ตอนที่ 864 ทำลายล้างกองเรือ
ลูกเรือในเรือที่รอดชีวิตจากภัยพิบัติมองดูวังวนพลังงานที่สร้างความหายนะ เป็นอุบัติเหตุที่มีขนาดใหญ่มาก แต่โชคไม่ดีสิ่งที่รอพวกเขาต่อไปก็คือความโกรธเกรี้ยวของนายพลโกวเฉิงเวิ่นเต้า เขาขึ้นชื่อในเรื่องโหดร้ายอำมหิต ดังนั้นจะมีคนตายอีกกี่คนกับความโกรธของเขาในครั้งนี้
ทุกคนจมอยู่ในความกลัว และหลายคนเริ่มร้องไห้
การป้องกันภายนอกของกองเรือหนาแน่นและชั้นในผ่อนคลายเป็นแผนที่กำหนดไว้ แต่จู่ๆ การเคลื่อนไหวของวังวนพลังงานทำให้พวกเขาจนใจ แต่เหตุผลที่แท้จริงของการทำลายล้างเป็นเพราะเรือรบเทียบท่าติดชิดกันเกินไปและความแตกตื่นเนื่องจากสถานการณ์เปลี่ยนแปลงกะทันหัน ความสามารถในการทำลายล้างของวังวนพลังงานน่าตื่นตะลึง แต่ความเร็วของมันเทียบกับเรือรบแล้วก็ยังเทียบกันไม่ได้ ถ้าเรือรบไม่เทียบท่าจนแน่นขนัด กองเรือทั้งหมดอาจจะหนีพ้นอันตรายก็ได้
นายทหารไม่อาจถูกตำหนิได้ ไม่มีปัญหากับตำแหน่งของเขาบทสรุปที่น่ากลัวที่สุดของทวีปซางโจวคือผู้ร้ายที่แท้จริง ทวีปซางโจวเป็นเพียงทวีปเล็กและกันดารไม่มีที่ให้เรือขนาดใหญ่ได้เทียบท่า
ปากอ่าวพลังงานที่แคบมากสร้างปัญหาใหญ่ให้กับเรือรบของพวกเขา ดังนั้นทำให้พวกเขาต้องเทียบท่าในทะเลพลังงานใกล้ๆ อย่างจำกัดมาก วังวนพลังงานขนาดใหญ่กินพื้นที่ขนาดใหญ่และอีกด้านหนึ่งเป็นพื้นที่กระแสพลังแฝงที่อันตรายอย่างที่สุด
ทันทีที่โกวเฉิงเวิ่นเต้ายึดทวีปซางโจวเขาทำการสำรวจทั่วทวีปพื้นที่ทันที และแม้แต่พื้นที่กระแสพลังแฝงที่อยู่ใกล้ๆ ก็ถูกตรวจสอบ พื้นที่กระแสพลังแฝงเป็นพื้นที่อันตรายอย่างที่สุดที่ซึ่งแม้แต่กองเรือที่แข็งแกร่งที่สุดจะไม่มีโอกาสรอดถ้าตกเข้าไปในนั้น
เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ พวกเขาจัดทำเครื่องหมายโดดเด่นเป็นพิเศษบ่งบอกถึงพื้นที่กระแสพลังแฝงเร้น
เรือรบที่รอดตายแล่นตรงไปที่พื้นที่กระแสพลังแฝงทิ้งระยะห่างจากแนวแบ่งเขต 150 เมตร
ภายในพื้นที่กระแสพลังแฝงห่างออกไป 150 เมตร
อาเฮ่อลืมตา ตาเป็นประกายเลือนรางของเขาเยียบเย็นและแหลมคม ที่ลอยอยู่ข้างเขาเป็นฟองน้ำแสงหลายลูกและภายในนั้นมีผู้คนอยู่ด้วย ทุกคนมีร่องรอยความเหนื่อยล้า เนื่องจากพวกเขาอยู่ภายในกระแสพลังแฝงนี้มาห้าวันเต็ม
แม้ด้วยการปกป้องของสมบัติดวงดาวการอยู่ภายในพื้นที่กระแสพลังแฝงเป็นการทดสอบกำลังใจและพลังความแข็งแกร่ง ไม่ว่ายังไงทุกคนจะต้องสามารถอยู่ภายในพื้นที่กระแสพลังแฝงเร้นเป็นเวลาห้าวัน อาเฮ่อไม่รู้อะไรอื่น แต่เขายอมรับภารกิจด้วยความมุ่งมั่น เพราะเขารู้ว่าเป็นโอกาสเดียวในการโจมตีกองเรือโกวเฉิงเวิ่นเต้าอย่างหนัก
ถ้ากองเรือของโกวเฉิงเวิ่นเต้าได้รับความเสียหายหนัก เขาจะเผชิญกับอันตรายอย่างไม่เคยมีมาก่อน
ภายในทวีปซางโจวเขาไม่มีการป้องกันหรือกองเรือใดๆโกวเฉิงเวิ่นเต้าก็เหมือนทหารที่ไร้เกราะ
นั่นจะเป็นช่วงเวลาวิกฤติ
เป็นเวลาห้าวัน พวกเขายังคงเงียบไม่มีใครพูด พวกเขาอยู่ใกล้ศัตรูมาก ถ้ามีความเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย ถ้าพวกเขาดึงดูดความสนใจของศัตรูของพวกเขาโดยบังเอิญ แผนการทั้งหมดจะสูญเปล่า
เมื่อพวกเขาได้ยินเสียงถล่มทลายภายนอก ทุกคนที่เริ่มมีอาการชาแล้วค่อยๆ ลืมตาใบหน้าที่แข็งกระด้างของพวกเขาเริ่มตื่นเต้นทันที
จิ่งหาวเคลื่อนไหวแล้ว!
ทุกคนปลุกคู่หูของพวกเขาและอุ่นร่างกายที่แข็งกระด้างและถูกแช่แข็ง เพื่อขับไล่ความอ่อนเพลีย ไม่มีใครในพวกเขาเคลื่อนไหวตลอดเวลามานี้
แต่ใบหน้าของทุกคนมีความตื่นเต้นและเร้าใจ
พวกเขาตัดสินใจใช้แผนนี้มาเป็นเวลานานแล้ว เพราะพวกเขารู้ว่าถ้าพวกเขาประสบความสำเร็จ การรบจะกลายเป็นตำนานที่คุ้มค่าแน่นอน! และศัตรูก็คือทวีปกวงหมิงเนื่องจากพวกเขามีความเกลียดชังอย่างลึกซึ้งกับทวีปกวงหมิง ไม่มีอะไรที่น่าสนใจเท่ากับใช้วิธีที่ยอดเยี่ยมในตำนานโจมตีศัตรูของพวกเขา
เว่ยถิงถิงตื่นเต้นพอๆ กัน แต่นางมองดูมีประสบการณ์มากขึ้นเมื่อเทียบกับครั้งล่าสุดขณะที่นางดึงเทพธนูทองออกมาใช้อย่างชำนาญ
สำหรับการสู้รบสัมพันธมิตรใต้ได้พาเอาทีมงานที่ดีทั้งหมดออกไป
อาเฮ่อไม่ได้ให้คำสั่งอะไร ทุกรายละเอียดผ่านการพูดคุยมาหลายครั้งก่อนออกศึก และทุกคนรู้สิ่งที่ตนเองต้องทำ
เมื่อมองดูใบหน้าที่ตื่นเต้นปั่นป่วนของทุกคนแล้ว อาเฮ่อไม่พูดอะไร เขาชักกระบี่และรีบนำออกมาจากเขตพื้นที่กระแสพลังแฝงเร้น ด้านหลังเขาทุกคนตามมาเช่นกัน
ในช่วงเวลาสั้นๆ นั้นทัศนวิสัยของทุกคนสว่างขึ้น
เป็นเรือรบที่ปรากฏอยู่ในสายตาของเขา พวกเขามองดูอยู่ในระเบียบโดยไม่ได้ตั้งกระบวนใดๆ บางครั้งแสงจะกระพริบวาบอยู่ในระยะไกลซึ่งมาจากพื้นหลังที่งดงามที่สร้างขึ้นจากวังวนพลังงาน
พวกเขามองดูเหมือนวิญญาณที่โผล่ออกมาด้านหลังกองเรือกะทันหัน
ไม่มีใครสังเกตเห็นพวกเขา เนื่องจากทหารทั้งหมดอยู่บนเรือรบ ความสนใจของพวกเขาอยู่ที่วังวนพลังงาน
อาเฮ่อได้พูดคุยกับทุกคนเกี่ยวกับการสร้างรายละเอียดข้อสรุปจากสถานการณ์ทั้งหมดและวิธีตอบสนอง สถานการณ์ที่อยู่ต่อหน้าพวกเขาไม่เกินไปกว่าที่พวกเขาสรุปไว้ พวกเขาเคลื่อนไหวด้วยความระมัดระวังและยืมเงาของเรือรบลอบเข้าไปใกล้
เป้าหมายหลักของพวกเขาคือเรือรบขนาดใหญ่
สมาชิกในเรือรบขนาดใหญ่ยังคงอยู่ในอาการตกใจ พวกเขาหลบหนีอย่างกระวนกระวายและไม่ได้กระตุ้นการทำงานของม่านพลังป้องกันม่านพลังป้องกันจะทำอะไรได้? ถ้าพวกเขาถูกดึงเข้าไปในกระแสวังวนพลังงาน ม่านพลังไม่สามารถช่วยพวกเขาได้ ขณะที่ลอบโจมตี พวกเขาอยู่ภายใต้แรงกดดันมากมายจนไม่เคยคิดว่ามันจะเกิดขึ้น
อาเฮ่อและพวกที่เหลือหลบอยู่ใต้เรือรบอย่างระมัดระวัง ขนาดที่ใหญ่ของเรือรบฉายเงาดำที่ทำให้พวกเขาพรางตัวได้ดีที่สุด
หลังจากวางสมบัติดวงดาวไว้ใต้เรือแล้ว พวกเขารีบไปอยู่ในระยะห่างทันที ตามการคำนวณของเสี่ยวเอ้อพวกเขาจำเป็นต้องไปให้ไกลกว่า 3 กิโลเมตรก่อนที่จะจุดชนวน
นี่คืออาวุธลับของพวกเขา ระเบิดสมบัติดวงดาว!
พวกเขาวางแผนการรบของพวกเขาและเลือกเรือที่มีขนาดใหญ่เนื่องจากเป็นเป้าหมายใหญ่ของพวกเขา เมื่อทุกคนตระหนักถึงปัญหาที่พวกเขามองข้ามได้ทันทีว่า พวกเขาจะทำลายเรือรบขนาดใหญ่ได้ยังไง?
เรือรบขนาดใหญ่มีลำเรือที่แข็งทนทาน และการโจมตีธรรมดาไม่สามารถทำลายพวกมันได้ พวกเขาเลือกใช้เรือรบที่หลงเหลือในเส้นทางเดินเรือเพื่อปิดบังและรู้ว่ามันมีความทนทานขนาดไหน ดังนั้น การทำลายเรือรบขนาดใหญ่กลายเป็นปัญหาใหญ่ที่พวกเขาต้องเผชิญ
และคนที่คลี่คลายปัญหานั้นได้ก็คือเสี่ยวเอ้อ
เสี่ยวเอ้อที่แทบจะเป็นบ้าจากการถูกบังคับให้สร้างสมบัติดวงดาวใกล้เหมือนคนจะกลายเป็นโรคจิต ทุกครั้งที่ปิงถอนหายใจด้วยอารมณ์และชมเชยเขาว่าเป็นเด็กดี
ด้วยเพลิงกลืนวิญญาณของเขาทำงานในฐานะชนวนเขาสามารถทำให้สมบัติดวงดาวระเบิดได้ ดังนั้นจึงตั้งชื่อว่าระเบิดสมบัติดวงดาว มันสร้างผลที่น่าทึ่งทำให้กลายเป็นอาวุธที่ใช้รับมือกับเรือรบขนาดใหญ่ สำหรับการต่อสู้ สัมพันธมิตรใต้ได้รับการแจกจ่ายสมบัติของพวกเขาที่เหลืออยู่ทั้งหมด
สมบัติปล่อยเปลวเพลิงทันที ซึ่งก็คือไฟกลืนวิญญาณและสมบัติก็สว่างขึ้นทันที และเริ่มสูบพลังงานรอบๆ อย่างบ้าคลั่ง
แสงรัศมีเปล่งออกมาจากสมบัติดวงดาวอย่างรวดเร็วสว่างมากขึ้นทุกที
ความผันผวนของพลังงานที่หนาแน่นรุนแรงทำให้ให้สมาชิกบนเรือตื่นตัว
“ศัตรูลอบโจมตี!”
“เปิดม่านพลังปกป้อง! เปิดการทำงานของม่านพลัง!”
“กระจายออกไป! ทุกคนกระจายออกไป!”
เสียงตะโกนและกรีดร้องดังมาจากกองเรือที่เพิ่งจะสงบลงได้ก็เข้าสู่ความวุ่นวายอีกครั้ง
ขณะนั้นเองกลุ่งแสงแพรวพราวปรากฏด้านนอกของหน้าต่างพวกเขาทันที พวกเขาตาลายเพราะแสงสว่างทั่วสถานที่และไม่มีใครเห็นอะไร เสียงกึกก้องขนาดใหญ่ดังขึ้นทำให้ทุกคนหูอื้อไปชั่วคราว ทุกคนตะลึงความคิดว่างเปล่า
ก่อนที่พวกเขาจะได้ทันตั้งหลักอะไร ตัวเรือด้านล่างสั่นสะเทือน พวกเขาไม่ทันได้เตรียมตัวเมื่อพวกเขาถูกเหวี่ยงและกระแทกกับผนังและเพดานเรือ
ทุกคนฟื้นจากอาการเจ็บปวดรุนแรง
พวกเขาคลานกลับขึ้นมาและมองไปจุดที่ระเบิด แต่เมื่อพวกเขาเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นชัดเจนพวกเขาตะลึงกันหมด
เป็นเรือของนายพลโกวเฉิงเวิ่นเต้า
เรือรบของโกวเฉิงเวิ่นเต้าเป็นเรือหรูหราที่สุดมั่นคงที่สุด แข็งแรงที่สุดในแง่พลังความสามารถในการรุกเรือรบจะได้รับการปกป้องเป็นอย่างดี และสิ่งที่เหลืออยู่คือเรือครึ่งลำที่ดำเป็นตอตะโกมีไฟลุกไหม้อย่างรุนแรงลามเลียออกมาจากเรืออย่างต่อเนื่อง เรือรบรอบๆ ได้รับผลกระทบทั้งหมดเกิดความความเสียหายอย่างหนัก
‘ไม่ เป็นไปไม่ได้...’
ทุกคนตกตะลึง เรือรบใหญ่ขนาดนั้นอ่อนขนาดนั้นได้ยังไง?
ไม่มีใครคิดว่านั่นเป็นแค่การเริ่มต้น
แสงที่น่ากลัวดังขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้รุนแรงมากขึ้น ในสมาชิกผู้มีประสบการณ์รู้ว่าการโจมตีมาจากที่ไม่กี่แห่งพร้อมกัน ใจของพวกเขาว่างเปล่าเหมือนกับว่าพวกเขาถูกต่อยศีรษะอย่างแรง เรือรบขนาดใหญ่ลำแล้วลำเล่า!
หลังจากนั้น กลุ่มแสงก็สว่างขึ้นจากภายในกองเรือ เรือขนาดใหญ่ทั้งหมดถูกทำลายโดยแสงสีขาว
บึ้!!!
หนึ่งในเรือรบขนาดใหญ่ถูกกลืนโดยรัศมีแสงและแรงระเบิดแนววงกลมขยายออกไป ในการเผชิญหน้ากับแรงระเบิดนี้ เรือรบที่อยู่ใกล้ทั้งหมดถูกระเบิดฉีกขาดกระจายเหมือนกระดาษ
เว่ยถิงถิงและพวกที่เหลือตกใจกับพลังของระเบิดสมบัติดวงดาว
พวกเขาทุกคนจ้องมองปากอ้าค้างราวกับว่าขากรรไกรของพวกเขาค้าง ตอนนี้พวกเขาเข้าใจเหตุผลแล้วว่าทำไมพวกเขาจึงต้องหนีออกมาห่าง 3 กิโลเมตรก่อนเกิดการระเบิด เมื่อเห็นเรือรบถูกแรงระเบิด พวกเขารู้ว่าถ้าพวกเขายังอยู่ในพื้นที่ซึ่งได้รับผลกระทบสิ่งที่เหลืออยู่คงมีแต่เลือดเนื้อเลอะเลือน
หลังจากตกใจกลัวแล้วพวกเขาตื่นเต้นอย่างรวดเร็ว
ระเบิดสมบัติดวงดาวได้ประสิทธิภาพมากเกินกว่าพวกเขาจะคาดหมายความว่าพวกเขาบรรลุเป้าหมายอย่างต่ำที่สุด ระเบิดเรือขนาดใหญ่ก็หมายความว่ากองเรือรบสูญเสียพลังต่อสู้มากกว่าครึ่งหนึ่ง
นอกจากนี้ การสู้ยังไม่จบ!
เว่ยถิงถิงและกลุ่มตั้งหลักได้เป็นพวกแรก และเริ่มโจมตีเรือขนาดกลางทันที
เทพธนูทองไม่มีผลต่อเรือรบขนาดใหญ่เท่าใดนัก แต่สำหรับเรือรบขนาดกลางพวกเขาสามารถจัดการสร้างความเสียหายได้มาก สำหรับวิธีจัดการกับเรือรบ เว่ยถิงถิงและพวกให้ความสนใจมานานแล้ว นอกจากนี้ภูมิประเทศที่ซับซ้อนไม่ต่างกันมากนักจากจากแนวสายทางเดินเรือ
พวกเขาเคลื่อนไหวเหมือนปลาอยู่ในน้ำทำลายเรือรบและเอาชีวิตทหาร
การโจมตีของพวกเขารุนแรงมากเนื่องจากพวกเขาไม่มีการออมมือ
เพลิงลุกโชนขึ้นมาเหมือนกับดอกไม้ที่บานอยู่ในเรือรบ การสู้รบกะทันหันและน่ากลัวเกินไป กองเรือทวีปกวงหมิงที่ไม่มีเวลาเตรียมตัวพ่ายแพ้อย่างน่าสยดสนอง
เว่ยถิงถิงยิงเทพธนูทองดอกสุดท้ายเมื่อปล่อยออกไป ธนูเปลี่ยนเป็นสายแสงเหมือนดาวตก กระแทกใส่เรือขนาดกลาง
กลุ่มเปลวเพลิงลุกโชนเจิดจ้าจากเรือรบขนาดกลาง
เรือรบแตกออกจากกัน
เว่ยถิงถิงเม้มริมฝีปาก นางใช้พลังมือมากเกินไปจนมือสั่นแต่สีหน้านางยังไม่พอใจ ถ้ามีเวลามากพอ
แต่หลังจากอยู่ภายในพื้นที่กระแสพลังแฝงมาห้าวัน พวกเขาอ่อนเพลียจนหมดพลังและเหลือเรี่ยวแรงแค่พอเริ่มต้นโจมตีรุนแรง
เสียงอาเฮ่อร้องเรียกชัดเจนดังไปทั่วสนามรบแม้ในท่ามกลางเสียงระเบิด ยังพอได้ยินได้
เป็นเสียงบอกให้ถอย!
เว่ยถิงถิงกัดฟัน โดยไม่ลังเลนางรวบรวมเรี่ยวแรงนางที่เหลือและวิ่งไปข้างหน้า
ภายในสนามรบที่ยังมีกลุ่มเปลวเพลิงลุกโชนเป็นบางทีหลายจุดมีไฟลอยเหมือนกับนกบินกลับรัง พวกเขาวิ่งเข้าไปที่วังวนพลังงาน
“พวกเขากำลังหาที่ตายหรือ?”
ทหารที่เหลือบนเรือรบจ้องมองความเคลื่อนไหวของกลุ่มอย่างว่างเปล่า
แต่หลังจากนั้นเกิดเรื่องที่คิดไม่ถึง
วังวนพลังงานเผยให้เห็นช่องว่างเป็นทาง 1กิโลเมตรและศัตรูที่หนีออกจากสนามรบ วิ่งเข้าไปในทางนั้น เมื่อคนสุดท้ายวิ่งเข้าไปช่องว่างก็ปิดอีกครั้ง
‘วังวนพลังงาน...ถูกศัตรูควบคุมไว้ได้
คนนับไม่ถ้วนตื่นจากอาการงงงวย พวกเขาทุกคนกุมศีรษะเหมือนกับว่าพวกเขาเห็นผี
“แย่แล้วมันกำลังตรงมาหาเรา!”
เสียงตะโกนดังขึ้นอีกครั้งทำให้บรรยากาศน่ากังวล