ตอนที่แล้วตอนที่ 863 ผู้ยิ่งใหญ่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 865 สถานการณ์ของโกวเฉิงเวิ่นเต้า

ตอนที่ 864 ทำลายล้างกองเรือ


ลูกเรือในเรือที่รอดชีวิตจากภัยพิบัติมองดูวังวนพลังงานที่สร้างความหายนะ  เป็นอุบัติเหตุที่มีขนาดใหญ่มาก แต่โชคไม่ดีสิ่งที่รอพวกเขาต่อไปก็คือความโกรธเกรี้ยวของนายพลโกวเฉิงเวิ่นเต้า  เขาขึ้นชื่อในเรื่องโหดร้ายอำมหิต ดังนั้นจะมีคนตายอีกกี่คนกับความโกรธของเขาในครั้งนี้

ทุกคนจมอยู่ในความกลัว และหลายคนเริ่มร้องไห้

การป้องกันภายนอกของกองเรือหนาแน่นและชั้นในผ่อนคลายเป็นแผนที่กำหนดไว้ แต่จู่ๆ การเคลื่อนไหวของวังวนพลังงานทำให้พวกเขาจนใจ แต่เหตุผลที่แท้จริงของการทำลายล้างเป็นเพราะเรือรบเทียบท่าติดชิดกันเกินไปและความแตกตื่นเนื่องจากสถานการณ์เปลี่ยนแปลงกะทันหัน  ความสามารถในการทำลายล้างของวังวนพลังงานน่าตื่นตะลึง  แต่ความเร็วของมันเทียบกับเรือรบแล้วก็ยังเทียบกันไม่ได้ ถ้าเรือรบไม่เทียบท่าจนแน่นขนัด กองเรือทั้งหมดอาจจะหนีพ้นอันตรายก็ได้

นายทหารไม่อาจถูกตำหนิได้  ไม่มีปัญหากับตำแหน่งของเขาบทสรุปที่น่ากลัวที่สุดของทวีปซางโจวคือผู้ร้ายที่แท้จริง  ทวีปซางโจวเป็นเพียงทวีปเล็กและกันดารไม่มีที่ให้เรือขนาดใหญ่ได้เทียบท่า

ปากอ่าวพลังงานที่แคบมากสร้างปัญหาใหญ่ให้กับเรือรบของพวกเขา ดังนั้นทำให้พวกเขาต้องเทียบท่าในทะเลพลังงานใกล้ๆ อย่างจำกัดมาก  วังวนพลังงานขนาดใหญ่กินพื้นที่ขนาดใหญ่และอีกด้านหนึ่งเป็นพื้นที่กระแสพลังแฝงที่อันตรายอย่างที่สุด

ทันทีที่โกวเฉิงเวิ่นเต้ายึดทวีปซางโจวเขาทำการสำรวจทั่วทวีปพื้นที่ทันที  และแม้แต่พื้นที่กระแสพลังแฝงที่อยู่ใกล้ๆ  ก็ถูกตรวจสอบ พื้นที่กระแสพลังแฝงเป็นพื้นที่อันตรายอย่างที่สุดที่ซึ่งแม้แต่กองเรือที่แข็งแกร่งที่สุดจะไม่มีโอกาสรอดถ้าตกเข้าไปในนั้น

เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ พวกเขาจัดทำเครื่องหมายโดดเด่นเป็นพิเศษบ่งบอกถึงพื้นที่กระแสพลังแฝงเร้น

เรือรบที่รอดตายแล่นตรงไปที่พื้นที่กระแสพลังแฝงทิ้งระยะห่างจากแนวแบ่งเขต 150 เมตร

ภายในพื้นที่กระแสพลังแฝงห่างออกไป 150 เมตร

อาเฮ่อลืมตา ตาเป็นประกายเลือนรางของเขาเยียบเย็นและแหลมคม  ที่ลอยอยู่ข้างเขาเป็นฟองน้ำแสงหลายลูกและภายในนั้นมีผู้คนอยู่ด้วย ทุกคนมีร่องรอยความเหนื่อยล้า เนื่องจากพวกเขาอยู่ภายในกระแสพลังแฝงนี้มาห้าวันเต็ม

แม้ด้วยการปกป้องของสมบัติดวงดาวการอยู่ภายในพื้นที่กระแสพลังแฝงเป็นการทดสอบกำลังใจและพลังความแข็งแกร่ง ไม่ว่ายังไงทุกคนจะต้องสามารถอยู่ภายในพื้นที่กระแสพลังแฝงเร้นเป็นเวลาห้าวัน  อาเฮ่อไม่รู้อะไรอื่น  แต่เขายอมรับภารกิจด้วยความมุ่งมั่น  เพราะเขารู้ว่าเป็นโอกาสเดียวในการโจมตีกองเรือโกวเฉิงเวิ่นเต้าอย่างหนัก

ถ้ากองเรือของโกวเฉิงเวิ่นเต้าได้รับความเสียหายหนัก  เขาจะเผชิญกับอันตรายอย่างไม่เคยมีมาก่อน

ภายในทวีปซางโจวเขาไม่มีการป้องกันหรือกองเรือใดๆโกวเฉิงเวิ่นเต้าก็เหมือนทหารที่ไร้เกราะ

นั่นจะเป็นช่วงเวลาวิกฤติ

เป็นเวลาห้าวัน พวกเขายังคงเงียบไม่มีใครพูด  พวกเขาอยู่ใกล้ศัตรูมาก  ถ้ามีความเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย ถ้าพวกเขาดึงดูดความสนใจของศัตรูของพวกเขาโดยบังเอิญ แผนการทั้งหมดจะสูญเปล่า

เมื่อพวกเขาได้ยินเสียงถล่มทลายภายนอก  ทุกคนที่เริ่มมีอาการชาแล้วค่อยๆ ลืมตาใบหน้าที่แข็งกระด้างของพวกเขาเริ่มตื่นเต้นทันที

จิ่งหาวเคลื่อนไหวแล้ว!

ทุกคนปลุกคู่หูของพวกเขาและอุ่นร่างกายที่แข็งกระด้างและถูกแช่แข็ง  เพื่อขับไล่ความอ่อนเพลีย  ไม่มีใครในพวกเขาเคลื่อนไหวตลอดเวลามานี้

แต่ใบหน้าของทุกคนมีความตื่นเต้นและเร้าใจ

พวกเขาตัดสินใจใช้แผนนี้มาเป็นเวลานานแล้ว เพราะพวกเขารู้ว่าถ้าพวกเขาประสบความสำเร็จ  การรบจะกลายเป็นตำนานที่คุ้มค่าแน่นอน!  และศัตรูก็คือทวีปกวงหมิงเนื่องจากพวกเขามีความเกลียดชังอย่างลึกซึ้งกับทวีปกวงหมิง ไม่มีอะไรที่น่าสนใจเท่ากับใช้วิธีที่ยอดเยี่ยมในตำนานโจมตีศัตรูของพวกเขา

เว่ยถิงถิงตื่นเต้นพอๆ กัน แต่นางมองดูมีประสบการณ์มากขึ้นเมื่อเทียบกับครั้งล่าสุดขณะที่นางดึงเทพธนูทองออกมาใช้อย่างชำนาญ

สำหรับการสู้รบสัมพันธมิตรใต้ได้พาเอาทีมงานที่ดีทั้งหมดออกไป

อาเฮ่อไม่ได้ให้คำสั่งอะไร ทุกรายละเอียดผ่านการพูดคุยมาหลายครั้งก่อนออกศึก  และทุกคนรู้สิ่งที่ตนเองต้องทำ

เมื่อมองดูใบหน้าที่ตื่นเต้นปั่นป่วนของทุกคนแล้ว  อาเฮ่อไม่พูดอะไร  เขาชักกระบี่และรีบนำออกมาจากเขตพื้นที่กระแสพลังแฝงเร้น  ด้านหลังเขาทุกคนตามมาเช่นกัน

ในช่วงเวลาสั้นๆ นั้นทัศนวิสัยของทุกคนสว่างขึ้น

เป็นเรือรบที่ปรากฏอยู่ในสายตาของเขา พวกเขามองดูอยู่ในระเบียบโดยไม่ได้ตั้งกระบวนใดๆ  บางครั้งแสงจะกระพริบวาบอยู่ในระยะไกลซึ่งมาจากพื้นหลังที่งดงามที่สร้างขึ้นจากวังวนพลังงาน

พวกเขามองดูเหมือนวิญญาณที่โผล่ออกมาด้านหลังกองเรือกะทันหัน

ไม่มีใครสังเกตเห็นพวกเขา  เนื่องจากทหารทั้งหมดอยู่บนเรือรบ  ความสนใจของพวกเขาอยู่ที่วังวนพลังงาน

อาเฮ่อได้พูดคุยกับทุกคนเกี่ยวกับการสร้างรายละเอียดข้อสรุปจากสถานการณ์ทั้งหมดและวิธีตอบสนอง สถานการณ์ที่อยู่ต่อหน้าพวกเขาไม่เกินไปกว่าที่พวกเขาสรุปไว้  พวกเขาเคลื่อนไหวด้วยความระมัดระวังและยืมเงาของเรือรบลอบเข้าไปใกล้

เป้าหมายหลักของพวกเขาคือเรือรบขนาดใหญ่

สมาชิกในเรือรบขนาดใหญ่ยังคงอยู่ในอาการตกใจ พวกเขาหลบหนีอย่างกระวนกระวายและไม่ได้กระตุ้นการทำงานของม่านพลังป้องกันม่านพลังป้องกันจะทำอะไรได้? ถ้าพวกเขาถูกดึงเข้าไปในกระแสวังวนพลังงาน ม่านพลังไม่สามารถช่วยพวกเขาได้ ขณะที่ลอบโจมตี พวกเขาอยู่ภายใต้แรงกดดันมากมายจนไม่เคยคิดว่ามันจะเกิดขึ้น

อาเฮ่อและพวกที่เหลือหลบอยู่ใต้เรือรบอย่างระมัดระวัง ขนาดที่ใหญ่ของเรือรบฉายเงาดำที่ทำให้พวกเขาพรางตัวได้ดีที่สุด

หลังจากวางสมบัติดวงดาวไว้ใต้เรือแล้ว  พวกเขารีบไปอยู่ในระยะห่างทันที  ตามการคำนวณของเสี่ยวเอ้อพวกเขาจำเป็นต้องไปให้ไกลกว่า 3 กิโลเมตรก่อนที่จะจุดชนวน

นี่คืออาวุธลับของพวกเขา ระเบิดสมบัติดวงดาว!

พวกเขาวางแผนการรบของพวกเขาและเลือกเรือที่มีขนาดใหญ่เนื่องจากเป็นเป้าหมายใหญ่ของพวกเขา เมื่อทุกคนตระหนักถึงปัญหาที่พวกเขามองข้ามได้ทันทีว่า  พวกเขาจะทำลายเรือรบขนาดใหญ่ได้ยังไง?

เรือรบขนาดใหญ่มีลำเรือที่แข็งทนทาน  และการโจมตีธรรมดาไม่สามารถทำลายพวกมันได้ พวกเขาเลือกใช้เรือรบที่หลงเหลือในเส้นทางเดินเรือเพื่อปิดบังและรู้ว่ามันมีความทนทานขนาดไหน  ดังนั้น การทำลายเรือรบขนาดใหญ่กลายเป็นปัญหาใหญ่ที่พวกเขาต้องเผชิญ

และคนที่คลี่คลายปัญหานั้นได้ก็คือเสี่ยวเอ้อ

เสี่ยวเอ้อที่แทบจะเป็นบ้าจากการถูกบังคับให้สร้างสมบัติดวงดาวใกล้เหมือนคนจะกลายเป็นโรคจิต ทุกครั้งที่ปิงถอนหายใจด้วยอารมณ์และชมเชยเขาว่าเป็นเด็กดี

ด้วยเพลิงกลืนวิญญาณของเขาทำงานในฐานะชนวนเขาสามารถทำให้สมบัติดวงดาวระเบิดได้ ดังนั้นจึงตั้งชื่อว่าระเบิดสมบัติดวงดาว มันสร้างผลที่น่าทึ่งทำให้กลายเป็นอาวุธที่ใช้รับมือกับเรือรบขนาดใหญ่  สำหรับการต่อสู้ สัมพันธมิตรใต้ได้รับการแจกจ่ายสมบัติของพวกเขาที่เหลืออยู่ทั้งหมด

สมบัติปล่อยเปลวเพลิงทันที  ซึ่งก็คือไฟกลืนวิญญาณและสมบัติก็สว่างขึ้นทันที และเริ่มสูบพลังงานรอบๆ อย่างบ้าคลั่ง

แสงรัศมีเปล่งออกมาจากสมบัติดวงดาวอย่างรวดเร็วสว่างมากขึ้นทุกที

ความผันผวนของพลังงานที่หนาแน่นรุนแรงทำให้ให้สมาชิกบนเรือตื่นตัว

“ศัตรูลอบโจมตี!”

“เปิดม่านพลังปกป้อง! เปิดการทำงานของม่านพลัง!”

“กระจายออกไป!  ทุกคนกระจายออกไป!”

เสียงตะโกนและกรีดร้องดังมาจากกองเรือที่เพิ่งจะสงบลงได้ก็เข้าสู่ความวุ่นวายอีกครั้ง

ขณะนั้นเองกลุ่งแสงแพรวพราวปรากฏด้านนอกของหน้าต่างพวกเขาทันที  พวกเขาตาลายเพราะแสงสว่างทั่วสถานที่และไม่มีใครเห็นอะไร  เสียงกึกก้องขนาดใหญ่ดังขึ้นทำให้ทุกคนหูอื้อไปชั่วคราว  ทุกคนตะลึงความคิดว่างเปล่า

ก่อนที่พวกเขาจะได้ทันตั้งหลักอะไร  ตัวเรือด้านล่างสั่นสะเทือน  พวกเขาไม่ทันได้เตรียมตัวเมื่อพวกเขาถูกเหวี่ยงและกระแทกกับผนังและเพดานเรือ

ทุกคนฟื้นจากอาการเจ็บปวดรุนแรง

พวกเขาคลานกลับขึ้นมาและมองไปจุดที่ระเบิด  แต่เมื่อพวกเขาเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นชัดเจนพวกเขาตะลึงกันหมด

เป็นเรือของนายพลโกวเฉิงเวิ่นเต้า

เรือรบของโกวเฉิงเวิ่นเต้าเป็นเรือหรูหราที่สุดมั่นคงที่สุด แข็งแรงที่สุดในแง่พลังความสามารถในการรุกเรือรบจะได้รับการปกป้องเป็นอย่างดี และสิ่งที่เหลืออยู่คือเรือครึ่งลำที่ดำเป็นตอตะโกมีไฟลุกไหม้อย่างรุนแรงลามเลียออกมาจากเรืออย่างต่อเนื่อง  เรือรบรอบๆ ได้รับผลกระทบทั้งหมดเกิดความความเสียหายอย่างหนัก

‘ไม่  เป็นไปไม่ได้...’

ทุกคนตกตะลึง เรือรบใหญ่ขนาดนั้นอ่อนขนาดนั้นได้ยังไง?

ไม่มีใครคิดว่านั่นเป็นแค่การเริ่มต้น

แสงที่น่ากลัวดังขึ้นมาอีกครั้ง  คราวนี้รุนแรงมากขึ้น ในสมาชิกผู้มีประสบการณ์รู้ว่าการโจมตีมาจากที่ไม่กี่แห่งพร้อมกัน  ใจของพวกเขาว่างเปล่าเหมือนกับว่าพวกเขาถูกต่อยศีรษะอย่างแรง เรือรบขนาดใหญ่ลำแล้วลำเล่า!

หลังจากนั้น กลุ่มแสงก็สว่างขึ้นจากภายในกองเรือ  เรือขนาดใหญ่ทั้งหมดถูกทำลายโดยแสงสีขาว

บึ้!!!

หนึ่งในเรือรบขนาดใหญ่ถูกกลืนโดยรัศมีแสงและแรงระเบิดแนววงกลมขยายออกไป ในการเผชิญหน้ากับแรงระเบิดนี้ เรือรบที่อยู่ใกล้ทั้งหมดถูกระเบิดฉีกขาดกระจายเหมือนกระดาษ

เว่ยถิงถิงและพวกที่เหลือตกใจกับพลังของระเบิดสมบัติดวงดาว

พวกเขาทุกคนจ้องมองปากอ้าค้างราวกับว่าขากรรไกรของพวกเขาค้าง ตอนนี้พวกเขาเข้าใจเหตุผลแล้วว่าทำไมพวกเขาจึงต้องหนีออกมาห่าง 3 กิโลเมตรก่อนเกิดการระเบิด  เมื่อเห็นเรือรบถูกแรงระเบิด พวกเขารู้ว่าถ้าพวกเขายังอยู่ในพื้นที่ซึ่งได้รับผลกระทบสิ่งที่เหลืออยู่คงมีแต่เลือดเนื้อเลอะเลือน

หลังจากตกใจกลัวแล้วพวกเขาตื่นเต้นอย่างรวดเร็ว

ระเบิดสมบัติดวงดาวได้ประสิทธิภาพมากเกินกว่าพวกเขาจะคาดหมายความว่าพวกเขาบรรลุเป้าหมายอย่างต่ำที่สุด ระเบิดเรือขนาดใหญ่ก็หมายความว่ากองเรือรบสูญเสียพลังต่อสู้มากกว่าครึ่งหนึ่ง

นอกจากนี้ การสู้ยังไม่จบ!

เว่ยถิงถิงและกลุ่มตั้งหลักได้เป็นพวกแรก  และเริ่มโจมตีเรือขนาดกลางทันที

เทพธนูทองไม่มีผลต่อเรือรบขนาดใหญ่เท่าใดนัก  แต่สำหรับเรือรบขนาดกลางพวกเขาสามารถจัดการสร้างความเสียหายได้มาก สำหรับวิธีจัดการกับเรือรบ เว่ยถิงถิงและพวกให้ความสนใจมานานแล้ว  นอกจากนี้ภูมิประเทศที่ซับซ้อนไม่ต่างกันมากนักจากจากแนวสายทางเดินเรือ

พวกเขาเคลื่อนไหวเหมือนปลาอยู่ในน้ำทำลายเรือรบและเอาชีวิตทหาร

การโจมตีของพวกเขารุนแรงมากเนื่องจากพวกเขาไม่มีการออมมือ

เพลิงลุกโชนขึ้นมาเหมือนกับดอกไม้ที่บานอยู่ในเรือรบ  การสู้รบกะทันหันและน่ากลัวเกินไป  กองเรือทวีปกวงหมิงที่ไม่มีเวลาเตรียมตัวพ่ายแพ้อย่างน่าสยดสนอง

เว่ยถิงถิงยิงเทพธนูทองดอกสุดท้ายเมื่อปล่อยออกไป ธนูเปลี่ยนเป็นสายแสงเหมือนดาวตก กระแทกใส่เรือขนาดกลาง

กลุ่มเปลวเพลิงลุกโชนเจิดจ้าจากเรือรบขนาดกลาง

เรือรบแตกออกจากกัน

เว่ยถิงถิงเม้มริมฝีปาก  นางใช้พลังมือมากเกินไปจนมือสั่นแต่สีหน้านางยังไม่พอใจ ถ้ามีเวลามากพอ

แต่หลังจากอยู่ภายในพื้นที่กระแสพลังแฝงมาห้าวัน พวกเขาอ่อนเพลียจนหมดพลังและเหลือเรี่ยวแรงแค่พอเริ่มต้นโจมตีรุนแรง

เสียงอาเฮ่อร้องเรียกชัดเจนดังไปทั่วสนามรบแม้ในท่ามกลางเสียงระเบิด ยังพอได้ยินได้

เป็นเสียงบอกให้ถอย!

เว่ยถิงถิงกัดฟัน โดยไม่ลังเลนางรวบรวมเรี่ยวแรงนางที่เหลือและวิ่งไปข้างหน้า

ภายในสนามรบที่ยังมีกลุ่มเปลวเพลิงลุกโชนเป็นบางทีหลายจุดมีไฟลอยเหมือนกับนกบินกลับรัง พวกเขาวิ่งเข้าไปที่วังวนพลังงาน

“พวกเขากำลังหาที่ตายหรือ?”

ทหารที่เหลือบนเรือรบจ้องมองความเคลื่อนไหวของกลุ่มอย่างว่างเปล่า

แต่หลังจากนั้นเกิดเรื่องที่คิดไม่ถึง

วังวนพลังงานเผยให้เห็นช่องว่างเป็นทาง 1กิโลเมตรและศัตรูที่หนีออกจากสนามรบ วิ่งเข้าไปในทางนั้น  เมื่อคนสุดท้ายวิ่งเข้าไปช่องว่างก็ปิดอีกครั้ง

‘วังวนพลังงาน...ถูกศัตรูควบคุมไว้ได้

คนนับไม่ถ้วนตื่นจากอาการงงงวย  พวกเขาทุกคนกุมศีรษะเหมือนกับว่าพวกเขาเห็นผี

“แย่แล้วมันกำลังตรงมาหาเรา!”

เสียงตะโกนดังขึ้นอีกครั้งทำให้บรรยากาศน่ากังวล

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด