าเมื่อพวกเขาออกดำเนินการตามแผนแล้วพวกเขาจะไม่มีทางกลับมาเมืองวายุน้ำเงินอีกเลย
‘เจ้าล้อเล่นหรือเปล่า!’
เมื่อไม่สามารถยอมเสียสมบัติและด้วยความเร่งด่วนรู้สึกเหมือนกับว่าเข้าไปสู่สถานการณ์ที่สิ้นหวังและสมองที่น่าสงสารของเขาต้องทำงานอย่างหนัก
ซือหม่าเซี่ยวอดแนะนำเขาอีกครั้งไม่ได้ ทันใดนั้นเมื่อถังเทียนมีความคิดอย่างหนึ่งขึ้นได้ตาของเขาเป็นประกายทันที “ข้ามีความคิดแล้ว!”
เมืองสามวิญญาณ
ถังเทียนปรากฏตัวทันทีเป็นเหตุให้ผี่ผากังวลใจทันที เนื่องจากนางคิดว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น แต่นางคาดไม่ถึงเลยว่าถังเทียนถามหาการ์ดวิญญาณ
‘การ์ดวิญญาณ?’
ผี่ผาประหลาดใจ
กลุ่มดาวหมีใหญ่สร้างความแข็งแกร่งมานานแล้ว และขณะที่จำนวนเซียนที่มีระดับพลังสูงเพิ่มมากขึ้น นักสู้พลังกายเป็นศูนย์ก็ยังเป็นกลุ่มหลักของกลุ่มดาวหมีใหญ่ ความต้องการการ์ดวิญญาณลดน้อยลงไปมากทำให้มีของสำรองเก็บไว้เต็มคลัง
สิ่งที่ให้ผี่ผาประหลาดใจมากขึ้นก็คือถังเทียนเลือกการ์ดวิญญาณระดับต่ำสุดการ์ดวิชาระดับบรอนซ์
ในค่ายหมายเลขเจ็ดที่ซึ่งพวกเขาไม่มาเป็นเวลานานแล้วดูเหมือนจะมีความเปลี่ยนแปลงไปมากยกเว้นหญ้ารก
ห้องวิญญาณยังคงเหมือนเดิมและประตูบรอนซ์เรียบง่ายยังตั้งอยู่อย่างเงียบงัน
ถังเทียนคิดถึงถังอวี้และถังโฉ่วและอดยิ้มไม่ได้ เนื่องจากเขามีเวลาเร่งด่วน เขาไม่มีเวลาระลึกถึงความหลัง และทำการเคลื่อนไหวทันทีใช้การ์ดชั้นบรอนซ์ในห้องวิญญาณ
ถูกแล้ว เขากำลังวางแผนใช้ขุนพลวิญญาณ
การ์ดวิญญาณชั้นบรอนซ์เป็นการ์ดระดับต่ำ ประตูห้องวิญญาณบรอนซ์เป็นประกายสว่างและขุนพลวิญญาณตนหนึ่งปรากฏอยู่ต่อหน้าถังเทียน
เนื่องจากเขาใช้การ์ดวิญญาณระดับบรอนซ์ ห้องวิญญาณแปลงการ์ดวิญญาณเป็นขุนพลวิญญาณระดับต่ำที่สุดมันมีประกายแสงอ่อนมาก หน้าของมันเต็มไปด้วยหมอกไม่มีร่างที่เต็ม ยกเว้นแขนขา
ถังเทียนพยายามให้คำสั่งขุนพลวิญญาณบางอย่างซึ่งส่งผลให้มันค่อนข้างทื่อและมีปฏิกิริยาช้า แต่ก็ยังสามารถรับคำสั่งอย่างง่ายๆได้
จากนั้นถังเทียนพยายามใช้ให้มันเคลื่อนของบางอย่างและตระหนักได้ว่ามันมีความแข็งแรงอยู่ และทำให้เขาดีใจทันที
นอกจากสร้างขุนพลวิญญาณคุณระดับบรอนซ์กลุ่มหนึ่งแล้ว ถังเทียนเรียกหยาหยาออกมาด้วย
หยาหยาเอาแต่ขุดอย่างต่อเนื่องตลอด และเมื่อเห็นถังเทียน มันได้ยินและดีใจมาก ร้องยี้ย้า ยี้ย้าตลอดจนทำให้ถังเทียนรู้สึกผิด เพราะเขาปล่อยหยาหยาอยู่ห่างตัวนานแล้ว เมื่อถังเทียนแจ้งหยาหยาเกี่ยวกับเรื่องงาน หยาหยาตบอก จากนั้นพากองทัพอสูรจักรกลออกมา
เมื่อถังเทียนพากองทัพอสูรจักรกลและขุนพลวิญญาณกลับมาคลังสินค้ากลุ่มการค้าตะวันตกทุกคนตกใจ
‘มีแรงงานให้ใช้มากมาย!’
ภายในสามชั่วโมง พวกมันก็ทำให้คลังสินค้าว่างเปล่า
เมื่อเห็นคลังสินค้าว่างเปล่าเกลี้ยงเกลาราวกับพืชผลถูกฝูงตั๊กแตนลง ทุกคนอดสั่นสะท้านไม่ได้ นายท่านร้ายกาจนัก
ซือหม่าเซี่ยวตะลึง
หลังจากนั้นชั่วขณะเขาตระหนักได้ทันทีถึงการปรากฏตัวของขุนพลวิญญาณและผลกระทบซ่อนเร้นและลึกที่มีต่อสองโลก ก่อนหน้านี้แม้ว่าถังเทียนจะมีประตูดวงดาวเชื่อมสองโลกในความเห็นของเขา แต่เขาก็มีความสามารถจำกัดในการควบคุมมันเหมือนกับท่อเบาบางที่มีขีดจำกัดในการส่งสินค้า แต่ด้วยการปรากฏของขุนพลวิญญาณก็หมายความว่าท่อที่เล็กและเบาบางได้ขยายออกเป็นร้อยเท่าพันเท่าและการขนส่งสินค้าระหว่างโลกทั้งสองกลายเป็นเรื่องน่าตกตะลึง
ความสำคัญของสินค้าจากโลกใหม่จะเปลี่ยนสวรรค์วิถีและดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ไปมาก ทั้งสองเป็นโลกที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ก็หมายความว่าโลกทั้งสองเริ่มเชื่อมเข้าหากันจริงๆแล้ว
ภายในลานที่ซึ่งเปลวเพลิงลุกโชนถึงฟ้าฉายให้เห็นใบหน้าที่ตื่นตกใจของซือหม่าเซี่ยวเมื่อเห็นคลังสินค้าว่างเปล่าและท่าทางที่ตื่นตะลึงของคนอื่น เขาหัวเราะทันที ‘ดูเหมือนถังเทียนเองยังไม่รู้ตัวว่าในคืนนี้ซึ่งเปลวเพลิงลุกไหม้สูง ยุคใหม่กำลังคืบคลานเข้ามาช้าๆ
ทวีปกวงหมิงคงไม่มีทางเดาออกว่าเป้าหมายเดียวที่คนของพวกเขาต่อสู้มาหลายรุ่นในขณะนั้น ณ คืนนั้นจะค่อยๆ เปิดออกในมือของบุรุษหนุ่มคนหนึ่งก็ได้
ทันใดนั้นซือหม่าเซี่ยวรู้สึกว่าเขาค่อนข้างโชคดีที่สามารถเห็นประจักษ์ช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์ด้วยตาตัวเอง
“เตรียมตัวเคลื่อนขบวน!”
เสียงของถังเทียนดังขึ้นทำลายความคิดมากมายของซือหม่าเซี่ยว และเขาหันไปมองถังเทียน ‘ตาของเขาใสซื่อมาก ใครจะรู้กันว่าเขาคือหมาป่าที่หิวกระหายและโลภ?’
‘เป็นบุรุษที่มองไม่ออกเลยจริงๆ’
ซือหม่าเซี่ยวเที่ยวเดินทางไปกับถังเทียนในช่วงเวลาหนึ่ง แต่เขารู้สึกว่าเขาไม่สามารถเข้าใจบุรุษหนุ่มที่ดูเหมือนไร้เดียงสาและโง่งมผู้นี้ เขาเป็นคนละโมบ เขาเยือกเย็นและสงบ ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเรื่องจริง แต่ความเปลี่ยนแปลงในอารมณ์ของเขามักจะเป็นไปฉับพลัน
เพลิงถูกสุมเข้าในห้องคลังสินค้าที่ว่างเปล่าและทำให้คลังสินค้าตกอยู่ในทะเลเพลิงทันที
“ไปกันเถอะ” ถังเทียนทะยานขึ้นไปในอากาศ
ซือหม่าเซี่ยวพาคาร์ลที่ยังตะลึงติดตามไปด้านหลัง
**************
ชิวซิ่วหัวจ้องมองหน้าต่างอย่างงงงวย
การสู้รบที่รุนแรงกระจายไปทั่วทะเลพลังงาน ไป๋เยี่ยเหมือนสินค้าเลียนแบบสำหรับเขาและเขากำลังคิดถึงวิธีการทั้งหมดในการกำจัดเขา ทั้งสองฝ่ายสู้รบตอบโต้กันไปมาหลายครั้ง และคุ้นเคยกันและกันเทียบกับกองพลเจดีย์ศักดิ์สิทธิ์ที่รุ่งเรืองและมีชื่อแล้วไป๋เยี่ยปราดเปรียวและหลากหลายมากกว่า ทำให้ชิวซิ่วหัวรู้สึกปวดหัว
เขาพยายามใช้หลายวิธีรับมือไป๋เยี่ย แม้ว่าเขาต้องเจ็บและสูญเสีย เขาก็ยินดีจะทำ ใครจะรู้ว่าไป๋เยี่ยเจ้าเล่ห์เกินไป ทุกครั้งที่เขาใช้เหยื่อล่อพวกเขาและดูเหมือนว่าชิวซิ่วหัวกำลังจะจับเขาได้ แต่ในช่วงเวลาวิกฤติไป๋เยี่ยจะลื่นหลุดหนีไปได้ มาตรฐานในการบัญชาการของไป๋เยี่ยสูงมากทำให้ชิวซิ่วหัวนึกชื่นชมเขา ถึงขนาดต้องการรับเขามาไว้ใต้ร่มธงบัญชาการหลังจากไป๋เยี่ยยอมแพ้เมื่อการสู้รบจบสิ้น
โชคดีที่แม้ว่าชิวซิ่วหัวไม่สามารถทำอะไรกับไป๋เยี่ยได้ ไป๋เยี่ยก็ยังทำอะไรชิวซิ่วหัวไม่ได้ และทั้งสองฝ่ายยังคงยันกันอยู่ในสภาพแปลกประหลาด
แต่การยันกันที่แปลกประหลาดกลับถูกทำลายโดยการขอความสนับสนุนของโกวเฉิงเวิ่นเต้า
ชิวซิ่วหัวไม่สามารถจะลืมความเหลือเชื่อที่เขามีได้ เมื่อเขาได้รับคำร้องขอของโกวเฉิงเวิ่นเต้า เขาเชื่อในสายตามองการณ์ไกลของตนเอง และเห็นมาตรฐานของโกวเฉิงเวิ่นเต้าชัดเจน ห้าแม่ทัพพยัคฆ์กวงหมิงอาจจะแตกต่างกัน แต่พวกเขาทุกคนแทบจะเท่าเทียมกัน
เรือรบถูกทำลายเกือบทั้งหมด
ไม่มีใครจะเชื่อว่าความล้มเหลวจะมาจากโกวเฉิงเวิ่นเต้า
แต่โกวเฉิงเวิ่นเต้าเป็นคนร้องขอความสนับสนุนเองและอธิบายรายละเอียดเหตุผลของความพ่ายแพ้ หลังจากอ่านทุกอย่างรวดเดียว ชิวซิ่วหัวตกใจและเรียกความรู้สึกกลับมาได้หลังจากผ่านไปชั่วโมงหนึ่ง
เมื่อเขาฟื้นตัว ความกลัวอย่างรุนแรงครอบงำเขา
ในอีกแง่หนึ่งก็เป็นแค่เรือรบของกองทัพถูกทำลาย แต่ผลที่มีต่อการสู้รบทั้งหมดย่อมมีอย่างแน่นอน
โกวเฉิงเวิ่นเต้ายังคงเห็นว่าพวกเขาเริ่มจะแพ้จากการเคลื่อนไหวที่ได้เปรียบของพวกเขาครั้งแรก ดังนั้นจึงขอความช่วยเหลือจากชิวซิ่วหัว
ชิวซิ่วหัวไม่ลังเลใจและเคลื่อนกำลังไปยังทวีปซางโจวเต็มพิกัดความเร็ว แต่ไป๋เยี่ยยังคงไล่ตามเขาอย่างเร่งร้อนและพัวพันสู้รบกับเขาทำให้ความเร็วของกองเรือตกลงไป
ชิวซิ่วหัวรู้ว่าถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป สถานการณ์จะกลายเป็นเลวร้ายสถานเดียว
“ข้าจำเป็นต้องให้คนทำลายตลบหลัง” ชิวซิ่วหัวพูดสายตาของเขากวาดผ่านขุนพลสองสามคน
เขาไม่เลือกพวกเขาออกมาเนื่องจากเป็นภารกิจฆ่าตัวตาย ด้วยเหตุผลที่ไม่มีโอกาสรอดชีวิต แต่เขาไม่มีทางเลือกอื่น ถ้าเขาไม่สามารถตีจากไป๋เยี่ยได้ พวกเขาจะไม่สามารถเร่งไปถึงทวีปซางโจวเพื่อช่วยโกวเฉิงเวิ่นเต้าได้ ยิ่งพวกเขาชักช้า สถานการณ์จะแย่ลงไปอีก
เฉพาะคนที่กล้าเท่านั้นยินดีจะทำลายข้อมือของพวกเขาเมื่อพวกเขาไม่มีทางเลือก
“ผู้น้อยยินดีรับหน้าที่!” บุรุษร่างใหญ่แข็งแรงพูดขึ้น
เว่ยเยี่ยคือมือขวาของชิวซิ่วหัว พูดด้วยสีหน้าที่มุ่งมั่น
ชิวซิ่วหัวจ้องมองเว่ยเยี่ยเป็นเวลานาน มีความรู้สึกเจ็บปวดอยู่ในใจ บรรดาบริวารโดยตรงของเขา แม่ทัพรองทั้งสามฟงหวินม่านเสียสละตนเองไปแล้ว และตอนนี้เว่ยเยี่ยเตรียมจะเสียสละเช่นกันเหลือแต่เพียงจื่อเชอเจียจิ้ง
หน่วยของเว่ยเยี่ยรีบออกมาและให้กำลังส่วนใหญ่เพื่อโอกาสสู้เพื่ออิสระในการเดินหน้า
เมื่อเขาได้ยินเสียงระเบิดด้านหลังพวกเขาค่อยๆอ่อนลงและกองเรือที่หายไป ชิวซิ่วหัวไม่อาจทนได้อีกต่อไป เขาเริ่มหลั่งน้ำตา
เขาไม่เข้าใจว่าทำไมสงครามจึงกลายเป็นเหตุวิกฤติหนักโดยไม่รู้ตัว
*****************
เซี่ยอวี่อันยุ่งมากแต่เมื่อเขาได้รับคำสั่งต่อไปของเขา เขาตื่นเต้นและกระตือรือร้น
หลังจากเป็นทูตเพื่อรับสมัครทหาร ผลลัพธ์ที่ได้นั้นน่าทึ่ง แต่หลังจากผละออกมาจากชีวิตกลิ่นควันและสนามรบ มันทำให้เขารู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมาก โชคดีที่ปิงไม่ปล่อยให้ทหารที่โดดเด่นอย่างนั้นไว้โดยไม่ทำอะไร
หลังจากเสริมระดับกองทัพแล้ว เซี่ยอวี่อันได้รับงานลับ ซึ่งต้องไปจากสัมพันธมิตรใต้อย่างเงียบกริบ
เขามีเพียงภารกิจเดียวซึ่งก็คือถ่วงเวลาม่อซินให้ช้าลง
ใช้วิธีอะไรก็ได้ เขาต้องซุ่มเล่นงานม่อซินและถ่วงเวลาให้เขาถอยช้าลง
ตอนแรกเซี่ยอวี่อันมีความสงสัยมากเกี่ยวกับภารกิจ แต่เขาไม่ถามอะไรมาก และต้องการดำเนินการอย่างจริงจัง จนกระทั่งวันก่อนยังไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อเขาได้ยินข่าวเรื่องกองเรือของโกวเฉิงเวิ่นเต้าถูกทำลายนั่นเองจึงทำให้เขารู้แจ้ง
‘อย่างนั้นก็เป็นเพราะเรื่องนั้นเอง’
เขารู้สึกเคารพท่านปิงอย่างหมดใจ เขาไม่เข้าใจว่านายท่านทำได้ยังไง
และตอนนี้ ได้เวลาทดสอบของเขาบ้าง
ตลอดทั้งร่างของเขาเต็มไปด้วยจิตวิญญาณนักสู้