ตอนที่แล้วตอนที่ 861 ความตายของโรเจอร์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 863 ผู้ยิ่งใหญ่

ตอนที่ 862 สถานการณ์ของโกวเฉิงเวิ่นเต้า


การพิชิตทวีปซางโจวใช้เวลาห้าวันเต็ม แต่หน้าของโกวเฉิงเวิ่นเต้ากลับเขียวคล้ำยิ่งกว่าแต่ก่อน  แม่ทัพนายกองใต้บังคับบัญชาของเขารู้สาเหตุที่เขาโกรธ   ตามธรรมดาแล้วไม่มีใครกล้าตอแยเขา

เป็นธรรมดาที่เขาจะต้องโกรธ

ทวีปซางโจวที่พวกเขายึดได้เป็นแผ่นดินของซากปรักหักพัง  ประชาชนทุกคนย้ายออกไปนานแล้วและสิ่งก่อสร้างทั้งหมดถูกทำลาย ไม่มีบ้านหลังไหนที่พวกเขาพบเจอสมบูรณ์สักหลัง  ปากอ่าวทวีปซางโจวก็แคบเกินไป  และแม้แต่เรือรบขนาดกลางก็ไม่สามารถเข้ามาได้เรือรบมีขนาดใหญ่มาก  ในช่วงห้าวันที่พวกเขาอยู่ในทวีปซางโจวพวกเขาเจอฝนเทอย่างหนักตลอดสี่วันด้วยร่างกายที่แข็งแรงของทุกคนไม่ต้องกังวลเรื่องการล้มป่วย  แต่เรื่องอารมณ์เป็นเรื่องจริง

เมื่อเห็นโคลนเต็มอยู่ทุกแห่งทุกคนที่อยู่ภายในเรือขนาดเล็กรู้สึกอารมณ์หมองมัว

แม้แต่ชาสมุนไพรกลิ่นหอมก็ยังหมดความน่าชื่นชม

“นายท่านยังกังวลเกี่ยวกับสัมพันธมิตรใต้อีกหรือ?” ซีเก้มองดูหน้าที่ซีดของโกวเฉิงเวิ่นเต้าที่กำลังถือถ้วยชาไว้ในมือมีสีหน้าเคร่งเครียด

สามแม่ทัพใหญ่ผู้ลือชื่อภายใต้บัญชาการของโกวเฉิงเวิ่นเต้ามีความพิเศษเป็นของตนเอง  คลิฟเป็นคนเด็ดขาดและแน่วแน่  เคนเป็นคนซื่อสัตย์และมั่นคง  ขณะที่ซีเก้มีความฉลาดและไหวพริบ  ทั้งสามคนทำงานด้วยกันมาหลายปีและมีความเข้าใจกันโดยปริยาย  พวกเขาหลีกเลี่ยงเจ้านายของพวกเขา ถ้าพวกเขาพูดผิดไปในเวลาเช่นนั้นพวกเขาอาจตอแยโทสะนาย, และอาจจะหมายถึงความตายก็เป็นได้

แต่ในการล้อมตีทวีปซางโจว  หลังจากสู้อย่างยากลำบากติดต่อกัน  ทำให้กำลังใจทุกคนตึงเครียดทำให้ทุกคนเหนื่อยใจ ในที่สุดทุกคนก็มีเวลาได้ผ่อนหายใจ ทั้งสามคนนั่งล้อมโต๊ะดื่มชาด้วยกันเพื่อผ่อนคลายใจ

เคนพยักหน้าและกล่าว  “ศัตรูยอมยกทวีปซางโจวให้อย่างง่ายดายมาก  พวกเขาต้องมีแผนบางอย่างในใจเป็นแน่  เราไม่อาจวางใจได้”

ซีเก้คัดค้าน “ข้าคิดว่าพวกเจ้าคิดมากเกินไป ความเป็นไปได้เพียงประการเดียวก็คือถอย เพียงแต่ว่าพวกเขาได้แผนรบที่ลึกซึ้งมิฉะนั้นพวกเขาจะนั่งรออยู่ที่นี่ รอให้เรามาทำลายพวกเขาหรือ?”

เคนไม่ปฏิเสธพวกเขา  เขาก็ไม่รู้ว่าจะพูดเช่นไรเหมือนกัน  ความจริงแนวป้องกันเดียวย่อมไม่เพียงพอจะป้องกันทวีปซางโจวได้  ทันทีที่แตกอันตรายที่พวกเขาต้องเผชิญจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก

คลิฟพูดขึ้นอย่างเฉยเมย  “อย่าเพิ่งประเมินศัตรูต่ำเกินไป ซีเก้”

ในบรรดาทั้งสามคน  เขามีอายุมากที่สุดและมีประสบการณ์มากที่สุด  ในอดีตซีเก้เคยอยู่ใต้บังคับบัญชาของเขา และคลิฟเป็นคนส่งเสริมและแนะนำเขาให้เจ้านาย  และนั่นคือวิธีการที่เขาได้รับการรับรองจากโกวเฉิงเวิ่นเต้าให้นำกองทัพเขาเอง

ซีเก้มีความเคารพต่อคลิฟมาก  จากนั้นเขาถามด้วยความสงสัย  “ท่านคิดว่าพวกเขาจะมีโอกาสกลับมาหรือไม่?”

คลิฟยังเงียบอยู่ชั่วครู่ จากนั้นตอบ“ข้าไม่แน่ใจเหมือนกันว่าพวกเขาอาจจะมีแผนหรือไม่ แต่ช่วยไม่ได้ที่ข้ายังจำเซี่ยอวี่อันได้เสมอ เขาไม่เคยขาดแคลนกำลังใจและไม่เคยยอมแพ้ง่ายๆ  มันไม่ใช่บุคลิกของคนยอมจำนน”

คลิฟไม่มีเหตุผลใดรองรับอธิบายสิ่งที่เขารู้สึก แต่ความละเอียดของเขาในการดูรูปแบบและบุคลิกของศัตรูเป็นสิ่งที่น่าเชื่อถือมากพอ

เคนพยักหน้า แต่สีหน้าของซีเก้จริงจัง พวกเขาต่อสู้ยันกับสัมพันธมิตรใต้มาเป็นเวลานานและพบกับความดื้อรั้นอดทนของศัตรู

ถูกแล้ว ไม่ว่ายังไงก็ตาม  ศัตรูยอมแพ้ง่ายเกินไป

“ถูกแล้วพวกเขาเป็นศัตรูที่คู่ควรกับการนับถือ  ข้าสงสัยจริงๆว่าพวกเขาจะเคลื่อนไหวยังไงต่อไป” ตาของซีเก้เป็นประกาย ขณะที่ความตั้งใจต่อสู้ท่วมท้น

คลิฟเห็นซีเก้เลิกหยิ่งแล้วเขาไม่พูดอะไรอีกต่อไป  เขาหันไปถามเคน“เจ้าพบทางเข้าสวรรค์วิถีหรือยัง?”

“ไม่เลย”เคนส่ายหัว  “เราไปสืบดูทั่วทวีปซางโจวแล้วแต่เราไม่พบประตูดวงดาว”

“มันอาจไม่ใช่เป็นประตูดวงดาวก็ได้”  ซีเก้คิดอย่างรวดเร็ว  เขาคิดอยู่ชั่วขณะ  “มีความเป็นไปได้ที่ประตูดวงดาวจะไม่อยู่บนพื้นหรือบนท้องฟ้า”

“ไม่อยู่บนพื้นหรือบนท้องฟ้า?”  เคนตกใจ

“บึงน้ำเงิน,อย่าลืมบึงน้ำเงิน” ซีเก้เตือน

“เป็นไปได้”คลิฟพยักหน้า “สัมพันธมิตรใต้มาจากทวีปซางโจว มีการตรวจสอบรายงานนี้มากมาย และไม่มีอะไรผิดแน่นอน  ถ้าไม่มีประตูดวงดาวในพื้นหรือในท้องฟ้า สถานที่เป็นไปได้มากที่สุดก็มีแต่บึงน้ำเงิน  อย่าลืมครั้งหนึ่งพวกเขาขายสิ่งที่น่าจะใช่หอกน้ำแข็งฟ้าออกไป  เห็นได้ชัดว่าพวกเขาได้เข้าไปในบึงน้ำเงิน”

“ถ้าอยู่ในบึงน้ำเงิน  อย่างนั้นนั่นคงจะเป็นเรื่องยุ่งยาก”  เคนฝืนหัวเราะ

เคนเป็นคนที่มีนิสัยซื่อตรงและทำงานอย่างระมัดระวังไม่เคยพบว่าเป็นเรื่องยุ่งยาก ถ้าเขาพูดว่าเป็นเรื่องลำบาก ก็หมายความว่ามันลำบากอย่างแท้จริง ทำให้อีกสองคนสีหน้าเปลี่ยน

ถ้าเราอธิบายทวีปแดนเถื่อนในฐานะเป็นแดนรกร้างและไม่เคยถูกพิชิตได้ อย่างนั้นบึงน้ำเงินก็คือสถานที่ลึกลับกว้างใหญ่ที่ทำให้ผู้คนกลัว  ทวีปแดนเถื่อนไม่ได้ตัดเส้นทางการค้ากับทวีปกวงหมิง และประชาชนยังสามารถได้รับข้อมูลเกี่ยวกับทวีปกวงหมิงได้

ส่วนบึงน้ำเงินเป็นโลกที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิงเป็นที่ซึ่งพวกคนแคระน้ำเงินอาศัยอยู่

บึงน้ำเงินขยายออกไปทุกมุมของดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ที่ซึ่งหลายทวีปสัมผัสกับบึงน้ำเงิน แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนกังวลที่สุดก็คือคลื่นมนุษย์น้ำเงิน   คนแคระน้ำเงินเป็นศัตรูตามธรรมชาติของเผ่าพันธุ์มนุษย์  ไม่มีใครรู้ว่าบึงน้ำเงินลึกหรือใหญ่ขนาดไหนและมีบางครั้งที่นักสู้ผู้ทรงพลังคิดจะสืบดู แต่ไม่มีใครรอดชีวิตกลับมาได้

ถ้าประตูดวงดาวมีอยู่ในบึงน้ำเงิน  ถือว่าเป็นเรื่องที่น่ากลัวสำหรับพวกเขา

จากท่าทีปัจจุบัน บางทีมีความเป็นไปได้สูงมากที่จะอยู่ในบึงน้ำเงิน

คลิฟสังเกตเห็นบรรยากาศหม่นหมองเขาจึงกล่าว  “ต่อให้อยู่ในบึงน้ำเงิน  เราก็ต้องหาให้พบ ทุกคนรู้ว่าสวรรค์วิถีมีความหมายต่อทวีปกวงหมิงและเรามากเพียงไหน  เรายึดทวีปซางโจวได้แล้ว  ดังนั้นจะถอยไปอย่างนั้นได้ยังไง?  นอกจากนี้ ถ้าเราพบว่ามันยากลำบาก  อย่างนั้นสัมพันธมิตรใต้ทำได้ยังไง? พวกเขามาสู่ดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์จากสวรรค์วิถี  เป็นไปได้ไหมว่าภายใต้การคุกคามของบึงน้ำเงินมีแค่เฉพาะกับเราเท่านั้น?”

เมื่อเคนและซีเก้ได้ยินเช่นนั้น  พวกเขามีกำลังใจทันที

“ถูกแล้ว!”  ใจของซีเก้เต้นแรง  “เนื่องจากพวกเขาสามารถปรากฏได้ที่ทวีปซางโจวประตูดวงดาวคงอยู่ไม่ไกลมากนักหรอก

เคนพูดโดยไม่ลังเล  “ข้าจะส่งคนไปสืบดูบึงน้ำเงินที่อยู่ใกล้ๆ

คลิฟเสริมต่อ “ถ้าเราแบ่งที่เป็นสามส่วนและตรวจสอบดูพร้อมกัน  เราอาจเพิ่มประสิทธิภาพขึ้นก็ได้!”

ทั้งสามคนวิ่งฝ่าสายฝนออกไปรวมกับทหารของพวกเขาทันที  และเข้าไปในส่วนลึกของบึงน้ำเงิน

ในขณะปัจจุบันนี้ การมองหาประตูดวงดาวเข้าสู่สวรรค์วิถีเป็นเป้าหมายเร่งด่วนที่สุดของพวกเขา  แม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถหาได้พบทันที อย่างน้อยพวกเขาก็สามารถกำหนดตำแหน่งทั่วไปของประตูดวงดาวได้  สัมพันธมิตรใต้จะไม่รอให้ถูกจับแน่นอน  แต่ตราบใดที่พวกเขาพบประตูดวงดาว  และมีการโจมตีตอบโต้ใดๆ จากสัมพันธมิตรใต้ก็คงเป็นเรื่องตลก

ด้วยการยืมพลังวิญญาณในสวรรค์วิถี  พวกเขาจะแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว และทวีปกวงหมิงที่แต่เดิมแข็งแกร่งมากอยู่แล้วก็จะทิ้งสัมพันธมิตรใต้ไว้เบื้องหลังห่างไกล  ทวีปกวงหมิงมีการค้นคว้าเรื่องพลังวิญญาณมาเป็นทศวรรษแล้ว แม้ว่าพวกวเขาจะไม่สามารถสร้างพลังวิญญาณได้อย่างมหาศาล  แต่พวกเขาก็พบหนทางใช้พลังวิญญาณ

ตราบใดที่พวกเขามีพลังวิญญาณ ความแข็งแกร่งของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดในช่วงเวลาสั้นๆ

***************

เรือรบหลายลำจอดอยู่ด้านนอกปากอ่าวทะเลพลังงานของทวีปซางโจว  ฉากภาพเสากระโดงเรือดูเป็นภาพงดงาม  เรือรบขนาดใหญ่และขนาดกลางและเรือขนส่งภายใต้บัญชาการของโกวเฉิงเวิ่นเต้าทั้งหมดไม่สามารถเข้าทวีปซางโจวได้ และทำได้เพียงแต่ต้องจอดอยู่ด้านนอกปากอ่าวพลังงาน

ป้อมรบที่เพิ่งสร้างได้ไม่นานที่ปากอ่าวพลังงานถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง และทุกคนสามารถรักษาการณ์อยู่บนเรือรบของพวกเขาเท่านั้น  แต่คำพูดจากสมาชิกลูกเรือที่เดินทางมาจากทวีปซางโจวก็คือสถานการณ์ภายในทวีปซางโจวย่ำแย่ มีฝนเทลงมาอย่างหนักแม้แต่นายท่านจะหาที่หลบฝนก็ยังไม่มีได้แต่หลบอยู่บนเรือลำเล็ก ทำให้คนที่อยู่ด้านนอกรู้สึกขมขื่นใจ

เรือรบของขนาดใหญ่มีขนาดกว้างขวางทำให้พวกเขาใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบายมาก

ด้วยความระมัดระวังโกวเฉิงเวิ่นเต้าสั่งให้เรืองรบครึ่งหนึ่งเตรียมพร้อมรบรับมือการลอบโจมตีกะทันหัน  นอกจากนั้นยังแบ่งเรือรบเล็กที่มีความคล่องแคล่วทั้งหมดออกเป็น 10 กลุ่มสร้างเครือข่ายลาดตระเวนอย่างหนาแน่นเพื่อป้องกันศัตรูเคลื่อนไหวแม้จะมีจำนวนน้อย

แต่ทุกคนไม่ได้เป็นห่วงมากนักหลังจากสู้รบอย่างต่อเนื่อง พวกเขาทั้งหมดคุ้นกับวิธีต่อสู้ของสัมพันธมิตรใต้แล้ว  พวกเขาเชี่ยวชาญในการสู้แบบวางตำแหน่งรบเชี่ยวชาญการใช้โครงสร้างป้องกัน และเชี่ยวชาญในการใช้ภูมิประเทศที่ซับซ้อนตัวอย่างเช่นสงครามในเมือง หรือใช้แนวซากสถานที่สู้รบในการสู้

ความเชี่ยวชาญของพวกเขาทั้งหมดรวมทั้งการสู้กับเรือรบ

ตอนนี้ทวีปกวงหมิงครอบครองปากอ่าวพลังไว้  และเรือรบขนาดใหญ่เป็นเหมือนป้อมปราการหนัก

ความเป็นไปได้เพียงประการเดียวก็คือโจมตีด้วยเรือรบ  แม้ว่าพวกเขาลอบเข้ามาในกลุ่มคน  พวกเขาก็ไม่เป็นภัยคุกคมต่อกองเรือรบ

ดังนั้นโดยรวมทุกคนจะผ่อนคลาย  ด้วยคำสั่งที่เข้มงวดจากเบื้องสูง ไม่มีใครกล้าจัดงานเลี้ยงแม้ต้องการระบายออก  ทุกคนปรารถนาจะกลับบ้านด้วยชัยชนะ

สงครามใหญ่จบแล้ว

นั่นคือสิ่งที่นายทหารระดับกลางหลายคนและพลทหารคิด  ศัตรูถูกขับไล่ออกไปจากรังพวกเขาแล้ว พวกเขายังจะกลับมาชิงทวีปซางโจวไปจากพวกเขาได้อีกหรือ?

อย่าล้อเล่นน่ะ!

พอลาดตระเวนจบอูไคมาถึงโรงอาหารของเรือรบและรวมกลุ่มสนทนากับสหายของพวกเขา

“คืนนี้มีกิจกรรมอะไรบ้างไหม?  น่าเบื่อจริงๆ เฮ้อ, เมื่อเราอยู่ในช่วงสู้รบ เราอยากจะพัก แต่พอตอนนี้เราได้พักหลายวันเข้า  มันกลับน่าเบื่อจริงๆ!”

“ได้แต่เล่นไพ่  ยังจะมีกิจกรรมอื่นให้ทำอีกหรือ?”

“โอวพระเจ้า,ข้าอยากจะอ้วกเมื่อเห็นไพ่ว่ะ!  หาอะไรใหม่ๆ มาได้ไหม?  ตัวอย่างเช่น สาวๆ สักหลายคน?”

“ทางเข้าทวีปซางโจวว่างเปล่า  เจ้าจะได้สาวๆ มาจากที่ไหน?”

“ถ้าเจ้านายยังตากฝนอยู่และรู้ว่าเจ้าพาสาวๆมาที่นี่ เฮ้อ.. คงเจริญตายล่ะ... ข้าไม่กล้ามองเลย!”  อูไคตบหน้าผากด้วยท่าทีสมใจ

คนอื่นๆ หัวเราะลั่น

“อย่างนั้นเจ้ามีอะไรสนุกๆทำบ้าง?”  ทหารที่กำลังหัวเราะมองดูอูไค

“บางทีเราอาจทำให้มันน่าสนใจขึ้นมาก”  อูไคแอบดีใจ เขาตัดสินใจโยนแนวคิดของตนเองออกไปและชี้ไปที่วังวนขนาดใหญ่นอกหน้าต่าง  “พวกเจ้าเห็นของเล่นนั่นไหม?”

ทุกคนมองดูวังวนพลังงานและสะดุ้ง

มันคือวังวนขนาดมหึมาที่กล่าวกันว่าสร้างขึ้นมาในช่วงกลางสงครามซึ่งอยู่ใกล้อ่าวพลังงาน เมื่อพวกเขาเทียบเรือรบ พวกเขายังคงตั้งใจรักษาระยะห่างจากมันเอาไว้  กลัวว่ามันจะระเบิดกะทันหันได้

“พวกเจ้ารู้ไหมว่าวังวนพลังงานนั้นสร้างขึ้นมาได้ยังไง?”  อูไคแค่นเสียง “ข้าได้ยินมาว่ามีสมบัติวิญญาณ 2-3 ร้อยชิ้นอยู่ในนั้น!”

“สมบัติวิญญาณ!”

“สองสามร้อยชิ้น!”

……

พวกทหารอุทานตกใจ สมบัติวิญญาณคือสมบัติที่ประมาณค่ามิได้ในสายตาของพวกเขา และพวกเขาไม่เคยคิดว่าจะมีสมบัติวิญญาณสองสามร้อยชิ้นรวมอยู่ด้วยกัน

“นั่นคือข่าวที่แน่นอน!”  อูไคทำตัวลึกลับ  จากนั้นกระตุ้นทุกคน  “เนื่องจากว่าเราเบื่อกันนัก  ทำไมเราไม่ไปล่าขุมสมบัติใหญ่กันเล่า?  มีสมบัติวิญญาณสองสามร้อยชิ้นอยู่  ถ้าเราสามารถได้มาสักชิ้นหรือสองชิ้น  เราคงจะรวยแน่!”

หลังจากเงียบไปช่วงเวลาสั้นๆ  ทุกคนกระวนกระวายใจ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด