ตอนที่ 865 สถานการณ์ของโกวเฉิงเวิ่นเต้า
วังวนพลังงานกำลังเคลื่อนเข้าหาพวกเขาเสียงดังกึกก้องสั่นสะเทือน
“เราจะตอบโต้หรือไม่?”
เสียงของทหารสั่นสะท้าน
ในที่สุดนายทหารก็สงบใจได้ แม่ทัพนางกองทหารของทวีปกวงหมิงจะไม่กังวลถึงกลยุทธของพวกเขา สำหรับพวกเขาสามารถอยู่ใต้บังคับบัญชาโกวเฉิงเวิ่นเต้าได้แสดงว่าพวกเขาทุกคนต้องมีดีอยู่บ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับต้นหนคุมเรือ ทุกคนจะมีประสบการณ์มากมายและเป็นผู้บัญชาการที่แข็งแกร่ง หลังประสบกับการลอบโจมตีที่ทรงพลังพวกเขาก็เริ่มโจมตีตอบโต้
กองเรือได้รับความเดือดร้อนเสียหายอย่างมาก เรือขนาดใหญ่ถูกทำลายไปทั้งหมด 90% ของเรือขนาดเล็กถูกทำลายเหลือไว้แต่กองเรือขนาดกลางไม่กี่ลำ ที่ยังมีพลังต่อสู้
แต่เรือรบที่เหลือมีน้อยกว่า 30%
เจ้าหน้าที่ทหารที่รอดอยู่ฟื้นจากอาการตกใจ ตาของพวกเขากลายเป็นสีแดงทันที พวกเขาเคยสูญเสียหนักขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ในประวัติศาสตร์ทั้งหมดของทวีปกวงหมิง ไม่ใช่ครั้งแรกที่กองเรือขนาดนั้นถูกทำลาย
เป็นความอัปยศสมบูรณ์แบบ!
ผู้บัญชาการทหารที่หยิ่งหล่านี้โยนทิ้งความคิดจะมีชีวิตรอด ในสภาพที่อัปยศอย่างนั้นจะเป็นหรือตายไม่มีความหมายอีกต่อไป พวกเขาเพียงต้องการโจมตีให้หนักมาก
‘โจมตีตอบโต้ เราต้องโจมตีตอบโต้!’
ยังมีผู้บัญชาการที่เหลือในเรือคุยกันอย่างเคร่งเครียด
พวกเขาทุกคนมีความคิดอย่างเดียวกัน พวกเขาต้องทำลายวังวนพลังงาน ไม่ว่ายังไงก็ตามเพื่อจะลบความอัปยศหรือเพื่อความปลอดภัยของพวกเราเองไม่ว่ายังไงพวกเขาต้องทำลายวังวนพลังงานให้ได้
สัมพันธมิตรใต้สามารถควบคุมวังวนพลังงานอาวุธลับอย่างนั้นมีพลังคุกคามมาก
พวกเขาเป็นผู้บัญชาการที่มีประสบการณ์ ก็แค่ว่าพวกเขาจนใจในระยะเวลาที่แน่นอนบวกกับขาด แม่ทัพที่อยู่ร่วมกับทุกคนเนื่องจากพวกเขากอดอยู่กับความคิดว่าจะต้องตาย พวกเขาจึงไม่มีความกลัวอะไร และพบจุดอ่อนของวังวนพลังได้อย่างรวดเร็ว
มันช้า!
วังวนพลังงานเป็นอันตรายอย่างมาก แต่ไม่ค่อยมีความเร็ว นอกจากนี้ขนาดที่ใหญ่ของมันทำให้มันตกเป็นเป้าหมายได้ง่าย
ข้อกังวลเดียวก็คือถ้าวังวนพลังงานระเบิดมันอาจจะทำลายทวีปซางโจวได้ทั้งหมด โกวเฉิงเวิ่นเต้าและสามแม่ทัพรองยังอยู่ในทวีปซางโจว ถ้าวังวนพลังงานเกิดปะทุ จะไม่มีใครในทวีปซางโจวรอดชีวิต ต่อให้ทวีปซางโจวปลอดภัย แต่พลังทำลายล้างที่อ่าวพลังงานก็ยังน่ากลัว
พวกเขาทำได้เพียงติดตามวังวนพลังงาน รอให้มันถอยออกไปก่อน จากนั้นจึงค่อยทำลาย
พวกเขาสร้างแผนการอย่างรวดเร็ว ความเร็วของเรือรบต้องเร็วกว่าวังวนพลังงานมากและคล่องแคล่วกว่ามาก วังวนพลังงานไม่สามารถหลบได้
ไม่มีใครเสียเวลาและรีบตัดสินใจ
เมื่อวังวนพลังงานมาถึง เรือรบที่รอดอยู่จะหลบคล่องแคล่วเหมือนกับปลา เพื่อป้องกันแรงดึงดูดจากวังวนพลังงาน พวกเขายังคงรักษาระยะจากมันเอาไว้ พวกเขาไม่ได้เริ่มยึดเส้นทางที่วังวนพลังงานกำลังจะไป แต่ป้องกันไม่ให้มันหนีและเลือกที่จะติดตามทำลายมัน
แต่เมื่อพวกเขาเห็นว่าวังวนพลังงานเหมือนเครื่องบดทำลายกลืนซากปรักหักพังทั้งหมด ทุกคนถึงกับตาแดงเป็นเลือด ก่อนนั้นยังมีผู้รอดชีวิตอยู่ในซากปรักหักพัง แต่ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นซากเรือรบ ศพ หรือผู้รอดชีวิตทั้งหมดถูกวังวนพลังงานกลืนลงไป
พวกเขาต้องถูกกำจัด
แต่ขณะที่พวกเขามองดู พวกเขาไม่มีทางทำอะไรได้ พวกเขาทำได้แต่เพียงรอ รอให้ศัตรูถอนตัว ก่อนจะทำลายพวกเขาให้เป็นชิ้น
วังวนพลังงานกวาดผ่านซากหักพังและลำเรือที่พังทั้งหมดหายเข้าไปในวังวนพลังงาน มันเป็นเหมือนสัตว์ร้ายยักษ์ที่กินอย่างช้าๆ และเคลื่อนที่ไปรอบๆ อย่างเกียจคร้าน
เมื่อเศษซากชิ้นสุดท้ายหายไป ผู้รอดบนเรือทั้งหมดตื่นตัว เพราะพวกเขารู้ว่าศัตรูเตรียมจะถอนตัว
‘ศัตรูจะต้องถอนตัวแน่นอน!’
ด้วยอาวุธลับอย่างวังวนพลังงานและหน่วยที่ลอบเข้ามาโจมตีพวกเขา พวกเขารู้สึกว่าทุกอย่างคุ้นเคยมากและรู้ได้ว่าพวกเขาก็คือศัตรูพวกเดียวกันจากภายในซากหักพังกับเส้นทางผ่านไม่ว่าพวกเขาจะเป็นใคร สัมพันธมิตรใต้ก็จะไม่ยอมปล่อยพวกเขา พวกที่เหลือรอดสันนิษฐานว่าพวกเขาจะถอนตัว!
‘บางทีสัมพันธมิตรใต้เตรียมกำลังเสริมไว้ในเส้นทางถอย แต่แล้วไงเล่า?
ทหารทั้งหมดที่อยู่บนเรือเตรียมพร้อมสละชีวิตอยู่แล้ว พวกเขาแค่ต้องการสู้ด้วยพลังพวกเขาเองและสังหารโดยไม่สนใจว่าจะเป็นหรือตาย ตายภายใต้ควันไฟและปืนใหญ่ขณะสู้รบกับศัตรูดีกว่าตายโดยไม่รู้อะไร มันคือสิ่งที่น่าเพลิดเพลินยิ่งกว่า
มันน่ารำคาญและหงุดหงิดเกินไป!
ตั้งแต่เริ่มแรกจนถึงปัจจุบันนี้ ผู้รอดชีวิตทุกคนได้แต่เก็บความโกรธไว้ในใจ และพวกเขาต้องการจะระบายออก
‘รอเดี๋ยวก่อน!’
‘วังวนพลังงานกำลังมุ่งหน้าไป...’
ทหารทุกคนบนเรือรบกวงหมิงที่เตรียมตัวสู้ตายแฝงไปด้วยความโกรธบนใบหน้าต่างพากันตกตะลึง
‘พื้นที่กระแสพลังงานแฝง!’
วังวนพลังงานครึ่งหนึ่งเข้าไปภายในพื้นที่กระแสพลังแฝง ด้านนอกของวังวนพลังงานมีชั้นสีดำซึ่งกำลังปั่นหมุนอย่างรวดเร็ว
ขณะนั้นเองความสงสัยของพวกเขาก็ได้รับคำตอบ สัมพันธมิตรใต้ไม่ได้เตรียมเส้นทางถอยแม้แต่น้อย ไม่มีการเสริมกำลัง เป้าหมายของพวกเขาอยู่ที่พื้นที่กระแสพลังแฝง ขุนพลของทหารกวงหมิงทุกคนหน้าซีดตาของพวกเขาราวกับมีไฟ
ขณะนั้นเอง พวกเขาก็ตระหนักว่าการลอบโจมตีของศัตรูมาจากพื้นที่กระแสพลังแฝง พวกเขารอซุ่มโจมตีจากภายในกระแสพลังแฝงเป็นเวลาอย่างน้อยห้าวัน‘ศัตรูมีวิธีอยู่และรอดภายในพื้นที่กระแสพลังแฝง!’
‘โธ่เว้ย!’
พวกเขาได้แต่จ้องมองวังวนพลังงานเข้าไปในพื้นที่กระแสพลังแฝงและหายไป
สนามรบกลายเป็นเงียบสงบอีกครั้ง ทหารบนเรือที่รอดชีวิตไม่ว่าจะเป็นพลทหารหรือนายทหารรู้สึกว่าพวกเขาหมดเรี่ยวแรงได้แต่นั่งลงกับพื้นเป็นอารมณ์ของผู้พ่ายแพ้
พ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์!
ในสนามรบสิ่งที่น่าเศร้าที่สุดไม่ใช่ว่าศัตรูได้เปรียบขณะที่ท่านต่อสู้ แต่เพราะศัตรูปฏิเสธให้โอกาสให้ท่านได้สู้แต่ท่านก็แพ้ไปแล้ว
เมื่อโกวเฉิงเวิ่นเต้ารีบกลับมาและเห็นเรือที่เหลืออยู่ หน้าของเขาเขียวและบิดเบี้ยวทันที ความโกรธในดวงตาของเขาทำให้เขาดูเหมือนกับว่าจะระเบิดได้ ทหารทุกคนที่คุ้นเคยกับเขารู้ว่าเจ้านายกำลังจะเข่นฆ่าให้สมใจ
แต่น่าแปลกใจที่โกวเฉิงเวิ่นเต้ายังสงบใจเย็นได้ความโกรธในดวงตาของเขาค่อยสงบลง และรอยยิ้มสุดฝืนปรากฏบนใบหน้าของเขา
คลิฟรู้ว่าเจ้านายได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงแน่นอน โกวเฉิงเวิ่นเต้ายังเยาว์วัย แต่มีชื่อเสียง เขาประสบความสำเร็จมามากมาย แม้ว่าจะมีการสูญเสียบ้าง แต่ความสามารถในการต่อสู้ของเขาแข็งแกร่งมาก และต่อให้เขาแพ้ ฝ่ายที่ตกอยู่ในสภาพย่ำแย่มักจะเป็นศัตรูของเขาเสมอ
แต่เมื่อครั้งล่าสุด พวกเขาก็ยังโดนเล่นงานย่ำแย่ขนาดนั้นด้วยหรือ? กองเรือขนาดใหญ่ถูกทำลายหมด
ครั้งนี้ แม้แต่คลิฟเองก็จำต้องฝืนหัวเราะบ้าง
สัมพันธมิตรใต้เหมือนเป็นดาวข่มของพวกเขา หลังจากสู้กันแล้วนอกจากความได้เปรียบในตอนแรกที่มีเหนือสัมพันธมิตรใต้ พวกเขาไม่เคยได้เปรียบจากการต่อสู้อีกต่อไป แรงต้านของสัมพันธมิตรใต้เริ่มกล้าแข็งมากขึ้นทุกคน มาตรฐานของแม่ทัพของพวกเขามีแต่จะสูงมากขึ้นและความสูญเสียพ่ายแพ้ของทวีปกวงหมิงมีแต่จะมากขึ้นขยายใหญ่ขึ้น แต่การทำลายหรือกำจัดกองเรือของพวกเขาได้เกือบหมด นับเป็นประวัติการณ์ครั้งแรกจริงๆ
เมื่อขจัดความตกใจและความเจ็บปวดในใจได้แล้ว คลิฟเริ่มพิจารณาว่าความพ่ายแพ้ส่งผลต่อสถานการณ์ทั้งหมดอย่างไร
ในเวลาอันรวดเร็ว เขาไม่มีแม้รอยยิ้มสุดฝืนอีกต่อไปมีแต่ความรู้สึกเจ็บปวด
‘สัมพันธมิตรใต้น่ากลัวเกินไปจริงๆ!’
เมื่อขาดแคลนเรือรบสำหรับปกป้อง ทวีปซางโจวจึงเหมือนกับถูกเปลือยอยู่ต่อหน้าสัมพันธมิตรใต้ และพวกเขาจะถูกโจมตีเมื่อใดก็ได้ แผ่นดินทวีปซางโจวคับแคบและเล็กไม่มีจุดลึกอะไรให้เล่นได้ และสิ่งที่แย่ที่สุดก็คือสภาอาวุโสจะต้องปฏิเสธให้ออกจากทวีปซางโจว พวกเขามีแต่ต้องแสวงหาความช่วยเหลือ
พวกเขาสูญเสียวิธีเริ่มแรกไปแล้ว
คลิฟสามารถเดาได้ว่าศัตรูจะต้องไล่ตามโอบล้อมพวกเขาและหากำลังเสริม แต่แม้ว่าเขาจะรู้เช่นนั้น แต่เขากลับทำอะไรไม่ได้ ศัตรูสามารถใช้แผนได้อย่างเปิดเผย พวกเขาอยู่ในดินแดนศัตรูและเส้นทางไกลจำเป็นต้องทุ่มเทคุณค่าไปมากมายไม่คำนึงว่าพวกเขาจำเป็นต้องเสริมกำลังหรือเพิ่มเติมอุปกรณ์ สำหรับศัตรูตลอดทั้งทวีปถูกล้อมไว้และมีความได้เปรียบ
ขณะนั้นแผนการที่ดีที่สุดของพวกเขาคือออกจากทวีปซางโจวและวางกลยุทธและแผนใหม่ แต่เขารู้ว่าสภาอาวุโสจะไม่เห็นด้วย เนื่องจากเป้าหมายที่แท้จริงของการกรีฑาทัพลงใต้ก็คือทวีปซางโจว
สถานการณ์ของพวกเขากลับกลายเป็นเลวร้าย คลิฟไม่เคยคิดว่าพวกเขายึดทวีปซางโจวได้แล้วจะลงเอยด้วยการสร้างความเสียเปรียบให้กับพวกเขา
ทันใดนั้น, คลิฟมีข้อสงสัยบางประการ ‘การยอมปล่อยทวีปซางโจวของผู้บัญชาการสูงสุดของศัตรูเป็นแผนการที่จงใจ?’ ความหนาวเหน็บแผ่ซ่านจากหัวใจของเขา ‘ถ้าเป็นกรณีนั้น…’
ในช่วงไม่กี่วินาทีต่อมาความคิดนับไม่ถ้วนผุดผ่านขึ้นมาในใจของเขา เหมือนกับว่าเขาสามารถเห็นอันตรายนับไม่ถ้วน แต่เขาพลาดในการเข้าใจจุดหลักของเรื่อง
โดยไม่รู้ตัวคลิฟรู้สึกนับถือผู้บัญชาการสูงสุดของสัมพันธมิตรใต้ ถ้าไม่ใช่เพราะซุ่มทำลายกองเรือของพวกเขา พวกเขาจะไม่มีวันคาดได้เลยว่าเป็นศัตรูเลือกจะยอมปล่อยทวีปซางโจว แม้แต่โกวเฉิงเวิ่นเต้าก็ยังพลาดได้ หมายความว่านั่นเป็นผู้บัญชาการที่น่ายกย่องแท้จริง
โดยไม่รู้ตัวสถานการณ์ถูกควบคุมจังหวะโดยฝีมือของศัตรู คลิฟต้องการเข้าใจง่ายๆ ถ้ากองเรือไม่ถูกลอบโจมตีพวกเขาจะตกอยู่ในสถานการณ์น่ากลัว แต่สถานการณ์กลับค่อยๆ เป็นไปตามจังหวะของศัตรู
กล้ายอมเสียทวีปซางโจวนับเป็นความมุ่งมั่นที่ควรแก่การสรรเสริญ จากตั้งแต่เริ่มรบศัตรูก็ได้ประโยชน์จากการเคลื่อนไหวก่อนแล้ว
‘เป็นบุรุษที่น่ากลัวจริงๆ!’
คลิฟสูดหายใจตอนนี้เขาหวังว่าเขาจะไม่เข้าใจอะไรเลยดีกว่า ‘นอกจากสามารถมองเห็นภาพรวม ศัตรูต้องมีผู้อื่นคอยหนุนหลังแผน’ แต่น่าเสียดาย คลิฟไม่สามารถเห็นพวกเขาได้
โกวเฉิงเวิ่นเต้าผู้อยู่ในความเงียบถ่มน้ำลายทันทีและพูดทันที “ขอความช่วยเหลือ”
“ขอรับ!” คลิฟใจสั่นสะท้าน “ผู้น้อยจะขอกำลังเสริมจากสภาฯ โดยตรง!”
“ไม่!” เสียงของโกวเฉิงเวิ่นเต้าดังขึ้นขณะที่เขาเค้นเสียงรอดไรฟัน ซึ่งเย็นยะเยียบเสียดกระดูก “นอกจากสภาฯ ยังมีม่อซินและชิวซิ่วหัวบอกพวกเขาให้มารวมตัวที่นี่ด่วนที่สุด!”
คลิฟตกใจ ดูเหมือนเขาเข้าใจอะไรบางอย่าง และหน้าของเขาพลันซีด
“พวกเขาสามารถช่วยเราเบี่ยงเบนความสนใจของสัมพันธมิตรใต้ เราเพียงแต่ทำงานอย่างเดียว ก่อนที่ม่อซินและชิวซิ่วหัวจะหมดแรง ต้องหาทางให้เจอ! เราจะชนะเมื่อเราหาพบ! ถ้าเราหาไม่พบอย่างมากทุกคนก็ตายด้วยกัน
เสียงของโกวเฉิงเวิ่นเต้าเหมือนกับลมในฤดูหนาวทำให้ร่างของทุกคนสะท้านหนาวเย็น
**************************
ภายใต้ท้องฟ้ายามราตรีเมืองวายุน้ำเงินตกอยู่ในความวุ่นวายสถานที่ซึ่งกองกำลังของกลุ่มผู้ค้าตะวันตกที่มีการตรวจตราลาดตระเวนถูกไฟไหม้เปลวเพลิงลุกโชนถึงท้องฟ้าซึ่งใครๆ ก็รู้สึกได้จากระยะไกล
“พวกโจรอยู่ที่นี่!”
“อัศวินถูกฆ่า!”
เสียงกรีดร้อง ตะโกนดังระงมทั่วท้องฟ้าและที่ทำงานต่างๆทั้งหมดตกอยู่ในความโกลาหลไม่นาน เมืองวายุน้ำเงินเขตก่อสร้างขนาดใหญ่ เพื่อประโยชน์ต่อการสร้างเมืองวายุน้ำเงินใหม่ กลุ่มการค้าตะวันตกดูเหมือนจะรวมองค์กรใหญ่ทั้งหมด
ถ้ากลุ่มการค้าตะวันตกไม่สามารถหยุดพวกเขาได้ แล้วองค์กรอื่นๆ จะกล้าต่อต้านได้ยังไง?
ภายใต้ท้องฟ้าและเปลวเพลิงยามราตรี ความหวาดกลัวของทุกคนทำให้พวกเขาหลบหนีอย่างแตกตื่น
ภายในคลังสินค้าของกลุ่มการค้าตะวันตก บนลานว่างถูกไฟไหม้และทุกคนรื้อของหลายอย่างที่สามารถเผาได้โยนเข้าไปในกองไฟ
“ระวังให้ดี,อย่าเผาโกดังสินค้าเสียเล่า!”
“ไฟยังกองใหญ่ไม่พอ! สุมให้กองใหญ่กว่านี้!”
“มีอะไรอื่นเผาได้อีก รีบๆ เอามาเผา!”
ภายในคลังสินค้าหนุ่มถังได้ยินเสียงตะโกนโหวกเหวก และเมื่อเขามองดูคลังสินค้าที่กองสุมเต็มโกดัง เขาถึงกับตะลึง